ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Au Fan Fiction Sengoku Basara ~Taboo Love~

    ลำดับตอนที่ #5 : รักที่ 2 : เงามืดและแสงสว่าง [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.พ. 56


    Title : Taboo Love

    Author : FesenyAReseT

    Rating : PG-13

    Author Note : นิยายเรื่องนี้คือ Au ซึ่งหมายถึงไม่อิงความเป็นจริง เพราะเช่นนั้นจะมีตัวละครใหม่และสถานที่หรือเรื่องราวที่ไม่เหมือนจริง

     

    คำเตือน : นิยายเรื่องนี้เป็นชายรักชาย ใครรับไม่ได้ปิดไปซะนะครับ ขอร้องว่าอย่าแบนหรือด่ากัน เพราะเราเตือนท่านแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือห้ามหลอกเลียนไปเป็นนิยายของตนเองครับ หากจะเผยแผ่กรุณาขออนุญาติกันก่อนและลงเครดิตด้วยนะครับ  หากใครต้องการลองของก็ได้นะครับ แล้วจะได้รู้กันว่าผมจะทำยังไง หึหึ....

     

     

    รักที่ 2 : เงามืดและแสงสว่าง

     

               

     

                สายลมพลิ้วไหวยามค่ำคืนสร้างความหนาวเย็นยิ่งนัก ยิ่งเป็นดินแดนทางเหนืออย่างโอชูแล้วไซร้ ...ไอสีเทาดำรวมตัวกันตรงหน้าร่างบางเปลือยเปล่าของตัวประกันจากไค ร่างซึ่งปรากฏขึ้นจากกลุ่มควันคือร่างสูงโปร่งของชายเรือนผมสั้นปะบ่าสีทองสว่าง อาภรณ์ของเขาเป็นแบบรัดรูปสีนิลเหมาะแก่การพรางตัวบงบอกถึงการเป็นชิโนบิ ดวงเนตรทั้งสองของเขาถูกบดบังด้วยผ้าสีดำสนิท

    เขาจัดการสวมใส่ฮากามะให้แก่ร่างบางก่อนช้อนร่างบางอุ้มขึ้นไปวางบนฟูกซึ่งอยู่ไม่ไกลนักและอยู่ในรัศมีของโซ่

                “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นพยัคฆ์หรือนกน้อยของเขากันแน่....” เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมกันนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นห่มกายของยูคิมูระที่ยังไม่ได้สติ ความเจ็บปวดทางกายใยเล่าจะมากไปกว่าความเจ็บปวดทางใจ...

                ปาดน้ำตาออกจากหางตาสวยอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะชะงักด้วยความรู้สึกไม่แน่ใจ มือของเขานั้นต้องจับอาวุธสังหารเช่นคุเรไนและชุริเกนทุกวี่ทุกวัน เปื้อนเลือดคนมากนับครั้งไม่ถ้วนปลิดชีพมานักต่อนัก แต่บัดนี้กลับใช้มันปาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวด... มันสมควรแล้วหรือ?

     

                “ใครสั่งให้แตะต้องของเล่นของข้า คาเงะ...” เสียงออกโกรธเคืองดังจากหน้าประตู เจ้าของเรือนผมสีทองกระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย เขายืนขึ้นก่อนค่อยๆ สลายตนเป็นไออีกครั้ง

                “ข้าเห็นว่าเขานอนหนาวอยู่กับพื้น เกรงว่าจะจับไข้เสียก่อนจะได้เป็นของเล่นของท่านอีกครั้ง... กระมังขอรับ?” เสียงเรียบติดกวนเรียกให้มาซามุเนะฉุนขาด

     

                “ไสหัวไปซะ คาเง ะ!

     

                ไอสีดำพัดออกไปนอกตัวเรือนอย่างรวดเร็วตามแรงสายลม พร้อมเสียงคลอมากระทบหู

     

    “ข้ามิได้ชื่อคาเงะเสียหน่อย ไดโอ ต่างหาก นายเหนือหัว”



    -----

     

    สายลมโหมพัดแรงขึ้นเมื่อกลุ่มควันสีดำลอยต่ำลงบนกิ่งไม้ใหญ่ใกล้เรือนส่วนตัวของมังกรตาเดียวแห่งโอชู ร่างของชายผมสีทองปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทอดมองมือตนเองผ่านผืนผ้าสีนิลซึ่งปกปิดดวงเนตรทั้งสองด้วยความไม่เข้าใจ

     

                ตลอดมาเขามองทุกสิ่งผ่านผ้าสีดำผืนนี้มาโดยตลอด ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายของเขาจึงมืดสนิท หนาวเหน็บและน่าหวาดกลัว หากแต่ต่างกัน.... เขามองเห็นใบหน้าหวานนั้นได้อย่างชัดเจน สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นสะท้านเข้าไปในจิตใจ ... มันคืออะไรกันแน่ ...?

