คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ประกาศิตเภทภัย
มิตรแท้ล้วนหาง่าย ในวงเหล้า
เมื่อสร่างเมามิตรเล่า ล้วนห่างหาย
ดื่มสุรามิตรแท้ กลับมากมาย
มิตรใดใดล้วนอยู่ใน ไหสุรา
เสียงครวญบทกวีดังขึ้นภายในกระท่อมร้าง สุราวนไปหลายรอบ เรื่องราวไม่ควรทราบกลับได้ทราบไปหมดแล้ว แต่เรื่องที่ควรทราบเฒ่ายอดสนกลับมิได้ทราบซักเพียงนิด
“สหายน้อย ขอข้าชมกระบี่เจ้าได้หรือไม่” เฒ่ายอดสนเริ่มเผยจุดมุ่งหมายในการร่ำสุราครั้งนี้
“ขออภัยท่านผู้เฒ่า กระบี่มิอาจให้ชมได้”
“เนื่องเพราะ กระบี่นี้มิใช่ของข้าพเจ้า”
“เสียมารยาทต่อท่านผู้เฒ่าแล้ว” ใบไม้ดำคำนับสุราหนึ่งจอก
“มิได้ มิได้” เฒ่ายอดสนคำนับสุราตอบ ความคิดที่จะสืบทราบความเป็นมาที่แท้จริงของใบไม้ดำ นับว่าไม่ประสบผลสำเร็จแล้ว
“เหตุใดจอมยุทธหนุ่ม จึงถอนตัวจากยุทธภพ ขณะไร้ชื่อเสียงได้ ?”คำถามที่ใคร่ถามในที่สุดก็ถูกถามออกมาอีกระลอกหนึ่ง
นับแต่อดีตจวบปัจจุบัน ผู้คนที่หันหลังให้ยุทธภพนั้นหากไม่ใช่ย่างเข้าวัยชราต้องการรักษาชีวิตอันมีค่าไว้ ก็เป็นผู้คนที่เอือมระอาต่อบุญคุณความแค้นเกียรติยศชื่อเสียงจอมปลอมในยุทธภพทั้งสิ้น
ซึ่งผู้ใดที่ถึงจุดดังกล่าวนั้น ย่อมมีวัยใกล้เคียงกับเฒ่ายอดสนในยามนี้ ไม่เคยพบประวัติผู้คิดเข้ามาท่องยุทธภพและหันหลังให้กับมันได้โดยสะดวกดายมาก่อน จอมยุทธทุกคนย่อมมีบุญคุณความแค้นพัวพันยากแก่การหันหลังให้
ไฉนจอมยุทธหนุ่มเช่นใบไม้ดำกลับทำได้ง่ายนัก ?
“ความรักกระมัง...”
“หากท่านมีความรักต่อสตรีผู้หนึ่งอย่างจริงใจ เรื่องใดในยุทธภพล้วนละทิ้งได้” นี่เป็นคำตอบของมัน
เฒ่ายอดสนรับฟัง พยักหน้ารับเบาๆครั้งหนึ่ง
เรื่องราวในยุทธภพล้วนละทิ้งได้ง่ายดายเช่นนี้เชียวหรือ ท่านคิดละทิ้งเรื่องราวในยุทธภพ แต่เรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงในยุทธภพนี้ อาจไม่ละทิ้งท่าน เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องที่ใบไม้ดำยังไม่ทราบดี
เฒ่ายอดสนนิ่งอยู่ชั่วครู่ จิบสุราไปคำหนึ่ง ถอนหายใจอย่างแช่มช้า
“สตรีทั้งหลาย ล้วนเป็นบ่อเกิดเหตุเภทภัย”
เฒ่าชรากับบุรุษหนุ่มยกจอกสุราขึ้นดื่มพร้อมๆกัน ไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆติดตามมา ได้แต่ปล่อยให้สรรพสำเนียงแห่งราตรีกาลดังระงมไปทั่วกระท่อมร้าง...
คำพูดของเฒ่ายอดสนเป็นเรื่องจริงหรือไม่ สตรีเป็นเภทภัยหรือไม่ จักมีผู้ใดจักให้ความกระจ่างได้....
