คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : น้ำมิตร
...ประกาศิตชิงตะวันที่สาบสูญจากยุทธภพ บัดนี้ได้กลับหวนคืนสู่ยุทธภพแล้ว...
หากวันเวลาสามารถเปลี่ยนแปลงคนหนึ่งคนได้ แล้วคนหลายคนเล่า เมื่อเวลาผ่านไปจะเปลี่ยนแปลงเช่นใด
กลุ่มโจรชิงตะวัน มีผู้คนหลายร้อยพันคน เมื่อวันเวลาผ่านล่วงมามากมายเช่นนี้
ปณิธานอันแก่กล้าของผู้เฒ่าฟ้าไม่กว้างพอบัดนี้ยังหลงเหลือสืบมายังรุ่นต่อไปหรือไม่
โจรชิงตะวันแปรเปลี่ยนเป็นเช่นใดแล้ว มีผู้ใดทราบ
วันเวลาที่ผ่านพ้นไป สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้มากมายจริงๆ...
สำเนียงแห่งราตรีกาลได้เริ่มต้นบรรเลงท่วงทำนองของมันอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ประกาศิตชิงตะวันเมื่อมันคืนสู่ยุทธภพ มันก็สำแดงฤทธิ์เดชให้ผู้คนในกระท่อมร้างทั้งสามเห็นในทันที
กระแสหมื่นพันอาวุธลับ เม็ดบัว เข็มวิชชุ เกาทัณฑ์แขนเสื้อ มีดบิน และอาวุธลับอีกหลายชนิด ถูกซัดเข้ามาในกระท่อมร้างอย่างรุนแรงยิ่ง กระท่อมที่ถูกตกแต่งเช่นเหลาสุราหลังย่อมส่งเสียงปึงปังดังระงมไปทั่วบริเวณ
พายุคมอาวุธลับยังคงซัดต่อไป โดยมิได้หยุดหย่อน ตัวกระท่อมหลายส่วนพังทลายไปหมดสิ้น
จวบจนแน่ใจว่ามิได้มีผู้ใดหลงเหลือชีวิต พายุคมอาวุธลับจึงหยุดยั้งลง
เหล่าโจรชิงตะวันที่นับได้เกินสิบคนปรากฏกายขึ้นภายในเงามืด พวกมันเป็นผู้ซัดพายุอาวุธลับคราวนี้เอง นำมาโดยจิ้งจอกเขี้ยวพิษ หนึ่งในสี่หัวหน้าสาขาใหญ่ของโจรชิงตะวัน ข้างหลังมันย่อมเป็นกระทิงตาเดียว ผู้ไปแจ้งข่าวนี้ให้แก่มันทราบ
จิ้งจอกเขี้ยวพิษผู้นี้เป็นชายวัยกลางคนผู้มีหน้าตาซูบเซียวราวกับซากศพ เข้ากับชุดนักศึกษาที่ขาวซีดเหลืองที่มันกำลังสวมใส่อยู่อย่างเหมาะสมยิ่ง หางตาที่เหี่ยวย่นและหรุบต่ำลงคล้ายกับสายตาของคนไร้ชีวิตชีวาใดๆ ตัวมันดำรงตำแหน่งเป็นถึงหนึ่งสี่หัวหน้าใหญ่แห่งโจรชิงตะวันผู้เลื่องลือด้วยวิชาอาวุธลับต่างๆนาๆนั่นเอง
เมื่อเสียงปึงปังสงบลง จิ้งจอกเขี้ยวพิษจึงเข้าไปตรวจดูสภาพภายในกระท่อมร้าง ภายในนั้นเต็มไปด้วยซากของหมื่นพันอาวุธลับ แต่หาได้มีซากศพผู้คนสักคนไม่ ท่ามกลางหมื่นพันอาวุธลับที่ถูกซัดออกยามมิทันได้ตั้งตัว ไฉนเป้าหมายทั้งสามกลับรอดพ้นเงื้อมมือมันไปได้
เฒ่ายอดสนหากเป็นผู้เฒ่าแค่เพียงชื่อ คงมิอาจหยัดยืนในยุทธภพมาจวบจนทุกวันนี้ ทันทีที่จิ้งจอกเขี้ยวพิษล้อมกระท่อมไว้ มันบอกต่อใบไม้ดำและพิรุณสองสายให้หลบหนีออกจากกระท่อมร้างมาก่อนหน้า พายุอาวุธลับของจิ้งจอกเขี้ยวพิษครั้งนี้จึงซัดเข้ากระท่อมร้างว่างเปล่าไร้ผู้คนแต่แรกแล้ว
“ดูท่าจิ้งจอกคงหมดพิษสงไปแล้ว” เสียงเฒ่ายอดสนเอ่ยวาจาออกมาจากเงาต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แสงจันทร์มิอาจสาดส่องให้เห็นทั่วร่างของผู้เฒ่า ทำให้ลึกลับน่ากลัวประดุจภูติพรายก็มิปาน
“ที่แท้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ผู้น้อยไม่ทราบว่าผู้อยู่ภายในเป็นท่านผู้เฒ่าหมื่นจอกไม่เมามาย” จิ้งจอกเขี้ยวพิษรีบออกตัว ด้วยมันสำนึกตนดีว่า ด้วยกำลังที่มันมีอยู่นี้ยากแก่การเอาชัยปีศาจเฒ่าตนนี้อย่างแน่นอน แผนการลอบโจมตีของมันล้มเหลว แผนการเอาตัวรอดของมันจำต้องใช้เป็นลำดับต่อไป
“.....” ไม่ทันมีซุ่มเสียงของผู้ใดเอ่ยวาจา จิ้งจอกเขี้ยวพิษซัดเข็มวิชชุมาจุดหนึ่งตรงมายังเฒ่ายอดสนอย่างเร่งร้อน
“ข้าน้อยขอลา”
มันพุ่งตัวหลบหนีเข้าไปในเงามืดอย่างรวดเร็ว พรรคพวกของมันก็กระทำเช่นเดียวกัน
เพียงกระพริบตาเดียว เฒ่ายอดสนใช้มือตวัดคีบเข็มวิชชุเอาไว้ได้ แต่เมื่อจะซัดกลับไป ร่างของจิ้งจอกเขี้ยวพิษก็หายไปในเงามืดแล้ว
เฒ่ายอดสนไม่คิดตาม มันหันกายมุ่งเข้าสู่กระท่อมร้างที่ประดับประดาด้วยหมื่นพันอาวุธลับทั่วบริเวณ
ยังมิทันเข้าใกล้ตัวกระท่อม เฒ่ายอดสนทะยานตีลังกาม้วนลงกับพื้นรอบหนึ่ง เข็มวิชชุของจิ้งจอกเขี้ยวพิษพุ่งผ่านร่างมันไปอย่างน่าหวาดเสียวนัก โจรชิงตะวันย้อนกลับมาอีกครั้ง ย้อนกลับมาพร้อมพรรคพวกที่มากขึ้นกว่าเดิมด้วย
“ฆ่าปีศาจเฒ่า ! ชิงสร้อยกลับมา !”
