ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    After

    ลำดับตอนที่ #3 : Prelude:ประวัติศาสตร์สงครามโลก

    • อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 50



    ๐ สงครามโลกครั้งที่ 3

    ท่ามกลางสภาพแวดล้อมโลกที่กำลังแปรปรวนอย่างหนัก ปัญหาความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติเกิดการปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ  ขณะเดียวกันปัญหาทรัพยากรธรรมชาติขาดแคลนก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลายๆประเทศมหาอำนาจบนโลกจึงรวมตัวกันก่อตั้งสมาพันธ์รักษาผลประโยชน์แห่งมนุษยชาติขึ้น(The Federation of Humanity Issue Preservation:FHIP) โดยมีจุดมุ่งหมายหลักคือดูแลและจัดการทรัพยากรในส่วนของประเทศด้อยพัฒนาให้ใช้ไปอย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อรักษาคุณภาพชีวิตของประชากรในสมาพันธ์ฯระหว่างประเทศของตนให้ยังอยู่ได้ดีแม้ในวิกฤตการณ์เช่นนี้

                แนวในคิดในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติจากประเทศด้อยพัฒนานี้ หากมองดูอย่างผิวเผินแล้ว ย่อมเป็นแนวคิดที่ดีต่อประชากรส่วนใหญ่ แต่ในด้านของประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย การเข้ามาดูแลจัดการนั้น ไม่แตกต่างกับการเข้ามายึดครองเอาไปเป็นของเหล่าประเทศสมาพันธ์ฯแต่เพียงผู้เดียวเลย
     
                และแน่นอน ทางฝ่ายประเทศด้อยพัฒนาก็ไม่ต้องการสูญเสียทรัพยากรอันมีค่าของตนไปในลักษณะนี้ จึงได้รวมกลุ่มกันขึ้นเพื่อต่อต้านสมาพันธ์ฯภายใต้ชื่อว่าองค์การเครือข่ายทรัพยากร(Organization of  Global Resources:OGR) โดยมีประเทศมหาอำนาจที่มิได้อยู่ในสมาพันธ์ฯและอยู่ขั้วตรงข้ามกับเหล่าประเทศสมาพันธ์ฯ ลักลอบให้การช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง ในเมื่อสถานการณ์แย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติมาถึงจุดที่ไม่อาจตกลงกันได้แล้ว สงครามโลกครั้งที่ 3 จึงได้เกิดขึ้น ภายใต้สนธิสัญญาห้ามใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกันชั้นบรรยากาศโลกที่กำลังทรุดโทรมลงอย่างหนักในเวลานั้น

     ในเมื่อไม่สามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ สงครามส่วนใหญ่จึงใช้อาวุธชีวภาพเข้าต่อสู้กัน แม้ทางฝ่ายสมาพันธ์ฯที่มีประเทศมหาอำนาจเข้าร่วมนั้นจะมีเทคโนโลยีทางทหารล้ำหน้ากว่า แต่ก็ไม่อาจเอาชนะกลุ่มประเทศด้อยพัฒนาลงได้อย่างเด็ดขาด สงครามโลกครั้งนี้กินเวลายืดเยื้อถึง 16 ปี ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะเจรจายุติสงคราม

     ผลจากสงครามโลกครั้งนี้ทำให้พื้นที่ 3 ใน 4 ของโลก เต็มไปด้วยเชื้อโรคร้ายแรงที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ทรัพยากรธรรมชาติที่แต่เดิมขาดแคลนอยู่ ในช่วงสงครามกลับถูกใช้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ทำให้การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติของโลกตกอยู่ในขั้นวิกฤตร้ายแรง ประชากรโลกลดจำนวนลงจาก 7.2 พันล้านคน เหลือเพียง 5.3 พันล้านคน โดย30% ในจำนวนทั้งหมดนั้น อยู่ในสภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังจากสารพิษที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม

                  แม้สงครามโลกครั้งที่ 3 จะยุติลง แต่ทั่วโลกต่างเห็นพ้องว่าสงครามที่แท้จริงนั้นยังไม่ได้เริ่มต้น นี่เป็นเพียงการสงบศึกชั่วคราวเพียงเท่านั้น

     