ความกระจ่างอาจมาถึงแล้ว พิรุณสองสายมาถึงแล้ว ชักนำเภทภัยมาถึงแล้วเช่นกัน
“ปีศาจเฒ่า! ช่วยข้าด้วย!” พิรุณสองสายตะโกนขอความช่วยเหลือเฒ่ายอดสน
ควรทราบ เฒ่ายอดสนกับแม่เฒ่ากระบี่เมตตาผู้เป็นอาจารย์ของพิรุณสองสายนั้น นับเป็นสหายสนิทกัน แม่เฒ่าให้ความเอ็นดูนางเช่นใด ผู้เฒ่าก็ให้ความเอ็นดูนางเช่นนั้น ประหลาดก็แต่นางกลับเคารพเฒ่ายอดสนดังเช่นสหายคนหนึ่ง หาใช่ผู้อาวุโสสหายสนิทของอาจารย์ไม่
“เรื่องอันใด ปีศาจน้อย”เฒ่ายอดสนลดจอกสุราลง ใบไม้ดำก็กระทำเช่นเดียวกัน
มิต้องรอให้ผู้ใดเอ่ยวาจา เสียงของกระทิงตาเดียวก็ดังขึ้น
“นางมารร้าย คิดหลบหนีบิดาไปที่ใด!”
เสียงยังไม่สิ้น ร่างของกระทิงตาเดียวและพรรคพวกก็ถาโถมเข้ามาภายในกระท่อมร้างหมดทุกผู้แล้ว
“กลุ่มโจรชิงตะวัน?”
ใบไม้ดำเอ่ยขึ้นเบาๆ ทันทีที่เห็นสัญลักษณ์ดวงตะวันครึ่งเสี้ยวที่อกเสื้อของพวกมัน เฒ่ายอดสนวางไหสุราลง จอกตรงหน้าเต็มปริ่มด้วยสุรา
“สายตาที่ดี” ผู้เฒ่าบอก
กระท่อมร้าง เดิมเป็นสถานที่เล็กอยู่แล้ว บัดนี้ภายในกลับเต็มไปด้วยผู้คนแปดชีวิต นับรวมเฒ่ายอดสน พิรุณสองสาย และใบไม้ดำด้วย ทำให้กระท่อมที่เล็กกลายเป็นกระท่อมที่ยิ่งเล็กลงไปอีกหลายส่วน
“เมื่อทราบว่าบิดาเป็นผู้ใด ใยไม่ส่งตัวนางมา!!” กระทิงตาเดียวชี้ดาบปลายโค้งมายังทิศที่ผู้เฒ่านั่งรินสุรา
“ข้าไม่ไป!” พิรุณสองสายเบี่ยงตัวเข้าหลบภายใต้เงาหลังของเฒ่ายอดสน หยาดน้ำตาจากที่เคยเอ่อคลอเบ้าตา บัดนี้ได้ร่วงพรูลงมาอาบแก้มอันขาวใสประหนึ่งทำนบแตก ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารยิ่งนัก
...แต่ผู้เฒ่ายังคงใส่ใจกับจอกสุราที่เต็มปริ่มอยู่เบื้องหน้า...
...สุราเต็มจอกแต่ยังไม่ล้นจากจอกสุราออกมา...
...เฒ่ายอดสนยังคงเพ่งสายตามองยังขอบจอกสุรา...
...มันก้มตัวไปดูอย่างสนใจ....