เสียงกระบี่ถูกชักจากฝักดังเปรื่องปร่าง ร่างของจิ้งจอกเขี้ยวพิษทะยานร่างเข้าหาเฒ่ายอดสนเป็นคนแรก พวกของมันที่เหลือก็โผพุ่งกาย วาดคมกระบี่เข้าตามติดมาเช่นกัน ยามนี้เฒ่ายอดสนตกอยู่ใต้วงล้อมศัตรูแล้ว
++++++++++++++++++++++++++
อีกทางหนึ่งใบไม้ดำรับคำสั่งเฒ่ายอดสนให้พาตัวพิรุณสองสายหลบหนีเข้ามายังเหลาสุราของแมงมุมเก้าขา และยังกำชับต่อเถ้าแก่ว่านางเป็นแขกของหมื่นจอกไม่เมามาย หากดูแลนางเป็นอย่างดีย่อมมีการตบรางวัลอย่างดงาม
คำทุกคำที่ได้เอ่ยออกไปล้วนเป็นเฒ่ายอดสนบอกต่อมันไว้ก่อนหน้า เมื่อพิรุณสองสายปลอดภัยแล้ว ตัวมันเองนั้นมุ่งหน้ากลับไปยังกระท่อมร้างอย่างเร่งร้อนยิ่ง
ม่านวิกาลมืดมิดยังคงปกคลุมไปทั่วบริเวณกระท่อมร้าง
แสงจันทร์อ่อนแรงสาดส่องลอดกลีบเมฆดำบนท้องฟ้าลงมาเป็นจังหวะ
เฒ่ายอดสนยังคงตกอยู่ใต้วงล้อมของจิ้งจอกเขี้ยวพิษ
“นึกไม่ถึงครั้งนี้ แม้แต่สุนัขราตรียังรุดมาด้วย” เฒ่ายอดสนเอ่ยขึ้นกลางวงล้อมศัตรู การรุมกลุ้มของจิ้งจอกเขี้ยวพิษเมื่อครู่มิอาจทำอันตรายมันได้ แต่สิ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อมันปรากฏตัวขึ้นแล้ว
หนึ่งในสี่หัวหน้าสาขาใหญ่ของโจรชิงตะวันอีกคนหนึ่งมาแล้ว สุนัขราตรีผู้มีกระบี่แค้นคลั่งมาแล้ว
กระบี่แค้นคลั่งดุจดังเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น ประกายกระบี่ดุดันอำมหิต รังสีกระบี่คุกคามกดดัน
คมกระบี่แดงฉานราวชุ่มชโลมด้วยคราบโลหิต กระบี่นี้ถือเป็นกระบี่ร้ายกาจเล่มหนึ่งในยุทธภพ
กระบี่ร้ายกาจยังไม่เท่าผู้ใช้กระบี่ร้ายกาจ คนผู้หนึ่งมิได้ร่ำเรียนวิชาเพลงกระบี่ อาศัยแต่ประสบการณ์ในการปลิดชีวิตผู้คนเช่นดังการฝึกกระบี่ จนก้าวถึงคำว่ายอดมือกระบี่ ท่านว่าน่าร้ายกาจหรือไม่ เพลงกระบี่ของมันแม้ไม่ลึกล้ำ กระบวนท่าไม่สูงส่ง แต่หากจะเอาชัยมันภายในห้าสิบกระบวนท่านับว่าไม่ง่ายนัก ผู้คนเช่นนี้กว่าจะเก่งกาจเช่นนี้ ต้องปลิดปลงชีวิตผู้คนมามากสักเพียงใด
คนร้ายกาจ กระบี่ร้ายกาจ เดินพาใบหน้าอันขุ่นแค้นมายังเฒ่ายอดสนแล้ว
“ถือว่าท่านบีบบังคับข้าแล้ว” มันบอก
“ไม่พบพานกันนานปี ไยจึงไม่คิดร่วมไหสุรา กลับคิดแต่จะเข่นฆ่ากันเล่า”
สุนัขราตรีไม่ตอบคำ มันจ้องใบหน้าเฒ่ายอดสนนิ่งก่อนพูดว่า
“ล้มข้าให้ได้ แล้วจึงคิดลงไหสุรา หากท่านสิ้นใต้กระบี่ข้า ประกันจะนำสุราฝังกลบลงไปให้”
“นับเป็นบุญคุณยิ่ง”ผู้เฒ่าบอก
จิ้งจอกเขี้ยวพิษไม่เข้าใจว่าทั้งสองกล่าวเรื่องใดกัน แม้มันกับสุนัขราตรีจะคงตำแหน่งหัวหน้าสาขาเช่นเดียวกัน แต่มิได้สนิทสนมกลมเกลียวกันนัก ครานี้ผู้ถนัดในการสู้ซึ่งหน้าปรากฏถึง ผู้เจนจัดในการลอบสังหารเช่นมันย่อมถอยอยู่เบื้องหลังจึงดีที่สุด
เมื่อการสนทนจบลง การเข่นฆ่าก็เริ่มขึ้น
กระบี่แค้นคลั่งพุ่งคมกระบี่คุกคามติดตามเฒ่ายอดสนอย่างเร่งร้อน ปราณกระบี่วาดเป็นแนวโค้งผ่านตัวผู้เฒ่าไปมา หากแต่คมกระบี่ยังมิอาจเชือดเฉือนเลือดเนื้อเฒ่ายอดสนไปได้ ท่าร่างอันพิสดารรวมกับวิชาตัวเบาอันล้ำลึกที่ได้รับถ่ายทอดมาจากปรมาจารย์หกวิเศษสามัญนั้น ทำให้เฒ่ายอดสนใกล้เคียงคำว่าหลบหลีกดังภูตพรายแล้ว
เส้นเลือดเขียวปูดโป่งขึ้นมาจากขมับทั้งสองข้างของสุนัขราตรี มันแม้มิใช่ยอดฝีมือเชิงกระบี่ แต่กระบี่แค้นคลั่งของมันไม่เคยผิดพลาดเป้าหมายหลายสิบกระบวนท่าเช่นวันนี้ หากเป็นศึกครั้งก่อนยามกระบี่แค้นคลั่งสะบัดลงย่อมทำให้ผู้อื่นคับแค้นใจ แต่วันนี้กลับกลายเป็นฝ่ายตนเองที่คับแค้นจนแทบแย่แล้ว