    ๐ สงครามโลกครั้งที่ 4

     ในช่วงเวลาเพียง 5 ปี หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 3 ยุติลง สงครามโลกครั้งใหม่ก็ถูกเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด มันถูกเริ่มจากขีปนาวุธนิวเคลียร์ลูกแรกที่ยิงเข้าสู่ใจกลางประเทศผู้นำกลุ่มต่อต้านสมาพันธ์รักษาผลประโยชน์แห่งมนุษยชาติ ทำให้ประเทศนั้นสูญหายไปจากโลกในทันที สนธิสัญญาการห้ามใช้อาวุธนิวเคลียร์ทำสงครามถูกฉีกสะบั้นลงไปในวินาทีนั้น อาวุธนิวเคลียร์ทั้งหลายในโลกจึงถูกระดมใช้กันอย่างหนักหน่วง แม้มีประชาชนจำนวนมากมายที่ไม่เห็นด้วยกับการทำร้ายสภาพแวดล้อมโลกเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งสงครามครั้งนี้ได้

     ถึงแม้อาวุธนิวเคลียร์จะถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย ทางด้านประเทศในสมาพันธ์ฯที่เรียกตนเองว่าประเทศมหาอำนาจได้คิดค้นวิทยาการใหม่ๆ ที่จะช่วยหาทางออกจากผลกระทบของสงครามนิวเคลียร์ไว้ก่อนหน้าสงครามโลกจะเปิดฉากขึ้นแล้ว ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอันล้ำหน้าของมนุษยชาติในขณะนั้น ทางสมาพันธ์ฯได้ประดิษฐ์สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในการใช้ชีวิตภายใต้หมอกควันของระเบิดนิวเคลียร์และสารกัมมันตรังสีได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนั้นยังสามารถสร้างชั้นบรรยากาศเทียมขึ้นได้อีกด้วย

     อีกด้านหนึ่ง ฝ่ายองค์การเครือข่ายทรัพยากรที่ด้อยกว่าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แต่รับผลกระทบจากสงครามนิวเคลียร์ครั้งนี้ไปอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แม้ประเทศมหาอำนาจที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับสมาพันธ์ฯจะให้การช่วยเหลืออย่างไร ผลร้ายแรงของกากนิวเคลียร์และสารกัมมันตรังสีต่างๆ ก็ไม่ได้ลดน้อยลง

     สงครามโลกครั้งนี้จบลงอย่างรวดเร็ว โดยฝ่ายประเทศองค์การเครือข่ายทรัพยากรพ่ายแพ้อย่างหมดรูป บางประเทศถูกลบหายไปจากแผนที่โลก บางประเทศประชากรกำลังรอความตายจากผลพวงพิษร้ายของอาวุธนิวเคลียร์ รวมไปถึงประเทศมหาอำนาจที่ลอบให้การช่วยเหลือกลุ่มต่อต้านสมาพันธ์ฯด้วยเช่นกัน ประเทศมหาอำนาจเหล่านั้นถูกงดการแจกจ่ายวัสดุอุปกรณ์ยังชีพที่ทางสมาพันธ์ฯผลิตขึ้น ทำให้ต้องตกอยู่ในสภาพรอความตายเช่นเดียวกับกลุ่มต่อต้าน

                ผลจากสงครามนิวเคลียร์ในครั้งนี้ก็ยังทำให้สภาพภูมิประเทศของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง เช่น ที่ราบสูงบางแห่งถูกแรงระเบิดจนเป็นแอ่งก้นลึก แม่น้ำหลายสายไหลในทิศทางที่แตกต่างจากเดิม แหล่งน้ำอีกหลายแห่งถูกอณุภาพของระเบิดนิวเคลียร์ทำลายจนเหือดแห้งไปหมดสิ้น รวมถึงระบบธรณีวิทยาใต้พื้นพิภพก็ถูกรบกวนอย่างมากเช่นกัน ภูเขาไฟหลายลูกที่เคยมอดดับไปแล้ว ก็กลับประทุบ้าง ระเบิดขึ้นมาใหม่บ้างอย่างต่อเนื่อง ชั้นหินใต้ผิวโลกก็เกิดการเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงและเกิดคลื่นยักษ์ในมหาสมุทรอยู่บ่อยครั้ง ร้ายแรงที่สุดก็คือ สนามแม่เหล็กโลกที่กำลังอ่อนแรงลงเป็นระยะๆอยู่ตลอดเวลา

                แต่ที่น่าประหลาดใจสำหรับผลกระทบของสงครามโลกครั้งนี้ก็คือ อัตราการเสียชีวิตของประชากรในสงครามโลกครั้งนี้ มีจำนวนน้อยมาก หากเทียบกับสงครามโลกครั้งก่อนโดยมีผู้เสียชีวิตราว 7.9 ล้านคนเท่านั้น ทำให้ยอดรวมของประชากรโลกทั้งหมดอยู่ราว 3.6 พันล้านคน แต่ 70% ของจำนวนผู้รอดชีวิตจากสงครามตกอยู่ภายในพิษร้ายของกากนิวเคลียร์