“เจ้า.....เจ้า.....”กระทิงตาเดียวโวยวายจนเสียงเหือดแห้งแล้ว กลับไม่มีทีท่าตอบสนองจากฝ่ายตรงข้ามเลยสักนิด พวกมันกระทำเช่นนี้เท่ากับไม่เห็นกระทิงตาเดียวอยู่ในสายตา
“เฒ่าบัดซบ คิดรนหาที่ โจรชิงตะวันย่อมสงเคราะห์ให้!” มันกุมดาบให้อยู่มือก่อนพุ่งทะยานไปปลิดชีวิตปีศาจสุราเฒ่าเบื้องหน้า
แต่ปีศาจสุรามีสองตน ปีศาจสุราเฒ่ายังคงมองจอกสุราอยู่ แต่ปีศาจสุราหนุ่มมิได้จ้องมองจอกสุรา กลับเตะออกมาฝ่าเท้าหนึ่ง
ยังไม่ทันได้ง้างดาบร่างของกระทิงตาเดียวก็ลอยกลับไปยังทิศทางที่มันที่พุ่งมา พรรคพวกมันที่มาด้วยกันต่างหลบหลีกกันจ้าละหวั่น
“ฆ่ามัน!” เสียงกระทิงตาเดียวดังขึ้นทันทีที่มันลุกยืนได้ พรรคพวกร่วมแนวมันก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ทั้งดาบและกระบี่ต่างถูกชักออกจากฝักอย่างพร้อมเพรียง สองคนทางซ้าย สองคนทางขวา กระทิงตาเดียวเบื้องหน้า ทั้งห้ามุ่งรุมกลุ้มใบไม้ดำเพียงหนึ่งเดียว แต่ขนาดของกระท่อมร้างไม่เพียงพอต่อการแยกทิศทางรุมกลุ้มของโจรชิงตะวันทั้งห้า พวกมันยังไม่อยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยจากฝ่าเท้าของใบไม้ดำเพียงพอ กวาดเท้าสามครั้งโจรทั้งห้าก็นำร่างลอยประชิดผนังกระท่อมทั้งหมดสิ้น
“สหายมีธุระอันใด ไว้หารือกันวันหลังได้หรือไม่ ?” ใบไม้ดำประสานมือขึ้นเอ่ยถาม
มิได้รั้งรอตอบกลับ โจรชิงตะวันทั้งห้าก็ออกจากกระท่อมไปแล้ว
“เรื่องราวครั้งนี้จำต้องตอบแทนอย่างสาสม” เสียงหนึ่งของพวกมันตะโกนกลับมา
เฒ่ายอดสนมองสุราในจอก จวบจนแน่ใจแล้วว่ามันไม่หกออกนอกจอกสุราแล้ว จึงยกมันขึ้นกระดกดื่มหมดในครั้งเดียว
“เด็กที่ดี”มันพูดพร้อมวางจอกลง
ควรทราบ กลุ่มโจรชิงตะวันนั้นมิใช่ธรรมดา สำนักมาตรฐานทั้งหลายล้วนไม่ยุ่งตอแย สำนักคุ้มภัยจำต้องจ่ายส่วยสินบนเพื่อความอยู่รอด ทางการมิอาจปราบปรามพวกมันลงได้หมดสิ้น ผู้ใดมีเรื่องกับโจรชิงตะวัน ยากนักจะอยู่รอดปลอดภัย
นี่เรียกว่าเฒ่ายอดสนดูคนไม่ผิดจริงๆ...
เมื่อเห็นว่าโจรชิงตะวันทั้งห้าได้จากไปไกลแล้ว เฒ่ายอดสนจึงคิดอ่ยถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่กับสหายน้อยของตน
“นี่มันเรื่องราวใด?” เสียงเฒ่ายอดสนเอ่ยถามต่อพิรุณสองสายผู้สะคราญโฉม
พิรุณสองสายหยุดหลั่งน้ำตาแล้ว ใบหน้าที่สามารถกร่อนลมหายใจของบุรุษหนุ่มทุกผู้กลับคืนมาดั่งเดิมแล้ว
“มิได้มีเรื่องราวใด” นางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม แม้คราบน้ำตาบนใบหน้าอันสวยซึ้งยังไม่แห้งเหือดดี
นี่นับเป็นเรื่องแปลกประหลาดของอารมณ์สตรีอย่างหนึ่ง
“มิได้มีเรื่องราว ไฉนตอแยความยุ่งยากกับกลุ่มมิจฉาชีพเช่นโจรชิงตะวันเล่า?”