“วิชาผีสางอันใด รีบยอมให้แก่บิดา!” มันตะโกนสุดเสียงพร้อมเร่งความเร็วกระบี่ในมือ กระบี่แค้นคลั่งกรีดกรายไปมาห้อมล้อมตัวเฒ่ายอดสนไว้ ดุจดังลมพายุหอบหนึ่ง ประกายกระบี่ตกกระทบแสงจันทร์สาดแสงสีแดงดังโลหิต ปราณกระบี่กดดันคุกคามเฒ่ายอดสนเข้าทุกขณะจิต ลมปราณเฒ่ายอดสนเริ่มติดขัดแล้ว ท่าร่างที่เคยพิสดารบัดนี้ล้วนตกอยู่ภายใต้พายุคมกระบี่แค้นคลั่งจนหมดสิ้น
“มอบชีวิตแก่เฒ่าเจ้ามา!”สุนัขราตรีใช้ออกด้วยกระบวนท่าปลิดชีวิต กระบี่แค้นคลั่งวาดโค้งเป็นประกายลำแสงสีแดงลงมายังกระหม่อมของเฒ่ายอดสน กระบี่ที่เร่งร้อนยิ่ง กระบวนท่าอันเร่งร้อนยิ่ง
“นับเป็นเจ้าบีบบังคับข้าเช่นกัน”เฒ่ายอดสนยกนิ้วกลางและนิ้วชี้ขึ้นประกบกัน ท่าร่างที่เคยพิสดารเลื่อนลอยกลับกลายเป็นมั่นคงหนักแน่น มันใช้ดัชนีทั้งสองตบไปที่ตัวกระบี่ กระบี่ที่พุ่งลงมาอย่างเร่งร้อนเปลี่ยนทิศทางหักเหพาดผ่านด้านข้างร่างกายเฒ่ายอดสนไปอย่างน่าหวาดเสียว ชายเสื้อข้างหนึ่งของเฒ่ายอดสนถูกคมกระบี่ตัดขาดลงเป็นทางยาว ก่อนที่ปลายกระบี่แค้นคลั่งจะจมลงภายใต้พื้นดินไปหลายนิ้ว นับเป็นกระบี่ที่รุนแรงดุดันกระบี่หนึ่งจริงๆ และนับเป็นดัชนีที่รวดเร็วแม่นยำครั้งหนึ่งจริงๆ
หลังจากลำแสงสีแดงจากกระบี่แค้นคลั่งดับลง เฒ่ายอดสนจึงจี้ดัชนีข้างนั้นออกอีกครั้งหนึ่ง เป้าหมายครั้งนี้มิใช่ตัวกระบี่แค้นคลั่งแต่เป็นร่างของสุนัขราตรี
ดัชนีที่สร้างชื่อให้กับเฒ่ายอดสนถูกใช้ออกแล้ว ดัชนีปลายลำธารคือชื่อของมัน
ดัชนีปลายลำธารของเฒ่ายอดสนมิได้รุนแรงดุดัน หากแต่เต็มไปด้วยความล้ำลึกภายในกระบวนท่าเกินหยั่งคาด เมื่อสุนัขราตรีถูกดัชนีจี้แล้ว เหมือนราวกับลูกโป่งถูกปล่อยลมออกก็มิปาน ร่างกายที่เคยเบ่งโตคับพองของมันก็ร่วงทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
หลังจากนั้นเฒ่ายอดสนจึงกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง แต่มันมิได้เกิดจากการใช้ดัชนีปลายลำธาร หากเกิดจากเข็มวิชชุเงินของจิ้งจอกเขี้ยวพิษหลายเล่มที่ปักอยู่ทั่วหลังของเฒ่ายอดสนเมื่อสักครู่นี้
เข็มวิชชุเงินของจิ้งจอกเขี้ยวพิษไม่ได้ฉาบพิษ อาวุธลับของมันล้วนไม่เคยฉาบพิษ แต่วิธีการใช้ออกของมันถือว่าเป็นพิษร้ายแรงชนิดหนึ่ง เมื่อครู่มันอาศัยช่วงจังหวะชี้เป็นตายของเฒ่ายอดสนกับสุนัขราตรี ซัดเข็มวิชชุเงินออกกลุ่มหนึ่ง
มันลงมือประสบผล เฒ่ายอดสนไม่มีทางหลบเลี่ยงจากการลอบประทุษของมันได้เป็นครั้งที่สอง
“นับว่าจิ้งจอกยังคงมีพิษร้ายอยู่” ผู้เฒ่ากล่าวก่อนกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่
สุนัขราตรีเห็นอาการบาดเจ็บของเฒ่ายอดสนแล้ว มันพยายามใช้กระบี่ค้ำยันร่างกายลุกขึ้น ผลการประลองครั้งนี้ถึงแม้ว่ามันเป็นผู้แพ้ แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่อยู่รอดในการศึกสงคราม ย่อมเป็นผู้ชนะที่แท้จริง
ตามนิสัยของสุนัขราตรีเอง มันชมชอบการต่อสู้อย่างขาวสะอาด มิชอบการใช้เล่ห์กลอุบายเอาชัย ดังแฉกเช่นจิ้งจอกเขี้ยวพิษพึงกระทำ แม้มันสำนึกเสียใจที่ต้องอาศัยการลอบประทุษของจิ้งจอกเขี้ยวเพื่อเอาชัยต่อเฒ่ายอดสน แต่มันย่อมทำได้เพียงแค่สำนึกเสียใจเพียงแค่นั้น
กระบี่แค้นคลั่งถูกง้างขึ้นเสียดฟ้า ประกายกระบี่สาดสีแดงราวโลหิตอุ่น จุดหมายของคมกระบี่อยู่ที่ต้นคอของเฒ่ายอดสน
เฒ่ายอดสนที่กำลังกระอักโลหิตออกมาอย่างต่อเนื่อง ตัวมันงองุ้ม มิได้รับรู้ถึงเงื้อมมือมัจจุราชที่แอบแฝงอยู่ใต้คมกระบี่แค้นคลั่งแม้แต่น้อย
“อภัยให้ข้าด้วย” สุนัขราตรีเอ่ยเบาๆออกมา
กระบี่ปลิดปลงลงแล้ว คมกระบี่วาดประกายแสงสีแดงลงวูบหนึ่ง....
