คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Part 4 นักสืบหนุ่ม
Neteiru Seven Day
Title : ความปรารถนา
Author : FesenyAReseT
Rating : PG-13
Author Note : นิยายเรื่องนี้มาจากละครสดของกลุ่ม
คำเตือน : มันมั่วที่สุด
Part 4 นักสืบหนุ่ม
"ดินแดนต่อไปที่เราจะไปคือ เรสเทียร์ อาณาจักรแห่งมนตรา"
“เรสเทียร์?” เจสเตอร์หนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัยกับเป้าหมายต่อไปของพวกเขา เรสเทียร์...อาณาจักรแห่งมนตรา
“ใช่ เรสเทียร์ อาณาจักรแห่งมนตรา ข้าว่าจะไปหาเวทย์ใหม่ๆ ที่นั่นดู” โครอสว่าพลางม้วนเส้น
สปาเก็ตตี้เข้าปากตนเอง
“นอกจากนั้นอาณาจักรเรสเทียร์ยังเก็บตำนานต่างๆ เอาไว้มากมายด้วยละครับ ไม่แน่ว่าอาจจะมีวิธีช่วยให้เนียซังกลับเป็นคนธรรมดาได้ก็ได้นะครับ” อาลาดินว่าด้วยน้ำเสียงร่าเริงเกินบรรยายหากแต่ตรงข้ามกับสองหนุ่มอายุมาก(?)ทั้งสอง พวกเขาต่างครุ่นคิดไม่ตกกับชื่อของอาณาจักรนี้
...อาณาจักรที่พวกเขาไม่ควรก้าวเข้าไป ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามที
"ข้ากับเนียจะไปรอที่อาณาจักรถัดไป แบบนั้นจะดีกับเนียและตัวข้ามากกว่า" เทสสรุปสั้นๆ ด้วยโชคดีของเขาที่คู่หูผมทองทำหน้ากังวลราวกับว่ามันเป็นสถานที่ๆ เจสเตอร์หนุ่มไม่ควรเข้าไป ...เช่นเดียวกับเขา
“เอ๋? ทำไมละเทส” นาเทียร่าถามอย่างผิดหวัง หากแต่โจรหนุ่มทำเพียงยิ้มบางๆ ให้โดยไม่ตอบอะไร เนียลุกขึ้นเดินไปจ่ายค้าอาหารก่อนเดินออกไปจากร้านอย่างเงียบงันจนเทสเกือบตามไม่ทัน
“ไว้เจอกันนะ!”
ใบหน้าของแม่มดสาวดูหงุดหงิดเหลือเกิน ตั้งแต่ที่เบ๊สองคนมันไม่ยอมมาด้วย ทั้งๆ ที่เป็นอาณาจักรใหญ่หากให้พวกมันแสดงกายกรรมคงหาเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ปึก! ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งชนเข้ากับโครอสอย่างแรงจนล้มไปทั้งคู่
“พี่สาว!” ทั้งนาเทียร่าและอาลาดินรีบถลาเข้ามาดูหญิงสาวในขณะที่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากการล้มหน้าทิ่ม(ได้ยังไงไม่รู้)
“ขออภัยนะขอรับ พอดีข้ารีบไปหน่อย.... ไม่คุ้นหน้าเลย พวกท่านเป็นนักเดินทางหรือขอรับ” ชายหนุ่มผมสีดำชี้ไม่เป็นทรงส่งยิ้มให้ทั้งสามชวนให้ไว้ใจแบบแปลกๆ
“อะ เอ่อ ใช่” โครอสถึงกับสะอึกกับความแปลกของชายตรงหน้า ชายคนนั้นยิ่งยิ้มออกมามากกว่าเดิมก่อนจะคว้ามือหญิงสาวเอาไว้แน่น
“ผู้ช่วยให้รอดมาแล้ว!!!”
“หา?” ทั้งสามส่งเสียงอุทานพร้อมกันด้วยความงุนงงกับคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า เขาทำตาแวววับมากกว่าเดิมจนถ้าเบ๊สองคนมาเห็นคงตะโดนรุมกระทืบด้วยความหมั่นไส้ไปนานแล้ว
“ข้า ข้าชื่อ ฟู ซาคาโมโตะ ขอรับ มาจากดินแดนทางตะวันออก ข้ากำลังมีปัญหากับการเข้าไปในเมืองอยู่พอดีขอรับ ได้โปรดช่วยข้าด้วยนะขอรับ!” ร่ายมาเป็นชุด หาได้ใจความไม่ สรุปมันต้องการอะไรกันแน่? แต่ที่รู้ๆ คือ....อย่าทำหน้าแบบนั้นได้ไหมเห็นแล้วแม้แต่แม่มดยังสงสาร!