เฒ่ายอดสนหันหน้ามองใบไม้ดำแล้วพูดขึ้นว่า
“นับว่าสร้างความยุ่งยากแก่สหายน้อยแล้ว”
“ย่อมถือเป็นเรื่องธรรมดา บุคคลร่วมแนวเช่นพวกเรา จะช้าเร็วย่อมเกิดเรื่องกับพวกมัน”ใบไม้ดำกล่าวตอบ
“ผู้ใดใช้ให้ท่านแส่หาความยุ่งยากใส่ตัว” สตรีน้อยชิงกล่าว นางมิต้องการติดหนี้บุญคุณผู้ไม่รู้จักมักคุ้น
“แม่นางน้อยกล่าวเกินไป พวกมันขัดขวางการดื่มสุราของเรา เราจำเป็นต้องลงมือ แม่นางน้อยมิต้องถือเป็นบุญคุณ” ใบไม้ดำชี้แจง
“ใครถือเป็นบุญคุณปีศาจสุราตัวดีเช่นท่าน”นางบอก
“คงรวมปีศาจสุราผู้เฒ่าตนนี้ด้วยกระมัง ?” เฒ่ายอดสนกระเซ้า
“มิได้รวมท่านผู้เฒ่า” ใบหน้าของพิรุณสองสายคล้ายมีสีแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย
หากจะว่าไปแล้วนั้น นับว่าโชคชะตาของนางยังดีอยู่ ที่นางสามารถเสาะหากระท่อมร้างพบ สามารถเสาะหาเฒ่ายอดสนพบ จึงทำให้รอดพ้นเงื้อมมือของกลุ่มโจรชิงตะวันมาได้อย่างจวนเจียน
หลังการสนทนาครั้งนี้ เฒ่ายอดสนแนะนำให้พิรุณสองสายรู้จักกับใบไม้ดำ ผู้คบหากันเป็นสหายร่วมไหสุรา เช่นเดียวกับแนะนำให้ใบไม้ดำให้รู้จักกับพิรุณสองสาย ผู้คบหากันเป็นสหายต่างวัยของตน
เฒ่ายอดสนทราบจากพิรุณสองสายว่า นางได้รับของขวัญจากสามไกลไม่ใกล้ผู้เป็นสหายของเฒ่ายอดสน เป็นสร้อยมุขมณีเส้นหนึ่ง ด้วยความชมชอบนางจึงใส่ไว้กับตัวตลอดเวลา ต่อมานางได้พบกับโจรกลุ่มนี้เมื่อยามเที่ยงภายในร้านบะหมี่แห่งหนึ่งขณะนางแวะพักจากการเดินทาง นางคิดว่าพวกมันจดจ้องเพื่อชื่นชมความงดงามของตัวนาง อันเป็นวิสัยของชายหนุ่มตามปกติธรรมชาติ นางเองก็เคยชินกับเหตุการณ์นี้มามากกว่ามากนัก นางจึงมิได้สนใจพวกมันเท่าใด
แต่เรื่องไม่เป็นเช่นพิรุณสองสายคิด พวกมันมิได้เชยชมความงามของนาง พวกมันคิดช่วงชิงสร้อยคอของนาง นอกจากนั้นพวกมันยังคิดช่วงชิงความงดงามของหญิงสาวบริสุทธิ์จากนางไปอีกด้วย
นี่ถือเป็นเหตุการณ์ความงามเป็นพิษใช่หรือไม่ ?