รอยยิ้มแสนชั่วร้ายของจิ้งจอกเขี้ยวพิษผุดขึ้นบนใบหน้าอันขาวซูบซีดของมัน
วิกาลนี้ เย็นยะเยือกขึ้นอีกแล้ว......
++++++++++++++++++++++++++
ในความมืดมิดยามวิกาล มีเงาร่างสายหนึ่งทะยานฝ่าความมืดมิดนั้นมาอย่างเร่งรีบ วิชาตัวเบาของมันใกล้เคียงกับยอดฝีมือระดับต้นๆของยุทธภพ สะกิดเท้าครั้งหนึ่งพุ่งไปไกลหลายลี้ แม้มันจะโผพุ่งตัวไปบนยอดไม้สูงต่ำสลับกัน กลับไม่มีข้อแตกต่างกับยามมันท่องทะยานไปบนพื้นราบแม้แต่น้อย
แสงจันทร์สาดส่องให้เห็นใบหน้าของมัน เป็นใบไม้ดำนั่นเอง
เมื่อครู่ที่ผ่านมาหลังจากมันส่งพิรุณสองสายไปยังที่ปลอดภัยแล้ว มันได้ประมือกับกระทิงตาเดียวและกลุ่มโจรชิงตะวันที่ติดตามมายังเหลาสุขทรัพย์ร่ำรวย
ด้วยฝีมือของกระทิงตาเดียวและพรรคพวกมิอาจขัดขวางใบไม้ดำได้ แต่มันยังคงสามารถสร้างรอยแผลสดใหม่ให้แก่ใบไม้ดำหลายแผล เนื่องเพราะใบไม้ดำต้องการรีบจบศึกมันจึงใช้กระบวนท่าเร่งร้อนมีแต่รุกไม่มีรับ บาดแผลที่ได้มาล้วนเกิดจากความรีบร้อนของมันเอง
“ขออย่าให้ท่านผู้เฒ่าเกิดเรื่องราวใด” มันรำพึงกับตัวเอง
ชายหนุ่มมีเรื่องที่ต้องไต่ถามจากเฒ่ายอดสนมากมายนัก ความจริงระยะทางจากกระท่อมร้างไม่ไกลจากเหลาสุขทรัพย์ร่ำรวยเท่าใด แต่ด้วยความร้อนรน ยิ่งรีบพุ่งทะยาน ดูเหมือนระยะทางไปกระท่อมร้างยิ่งมายิ่งไกลออกไป
โชคร้ายที่ใบไม้ดำไม่ทราบถึงความเป็นตายของเฒ่ายอดสนในเวลานี้
ไม่นานใบไม้ดำก็เห็นกระท่อมร้างอยู่ตรงหน้าตนเองแล้ว มันไม่เพียงเห็นกระท่อมร้าง ยังเห็นผู้คนมากมายยืนรายล้อมอยู่ทั่วบริเวณ มันเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมชุดนักศึกษาสีขาวซีดรับกับใบหน้าอันซูบเซียวไร้สีเลือดราวซากศพของมัน ยืนกอดอกอยู่อย่างน่าชิงชังยิ่งนัก ที่มุมปากใบหน้าซากศพของมันปรากฏรอยยิ้มน่าสะอิดสะเอียนขึ้นรอยหนึ่ง ใบไม้ดำยังเห็นชายชุดแดงร่างกายกำยำใหญ่โตอีกผู้หนึ่ง ถือกระบี่สีแดงราวโลหิตอุ่นอยู่กลางวงล้อม เมื่อมันจ้องดูจึงรู้ได้ว่ากระบี่ชื่อก้องยุทธภพ นามกระบี่แค้นคลั่งถูกกุมไว้โดยชายร่างใหญ่ผู้นี้
แต่ทุกสิ่งไม่น่าตื่นตระหนกเท่าผู้คนในวงล้อมอีกหนึ่งคน เป็นผู้ที่กำลังกระอักโลหิตอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย โลหิตสีแดงขุ่นเข้มไหลนองไปทั่วบริเวณที่มันนั่งตัวงองุ้มอยู่ กลางหลังของมันปรากฏประกายสีเงินแวววับต้องแสงจันทร์อยู่หลายจุด เป็นเข็มวิชชุเงินของจิ้งจอกเขี้ยวพิษที่ปักอยู่กลางหลังเฒ่ายอดสนนั่นเอง
กระบี่สีแดงอำมหิตเมื่อครู่ถูกง้างขึ้นแล้ว..เป้าหมายมันคือลำคอของชายชรากระอักโลหิตเบื้องหน้า...ทุกสิ่งล้วนดูท่าไม่ดีอย่างยิ่ง
กระบี่แค้นคลั่งสะบัดลงมาอย่างรวดเร็ว
ก้อนหินสองก้อนพุ่งฝ่าอากาศมารวดเร็วยิ่งกว่า
ก้อนหนึ่งพุ่งเข้าสู่หน้าผากของสุนัขราตรี ก้อนหนึ่งพุ่งเข้าสู่ชายโครงด้านขวาที่มันกำลังจะสะบัดกระบี่ลง
เหตุการณ์ผันแปรไร้ทางเลือก สุนัขราตรีจำต้องยกกระบี่แค้นคลั่งปัดป้องก้อนหินที่พุ่งมาหมายทำลายกะโหลกหน้าผากมันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งทะยานถอยหลังไปสี่ก้าวเพื่อหลบหลีกก้อนหินอีกก้อนที่มุ่งเจาะทะลุตัวมัน
“ผู้ใด!!” สุนัขราตรีคำรามขึ้น มือที่ใช้คอนกระบี่ของมันกำลังสั่นเทาจากการปัดป้องก้อนหินเล็กๆก้อนเดียว บ่งบอกถึงระดับลมปราณของผู้ที่ปาหินมายื้อชีวิตเฒ่ายอดสนเป็นอย่างดี
