คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : รักที่ 3 : ดอกไม้งาม ผู้ปราดเปรื่อง มหาอนเมียว และ เงาความมืด
Title : Taboo Love
Author : FesenyAReseT
Rating : PG-13
Author Note : นิยายเรื่องนี้คือ Au ซึ่งหมายถึงไม่อิงความเป็นจริง เพราะเช่นนั้นจะมีตัวละครใหม่และสถานที่หรือเรื่องราวที่ไม่เหมือนจริง
คำเตือน : นิยายเรื่องนี้เป็นชายรักชาย ใครรับไม่ได้ปิดไปซะนะครับ ขอร้องว่าอย่าแบนหรือด่ากัน เพราะเราเตือนท่านแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือห้ามลอกเลียนไปเป็นนิยายของตนเองครับ หากจะเผยแผ่กรุณาขออนุญาติกันก่อนและลงเครดิตด้วยนะครับ หากใครต้องการลองของก็ได้นะครับ แล้วจะได้รู้กันว่าผมจะทำยังไง หึหึ....
รักที่ 3 : ดอกไม้งาม ผู้ปราดเปรื่อง มหาอนเมียว และ เงาความมืด
ริมฝีปากบางแต้มเครื่องสำอางสีม่วงอ่อนเผยรอยยิ้มออกมาพองามกับคำถามของร่างบาง มิแปลกใจเลยว่าทำไมมังกรหนุ่มถึงถูกใจเด็กหนุ่มคนนี้นัก
“เรามิใช่ศัตรูของท่านหรอก เราคือดอกไม้งามแห่งโอชู ไอดะ อิซานากิ” ริมฝีปากสวยเอ่ยแนะนำตนเอง เรียกให้ยูคิมูระงุนงง ดอกไม้งามแห่งโอชู? นางในฝันของใครต่อใครกลับมาอยู่ที่แห่งนี้ได้?
“ไอดะ อิซานากิ” เสียงเรียกของคนที่เขาเกลียดชังเรียกให้ดอกไม้งามหันไปมอง ก่อนเผยรอยยิ้มออกมา
“นึกว่าใคร มังกรนี่เองหรือ”
“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามาที่นี่” มังกรตาเดียวแห่งโอชูเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นหากแต่ร่างบางผมสีลาเวนเดอร์กลับยังคงยิ้มออกมาอย่างสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน
“การประชุมผู้นำแคว้นต่างๆ เราคงจักขาดแม่ทัพแห่งไคมิได้ แม้ว่าเขาจะเป็นตัวประกันแห่งเมืองเราก็ตาม”
“ไม่นึกว่าเจ้าจักกล้าโต้กลับข้าแบบนี้เลยนะ อิซานากิ!” คว้าข้อมือบางด้วยความโกรธที่เริ่มก่อตัว ตั้งแต่ที่คนๆ นี้ย่างก้าวเข้ามาในกรงสีทองของเขา กรงที่มีแต่เขาที่จะเข้ามาเล่นกับนกน้องได้ แต่ยังมิได้ทำอะไรคมดาบสีเงินตวัดเข้ามาจ่อคอของเขาอย่างว่องไวและแม่นยำ
“ปล่อยมือของเจ้าออกจากน้องข้า ดาเตะ”
