คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Part 3 ปะทะ และ คู่หู
Neteiru Seven Day
Title : ความปรารถนา
Author : FesenyAReseT [Feat. Sentei Ten]
Rating : PG-13
Author Note : นิยายเรื่องนี้มาจากละครสดของกลุ่ม
คำเตือน : มันมั่วที่สุด
Part 3 ปะทะ และ คู่หู
เสียงมีดแหวกอากาศพร้อมทั้งเสียงโลหะกระทบกันดังต่อเนื่อง เรือนผมสีทองสว่างส่องประกายท่ามกลางความมืด ดวงเนตรสีฟ้ากระจ่างของเขาจับจ้องคมมีดสีเงินของอีกฝ่ายที่พุ่งเข้าหาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง ขาขวาของตัวตลกหนุ่มตวัดขัดขาของจอมโจรผมสีน้ำเงินที่ไม่ทันตั้งตัว เทสเสียหลักหงายหลังลงเป็นจังหวะที่เนียตวัดขาขึ้นหมายจะเสยคางอีกฝ่าย แต่ก็พลาดไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นทำให้เจ้าของผมสีทองรีบตีลังกากลับหลังออกห่างจากจอมโจรหนุ่ม
“ว่าแต่ว่า…ฝีมือเจ้าไม่เลวเลยเป็นโจรมากี่ปีแล้วละ?” เนียเอ่ยถามเพื่อเป็นการรบกวนสมาธิ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่รับมุขเขาเลยเพราะอีกฝ่ายยังคงเงียบเสียเหลือเกิน
“อ่า…งั้นเปลี่ยนเรื่องใหม่นะ…อะไรคือเหตุจูงใจให้มาเป็นโจรละ?” เรื่องเก่าไม่สำเร็จ เรื่องใหม่ก็มาแทน เทสยังคงเงียบเช่นเดิม แต่ว่าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ปีศาจอย่างเจ้าคงไม่จำเป็นต้องรู้จริงไหม?”
“ข้ามิใช่ปีศาจเสียหน่อยท่านจอมโจร… แต่ดูเหมือนว่าโชว์นี้คงต้องจบกันเท่านี้แหละ!!...” ร่างของเนียพุ่งเข้าหาเทสอย่างรวดเร็ว สายน้ำสาดกระเซ็นอย่างแรงด้วยการขยับกายของตัวตลกหนุ่ม
เทสตวัดมีดสั้นในมือฟันคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว หากแต่ช้าไป… ตัวตลกหนุ่มย่อตัวลงหลบรัศมีของมีดได้และยังมีสีหน้ามั่นใจอีกต่างหาก เนียตะแคงมีดสีดำในมือของตัวเองขึ้น เสยจากคางของเทสขึ้นไปแต่
จอมโจรหนุ่มเงยหน้าหลบ ดวงเนตรสีฟ้าของเทสมองเห็นกุหลาบสีนิลซึ่งห้อยอยู่กับสายสร้อยติดมีดของเนีย และรอยยิ้มเรียบเย็นของตัวตลกหนุ่มได้อย่างชัดเจน เจ้าของผมสีทองเตะเข้าที่ท้องของเทสอย่างแรงจนกระเด็น
“เอาละ เจ้าจะตอบข้าได้รึยังว่าต้องการน้ำตาซาตานไปเพื่ออะไร”
“การต่อสู้ยังไม่จบ! อ๊ะ!” ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าสิ่งที่เนียทำเมื่อครู่มันคืออะไร…เพราะตอนนี้ร่างกายของเขา…ไม่สามารถขยับได้…
“มีดสั้นของข้าเรียกว่า มีดสั้นกุหลาบสีนิล ใครที่สูดเกสรของกุหลาบนี้เข้าไปจะไม่สามารถขยับตัวได้ แล้วก็…หมดสติ…”
เป็นอย่างที่คนตรงหน้าพูด… ตอนนี้ดวงเนตรของเขาเบลอไปหมด มองภาพรอบกายไม่ชัดเช่นเดิมแล้ว…สติของเขากำลังหลุดลอยไป… แต่ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มลงและสติดับวูบไป เขาได้ยินคำพูดของเนียอย่างชัดเจน…
“หวังว่าเมื่อเจ้าตื่นขึ้นมา เราคงได้ตั้งวงคุยกันดีๆ โดยที่เจ้าไม่เอามีดไล่ฟันข้าอีกนะ…”
“เจ้าชื่อนาเทียร่าสินะ” โครอสเอ่ยท่ามกลางความเงียบ ไอ้คนหุงข้าวทำอาหารมันหายหัวไปนานเหลือเกิน ตอนนี้เสบียงอาหารในกระเป๋ามันก็เลยลงท้องพวกเธอไปหมดแล้ว…
“คะ นาเทียร่าคะ…”
“งั้นข้าขอถามเจ้านะ เจ้ากำลังหาตัวจอมโจรที่รับเจ้ามาดูแลใช่ไหม?”