     ในสงครามโลกครั้งนี้ แม้ฝ่ายสมาพันธ์รักษาผลประโยชน์แห่งมนุษยชาติจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม แต่ด้วยจำนวนทรัพยากรธรรมชาติที่เรียกได้ว่าแทบจะสูญหายไปหมดสิ้นจากโลก ชัยชนะที่ได้มานั้นก็ไม่ต่างอะไรจากฝุ่นทรายกำมือหนึ่ง

     แต่ด้วยการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างเป็นระบบของสมาพันธ์ฯทำให้ประชากรโลกสามารถมีชีวิตต่อไปได้อีกหลายร้อยปี

     

    ๐ สงครามโลกครั้งที่ 5

     สืบเนื่องมากจากปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรโลก ที่กำลังลดน้อยลงเรื่อยๆ อัตราส่วนของการจัดสรรปริมาณทรัพยากรต่างๆจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชากรในแต่ล่ะประเทศ ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นภายในสมาพันธ์ฯ โดยกลุ่มประเทศเล็กได้กล่าวอ้างว่า การจัดสรรทรัพยากรนั้นเกิดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม โดยเหล่าประเทศมหาอำนาจต่างๆล้วนได้รับสิทธิประโยชน์จากการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติมากเกินความเป็นจริง ทางฝ่ายประเทศมหาอำนาจก็ชี้แจงว่า ด้วยสมรรถนะทางด้านเทคโนโลยีในประเทศของตนเองนั้น จำเป็นต้องใช้จำนวนทรัพยากรที่มากกว่าหลายประเทศอื่นหลายเท่า เพื่อเป็นเครื่องขับดันผลประโยชน์สูงสุดของสมาพันธ์ฯและให้สมาพันธ์ฯสามารถดำรงอยู่ได้โดยปกติสุข

     อีกด้านหนึ่ง ความหวังสูงสุดที่จะแก้ปัญหาขาดแคลนทรัพยากรโลกในขณะนั้น คือโครงการขนย้ายประชากรโลกสู่ดาวเคราะห์ดวงอื่น ที่ดูมีทีท่าอาจจะประสบผลสำเร็จหลังจากการคิดค้นระบบขนส่งนี้มีมานานนับศตวรรษแล้ว
      แต่ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของมนุษยชาติก็ได้พังทลายลง การทดลองระบบขนย้ายประชากรออกสู่ดาวเคราะห์ดวงอื่นล้มเหลว ด้วยปัญหาที่ทางสมาพันธ์ฯอ้างว่า เป็นเพราะวิทยาการทางเทคโนโลยีและทรัพยากรต่างๆไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้ชีวิตภายนอกโลก ด้วยสาเหตุนี้ จึงทำให้หนทางการแก้ปัญหาทรัพยากรโลกดูมืดมนลงไปอีกหลายเท่าตัว

     ยิ่งนานวัน ปัญหาทรัพยากรโลกก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น ภายในสภาวการณ์ตรึงเครียดภายในสมาพันธ์ฯ กลุ่มประเทศเล็กที่ได้รับผลกระทบรุนแรงเข้าขั้นวิกฤต จนไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้ จึงรวมตัวกันขึ้นก่อกบฏต่อสมาพันธ์ฯ โดยไม่ส่งทรัพยากรที่มีอยู่ภายในประเทศตนเองเข้าสู่สมาพันธ์ฯและมีบางส่วนแอบลักลอบติดต่อกับกลุ่มประเทศนอกสมาพันธ์ฯ ที่เคยบอบช้ำจากการแพ้สงครามครั้งก่อน เพื่อหาแนวร่วมในต่อต้านสมาพันธ์ฯในอนาคต 

     ภายในเวลาไม่กี่เดือน กลุ่มกบฏสามารถรวบรวมทรัพยากรและกำลังทหารได้จำนวนหนึ่ง จึงได้ประกาศตัวเป็นปฏิปักษ์กับทางสมาพันธ์ฯอย่างเต็มรูปแบบ ในชื่อองค์กรอนุรักษ์ทรัพยากรโลกหรือ”เวอร์โก้”(World Resources and Conservation Organizetion:WRCO) โดยยึดหลักการยุติธรรมในการแบ่งสรรทรัพยากรในต่างล่ะพื้นที่ต่างๆให้เสมอภาคกันเป็นหลักใหญ่ ซึ่งขัดแย้งกับนโยบายที่สมาพันธ์ฯกำลังดำเนินการอยู่ คือ นำทรัพยากรมารวมไว้ในที่แห่งเดียวเพื่อการใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดโดยตรง

                จากความเห็นที่ขัดแย้งกันและมีปัญหาความอยู่รอดของประเทศสมาชิกของตนเองเป็นเดิมพัน ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะก่อสงครามได้ โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่จำนวนทรัพยากรที่หลงเหลืออยู่ของฝ่ายตรงข้ามเป็นสำคัญ สงครามโลกจึงได้เกิดขึ้นอีกครั้ง

                สงครามโลกครั้งนี้ไม่มีสนธิสัญญาห้ามใช้อาวุธนิวเคลียร์ และขีปนาวุธอำนาจทำลายล้างสูง แต่ก็ไม่มีประเทศใดๆ คิดใช้มันในการสงครามอีก ลักษณะการรบจึงย้อนไปสู่ยุคแรก โดยใช้เหล่าทหารราบ ปืนและระเบิดทำลายล้างพิสัยต่ำเข้าต่อสู้กัน โดยทั้งสองฝ่ายต่างหลีกเลี่ยงอย่างที่สุด ในการทำลายแหล่งทรัพยากรธรรมชาติของอีกฝ่ายหนึ่ง ดังเช่นเคยมีมาในอดีต

                ด้วยสภาวะการรบแบบจำเป็นต้องประหยัดทรัพยากรเช่นนี้ วิทยาการและเทคโนโลยีล้ำหน้าทางการทหารของฝ่ายสมาพันธ์ฯจึงไม่สามารถนำออกมาใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ตกอยู่ในสภาพตั้งรับการโจมตีของกลุ่มเวอร์โก้อยู่ตลอดเวลา

                นอกจากปัญหาทรัพยากรที่ขาดแคลนแล้ว กำลังทหารของฝ่ายสมาพันธ์ก็ยังด้อยกว่าฝั่งเวอร์โก้อยู่เกือบเท่าตัว ทั้งนี้เพราะทางเวอร์โก้ได้รับกองทหารสนับสนุนจากกลุ่มประเทศที่เคยพ่ายแพ้สงครามครั้งก่อนเข้าร่วมด้วย ทำให้กองกำลังเวอร์โก้เป็นองค์การที่มีแสนยานุภาพสูงสุดในเวลานี้

                การรบของทั้งสองฝ่ายยืดเยื้อเป็นเวลาสองปีครึ่ง ก็ถึงจุดพลิกผัน เมื่อนักวิทยาศาสตร์ของทางสมาพันธ์ฯได้คิดค้นโลหะพิเศษชนิดขึ้นชื่อว่าโลหะ กรีนไฟว์ (Green Five) ซึ่งเป็นโลหะเนื้อแข็งมาก มีน้ำหนักเบาและสามารถซ่อมแซมตัวเองได้หากทิ้งไว้ในระยะเวลาหนึ่ง

                ทางสมาพันธ์จึงได้ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย โดยการนำโลหะกรีนไฟว์ที่คิดค้นได้มาผนวกรวมกับวิศวกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง จนเกิดการผลิต หุ่นจักรกลที่ใช้รบขึ้น

                ไม่นานหลังจากนั้นกองทัพจักรกลของสมาพันธ์ฯก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และกองทัพจักรกลเหล่านี้ ก็สามารถเอาชนะกองทัพทหารราบของกลุ่มเวอร์โก้ได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน

                หนึ่งปีให้หลัง ผู้นำองค์กรอนุรักษ์ทรัพยากรโลกก็เข้ามอบตัวกับสมาพันธ์รักษาผลประโยชน์แห่งมนุษยชาติ ยอมรับข้อกล่าวหาว่าเป็นกบฏบ่อนทำลายสมาพันธ์ฯและเป็นภัยต่อมนุษยชาติ ได้รับโทษประหารชีวิต เป็นการยุติสงครามโลกครั้งที่ห้าและบทบาทของเวอร์โก้ลงไปพร้อมกัน

                ผลจากสงครามโลกครั้งนี้ ทรัพยากรโลกแทบไม่ได้รับความเสียหายจากเดิมที่เคยเป็นอยู่ แต่ก็มิได้หมายความว่ามันจะเพียงพอต่อประชากรโลกทั้งหมด ประชากรโลกส่วนใหญ่ยังคงตกอยู่ในความหิวโหย อดยาก และเจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆนานา  ทำให้ประชากรส่วนหนึ่งยังรอดชีวิต ต่างอพยพจากประเทศของตนเข้าสู่ประเทศศูนย์กลางของสมาพันธ์ฯ โดยหวังเพียงเอาชีวิตรอดจากสภาพแวดล้อมโลกที่โหดร้ายอยู่เพียงเท่านั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×