พวกมันติดตามนางมาจากร้านบะหมี่ เมื่อสบโอกาสปลอดผู้คนมันจึงลงมือ
แต่นางมิใช่สตรีด้อยความในยุทธภพ เมื่อนางรู้ตัวจึงหลบหนีอย่างสุดกำลัง ประจวบกับเห็นกระท่อมร้างตรงหน้ามีผู้คน จึงคิดหลบหนีเข้ามา หมายประวิงเวลารวบรวมลมปราณสักนิด ก่อนจะที่จะหลบหนีสืบไป แต่ด้วยความโชคดีจึงได้พบปีศาจสุราสองตนนั่งเสพสุขกันอยู่ที่นี่นั่นเอง
เมื่อได้ยินคำบอกของพิรุณสองสายปีศาจสุราสองตนล้วนตกอยู่ในภวังค์ความคิด
“ยามปกติโจรชิงตะวันคิดทำอะไร มักทำในเวลานั้น พวกมันไม่คิดเกรงกลัวขื่อแปใดๆ พวกมันมีอำนาจบารมีสั่งสมไว้จนชาวยุทธไม่กล้าตอแย เหตุอันใดเพียงแค่ปล้นชิงสิ่งของมีค่าและฉุดคร่าอิสตรี มันจึงต้องรอเวลาล่วงเลยมาเนิ่นนาน รอปลอดคนจึงลงมือ” นี่เป็นสิ่งที่เฒ่ายอดสนครุ่นคิดอยู่
“ยามนี้นับเข้าสู่วิกาลมานานแล้ว พิรุณสองสายมิต้องหลบหนีโจรพวกหนีมาหลายชั่วยามหรอกหรือ?”ใบไม้ดำครุ่นคิดอยู่เช่นเดียวกัน
เฒ่ายอดสนเอ่ยปากขอชมดูสร้อยที่พิรุณสองสายได้รับมาจากสามไกลไม่ใกล้ จึงได้ทราบถึงสาเหตุของเรื่องราวนี้จนกระจ่างสิ้น แม้แต่ใบไม้ดำเองก็เข้าใจเช่นกัน
ถึงแม้ว่าตัวใบไม้ดำนั้นจะร้างลาจากยุทธภพไปนาน แต่ยุคสมัยที่กลุ่มโจรชิงตะวันสร้างชื่อ มันใช้ชีวิตโลดเเล่นในยุทธภพอยู่ก่อนแล้ว เมื่อได้เห็นสร้อยมุขมณีที่อยู่ในมือเฒ่ายอดสนเวลานี้ ย่อมรู้สาเหตุที่พิรุณสองสายถูกกลุ่มโจรชิงตะวันคุกคามดี
“เรื่องราวอันใด ท่านผู้เฒ่า ?” พิรุณสองสายผู้เอ่ยปากบอกว่าไม่มีเรื่องราวใด กลับเอ่ยถามหาเรื่องราวเสียเองแล้ว
“เจ้ารู้หรือไม่สร้อยนี้ มีความสำคัญอย่างไร?”
“ย่อมเป็นสร้อยที่สวยงามเส้นหนึ่ง” นางตอบเสียงใส
“มันเป็นสร้อยประกาศิตชิงตะวัน” ผู้เฒ่าบอกเสียงขรึม
“สร้อยอันใด ?” พิรุณสองสาย ไม่เคยได้ยินชื่อนี้สักครั้งในชีวิต
ควรทราบ ประกาศิตชิงตะวันนี้เป็นสร้อยที่หัวหน้ากลุ่มโจรชิงตะวันทำขึ้นเพื่อใช้ตอบแทนบุญคุณของวาจาเป็นสัจจะ ยอดมือกระบี่แห่งยุค
ครั้งเก่าก่อนวาจาเป็นสัจจะอาศัยประกาศิตชิงตะวันเส้นนี้ บัญชาหัวหน้าโจรชิงตะวันและลูกน้อง กวาดล้างกลุ่มมิจฉาชีพทั้งหลายทั้งปวงจนสูญสิ้น เมื่อประกาศิตชิงตะวันเส้นนี้ตกอยู่ในมือผู้ใด เท่ากับว่ากลุ่มโจรชิงตะวันทั้งหมดนั้นล้วนตกอยู่ใต้บังคับบัญชาของมันผู้นั้นนั่นเอง