ไม่มีเสียงใดตอบรับ กลับปรากฏหินอีกก้อนพุ่งมายังทิศที่สุนัขราตรียืนอยู่อย่างเร่งร้อน เสียงก้อนหินแหวกอากาศดังครืน ผู้ที่ปาหินมาครั้งนี้หมายปลิดชีวิตสุนัขราตรีแล้ว
ยังช้าไปเล็กน้อย สุนัขราตรีพุ่งทะยานถอยหลังไปอีกสองก้าว ก้อนหินก้อนที่สามไม่อาจทำร้ายมันได้อีกครั้ง
บังเกิดเสียงครืนครานดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มิได้เกิดจากก้อนหิน เกิดจากพายุอาวุธลับของโจรชิงตะวันในสาขาของจิ้งจอกเขี้ยวพิษนั่นเอง ที่ก่อเกิดเสียงครืนนี้ขึ้น
ทิศทางอาวุธลับทั้งหลายต่างมุ่งไปยังยอดไม้ที่มีผู้ปาก้อนหินออกมา
ร่างของใบไม้ดำทะยานออกจากเงามืด หลบหนีจากคมพายุอาวุธลับ มันโผกายลงยังเบื้องหน้าเฒ่ายอดสน กลางวงล้อมของโจรชิงตะวัน หินสามก่อนเมื่อครู่ล้วนเป็นมันปาออกมาเอง และเป้าหมายของพายุอาวุธลับของจิ้งจอกเขี้ยวพิษเมื่อครู่ก็เป็นมันอีกเช่นกัน
“หยาบช้านัก” ใบไม้ดำสบถ เมื่อเห็นคนหมู่มากรุมทำร้ายเฒ่ายอดสน
รอยยิ้มของจิ้งจอกเขี้ยวพิษหุบลงแล้ว มันไม่คาดคิดว่าปีศาจสุราเฒ่าจะมีดวงชะตาแข็งถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มผู้มาใหม่นี่วรยุทธ์มิใช่ธรรมดา ครานี้ส่อแววจะจัดการได้ยากลำบากขึ้นอีกแล้ว ไม่เพียงแต่รอยยิ้มของจิ้งจอกเขี้ยวพิษที่หุบลงเท่านั้น ใบหน้าที่ดุดันคลั่งแค้นของสุนัขราตรีก็กลับเคร่งเครียดขึ้นไปอีก เมื่อครู่มันเกือบเสียทีให้แก่บุรุษหนุ่มผู้ไร้ชื่อเสียงในยุทธจักร เป็นที่เสื่อมเสียหน้ามันต่อพรรคพวกร่วมแนวและเสื่อมเสียต่อตำแหน่งหัวหน้าสาขายิ่งนัก
“เด็กน้อยไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้าคิดขัดขวางบิดา” เสียงคำรามในลำคอสุนัขราตรีดังขึ้น
“พี่รองอย่าได้วู่วาม” จิ้งจอกเขี้ยวพิษร้องเตือน
ด้านหลังของใบไม้ดำ เฒ่ายอดสนหยุดกระอักเลือดแล้ว เมื่อครู่มันไม่พยายามควบคุมลมปราณ หวังเก็บเรี่ยวแรงไว้หลบหนีเอาชีวิตรอด ส่งผลให้กระอักเลือดออกมาไม่หยุดหย่อน หากเมื่อครู่ใบไม้ดำไม่ยื่นมือมาช่วยไว้ มันคิดใช้วิชาตัวเบาหลบหนีเอาตัวรอดไปด้วยตัวเอง แม้จะยังไม่รู้ว่าเอาชีวิตรอดได้อย่างคิดหวังหรือไม่
เวลานี้เมื่อมันเห็นใบไม้ดำ เฒ่ายอดสนจึงนั่งปรับลมปราณทั่วร่างอย่างรวดเร็วหวังเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้เร็วที่สุด บัญชีแค้นที่จดไว้ต่อจิ้งจอกเขี้ยวพิษจำต้องชำระสะสางในไม่ช้านี้
ใบไม้ดำเมื่อเห็นสหายเฒ่านั่งปรับลมปราณได้ รู้สึกอุ่นใจขึ้นมากโข
ยามขับขันเช่นนี้ คนผู้หนึ่งรับมือศัตรูรายล้อม คนอีกผู้หนึ่งนั่งนิ่งกลางวงล้อมศัตรู มีเรื่องใดน่าอุ่นใจ
เหตุการณ์เช่นนี้ย่อมถือว่าเฒ่ายอดสนเป็นภาระต่อใบไม้ดำยิ่งแล้ว
แต่ใบไม้ดำหาได้คิดเช่นนั้นไม่ มันคาดการณ์ไว้ว่าหากมันสามารถต้านรับการรุมกลุ้มไว้ได้สักครึ่งชั่วยาม เมื่อพลังวัตรของเฒ่ายอดสนกลับคืนมา เรื่องราวทั้งหลายต้องแปรเปลี่ยนไป เนื่องเพราะมันรู้ว่าพลังวัตรของผู้สูงวัยนั้นกลับคืนมาได้ง่ายดายกว่าบุรุษหนุ่มอยู่มากนัก มันจึงถอดเสื้อตัวนอกออกมาใช้ต่างโล่ เพื่อปัดป้องอาวุธลับและดึงมีดเล่มเล็กออกมาเพื่อใช้รับมือกระบี่ของสุนัขราตรี
มีดเล่มเล็ก !!??