                คาเงะ เสียงเรียกของมังกรตาเดียวเรียกให้เขากระโดดลงจากต้นไม้ ยืนประจันหน้ากับชายตาเดียว

                ต้องให้ข้าเตือนกี่ครั้งกัน นามข้าคือ ไดโอ มิใช่ คาเงะ เอาเถอะ ข้าเบื่อที่จะพูดแล้ว ถอดใจกับความดื้อด้านของอีกฝ่ายเต็มทน หากแต่ว่าเขาก็เลือกที่จะติดตามชายตรงหน้าตราบที่เขายังองค์อาจดังมังกรผงาด

                หากสมญานามของเจ้าไม่ใช่ คากะคาเงะ (เงาแม่ทัพ) ข้าก็จะไม่เรียกเจ้าแบบนี้หรอก ชิโนบิไร้ทัพ ไดโอ กล่าวด้วยความขุ่นเคือง กับใบหน้าระรื่นของอีกฝ่ายที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน หลายต่อหลายครั้งที่เขาต้องหงุดหงิดเพราะชิโนบิตรงหน้า ผู้ที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ... และยังเลือกนายของตนเองที่ความองอาจ และจะสังหารนายเก่าที่ไม่ได้องอาจได้อีกด้วยน้ำมือตนเอง

     

                ...ซึ่งมังกรตาเดียวแห่งโอชูจะไม่เป็นเช่นนั้น!!

     

     

                รับคำสั่งข้า คากะคาเงะ ไดโอ!” เสียงสั่งทรงพลังเรียกให้ริมฝีปากของชิโนบิหนุ่มผมสีทองกระตุกขึ้น ลงคำนับเจ้านายของตนเองเป็นการรับคำสั่ง

                ข้าคือเงาของท่าน จะทำทุกสิ่งที่ท่านประสงค์ให้เป็นดั่งใจ

    ไปจับตัวประกันแห่งไคมาให้ข้าอีกคน

    ไม่ทราบว่าท่านต้องการผู้ใด นายข้า

     

     

     

    ซารุโทบิ ซาสึเกะ

     

     

    เสียงหัวเราะหลุดออกมาจากลำคอของชิโนบิหนุ่ม ทางเลือกนี้เป็นอีกทางเลือกที่ดีมากกับการจะทรมานศัตรูของเขา ช้าๆ และเจ็บปวดที่สุด...และยังทำให้ผู้บงการเบื้องหลังไคสั่นสะท้าน

     

     

    ข้าทราบแล้ว นายเหนือแห่งข้า มังกรตาเดียวแห่งโอชู

     

     

     

    ...หนนี้เจ้าจะทำเช่นไรเล่า มหาอนเมียวจิ...


    ----

    ค่อยมาอัพเพิ่มเพราะการบ้านมหาศาล =__=a ขอบคุณทุกคอมเม้นนะครับ =w=~~

    ---

     

    ตึง!! ฝ่ามือเรียวทุบลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรงหลังจากได้รับข่าวจากสายของตนเองว่าเป้าหมายต่อไปของดาเตะ มาซามุเนะ คือชิโนบิคนสำคัญของซานาดะ ยูคิมูระ บัดนี้ใบหน้าของมหาอนเมียวจิเต็มไปด้วยความตรึงเครียด เรือนผมยาวสลวยสีทองสว่างถูกรวบสูง ดวงเนตรสีแซปไฟร์เพียงข้างซ้ายจ้องมองแผนที่บนโต๊ะ หากไม่มีชิโนบิหนุ่มแล้วเล่าแผนการของเขาก็ไม่อาจเป็นจริงไปได้ มือขวาถูกยกขึ้นลูบรอยสักรูปกางเขนที่แก้มซ้ายก่อนเลื่อนไปแตะผ้าพันแผลสีขาวซึ่งปิดดวงเนตรขวาเอาไว้ กดลงไปเล็กน้อยให้ความรู้สึก