หากย้อนกลับไปในกาลก่อนนั้น หากเอ่ยนาม ฟ้าไม่กว้างพอ ยากนักจะเสาะหาผู้คนในยุทธจักรที่ไม่รู้จักมัน หลายสิบปีผ่านมานี้ในยุทธภพมีแต่ผู้คนต้องการสร้างชื่อ แต่ชื่อเสียงของฟ้าไม่กว้างพอนั้นมิได้มีผู้ใดคิดสร้างตามอย่างเลยสักคน
ด้วยชื่อเสียงเกียรติยศของมันนับว่าเป็นรองเพียงวาจาเป็นสัจจะยอดมือกระบี่แห่งยุคเพียงผู้เดียวเท่านั้น ด้วยฐานะของมันก็มิด้อยไปกว่าหัวหน้าค่ายสำนักใหญ่ใดๆในใต้หล้า เนื่องเพราะมันคือผู้ก่อตั้งกลุ่มโจรชิงตะวัน กลุ่มโจรที่ใหญ่ที่สุดในยุทธภพนี้ ริเริ่มจากมันเพียงผู้เดียว
เมื่อห้าสิบปีก่อนเกิดเหตุภัยธรรมชาติทั่วแถบภูธร ข้าราชการฉ้อราชบังหลวงเบียนเบียนราษฎร ข้าวของและทรัพย์สินมีค่าที่ส่วนกลางส่งมาเพื่อช่วยบรรณเทาสาธารณะภัย กลับถูกเหล่าขุนนางกังฉินตัดทอนลิดรอนเอาไปเป็นของตนเองเสียหมดสิ้น หลงเหลือเพียงเศษข้าวของที่ไม่แตกต่างจากขยะไร้ค่าเมื่อมาถึงมือประชาชน ทำให้ประชาราษฎร์ต่างเดือดร้อนกันทั่วหัวระแหง ผู้ที่คิดต่อต้านทางการ ล้วนถูกตราหน้าเรียกว่าโจร ผู้ใดไม่อยากเป็นโจรย่อมต้องอดทนต่อการกดขี่ข่มเหงของทางการ ไม่เว้นแม้แต่จอมยุทธทั่วทั้งแผ่นดิน
คำโบราณกล่าวไว้ว่า นักบู๊ล้วนมิอาจต้านทานพวกมาก นักบู๊ยุคนั้นแม้มีมากแต่กลับใช้ชีวิตอย่างสันโดษไร้ซึ่งความสามัคคีกลมเกลียว ย่อมไม่แตกต่างกับนักบู๊เพียงคนเดียว จึงถูกทหารทางการไร้ฝีมือรุมจับเอาได้เสียหลายสิบคน และนักบู๊ทั้งหลายทั้งเหล่านั้นล้วนถูกตั้งข้อหาเป็นโจรกบฏหมดสิ้น
จึงมิใช่เรื่องแปลกประหลาดใด หากจะมีกลุ่มโจรเกิดขึ้นทั่วแผ่นดิน หนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มโจรชิงตะวันนั่นเอง
“ฟ้าไม่กว้างพอ” นับเป็นผู้ถือคุณธรรมค้ำจุนคนหนึ่งในยุทธภพ เมื่อเห็นยุทธภพปั่นป่วน สหายร่วมแนวล้วนเหือดหาย ที่เหลือล้วนกลับกลายเป็นโจร ไร้ซึ่งคุณธรรมของนักบู๊พึงมี มันจึงจำต้องสร้างชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว
”หากต้องการสิ่งใด ล้วนไม่มีใดไม่ได้มา
แม้ตะวันจันทรา ล้วนปลิดลงมาหมดสิ้น
ฟ้าไม่กว้างพอบังแผ่นดิน กลุ่มโจรชิงตะวันบัญชา”