ไม่ผิด มีดเป็นมีดเล่มเล็ก ไม่ใช่กระบี่ ไม่ใช่ดาบ หากแต่เป็นมีด มีดเล่มเล็กเล่มหนึ่ง ตัวใบไม้ดำมีกระบี่ กระบี่ที่ซุกซ่อนอยู่ในห่อผ้าแต่มันไม่คิดนำออกมาใช้ มันกลับผูกกระชับกระบี่แนบกับลำตัวของมันยิ่งขึ้น เรื่องเช่นนี้ไม่เพียงกลุ่มโจรชิงตะวันประหลาดใจ สุนัขราตรีและจิ้งจอกเขี้ยวพิษประหลาดใจ แม้แต่เฒ่ายอดสนที่ลืมตาขึ้นหมายชมดูการต่อสู้ของใบไม้ดำก็ประหลาดใจด้วย
เส้นเลือดที่เขียวข้างขมับของสุนัขราตรีที่ปูดโปนอยู่ก่อนหน้า บัดนี้กลับปูดโปนบวมเป่งราวจะแตกออก ตัวมันเองรู้ว่าเสื้อนอกของชายหนุ่มคิดใช้รับมือต่อพายุอาวุธลับ นี่ไม่นับเท่าใด แต่เรื่องที่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้คิดใช้มีดเล่มเล็กๆรับมือยอดกระบี่อย่างกระบี่แค้นคลั่ง ช่างน่าคับแค้นขุ่นเคืองหัวใจยิ่งนัก
“ลูกส่ำส่อนกล้าหยามบิดา ข้าจะล้างรากเหง้าเจ้าให้ตายหมดสิ้น!!” สุนัขราตรีสบถขึ้นหลายคำ คมกระบี่แค้นคลั่งที่ดุจดังพายุสีแดงหอบหนึ่งพัดเข้าหาใบไม้ดำ พร้อมเพรียงกับพายุหมื่นพันอาวุธลับของจิ้งจอกเขี้ยวพิษที่ยิงออกไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหมดสิ้น
“ระวังอาวุธลับ” จิ้งจอกเขี้ยวพิษตะโกนออกตามมารยาทผู้ใช้อาวุธลับ
“ระวังอยู่ก่อนแล้ว” ใบไม้ดำตอบ
ศึกที่ใบไม้ดำหวังต่อสู้ยืดเยื้อเพื่อถ่วงเวลาให้เฒ่ายอดสนฟื้นฟูพลังวัตรจึงเริ่มขึ้น
ราตรีเข้มข้น ยิ่งยาวนาน ยิ่งจางลง
เสียงสับประยุทธ์ ยิ่งยาวนาน ยิ่งเร่งร้อนขึ้น
เวลานี้สองชั่วยามผ่านพ้นไปแล้ว
ณ กระท่อมร้าง อาทิตย์ยามอรุณรุ่งสาดแสง แต่ศึกยื้อชีวิตยังไม่ยุติลง
เสียงอาวุธกระทบกันอื้ออึงทั่วบริเวณ ยังคงเป็นใบไม้ดำ สุนัขราตรี และจิ้งจอกเขี้ยวพิษที่กำลังดำเนินการห้ำหั่นกันอย่างต่อเนื่องกินเวลานานนัก โดยมีเฒ่ายอดสนนั่งเดินลมปราณอยู่ด้านหลังใบไม้ดำ
สองชั่วยาม(สี่ชั่วโมง)นี้ยาวนานเท่าใด
หากท่านคิดนอนหลับพักผ่อน ออมกำลังเพื่อใช้ทำงานหนัก สองชั่วยามนั้นเพียงพอต่อการพักผ่อนยิ่ง
หากท่านคิดค้าขายแสวงหากำไร สองชั่วยามที่ผ่านไป ใช่ท่านเปิดกิจการจนมีลูกค้าหลายคนแล้วหรือไม่
หรือเป็นกระทั่งสตรีนางโลม สองชั่วยามในราตรียังสร้างความหฤหรรษ์แก่บุรุษเพศได้มากมายหลายคนนัก
สองชั่วยามจึงเป็นเวลาที่ยาวนานนัก
ยาวนานเกินกว่าที่ใบไม้ดำได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า และยาวนานกว่าเฒ่ายอดสนคาดถึงเช่นกัน คงเป็นเพราะบาดแผลกลางหลังที่เกิดจากเข็มวิชชุเงินของจิ้งจอกเขี้ยวพิษรุนแรงกว่าที่พวกมันคาดไว้ ศึกยื้อชีวิตครั้งนี้จึงยังไม่ยุติลงโดยง่าย
ในสองชั่วยามเดียวกัน เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานกว่าที่สุนัขราตรีและจิ้งจอกเขี้ยวพิษเองจะคาดคิดได้ พวกมันไม่คิดว่าการรุมกลุ้มเอาชัยบุรุษไร้ชื่อเสียงเรียงนามผู้หนึ่งจะยาวนานขนาดนี้ ยาวนานเกินไปแล้วสำหรับพวกมัน มันจำต้องได้รับชัยชนะโดยเร็ว
บาดแผลหลายสายและหยาดโลหิตหลายเส้นบังเกิดไปทั่วตัวของใบไม้ดำ เสื้อนอกที่ใช้ต่างโล่เพื่อรองรับอาวุธลับขาดกระจุยกระจายจากมือมันไปตั้งแต่เมื่อใดมิอาจทราบได้ หลงเหลือเพียงมีดในมือขวาเพียงอย่างเดียว ชุดที่มันเพิ่งได้มาจากเฒ่ายอดสนในยามนี้กลับขาดวิ่นคล้ายดังผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่งอีกครั้ง มิใช่ผ้าขี้ริ้วที่ชุ่มไปด้วยสายฝนเหมือนเมื่อครั้งก่อน แต่กลับเป็นผ้าขี้ริ้วที่ชุ่มไปด้วยโลหิตกำลังยืนต้านทานสองศัตรูที่กระนาบซ้ายขวา
ซากศพของโจรชิงตะวันในสังกัดจิ้งจอกเขี้ยวพิษ นอนเกลื่อนกลาดอยู่รอบบริเวณ มันตกตายภายใต้อาวุธลับของมันเอง ล้วนเป็นใบไม้ดำมอบให้แก่มัน