“ด ได้สิ” ความเป็นคนดีเกินกว่าจะเป็นแม่มดของโครอสทำพิษอีกแล้ว......
“นักสืบ?” นาเทียร่าส่งเสียงถามอย่างตื่นเต้นเมื่อได้ยินชายหนุ่มบอกอาชีพของตนเอง ฟูหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะพยักหน้าตอบรับ
“แต่ก็ยังเป็นพวกอ่อนหัดอยู่ขอรับ....เท่าที่ดู พวกท่านคงมิได้เดินทางกันแค่สามคนสินะขอรับ” เอ่ยด้วยรอยยิ้ม หากแต่ตอนนี้แววตาของเขากลับมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่
“เจ้ารู้ได้ไง?” โครอสถาม
“เอาเป็นว่าข้ารู้ก็แล้วกันนะขอรับ...” รอยยิ้มมีเล่ห์ชวนให้สยองขวัญเรียกสัญชาตญาณของแม่มดสาวทำงานทันทีเช่นเดียวกับอาลาดินที่คว้าข้อมือของนาเทียร่าเอาไว้แน่น
“หมดธุระกับเจ้าแล้ว พวกข้าขอตัว” รีบลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไปจากร้านเหล้าที่มีเหล่าพวกขี้เมามาดื่มกินสุรากันตั้งแต่กลางวันแสกๆ
หากแต่ว่า....ชายฉกรรจ์เหล่านั้นกลับลุกขึ้นมาล้อมทั้งสามเอาไว้
“ข้ายังไม่ได้บอกให้ท่านลุก จะลุกได้อย่างไรเล่าขอรับ”
“ฟู ซาคาโมโตะ เจ้า!” แม่มดสาวหันไปส่งสายตาอาฆาตให้แก่นักสืบหนุ่มที่ยังคงยิ้มพลายไม่เปลี่ยนแปลง เธอจึงเริ่มร่ายเวทย์มนต์เพื่อหนีไปจากเงื้อมมือของชายคนนี้....หากแต่.....
“เวทย์มนต์ ใช้ไม่ได้?!” อาลาดินร้องเสียงหลงเมื่อเวทย์ของตนเองไม่ยอมสัมฤทธิ์ผล เช่นเดียวกับโครอส ฟูหัวเราะร่าก่อนที่จะเฉลยออกมา
“พื้นที่ภายใต้การดูแลของตระกูลเรสเทียร์ จะไม่สามารถใช้เวทย์มนต์ได้”
“ลูกพี่ อีกสองคนมันอยู่ที่เมืองข้างๆ ครับ” ชายร่างใหญ่รายงานในสิ่งที่เจ้านายหนุ่มได้สั่งเอาไว้ ฟูพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยสั่ง
“ไปจับพวกมันมา แล้วไปขังในคุกมืด ส่วนสามคนนี้....ไปที่คุกสี่เหลี่ยม”
ตอนนี้เองที่โครอสรู้สึกเจ็บใจที่ไม่ยอมเรียนวิธีสื่อสารผ่านสายลมมาจากเนีย เพราะวิธีนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เวทย์มนต์ หากระยะทางหากกันเพียงเมืองเดียว
เนีย เทส รีบหนีเร็วเข้า!!!
ดวงเนตรสีฟ้ากระจ่างของเจสเตอร์หนุ่มจับจ้องรูปวาดในมือของตนเองด้วยใบหน้ายากจะเข้าใจ โหยหา รักใคร่ หรือ เศร้าโศก
“รูปอะไรหรือ เนีย”
“รูปวาดเหมือนน่ะ....มีข้า น้องสาว แล้วก็เพื่อนสนิท” เนียตอบด้วยใบหน้าเช่นเดิมจนเทสรู้สึกลำบากใจ
“น้องสาวข้า เซเรเฟีย เป็นคนดีมากเลยละ นางจักช่วยเหลือทุกคนไม่ว่าจะดีหรือเลว ไม่ว่าผู้ใดก็ต่างรักนางกันทั้งนั้น” วางรูปวาดลงบนโต๊ะเพื่อให้โจรหนุ่มได้เห็น ภาพเหมือนที่ทำให้เห็นว่าชายผมทองตรงหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่จะสักนิด เปลี่ยนไปเพียงรอยยิ้มที่ฉายบนใบหน้า เพราะในรูปรอยยิ้มที่ออกมาเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริง หากแต่บัดนี้มีพียงความเศร้า
“ชุดเจ้าดูเก่ากว่าคนอื่นเลยนะ เนีย ....แล้วคนที่ใส่เกราะเหมือนอัศวินคนนี้ละ?” ชี้ไปที่คนข้างๆ เด็กสาวในรูปวาด เขาดูเป็นคนที่ดูดีไม่เลวเลย หากชายหนุ่มหน้าตาไม่ดีเห็นเข้าคงสาปแช่งให้เขาไปตายแบบไม่มีวันเกิดใหม่
“เพื่อนข้าเอง เขาชื่อ เรเฟล ทาร์ค เขาเป็นคนที่นิสัยต่างจากเจ้าคนละขั้วเลยละ....แต่ก็เหมือนกันตรงหน้ามุ่งมั่นละมั้ง? เพราะเขาไม่ไร้สาระแบบเจ้า”
“สรุปว่านี่ชมหรือด่า?”