     

     

    ผู้ที่จะมาพาตัวเขาไปเป็นเจ้าสินะ

     

     

    นุอุริเฮียน  รวมพลภูติ!!” เขาตวาดกร้าว ไม่นึกว่าโอชูจะโต้กลับเขาเช่นนี้ หมายความว่าตอนนี้ทหารแห่งไคที่เขาส่งไปเป็นสายถูกจับได้ และหากเขาไม่รีบทำอะไรบางอย่างเรื่องจักต้องบานปลายไปกว่านี้แน่

     

     

     

     

    ภายนอกวัดของเขาบังเกิดควันสีเทาขนาดใหญ่ ร่างของชายหนุ่มผมยาวสีเงินก้าวออกมาจากกลุ่มควัน ในมือของเขาถือร่มสีน้ำเงินซึ่งถูกถือในลักษณะพาดบ่า บนใบหน้าของเขาแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม

    มีอะไรให้ช่วยรึไงกัน ไทโร  แม่ทัพภูติเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดกวน ต่างกับมหาอนเมียวจิแห่งตระกูลไทโรซึ่งขมวดคิ้วมุ่นจนน่าแปลกใจ แต่แล้ว...

     

    มหาภูติ ขบวนร้อยอสูร โปรดฟังข้าจากนี้ไปเป็นภารกิจใหญ่หลวงสำหรับพวกท่านแล้ว โปรดช่วยเหลือข้าด้วยเถิด!!

     

    ประกาศกร้าวแผงด้วยความเกรงขามเหล่าอสูรแห่งขบวนร้อยอสูรต่างจ้องมองมาที่เขาไม่วางตา ไม่ใช่ว่าพวกเขาหวาดเกรงมนุษย์หรือหวาดเกรงมหาอนเมียวผู้นี้ หากแต่รู้สึกนับถือในฐานะ

    อนเมียวนอกรีต ของชายคนนี้ต่างหาก

                “เนื่องด้วยทางโอชู เรียกตัวชิโนบิซารุโทบิ ซาสึเกะ ไปทางเราคงต้องเปลี่ยนแผนกันเสียแล้ว” พูดด้วยน้ำเสียงติดตึงเครียด สมองของเขาพยายามประมวลผลกลั่นกรองข้อมูลออกมาให้มากที่สุด การจะให้เหล่ามหาภูติช่วยเหลือควรเป็นเรื่องที่ตึงมือเกินกว่ามนุษย์จะทำได้ นอกจากนั้นจะไม่เป็นการเสียเกียรติมหาภูติ

                “ไทโร” แม่ทัพภูติหนุ่ม นุอุริเฮียนกล่าวขึ้นเรียกให้เจ้าของนามอย่างมหาอนเมียวจิหลุดออกจากภวังค์

                “ข้าว่าให้ภูติประจำแคว้นต่างๆ ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนดีไหมว่าพวกเขาคิดจะทำอะไรกันบ้าง?

                “เป็นความคิดที่ไม่เลวนักหรอกนุอุริเฮียน แต่ว่าอย่าลืมสิพวกเจ้าเป็นถึงภูติแห่งขบวนร้อยอสูร ไม่คิดว่าเสียเกียรติบ้างหรือ?ที่มาช่วยเหลือคนอย่างเขา

     

                “เสียเกียรติ? เฮ้ พวกเราเจ้าไทโรบอกว่าเราจะเสียเกียรติ! แม่ทัพภูติหนุ่มผมสีเงินหันไปหาเหล่าพรรคพวกของตนเองซึ่งเริ่มมีสีหน้าบึ้งตึง

                “ไม่ใช่หรอกเจ้าคะ ไทโรซามะ ...การได้ช่วยเหลือท่านถือเป็นเกียรติของเรา หากไม่ช่วยเหลือท่านแล้วสิถือเป็นการเสียเกียรติที่มิได้ตอบแทนบุญคุณหญิงสาวผู้เป็นภูติ ยูคิอนนะ เอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกับเหล่าภูติหน้าตาประหลาดของเหล่าขบวนร้อยอสูร มหาอนเมียวยิ้มออกมาเล็กน้อย