นี่เป็นของความที่มันทิ้งไว้หลังจากการใช้วิธีดำกินดำ (โจรปล้นโจร) ทรัพย์สินที่ได้มาก็แจกจ่ายให้แก่ประชาชนผู้ยากไร้จนหมดสิ้น เดือดร้อนที่สุดก็หนีไม่พ้นขุนนางโฉดชั่วที่ไม่เพียงถูกปล้นสิ่งของมีค่า ยังถูกฟ้าไม่กว้างพอทำร้ายร่างกายเพื่อให้หลาบจำไปอีกเป็นจำนวนไม่น้อย โดยไม่ละเว้นแม้แต่ขุนนางในราชสำนัก
ครั้งหนึ่งขุนพลปราบทักษิณ ขุนนางโกงกินผู้นี้อาศัยเงินที่เบิกจากท้องพระคลังมาช่วยเหลือราษฎร เอาไปใช้จ่ายหาประโยชน์ใส่ตน ฟ้าไม่กว้างพอผู้นี้จึงบุกเข้าวังหลวง ตัดลิ้นและทำลายดวงตาขุนพลปราบทักษินไปข้างหนึ่ง นับเป็นวีรกรรมที่ข้าราชสำนักในวังหลวงเล่าลือกันไปทั่ว
แม้การกระทำของฟ้าไม่กว้างพออาจดูรุนแรงและโหดร้ายเกินไปบ้าง แต่ยังคงมีประชาชนและนักบู๊ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการกระทำของมัน ชื่อเสียงโจรชิงตะวันจึงมีเพิ่มมากขึ้น ผู้คนเข้าร่วมกลุ่มกับพวกมันจึงมากขึ้นตามลำดับ
ผู้คนมากเรื่องราวล้วนมากมายตามไปด้วย กลุ่มโจรชิงตะวันที่ประกอบไปด้วยประชาชนและนักบู๊จำนวนมากก็เริ่มขัดแย้งกับค่ายสำนักน้อยใหญ่ต่างๆในยุทธภพ เนื่องเพราะค่ายสำนักเหล่านั้นไม่ต้องการกระทำตัวให้เกิดความขัดแย้งกับทางราชสำนักอย่างกลุ่มโจรชิงตะวันพึงกระทำ
ในเวลานั้น ถึงแม้กลุ่มโจรชิงตะวันจะประพฤติตัวตามแนวทางที่ดีนักบู๊ที่ดีก็ตาม แต่ก็ยังมีกลุ่มโจรอีกจำนวนไม่น้อยยังคงปฏิบัติตัวเยี่ยงโจรโฉดชั่ว ปล้นชิงและฉุดคร่าอิสตรี สร้างชื่อเสื่อมเสียไปทั่วทั้งแผ่นดิน
โจรแม้เป็นคนดี แต่ขึ้นชื่อว่าโจร ย่อมถูกประณามมาก่อนแล้ว
คนที่ดีย่อมไม่เป็นโจร คนเป็นโจรย่อมเป็นคนไม่ดีกระนั้นหรือ ?
ความดีของโจร มิต่างอันใดจากเปลวเทียนกลางตะวัน ไม่มีใครรู้ค่าจนกว่าตะวันจะดับลง
พวกมันจึงหวังชิงตะวันอันเจิดจ้านี้ลง ให้ชนทั่วไปเห็นแสงอันริบหรี่ของเปลวเทียนบ้างสักครั้ง
เวลาผ่านมานับสิบปีแล้วแต่ตะวันยังคงไม่ดับลง ความดีที่พวกมันกระทำนั้นยังไม่มีผู้ใดมองเห็น กลุ่มโจรชิงตะวันกลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกกวาดล้างอย่างหนักข้อจากทางการ โดยอาศัยกำลังจากนักบู๊ทั้งหลากหลายค่ายสำนักใหญ่จัดการพวกมัน
นี่นับเป็นเรื่องน่าเศร้าประการหนึ่ง พวกมันก่อตั้งขึ้นเพื่อปกป้องนักบู๊ร่วมแนวจากราชสำนัก แต่ราชสำนักกลับใช้นักบู๊ร่วมแนวจัดการพวกมัน ทำคุณกลับได้รับโทษตอบสนอง นี่นับว่าน่าเศร้าหรือไม่ ?