ดวงเนตรสีน้ำเงินเหลือเพียงข้างเดียวมองไปยังเจ้าของดาบซึ่งก็คือ ชายหนุ่มผมสีเงินยาวถึงกลางหลังในชุดค่อนข้างหรูหราบงบอกถึงความมีสกุลสูงศักดิ์ มาซามุเนะปล่อยมือออกจากแขนบางก่อนหันกลับไปมองชายหนุ่ม ยูคิมูระกำผ้าห่มแน่น หวาดกลัวเหลือเกินว่ามังกรหนุ่มจักอาละวาด หากแต่มือเรียวสวยของดอกไม้งามกลับวางลงบนมือเขาอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากบางแต้มสีม่วงอ่อนๆ เผยรอยยิ้มออกมา ส่ายหน้าเบาๆ เชิงบอกว่าไม่เป็นไร
“ยินดีที่ได้พบเจ้าอีก ไอดะ อาสึคากะ ผู้ปราดเปรื่องแห่งโอชู”
“แต่ข้าไม่ได้ดีใจที่พบเจ้าอีก ดาเตะ มาซามุเนะ มังกรตาเดียวแห่งโอชู”
ราวกับมีสายฟ้าสองเส้นพุ่งออกมาจากดวงตาคนทั้งสองปะทะเปรียะๆ จนน่าสยอง อิซานากิหัวเราะเสียงเบาในขณะที่ยูคิมูระยังงุนงงกับสถานการณ์ หมายความว่ายังไง? ทำไมเขาถึงรู้สึกว่านี่ไม่ใช่มังกรตาเดียวที่ทำร้ายเขาเมื่อคืน
“ขออภัยเจ้าคะ ท่านดาเตะ ผู้ปราดเปรื่อง ดอกไม้งาม พยัคฆ์แห่งไค” เสียงเรียกหวานของหญิงสาวผู้รับใช้เรียกให้คนทั้งสี่หันมอง เธอเป็นหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบ มีเรือนผมสีทองสว่างผูกหางม้าไว้ลวกๆ รูปร่างสมส่วนดูไม่เข้ากับกิโมโนปอนๆ
“ริเอะนี่เอง มีอะไรหรือ?” ดอกไม้งามเอ่ยถามแทนยูคิมูระที่ยังสมองประมวลผลไม่สมบูรณ์ รวมทั้งคนทั้งสองที่ยังส่งสายฟ้าเปรียะๆ ใส่กันไม่เลิก สาวใช้ริเอะทำหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย
“หากพวกท่านไม่รีบไปประชุมแล้วละก็จะแย่เอานะเจ้าคะ เพราะยักษ์แห่งชิโกคุเริ่มอาละวาดแล้ว”
มาซามุเนะหูผึงหันมองสาวใช้ของตนเอง
“Why?”
ฟิ้ว!~ ตึง!! กร๊อบ!!!
สมอเรือสีเงินลอยผ่านหน้ามังกรตาเดียวแห่งโอชูและผู้ปราดเปรื่องแห่งโอชูปักลงพื้นไม้อย่างแรงจนทะลุลงไปด้านล่าง มาซามุเนะและอาสึคากะหันมองตาค้าง
“เฮ้! ข้าหิวจะแย่แล้ว พวกเจ้าอย่ามัวแต่เสวนาภาษาผู้ดีได้ไหม!!” เป็นเสียงของใครไปไม่ได้นอกเสียจากยักษ์ผู้หิวโหยจากชิโกคุ โจซาคาเบะ โมโตจิกะ
“ใจเย็นๆ ก่อนสิจิกะ! ขอโทษด้วยเจ้ามังกรพอดีข้าลืมให้พี่มัทสึทำอาหารเลี้ยงเขาก่อนมา” มาเอดะ เคย์จิ จอมเสเพลแห่งตระกูลมาเอดะรีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพย หากแต่ช้าไปแล้ว บัดนี้เจ้ามังกรตาเดียวแห่งโอชูชักดาบหกเล่มออกมาเสียแล้ว!
“เอาหัวของพวกเจ้ามาเป็นค่าเสียหายเรือนของข้าเดี๋ยวนี้ไอ้พวกบ้า!!!!!!!!”
“ว้ากกกก!!! ใจเย็นๆ ก่อนเจ้ามังกร!!!!”
ตูม!!!