                “ขอบคุณพวกท่านมาก เช่นนั้นเราจักทำตามที่นุอุริเฮียนบอก ระหว่างที่พวกภูติประจำถิ่นสืบข่าวขอให้พวกท่านช่วยปลอมตนเป็นมนุษย์ช่วยเหลือเหล่าชาวบ้านให้พวกเขาหลีกภัยทันหากมีสงคราม หรือเกลี่ยกล่อมให้พวกเขาอย่าทำสงครามกันที”

                “แต่ว่าเรามีปัญหาอยู่ ไทโร” นุอุริเฮียนเอ่ยขัดมหาอนเมียวหนุ่ม

     

                “คิซึเนะ คิวบิ โนะ โอชู(จิ้งจอกเก้าหางแห่งโอชู) หายตัวไป”

     

                “นานแค่ไหนแล้ว? ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้ละ?” จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขายังสัมผัสได้ถึงไอวิญญาณของจิ้งจอกตนนั้นที่โอชูได้อยู่เลย

                “ประมาณช่วงจบสงครามไค-เอจิโกะ นั่นแหละ หรือ เราจะไปลองถามสามพี่น้องคาไมทาจิดูว่าพวกเขาจะพอช่วยเหลือเราได้ดีไหม?

                “คาไมทาจิ โนะ คางะ? เป็นความคิดที่ดีเพราะยังไงที่คางะก็ยังมี การาสุเทนกุ โนะ คางะ อยู่”

     

     

     

     

                ไม่นานพวกเขาก็ได้บทสรุปของการประชุมนี้ ควันสีเทาโอบล้อมเหล่าขบวนร้อยอสูรอีกครั้ง โดยที่มหาอนเมียวหนุ่มนิ่งมองพรรคพวกของตนเองหายเข้าไปในหมอก

                “ไทโร” เป็นอีกครั้งที่นุอุริเฮียนเรียกมหาอนเมียวหนุ่ม ไทโรมองกลับไปอย่างสื่อความหมายว่าให้พูดมาเลย

                “งานนี้เราเหล่ามหาภูติขบวนร้อยอสูรจะเป็นผู้จัดการเองเพราะเราเหมาะกับการอยู่ในเงามืดเหมือนๆ กับพวกชิโนบิ ต่างจากเจ้าที่เป็นเหมือนแสงสว่าง งานนี้ข้าไม่อนุญาตให้มหาอนเมียว ไทโร ออกมาร่วมสู้ด้วยหรอกนะ” ว่าก่อนแฝงตัวหายเข้าไปในหมอกสีเทา หายไปจากบริเวณนั้น ไทโรหันหลังกลับไปในตัววัด

     

     

     

    -ข้าไม่อนุญาตให้มหาอนเมียว ไทโร ออกมาร่วมสู้ด้วยหรอกนะ-’

     

     

               

                “ถูกแล้วมหาอนเมียวจะไม่มีทางออกไปร่วมสู้ด้วย” มือเรียวปลดผ้าพันแผลที่ตาขวาออกช้าๆ แต่แล้วเมื่อดวงเนตรคู่นั้นเปิดออก อัญมณีสีแดงสดก็ส่องประกาย!

     

     

     

                ดวงเนตรสีน้ำตาลของยูคิมูระค่อยๆ ปรือขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความเย็นที่สัมผัสกับใบหน้า

                “รู้สึกตัวแล้วหรือ?” เสียงหวานลอดเข้ามาให้โสตประสาทเรียกให้หันมองอย่างตกตะลึง เรือนผมสีม่วงลาเวนเดอร์แผ่สยายงดงาม ดวงเนตรสีแดงสดส่องประกายราวกับทับทิมเม็ดงาม ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอ่อนๆ ร่างเล็กในชุดกิโมโนสวย ราวกับดอกไม้งามดอกหนึ่ง....

    “ท่าน...เป็นใครกัน”

     

     

     

    ติดตามตอนต่อไป

     

    ขออภัยที่ต้องตัดสั้นแค่นี้ เพราะรีบจริงๆ ยังไงก็ฝากเรื่องนี้และเหล่าตัวละครใหม่ด้วยนะครับ!!

    (เลื่อยมาแก้ไข แบบว่าพิมพ์ผิดอะ ตรงที่ไทโรจะแตะผ้าอะ เขาลูบรอยสักกางเขนที่'แก้ม' ไม่ใช่ 'แขน' /ปาดเหงื่อ)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×