“เด็กที่ร้ายกาจนัก” เสียงสุนัขราตรีร้องขึ้นหลังจากถูกใบไม้ดำชักนำเข็มวิชชุของจิ้งจอกเขี้ยวพิษใส่ใบหน้ามัน นี่นับเป็นกระบวนท่ากระบี่เปลี่ยนกระแสลมของใบไม้ดำ อาวุธลับใดๆที่ซัดออกมาล้วนถูกใบไม้ดำชักนำด้วยมีดเล่มเล็กของมันไปอีกทิศทางหนึ่งด้วยความเร็วยิ่งกว่าที่ถูกซัดออกมา เหล่าโจรชิงตะวันทั้งหลายจบชีวิตด้วยกระบวนท่านี้
“น้องสามอย่าได้ใช้อาวุธลับอีก” สุนัขราตรีบอกหลังจากที่ใช้กระบี่แค้นคลั่งปัดเข็มวิชชุออกไป จิ้งจอกเขี้ยวพิษไม่รับคำอันใด ในใจของมันร้อนรุ่มอยู่มากโข พรรคพวกร่วมแนวของมันถูกใบไม้ดำปลิดชีวิตลงอย่างมากมาย ซ้ำร้ายแม้มันและพี่รองรุมกลุ้มอยู่เนิ่นนานยังไม่สามารถเอาชัยคนผู้นี้ได้ หากข่าวนี้แพร่ออกไปในยุทธภพ เกรงว่าชื่อของจิ้งจอกเขี้ยวพิษและสุนัขราตรี คงไม่มีที่ยืนหยัดทรงกายแล้ว
“เสื่อมเสียยิ่ง”มันอุทานออกมา แล้วเปลี่ยนจุดหมายโจมตีเป็นเฒ่ายอดสนที่เดินลมปราณอยู่ด้านหลังใบไม้ดำอีกครั้ง มันกระทำเช่นนี้มาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งล้วนเป็นเช่นเดิม มีดเล่มเล็กๆของใบไม้ดำเข้ามาขัดขวางกระบี่ของมันไว้ได้ทุกครั้ง จนทำให้มันอดคิดไม่ได้ว่า หากชายผู้นี้เปลี่ยนจากใช้มีดมาเป็นกระบี่แล้ว ลำพังตัวของมันกับสุนัขราตรีคงมิใช่คู่ต่อสู้ของใบไม้ดำเป็นแน่
แต่ยามนี้ใบไม้ดำมิได้ใช้กระบี่ มันจึงตกอยู่ในสภาพต้านรับอยู่ฝ่ายเดียว เป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมทำให้มีแต่บาดแผลและอันตรายเพิ่มขึ้นเท่านั้น ใบไม้ดำเองก็ทราบเรื่องนี้ดี
อันตรายเกิดแล้ว สิ่งที่ใบไม้ดำคาดคิดเกิดขึ้นแล้ว โลหิตจากบาดแผลใต้คิ้วข้างขวาสายหนึ่งไหลเข้าดวงตาของมัน ทำให้สูญเสียการมองเห็นด้านขวามือไป นี่นับเป็นช่วงเวลาที่อันตรายยิ่งของใบไม้ดำ
เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่สุนัขราตรีรอคอย ทันทีที่ใบไม้ดำปิดตาข้างขวาลง มันพุ่งตัวหลบไปทางด้านขวามือของใบไม้ดำ ในทิศที่ใบไม้ดำมิอาจเห็นตัวมันได้อย่างแน่นอน กระบี่แค้นคลั่งวาดคมจากล่างขึ้นบนตัดผ่านกล้ามเนื้อด้านหลังของใบไม้ดำเข้าอย่างเต็มคมดาบ โลหิตอุ่นฉีดพุ่งจากบาดแผลในทันที ยังไม่ทันที่ใบไม้ดำจะลิ้มรสชาดของการบาดเจ็บจากแผลที่กลางหลัง กระบี่ของจิ้งจอกเขี้ยวพิษสะบัดตัดเนื้อแขนด้านซ้ายมันไปแล้ว
ได้รับสองบาดแผลฉกรรจ์เพียงกระพริบตาเดียว กระพริบตาข้างขวาข้างเดียวเพียงเท่านั้น
โลหิตดุจหยาดพิรุณสายเล็กจากคิ้วขวาเส้นหนึ่ง กลับทำให้สูญเสียโลหิตไหลทะลักราวทำนบแตก จากบาดแผลกลางหลังและแขนซ้าย สองตำแหน่งจากการกระพริบตาครั้งเดียว
ควรทราบ บางครั้งยอดฝีมือก็อาศัยช่วงจังหวะผิดพลาดเพียงชั่วกระพริบตานี้เอาชัยซึ่งกันและกัน และในครั้งนี้ก็เป็นฝ่ายสุนัขราตรีกับจิ้งจอกเขี้ยวพิษฉวยโอกาสนี้เอาไว้ได้ ศึกยื้อชีวิตกลายเป็นศึกทิ้งชีวิตเสียแล้ว
อาทิตย์ยามสายสาดแสงอบอุ่น แต่ทั่วตัวของใบไม้ดำกลับรู้สึกหนาวเย็นยะเยียบราวกับแช่ตัวอยู่ในก้อนหิมะน้ำแข็ง ข้างกายของมันยืนกระนาบไว้ด้วยหัวหน้าสาขาโจรชิงตะวันสองคน กระบี่สองเล่มในมือของมันทั้งสองล้วนอาบไปด้วยโลหิตอุ่นของใบไม้ดำ รอยยิ้มสยดสยองสองสายปรากฏบนใบหน้าของสุนัขราตรีและจิ้งจอกเขี้ยวพิษ
ร่างกายของใบไม้ดำยังคงเหน็บหนาวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรี่ยวแรงทั้งหลายก็มลายหายไปสิ้น ร่างเย็นเยียบล้มคว่ำลงฟาดพื้น เพิ่มบาดแผลบนใบหน้าอีกสายหนึ่งแต่กลับคล้ายไม่มีโลหิตเพียงพอจะไหลออกมาอีกแล้ว
“หากมีสุราซักจอกคงจะทำให้อุ่นขึ้น”ใบไม้ดำคิดก่อนจะสิ้นสติไป...