“สิบวินาที ฝีมือดีขึ้นอีกแล้วสินะ” อาสึคากะปรบมือแปะๆ อย่างไม่เต็มใจ ในขณะที่อิซานากิพยุงให้ยูคิมูระลุกจากฟูกโดยมีริเอะคอยช่วย
“รีบเปลี่ยนชุดเสียเถิด การประชุมนี้ขาดท่านมิได้หรอก” อิซานากิยิ้มออกมาก่อนส่งชุดเกราะสีเพลิงของเขาให้แล้วรีบดึงแขนพี่ชายต่างมารดาของตนไปอย่างรวดเร็ว ยูคิมูระจึงต้องเปลี่ยนเสื้ออย่างช่วยไม่ได้โดยมีริเอะคอยช่วยเหลือเพราะยังเจ็บสะโพกอยู่เล็กน้อย และรู้สึกเหมือนตนเองมีไข้ยังไงไม่รู้
บรรยากาศในการประชุมดูตึงเครียดตั้งแต่ที่ชายผู้ได้ฉายาว่าปีศาจร้ายแห่งโอซาก้า โอทานิก้าวเข้ามาในห้องพร้อม อิชิดะ มิตสึนาริ ภายในห้องมีเจ้าแคว้นต่างๆ ล้อมวงรอโดยมีคนสนิทของพวกเขาคอยอยู่ด้านหลัง ประกอบไปด้วย เจ้าภาพการประชุม ดาเตะ มาซามุเนะ และคนสนิท คาตาคุระ โคจูโร่ ต่อมาคือ โจโซคาเบะ โมโตจิกะ(ไหม้เกรียม) และผู้ช่วยจำเป็น มาเอดะ เคย์จิ(ไหม้มีเดรียม) มาเอดะ โทชิอิเอะ และ มาเอดะ มัทสึ โตกุกาว่า อิเอยาสึ และ ฮอนดะ ทาดาคาสึ(หัวติดเพดาน) โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และทาเคนากะ ฮันเบย์ อาสึคากะ อิซานากิ เขากับมหาอนเมียว ไทโร
การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมเล็กๆ ที่สามารถไปแจ้งข่าวกันเองได้จึงมีแม่ทัพมาร่วมน้อย ยกเว้นแต่โมริ โมโตนาริ ที่ติดงานเร่งด่วนเนื่องจากเรือที่ให้ไปสำรวจทวีปตะวันตกกลับไม่ส่งข่าวกลับมา
“เห็นทีเราควรเริ่มการประชุมกันเสียที พวกท่านไร้สาระกันมามากพอแล้ว” โอทานิเอ่ยพร้อมกวาดตามองอย่างจิกกัด
บรรยากาศชวนสะอิดสะเอียนเสียเหลือเกินจากนั้นก็มีโอทานิเท่านั้นที่เปิดปากพูด ซึ่งดูแล้วเจ้าตัวอยากจะด่าชาวบ้านเสียมากกว่า
“ว่าไปแล้วพยัคฆ์แห่งไคเช่นไรเจ้าจึงให้อนเมียวต่ำต้อยที่หลงเชื่อแต่เรื่องงมงายมาดูแลบ้านเมืองแล้วตนเองมาเป็นตัวประกันไร้เกียรติอยู่ที่โอชูแห่งนี้ หากเป็นข้า ข้าจะส่งลูกน้องมาเป็นเสียมากกว่า” ใบหน้าของยูคิมูระชากับคำพูดของโอทานิ จริงอย่างที่เขาพูดจริงๆ เขามัวแต่จะแก้แค้นมากจนเกินไปจนลืมคำนึงถึงเรื่องพวกนี้
ความรู้สึกชวนให้คลื่นไส้โอบล้อมรอบห้องจนทำให้ยูคิมูระเริ่มทำตัวไม่ถูกต่างจากคนอื่นๆ ในห้องที่เริ่มไม่สนใจแล้วว่าปีศาจร้ายโอทานิมันนั่งหัวโด่อยู่ตรงนั้น เช่นเคยจิที่หันไปนั่งเล่นกับยูเมะคิจิแล้ว
ยูคิมูระกวาดตาไปรอบหัวอย่างกังวลก่อนจะประสาทสายตากับโอทานิ
......ความรู้สึกน่าขยะแขยงฉายชัดในดวงเนตรคู่นั้นจนรู้สึกคลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะหน้ามืดจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ หากแต่จังหวะที่เกือบจะล้มลงไปนั่นเอง....
