ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    After

    ลำดับตอนที่ #2 : Prelude:บันทึกหน้าแรก

    • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 50



         คุณรู้จักสงครามไหม ?

    มันเป็นคำที่มีความหมายว่า การต่อสู้เพื่อแย่งชิงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
    มันคือความหมายของการทำลายล้างและการสูญเสีย
    มันคือผลที่เกิดจากความต้องการที่ไร้ที่สิ้นสุดของมนุษย์
    และมันยังแสดงให้เห็นถึงความด้อยปัญญาของเผ่าพันธุ์ที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข . . .

         คศ. 2xxx

         ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาสงครามขนาดใหญ่ระหว่างกลุ่มเชื้อชาติที่ปกครองตัวเองในอาณาเขตต่างกันได้ถือกำเนิดขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง ในแต่ล่ะครั้งมันถูกเรียกว่า"สงครามโลก" มันเกิดขึ้นจากกิเลสตัณหาเกี่ยวกับผลประโยชน์ของกลุ่มคนเพียงน้อยนิด แต่สร้างความเสียหายให้แก่ตนจำนวนมากมายมหาศาล

         มันเกิดขึ้น . . . ซ้ำแล้วซ้ำเล่า . . .

         จนมาถึงยุคสมัยปัจจุบันนี้ สงครามโลกเกิดขึ้นมาแล้วถึงห้าครั้ง ซึ่งในแต่ล่ะครั้งมันทวีความรุนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ จากแต่เดิมมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีจำนวนมากชนิดหนึ่งบนพื้นโลก กลับกลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีจำนวนลดน้อยลงอย่างน่าตกใจ ด้วยน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเอง

        ในยุคสมัยที่น้ำและอากาศบริสุทธิ์มีคุณค่ายิ่งกว่าชีวิตและเงินตราใดๆ ศรัทธาและความเชื่อเป็นเพียงผงธุลีในความคิดที่ไม่มีวันเป็นไปได้จริง พระเจ้าเป็นเพียงคนหูหนวกตาบอด ไร้น้ำใจและโหดเหี้ยมไม่ต่างจากซาตานในความเชื่อเก่าก่อน . . .

         ไม่เพียงแต่มนุษย์ที่ได้รับผลกระทบมหาศาลจากสงครามเท่านั้น
        
         โลก ดาวเคราะห์สีน้ำเงินในระบบสุริยะจักรวาล ที่ถูกพลิกโฉมโดยน้ำมือของมนุษย์ผู้อยู่อาศัยจนกลายเป็นดาวเคราะห์สีน้ำตาล ที่เต็มไปด้วยพื้นดินแตกระแหงและทะเลทรายกว้างใหญ่ มีหลงเหลือน้ำอยู่เพียง 1 ส่วน 6 ของพื้นที่ทั้งหมด และมีน้ำจืดอยู่เพียง 1 ส่วน 10 ของปริมาณน้ำทั้งหมดบนโลก พื้นที่สีเขียวมีเพียง 1 ส่วน 10 ของพื้นดินบนโลก ปริมาณก๊าซออกซิเจนในอากาศมีต่ำกว่า 0.5% ในแต่ล่ะพื้นที่ ยกเว้นพื้นที่สีเขียว อากาศโดยทั่วไปบนโลกจึงเป็นพิษต่อมนุษย์ อุณหภูมิเฉลี่ยของกลางวันอยู่ที่ 62 องศาเซลเซียส กลางคืนอยู่ที่ -51 องศาเซลเซียส สนามแม่เหล็กโลกอ่อนแรงลงทำให้การโคจรรอบตัวเองช้าของโลกลงไป 6 ชั่วโมง ทำให้ในหนึ่งวันจึงมี 30 ชั่วโมง แต่แรงดึงดูดของโลกกลับเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม 3 เท่า ทำให้ดูดเอาดวงเคราะห์น้อยดวงอื่นมาเป็นบริวาร(ดวงจันทร์)ได้อีกสองดวง จากที่มีอยู่แต่เดิม และทุกสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้นอยู่ในสภาวะไม่เสถียร จึงเกิดการแปรปรวนของสภาพอากาศและภูมิศาสตร์อยู่ตลอดเวลา . . .