ในขณะที่ร่างของใบไม้ดำนอนแน่นิ่งอยู่ภายในบึงโลหิตของตัวมันเอง ยังไม่ทันที่สุนัขราตรีและจิ้งจอกเขี้ยวพิษจะกระพริบตาข้างใด ดัชนีปลายลำธารหลายสายก็จี้ถูกตัวมันทั้งสองจนล้มฟุบไปลงเช่นกัน
เฒ่ายอดสนที่ฟื้นตัวแล้ว เป็นผู้ลงมือต่อพวกมันนั่นเอง
“โจรชั่วช่างต่ำช้านัก!” เฒ่ายอดสนรุดเข้าไปสกัดจุดห้ามโลหิตที่ร่างของใบไม้ดำ ก่อนเดินไปยังร่างของสุนัขราตรีและจิ้งจอกเขี้ยวพิษที่ล้มตัวลงนอนอยู่ไม่ห่างกันนัก แล้วกล่าวว่า
“เห็นแก่หน้าท่านผู้อาวุโสฟ้าไม่กว้างพอผู้ล่วงลับ วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าทั้งสองคน”
สองหัวหน้าสาขาใหญ่ของโจรชิงตะวันมิได้ว่ากล่าวอันใด มันได้แต่ก้มใบหน้ายอมรับแต่โดยดี
“เราผู้เฒ่ามีเรื่องคิดถามสหายทั้งสอง ไม่ทราบ...”
“เรื่องอันใดก็อย่าหวังจะได้รับรู้!” จิ้งจอกเขี้ยวพิษตะโกนออกสุดแรงเท่าที่ยังเหลืออยู่
“ท่านเอ่ยถามมา” สุนัขราตรีบอกท่ามกลางสายตาคัดค้านของจิ้งจอกเขี้ยวพิษ
เฒ่ายอดสนยิ้มเล็กน้อยแล้วถามว่า
“เหตุใดของสำคัญของกลุ่มพวกเจ้าถึงหลุดรอดออกมาในยุทธภพได้?”
“หลายปีก่อน มันถูกขโมยไปจากพวกเรา จึงมีคำสั่งให้ตามค้นหา หากผู้ใดพบเห็นจักได้รับการตบรางวัลอย่างงดงามยิ่ง”
“เฮอะ โจรชิงตะวันกลับถูกโจรปล้นอีกต่อหนึ่ง น่าขันยิ่ง”เฒ่ายอดสนพูดสำทับ สุนัขราตรีหลุบตาต่ำลง เรื่องเสื่อมเสียเช่นนี้ ย่อมไม่น่าขบขันสำหรับตัวมัน
“อย่างที่พวกเจ้าทราบ ของสิ่งนั้นอยู่กับตัวข้า หากต้องการได้คืนก็ เราผู้เฒ่าก็น้อมเชิญทุกเวลา”หมื่นจอกไม่เมามายยืดกายประกาศออกมา
“แม้เวลานี้เราไว้ชีวิตพวกเจ้า แต่เรื่องราวครั้งนี้มิอาจปล่อยไปโดยง่าย” เฒ่ายอดสนสืบเท้าเข้าหาร่างของสองหัวหน้าใหญ่แห่งโจรชิงตะวันแล้วจึงจี้ดัชนีปลายลำธารลงสกัดจุดชีพจรของทั้งสองไว้ทั่วร่าง รวมถึงจุดคัน จุดเจ็บ จุดกำหนัด ส่งผลให้ทั่วร่างของสุนัขราตีและจิ้งจอกเขี้ยวพิษทรมานอย่างสุดแสนสาหัส
“ภายในชั่วยาม พวกเจ้าจะหายเป็นปกติ” มันบอก
เสียงร้องก่นด่าถ้อยคำสบถต่างๆนาๆต่อเฒ่ายอดสนจากปากของสุนัขราตรีและจิ้งจอกเขี้ยวพิษดังขึ้นไม่ขาดสาย พวกมันมิอาจขัดขืนทัณฑ์ทรมานนี้ได้ ทำได้เพียงสบถด่าออกไปเท่านั้น
เพียงแต่เฒ่ายอดสนมิได้สนใจ มันยินดียิ่งที่ได้ทรมานสุนัขทั้งสองตัวให้ทุกข์ใจเช่นนี้ แล้วจึงเดินไปอุ้มร่างของใบไม้ที่นอนหมดสติอยู่โผพุ่งทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว...
ความคิดเห็น