โครก!~ คราก!~
เสียงท้องร้องสนั่นลั่นห้องเรียกให้ทุกคนหันไปมองที่มา หรือก็คือเจ้ายักษ์หัวเงินจากชิโกคุที่ใช้มือข้างหนึ่งลูบหัวตัวเองปอยๆ ส่วนอีกข้างจับที่ท้องตัวเอง
“โทษที พยาธิในท้องข้ามันอาละวาดขออาหารแล้วละ”
บรรยากาศในห้องปลอดโปร่งทันทีที่โมโตจิกะเอ่ยพร้อมเสียงหัวเราะ โอทานิใช้หางตามองอย่างเหยียดหยาม “ไร้มารยาทเสียจริง ทั้งที่เป็นสัตว์ประเสริฐอย่างมนุษย์กลับทำตนเช่นสัตว์เดรัจฉานอย่างสุนัข”
“จะเป็นมนุษย์หรืออะไรก็ชั่งมันเหอะมันก็หิวได้เหมือนกันหมดแหละ อีกอย่างสุนัขไม่ได้เป็นสัตว์เดรัจฉานเสียหน่อย ดูอย่างอินุกามิของไทโรสิ นั่นนะสัตว์เทพเลยนะ”
....มันไม่ใช่จำพวกเดียวกันเสียหน่อย โมโตจิกะเอ๋ย
“ข้าพูดถูกรึเปล่า เจ้าทานูกิ” ว่าแล้วหันไปหาทานูกิหนุ่ม(?)ที่ใกล้หลับเต็มแก่ ...ข้าอุส่าห์อยู่นิ่งๆ เงียบๆ จะหันมาถามไมวะ?
โอทานิมองคนทั้งหมดที่หลุดจากความตึงเครียดที่เกิดจากเขาไปแล้ว หากจะใช้วิธีเดิมอีกคงจะยากเสียแล้ว จึงกล่าวก่อนเดินออกไปจากห้องพร้อมมิตสึนาริ
“เช่นนั้นการประชุมก็จบไปก่อนก็แล้วกัน อีกห้าวันค่อยมาพบกันใหม่”
เมื่อโอทานิไกลออกไปแล้วฮิเดโยชิก็หงายหลังลงไปเลยโดยมีฮันเบย์หัวเราะในลำคออย่างนึกขำแม่ทัพตนเอง ....แบบว่าเหน็บกินจนขยับไปไหนไม่ได้อีกแล้ว...อยากรู้จริงๆ มันลูกน้องในแคว้นของเขาจริงรึเปล่าหว่า?
พร้อมๆ กันนั้นโทชิอิเอะก็ลงไปหนุนตักของศรีภรรยายอดรัก ไม่ไหวแล้วตาข้าจะปิดเพราะมันนี่แหละ ส่วนคนอื่นๆ นอกจากยูคิมูระ ไทโร และ อิซานากิ หันมายกนิ้วโป้งให้โมโตจิกะ
Nice! เจ้ายักษ์!
โมโตจิกะมองกลับอย่างเอือมๆ
...ก่อนจะไนท์ เนยท์ อะไรนี่ หาข้าวให้ตรูกระเดือกก่อนได้ไหม? พยาธิมันอาละวาดจนกระเพาะจะทะลุแล้ว...