“ก็คิดเอาเองสิ”
จอมโจรหนุ่มตวัดดวงเนตรสีเดียวกับเรือนผมมองเจสเตอร์หนุ่มตรงหน้าอย่างเคืองๆ ก่อนที่จะถอนหายใจ ...เขาคงแก้นิสัยกวนๆ แบบนี้ของคนตรงหน้าไม่ได้หรอก ทำได้แค่ทำใจยอมรับต่อไปเท่านั้นแหละ ...แต่แล้วเสียงที่ทำให้พวกเขาหลุดออกจากการสนทนาที่เหมือนกับจะทะเลาะกันให้รู้แล้วรู้รอด คือเสียงของเจ้าของร้านหญิงที่กรีดร้องด้วยความตกใจและเจ็บปวด
“ตัวตลกผมสีทองอยู่ที่นี่ใช่ไหม!!”
เสียงที่ตะโกนถามเรียกให้เจสเตอร์หนุ่มและจอมโจรหนุ่มหันมองหน้ากัน ตัวตลกผมสีทอง...ตรงนี้ก็มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละ...
“รีบไปดูกันเถอะ”
ชายฉกรรจ์ร่างยักษ์กว่าสิบคนช่วยกันทำลายข้าวของในร้านอย่างไม่เกรงกลัวใครพร้อมทั้งตะโกนด้วยเสียงกร้าว
“ตัวตลกผมสีทองอยู่ที่ไหน!!”
“ข้าอยู่ตรงนี้!”
เสียงนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกเสียจาก …เจสเตอร์หนุ่มแห่งลานแสดงอมตะ… เขาไม่รู้หรอกว่าชายพวกนี้ต้องการอะไรจากเขา…แล้วทำไมถึงรู้จักเขาทั้งๆ ที่ตัวเขาในตอนนี้…ถูกบันทึกว่าตายไปแล้ว!
“ทำอะไรของเจ้ากัน!” เทสที่ตามมาที่หลังเข้ามารั้งตัวตลกหนุ่มเอาไว้ แต่ก็ถูกสะบัดออกอย่างแรงจนเกือบกระเด็น
“พวกเจ้าเป็นพวกของเจ้าคนที่ตามพวกข้ามาตลอดสินะ!” จริงอยู่ที่เขาไม่รู้ว่าพวกนี้รู้จักเขาได้อย่างไรแต่ที่แน่ใจคือ…มีใครคนหนึ่งตามพวกเขามาตลอด!
“เจ้าหมายความว่าอะไรกัน?” เทสกระซิบถามพร้อมๆ กับหนึ่งในสิบในกลุ่มชายฉกรรจ์จะหัวเราะ ร่วน
“รู้สึกตัวด้วยหรือ!”
“เจ้านั้นเองก็ดูเป็นคนดีไม่น้อยเลย … ผมสีน้ำตาล แถมดวงตายังสีน้ำตาล … ดูจากเหรียญข้าราชการแล้ว… เป็นนักสืบชื่อ ฟู ซาคาโมโตะ สินะ?” ว่าด้วยรอยยิ้ม เห็นเขาแบบนี้แต่ก็ผ่านสนามรบมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว…
“สายตาดีนี่…ขนาดเพื่อนของพวกเจ้ายังไม่รู้สึกตัวเลย”
“พวกโครอส?” เทสขมวดคิ้วมองชายคนนั้น …ก่อนที่จะเบิกตากว้าง “หรือว่าพวกเจ้าทำอะไรพวกเขา!!”
“สมกับเป็นหัวขโมย สมองเฉียบแหลมไม่เลวเลย”
ตึง! หมัดของเนียกระแทกลงบนพื้นอย่างแรงจนเศษดินกระจายใส่เหล่าชายฉกรรจ์ ดวงเนตรสีฟ้ากระจ่างเครือด้วยสีเลือด!
“เอาพวกเขา…ไปไว้ที่ไหน!!”
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ!!” อัญมณีสีแดงเลือดในมือของชายคนเดิมถูกปาลงบนพื้น…ก่อเกิดเป็นแรงระเบิดรุนแรง!