ยุทธภพไม่สิ้นคนดี คำกล่าวนี้ยังคงเป็นเรื่องจริงอยู่ ยอดมือกระบี่แห่งยุคปรากฏกาย เรื่องราวอันใดล้วนคลี่คลายได้โดยง่าย ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ยอดมือกระบี่แห่งยุคนั้นคือ ชายหนุ่มรูปงาม นาม วาจาเป็นสัจจะ
ด้วยเพลงกระบี่สัจจะเทวะที่บัญญัติขึ้นเองนั้น ใช้แทนคำพูดเกลี้ยกล่อมได้โดยง่าย ผู้คนจากค่ายเล็กสำนักใหญ่ล้วนเกรงใจต่อคนผู้นี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้คนจากทางการ เนื่องเพราะวาจาเป็นสัจจะเกิดในตระกูลสูงส่ง แม้ตระกูลไม่ใหญ่โตแต่นับว่ามีความสัมพันธ์เก่าแก่กับหลายตระกูลในราชสำนัก เรื่องราวทั้งหลายจึงดูเหมือนว่าจะสามารถคลี่คลายได้โดยง่าย เมื่อบุรุษหนุ่มผู้นี้ปรากฏขึ้นในยุทธภพ
แต่ฟ้าไม่กว้างพอหาได้คิดเช่นนั้นไม่ กลุ่มโจรชิงตะวันที่สร้างชื่อมานับสิบปีแล้วกลับจะต้องมายุติบทบาทอันชอบธรรมเพราะบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งนับว่ามิใช่เรื่องน่าภูมิใจนัก
การนัดประลองกระบี่ระหว่างคนทั้งสองจึงเกิดขึ้น
วาจาเป็นสัจจะยังคงต้องการกวาดล้างกลุ่มโจรทั่วทั้งยุทธภพ กลุ่มชิงตะวันเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดย่อมเป็นเป้าหมายอันดับแรกของมัน
ต่างจากฟ้าไม่กว้างพอที่ต้องการรักษาชื่อโจรชิงตะวันให้คงอยู่ เพื่อยึดถือแนวทางต่อต้านราชสำนักของกลุ่มตนเองไว้
การประลองระหว่างยอดมือกระบี่และหัวหน้าโจรชื่อดังจึงเริ่มขึ้น
หกวันบนยอดเขาเขียวจีรัง เสียงกระบี่ดังอื้ออึงต่อเนื่อง ยังไม่มีผู้ใดได้ชัยชนะ แต่คนทั้งสองล้วนชนะใจกันและกันแล้ว จบสิ้นวันที่หกด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้า ทั้งสองลดกระบี่ที่ใช้ห้ำหั่นชีวิตลง กรีดเลือดสาบานเป็นพี่น้องกัน พวกมันคิดหาทางออกให้กับปัญหาครั้งนี้ได้แล้ว
การสาบานเป็นพี่น้องกันของพวกมันครั้งนี้ทำให้ผู้คนทุกชนชั้นแตกตื่นไปทั่ว มิอาจคาดเดาผลที่จะเกิดขึ้นสืบไปภายภาคหน้าได้
วาจาเป็นสัจจะใช้กระบี่เป็นสัจจะ หากผู้ใดได้ครองกระบี่ของมันเล่มนี้ มันย่อมเชื่อฟังคำของคนผู้นั้น เช่นเดียวกับฟ้าไม่กว้างพอใช้สร้อยประกาศิตชิงตะวัน หากผู้ใดได้ครองสร้อยเส้นนี้ มันย่อมเชื่อฟังคำของคนผู้นั้นไม่แตกต่างกัน นี่เป็นคำสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายมอบต่อกันเมื่อสงบศึก
สร้อยอยู่กับวาจาเป็นสัจจะ กระบี่อยู่กับฟ้าไม่กว้างพอ ทั้งสองจึงเชื่อฟังคำกันและกัน
จุดมุ่งหมายทั้งสองยังคงอยู่ กวาดล้างโจรชั่วและคงไว้ซึ่งชื่อโจรชิงตะวัน
ทั้งสองใช้กองกำลังโจรชิงตะวันกวาดล้างเหล่าโจรโฉดชั่วบนแผ่นดินล้มหายไปสูญสิ้น.....
มาจนถึงวันนี้แม้ไม่มีวาจาเป็นสัจจะแล้ว...กระบี่เป็นสัจจะก็หายสาบสูญ...แต่โจรชิงตะวันยังคงอยู่....ประกาศิตชิงตะวันยังคงอยู่...อยู่ในมือเฒ่ายอดสนในยามนี้
...ประกาศิตชิงตะวันที่สาบสูญจากยุทธภพไปเป็นเวลานาน บัดนี้ได้กลับหวนคืนสู่ยุทธภพอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ความคิดเห็น