    ความแปรปรวนของดาวเคราะห์สีน้ำตาลนี้ยังส่งผลให้สิ่งชีวิตทุกสายพันธ์ได้รับผลกระทบนั้นตามไปด้วย ธรรมชาติอันแสนมหัศจรรย์จึงเริ่มกระทำหน้าที่ของตนเองอีกครั้ง ขั้นตอนการวิวัฒนาการเพื่อการเอาชีวิตรอดจึงเริ่มขึ้นในสิ่งมีชีวิตทุกๆสายพันธ์ ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์

    - Evolution ( การพัฒนา , เจริญเติบโต , วิวัฒนาการ ) คำนี้ถูกใช้เรียกแทนมนุษย์ที่วิวัฒนาการขึ้นมาใหม่อีกครั้ง สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในสภาพอากาศที่เป็นพิษและขาดแคลนน้ำ และยังพัฒนาขีดความสามารถของสมองและพลังอำนาจพิเศษที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาจากพื้นฐานข้อมูลในสมองของมนุษย์ยุคเก่า (สมองของมนุษย์ยุคปัจจุบันถูกใช้ไปไม่ถึง 10% ของพื้นที่สมองทั้งหมด อีก 90% คือฐานข้อมูลที่บันทึกความทรงจำและข้อมูลความรู้ทางด้านวิวัฒนาการไว้ข้างใน สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นต่อไป )

    - Plant ( พืช , ต้นไม้ ) วิวัฒนาการผสมผสานกับปฏิกิริยานิวเคลียร์ สามารถพัฒนารูปร่างให้เคลื่อนไหวได้ และสามารถสื่อสารได้เหมือนสิ่งมีชีวิตทั่วไป ( ลักษณะทางกายภาพ คล้ายกับสิ่งมีชีวิตในส่วนใหญ่ เพียงแต่ไม่มีระบบรับอาหารทางปากและระบบหายใจทางจมูกเท่านั้น ) ดำรงชีวิตโดยการสังเคราะห์แสงและดูดซึมแร่ธาตุผ่านทางผิวหนัง มีอยู่หลายสายพันธุ์ แต่ยังคงเป็นพื้นฐานสำคัญของห่วงโซ่อาหารสำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลก

    - Predator ( นักล่า , สัตว์กินเนื้อ ) สิ่งมีชีวิตที่อยู่คู่โลกมามากกว่าพันล้านปี แต่เดิมอยู่ในรูปของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว แต่เมื่อสิ่งแวดล้อมเอื้ออำนวยจึงพัฒนาตัวขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด ลักษณะทางกายภาพใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด แต่มนุษย์ยังไม่สามารถทราบข้อมูลแน่ชัดของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ได้ ทราบเพียงแค่ว่ามันดำรงอยู่ได้โดยการกินสิ่งมีชีวิตและยังไม่หยุดการวิวัฒนาการเลยตั้งแต่มันกำเนิดขึ้นมาบนพื้นโลก

    - Beast ( สัตว์เดรัจฉานทั่วไป ) สิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกมากที่สุด  และด้วยการมีจำนวนสายพันธุ์มากที่สุดในโลก จึงทำให้มีวิธีการวิวัฒนาการแตกต่างกันออกไปเพื่อการดำรงอยู่ บางชนิดต้องขยายตัวเองให้ใหญ่โตขึ้น เพื่อดูดซับอาหารจำพวกดินทรายที่มีอยู่จำนวนมากบนโลก บางชนิดลดขนาดตัวเองลงเพื่อลดจำนวนการบริโภคทรัพยากรลง นอกจากนี้ยังมีสัตว์ที่หลุดจากระบบวิวัฒนาการกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ขึ้นอีกหลายชนิด เช่น มังกร ( เรียกตามจินตนาการของมนุษย์ในอดีต ) และ สัตว์อสูร ( สิ่งมีชีวิตที่ผิดปกติทางวิวัฒนาการ )

         แม้สิ่งที่เรียกว่าธรรมชาติบนพื้นพิภพจะสร้างสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ขึ้นมามากมาย แต่มนุษย์ในยุคเก่าก็ยังครองความยิ่งใหญ่ เป็นศูนย์กลางอำนาจสูงสุดบนพื้นโลก ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เผ่าพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นมาจำเป็นต้องติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ เพื่อประโยชน์ในการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ของตน

         มนุษย์ต้องการอำนาจ มนุษย์ต้องการอาณาเขต แต่เมื่อมีเผ่าพันธุ์อื่นที่ต้องการอำนาจและอาณาเขตเพื่อการอยู่รอดเช่นเดียวกัน มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ให้เกิดการแก่งแย่งเพื่อให้ได้สิ่งที่ฝ่ายตนต้องการ

         สงครามครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งที่จุดนั้นเอง . . .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×