ตูม!!!
“เนีย!!!!” เทสกำลังจะสปริงตัวเข้าไปช่วยเหลือตัวตลกหนุ่มที่กระเด็นออกมาจากกลุ่มควัน ร่างของเขาสะบักสะบอมไปหมด ด้วยถูกแรงระเบิดเข้าโดยตรง เลือดไหลนองออกมาจนน่าหวาดกลัว… หากแต่ในเสี้ยววินาที ผ้าสีขาวก็มาปิดปากและจมูกของเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว …แล้วสติก็ค่อยๆ เลือนรางลง…
“พาพวกมันไป” เหล่าชายฉกรรจ์ช่วยกันแบกทั้งสองขึ้นบ่า หากแต่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเมื่อร่างของเจสเตอร์หนุ่มลุกขึ้นมาทั้งที่เลือดยังคงไหลออกมาไม่หยด ดวงเนตรคู่นั้นไร้แววสติและเจือด้วยสีแดง
“ห้ามแตะต้องเขา…” ก้าวเดินออกไปแม้ขาจะสั่นจนยากจะก้าวเดิน หากแต่ร่างกายก็ยังคงขยับตามความต้องการ ...เพื่อปกป้อง ‘เพื่อน’ ของเขา...
...ภาพในอดีตซ้อนทับเข้ามาในดวงตาของเขา
...เฝ้าหลอกหลอนจนแทบบ้า
“อย่าแตะต้องเพื่อนข้าของเป็นอันขาด!!!!” เสียงตะโกนดังก้องพร้อมกับที่เขาที่ดูราวกับคนไร้สติพุ่งเข้าหาชายทั้งสิบก่อนที่เหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูจะเก่งกาจเมื่อครู่จะโดนซัดลงไปนอนกองกับพื้น
ดวงเนตรสีฟ้าเจือสีเลือดยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของโจรหนุ่มที่โดนจับขึ้นพาดบ่าหัวหน้ากลุ่ม แม้เจสเตอร์หนุ่มจะขยับกายจัดการเหล่าชานฉกรรจ์แต่ดวงตาก็ไม่ได้ละออกไปเลย
...หากแต่มันดูล่องลอย
...ราวกับว่าโจรหนุ่มคือเป้าหมายที่ต้องจัดการของเขา
“คืนมานะ...” พึมพำออกมาโดยไม่หลบขวดแก้วที่ฟาดเข้าที่หัวอย่างแรง ยังคงก้าวเดินต่อไป มือยื่นไปราวกับจะไขว้คว้าอะไรบางอย่างที่...ไม่ใช่เทส
“...คืนมา...”
...ภาพที่อยู่ภายในดวงตาของเขาไม่ใช่เหล่าคนเบื้องหน้าอีกแล้ว ...หากแต่เป็นภาพอดีตที่อยากลืมที่สุด
‘-เนีย!!!-’
ผัวะ!! เก้าอี้ไม้ฟาดเข้าที่หัวของเจสเตอร์หนุ่มอย่างแรงจนมันหักคามือ ร่างสีทองล้มลงไปบนพื้นด้วยไม่อาจขยับกายได้อีกต่อไป ก่อนสติของเขาจะถูกกระชากไปได้เอ่ยชื่อหนึ่งออกมาอย่างแผ่วเบา...ไม่มีใครได้ยิน…
“....เร...เฟล...”
“ไอ้บ้านี้มันเป็นปีศาจรึไงกันวะ? โดนเข้าไปขนาดนี้แล้วยังลุกขึ้นมาอัดคนได้” หัวหน้ากลุ่มเอ่ยอย่างติดหงุดหงิด มองร่างสีทองที่ถูกหนึ่งในกลุ่มจิกผมขึ้นมาก่อนโยนลงในเกวียนไม้ที่ลากมา เขาจึงส่งโจรหนุ่มไปให้ด้วย ผิดกันที่เทสถูกวางลงเบากว่า อาจเพราะเขาดูไม่มีพิษสงอะไรละมั้ง?
“ลูกพี่ ไปเลยไหม?”
“เออๆ ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวก็ถูกเจ้านายหักเงินหรอก” ว่าด้วยท่าทางเบื่อหน่าย ก่อนที่เกวียนจะถูกลากออกไป
แสงสีแดงสว่างขึ้นในพริบตาที่พวกเขาเลื่อนเกวียนเรียกให้หัวหน้ากลุ่มที่ดูจะรู้เรื่องที่สุดจะเอ่ยออกมา
“ดูเหมือนเขาจะเริ่มงานฉลองแล้วสินะ”
-+-+-+- FIN. Part 4 And TBC to Part 5 -+-+-+-
ความคิดเห็น