แม้ว่าความรู้สึกชวนให้สะอิดสะเอียนจะหายไปแล้วแต่เขาก็ยังรู้สึกคลื่นไส้อยู่เช่นเดิม ทำไมกันนะถึงได้สัมผัสได้ว่าปีศาจร้ายใต้ผ้าพันแผลสีขาวนั้นมิได้หวังดีกับเขาแม้แต่น้อย ทั้งที่ไคและโอซาก้าเป็นพันธมิตรกันโดยแท้ แต่เมื่อนึกไปถึงดวงเนตรของชายผู้นั้นก็ไม่อาจอดกลั้นความคลื่นไส้ได้อีกต่อไป ป้องปากตนเองพร้อมลุกขึ้นไปอาเจียนที่ขอบระเบียงทันที เรียกความตระหนกให้ทุกคนรวมไปถึงมังกรตาเดียวเองก็ด้วย
“ท่านซานาดะ!” ทั้งไทโรและอิซานากิรีบลุกไปดูอาการของพยัคฆ์เพลิงแห่งไค มหาอนเมียวหนุ่มรีบเข้าไปพยุงร่างที่โงนเงนใกล้จะล้ม อิซานากิแตะหน้าผากของร่างบางที่หอบถี่ก่อนสัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่ม
“ไข้สูงมาก...” หันมองอนเมียวหนุ่มที่แขนขวามีผ้าพันแผลสีขาวเพียงพริบตาก็หันไปบอกพี่ชายตนเองที่เกิดโง่ขึ้นมากะทันหันจนสมองรวนทำอะไรไม่ถูก “อาสึคากะช่วยพาเขาไปที่ห้องที!!” เหล่าแม่ทัพที่เก่งกาจในสนามรบพากันโง่ไปตามๆ กัน เพราะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้
“ทำอะไรอยู่เล่า อาสึคากะ!!”
คราวนี้เองที่ผู้ปราดเปรื่องดึงวิญญาณกลับมาได้รีบเข้ามาจะมาอุ้มยูคิมูระไปที่ห้องในเรือนที่มังกรหนุ่มเตรียมไว้ แต่เจ้าของแคว้นกลับเข้ามาขวางเอาไว้
“ข้าจัดการเอง” ว่าก่อนช้อนตัวบางขึ้นก่อนอุ้มไปที่ห้องที่จัดไว้ อิซานากิหันไปมองเหล่าหนุ่มๆ ที่ยังโง่ไม่เลิกยกเว้นไทโรที่บอกว่าตนจะรีบไปหาสมุนไพรมาทำยา
“อย่ามัวแต่อึ้งกันได้ไหมพวกท่าน! ท่านโตกุกาว่ากับอาสึคากะไปช่วยไทโรหาสมุนไพรมาให้มากที่สุด ท่านทาเคนากะกับท่านมัทสึช่วยทำข้าวต้มไว้ให้ด้วย ริเอะเตรียมน้ำมาเช็ดตัว ท่านคาตาคุระช่วยหาเสื้อมาให้เขาเปลี่ยนด้วย” หยุดพักหายใจเพียงครู่ก็เหมือนกับจะนึกอะไรบางอย่างออกจึงให้มายิ้มอย่างงดงามหากแต่กลับทำให้เจ้าของชื่อนั้นๆ สยองสันหลังวาบ
“ท่านโมโตจิกะ ท่านเคย์จิ ท่านโทชิอิเอะ ท่านฮิเดโยชิ และท่านฮอนดะ ช่วยอยู่นิ่งๆ อย่าดื้ออย่าซนด้วยนะ”
ก่อนที่จะวิ่งตามมังกรตาเดียวไปอย่างรีบร้อน เมื่อดอกไม้งามพ้นตาไป โมโตจิกะก็เอ่ยขึ้นทั้งที่ยังหนาวสันหลัง
“ข้าวข้าละ?”
“ยังห่วงเรื่องนั้นอยู่รึไงเนี่ย?”
สวัสดีคร้าบ ไอ้รีเซ็ทเจ้าเก่าครับ รู้สึกไปเองรึเปล่าว่าฟิคตัวเองเรื่องอื่นมันหยุดชะงักกันหมดเลยนะเนี่ย =w=a แบบว่าพยายามให้จบเป็นเรื่องๆ ไปแล้วกัน เอาเรื่องนี้ให้จบไปก่อนเนอะ(เพราะมีคนอ่านเยอะ) อ่านมาถึงตรงนี้เริ่มรู้สึกแล้วใช่ไหมว่ามันแปลกๆ ใช่ แปลกมาก แปลกยังไงไรเตอร์ไม่ยู้ T^T(แกเขียนเองนิ) แบบว่าความสัมพันธ์เริ่มมั่วมากขึ้นเพราะตัวละครเกี่ยวโยงมันเยอะ แถมยังสับสนกับบุคลิกท่านมาซาอีกต่างหาก แบบว่าเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย =w=a ขอยอมรับว่าเขียนเรื่องนี้ 'มันส์มาก' แบบว่าเขียนแล้วมีความสุขได้แกล้งยูคิจัง(โรคจิต) จะพยายามอัพทุกวันนะครับ =w= เดี๋ยวพรุ่งนี้อาจจะมาลงต่อนะครับ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ช้าๆ ได้พร้าสองเล่มงามนะครับ
(พอดีมีคนบอกว่าวุ้นน่ารักเลยวาดมาลงให้ระหว่างรอ)
ดวงเนตรค่อยๆ ปรือขึ้น หัวยังคงปวดหนึบราวกับมีใครมาทุบอยู่ตลอด ดวงเนตรสีน้ำตาลไหม้เหมองร่างที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างฟูก
“อย่าเพิ่งขยับตัวเลย ซานาดะ” ชายหนุ่มผมสีเงินเอ่ยอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าแม่ทัพแห่งไคพยายามจะลุกขึ้น
“ท่าน...อาสึ...คากะ?”
“ใช่ ข้าเอง เจ้าอย่าเพิ่งลุกขึ้นมาเลยซานาดะ” น้ำเสียงติดเป็นห่วงของอาสึคากะทำให้เขายอมนอนลงไปอีกครั้ง กวาดตามองรอบๆกายแม้จะเห็นไม่ทั้งหมด
“ท่านอิซานากิ ไปไหนหรือขอรับ?” เอ่ยถามอย่างข้องใจเมื่อดอกไม้งามไม่ได้อยู่ข้างกายผู้ปราดเปรื่องเช่นยามที่พบกันในครั้งแรก
“ไปสั่งสอนเด็กดื้อ”
....เด็กดื้อ?
“ไหงเจ้าไปเรียกเหล่าไดเมียวว่าเด็กดื้อกันเล่า อาสึคากะ” เสียงติดขบขันของมหาอนเมียวจิเรียกให้ยูคิมูระตวัดตามอง เมื่อกี้นี้ไทโรเรียกผู้ปราดเปรื่องว่าอาสึคากะเฉยๆ งั้นหรือ?
“พวกนั้นมันเด็กดื้อจริงไหมละ ไทโร?”
“เปล่าเถียง” มหาอนเมียวนั่งลงข้างๆ อาสึคากะด้วยรอยยิ้มก่อนหันมาหายูคิมูระที่มองคนทั้งคู่อยู่นานสองนานด้วยความสงสัยในความสัมพันธ์ที่เหมือนจะสนิทกันเกินเหตุด้วยความที่ไคและโอชูเป็นศัตรูกัน
“ขออภัยที่ไม่ได้เรียนท่าน ท่านซานาดะ ....ข้ากับอาสึคากะและอิซานากิเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันตั้งแต่ที่โอชูจะยกเลิกพันธมิตรกับไค” รอยยิ้มที่ฉายอยู่บนใบหน้าของมหาอนเมียวหนุ่มมิได้บงบอกถึงการโกหกแม้แต่น้อย....
เขาเข้าใจดีว่าเมื่อเมืองทั้งสองเป็นศัตรูกันก็ไม่อาจจะเป็นเพื่อนกันได้เช่นเดิมด้วยจะถูกกล่าวว่าเป็นไส้ศึกของกัน แต่เพราะไทโรเชื่อว่าเขาจะไม่เอาไปบอกใครจึงได้รายงานเขาในเรื่องนี้
“อย่างไรก็ตาม ซานาดะ เจ้ากินยาที่ไทโรต้มมาเสียแล้วนอนซะ” อาสึคากะเลื่อนถ้วยยาใบเล็กมาข้างฟูกนอนของเขา ก่อนที่จะลุกขึ้นดึงข้อมือซ้ายของมหาอนเมียวผมทองออกไปด้วย
“เอ๋! เดี๋ยวสิอาสึคากะ ข้ายังมีเรื่องต้องคุยกับท่านซานาดะก่อน”
“อย่ารบกวนคนป่วย ซากิไม่ได้สอนเจ้ารึไง?”
“สอนสิ แต่ถ้าไม่พูดตอนนี้....โอ๊ย!! เจ้าจับแผลข้าทำบ้าอะไรเนี่ย!”
“แผล?....เรามีเรื่องต้องคุยกันแล้ว ไทโร”
เสียงทะเลาะกันดังไกลออกไปโดยที่ยูคิมูระที่ลุกขึ้นมาดื่มยาได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้สองคนนั้นโดนดอกไม้งามเหมารวมเป็นเด็กดื้อแล้วลงโทษเล้ย~.....
สายลมหนาวยามค่ำคืนพัดพานเรือนชวนให้คนป่วยต้องขดตัวเองไว้กับผ้าห่มผืนน้อยๆ ที่เข้าของแคว้นจัดเอาไว้ให้ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ความหนาวเย็นลดลงไปเลย....แต่แล้วเสียงกรีดร้องเบาๆ เรียกให้เขาต้องลุกขึ้นแง้มบานประตูดูต้นเสียง
ภาพของชายหนุ่มผมยาวสีทองสว่างในชุดรัดรูปสีดำสนิทปรากฏอยู่ในสายตาของเขา มือของร่างนั้นกำดาบคู่แน่น ฟาดฟัน....ร่างของชิโนบิคนอื่นๆ กว่าสิบคนลงไปนอนเรียงรายอยู่กับพื้น
“ไท...โร.....?” ในความทรงจำของเขาปรากฏใบหน้าของมหาอนเมียวหนุ่มตาเดียวขึ้นมาอย่างชัดเจน ทำไมถึงเหมือนเช่นนี้....ไม่สิ จะเป็นไทโรไปได้อย่างไร เขาเป็นอนเมียวจิที่สู้ด้วยอาวุธไม่เป็นเสียหน่อย ใบหน้าของชายผมทองหันมาหายูคิมูระทำให้เห็นว่าใบหน้าครึ่งล่างของเขาถูกปิดด้วยผืนผ้าสีดำสนิท ดวงเนตรซ้ายปิดสนิท หากแต่ดวงเนตรขวากลับเป็นสีแดงเลือดตรงกลางลูกนัยน์ตามีอัญมณีสีอเมทริตส์ฝั่งลึกอยู่โดยมีอักขระสีทองวิ่งวนไปรอบๆ .... หากเขาจำไม่ผิด ไทโรตาบอดขวา แต่คนๆนี้กลับมีตาขวา...
“มิใช่....” น้ำเสียงที่เหมือนกันราวกับแกะเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ร่างสีดำเก็บดาบก่อนประจันหน้ากับเขา
“ข้าเป็นชิโนบิที่มหาอนเมียวจ้างวานมาเพื่อช่วยเหลือท่านในยามที่อยู่ในโอชู....” น้ำเสียงเรียบเย็นผิดกับน้ำเสียงสบายๆ ของมหาอนเมียวดังราบเรียบ
“คุราอิคาเงะ(เงาความมืด) เรย์นิ คือนามของข้า”
ติดตามตอนต่อไป
พบกันใหม่บทหน้า รักที่ 4 : มังกรตาเดียวคลั่ง นะคร้าบ
ความคิดเห็น