“คะ เทสหายตัวไปตรงต้นน้ำฝั่งนู้นคะ” นาเทียร่าว่าพลางใช่นิ้วเรียวเล็กของตนเองชี้ไปทางที่ตนบอก โครอสและอาลาดินมองตามก่อนจะเกิดคำถาม…
ตรงนั้นมันที่ๆ เบ๊มันไปซาวข้าวนี่หว่า…?
“ปกติเทสจะไปไหนจะบอกหนูก่อน แต่คราวนี้กลับไปเงียบๆ ฮึก…” เบ้ปากเตรียมร้องไห้อีกครั้ง แต่ก็ถูกโครอสดักเอาไว้ก่อน “เทส นี่…ผมสีน้ำเงินใช่ไหม?”
“คะ…”
“แล้วก็ใส่ชุดสีดำรัดรูป…” คราวนี้เป็นอาลาดิน
“ใช่คะ! รู้ได้ไงคะ?!” เอ่ยเสียงหลงก่อนที่จะสังเกตท่าทีแปลกๆ ของทั้งสอง โครอสชี้ไปด้านหลังของเด็กหญิงผมสีโกเมน เอ่ยเสียงเบา “…นั่น…ใช่ไหม…?”
นาเทียร่าหันมองตามนิ้วของโครอสก็จะเห็นร่างของชายหนุ่มผมสีทองสว่างในเครื่องแต่งกายสีแดงดำเดินออกมาจากความมืด เขา…อุ้มร่างซึ่งหมดสติของชายผมสีน้ำเงินมาด้วย
“ขอโทษที่ช้านะ โครอส อาลาดิน… ข้าวมันตามกระแสน้ำไปแล้วละ…” เนียยิ้มแห้งๆ ก่อนที่จะปูผ้าคลุมสีน้ำตาลเก่าๆ ของตนเองลงพื้นด้วยมือขวา ส่วนแขนซ้ายยังคงพยุงร่างของโจรหนุ่มไว้ เมื่อปูเรียบร้อยเขาก็ค่อยๆ วางร่างของเทสลงบนนั้น
“แค่ให้ไปซาวข้าวได้หนุ่มหล่อมาด้วยรึนี่ เสน่ห์แรงดีเหมือนกันนะ เนีย” โครอสเอ่ยอย่างขบขันในขณะที่เนียดึงกลีบกุหลายสีนิลซึ่งอยู่ปลายสายสร้อยห้อยมีดออกมาหนึ่งกลีบ ขบฟันลงบนนิ้วโป้งขวาก่อนที่จะป้ายลงบนกลีบกุหลาบ ชั่วครู่กุหลาบก็กลายเป็นสีแดงสด เนียกดกลีบกุหลาบลงที่ปากของเทส ไอสีแดงปรากฏขึ้นรอบๆ นิ้วและดอกกุหลาบ
“เสน่ห์แรงบ้าบอสิ เจ้าหมอนี่อยู่ๆ ก็พุ่งมาทำร้ายข้าต้องใช้พิษกุหลาบดำถึงได้ยุติการต่อสู้ได้…” เนียบ่นอุบอิบ กุหลาบที่ปลายนิ้วของเขาสลายหายไปหมดสิ้น
“หมายความว่า เขาต้องการอะไรจากเจ้า…รึไม่ก็เหมือนกับตอนข้า…”
“ข้าไม่ได้เป่าขลุ่ยเสียหน่อยโครอส เขาอยากได้น้ำตาซาตานที่อยู่กับข้า…” เนียถอยห่างออกไป ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางมือขวาคีบสายสร้อยมีดซึ่งซ่อนไว้ในปลอกแขนสีดำ ดึงมีดสีนิลออกมาเตรียม เพราะดูท่าว่า…
เคร้ง!!! เสียงมีดกระทบกันดังก้อง เนียทำหน้าเหม็นเบื่อออกมาชั่วขณะ กะแล้วว่าตื่นขึ้นมาเห็นหน้าเขาปุ๊บมันต้องเล่นแบบนี้ปั๊บ เทสเม้มปากแน่น เพราะพึ่งฟื้นแรงกายของเขาจึงน้อยกว่าตัวตลกหนุ่ม
แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้ฟัดกันอีกรอบ เสียงตบมือจากแม่มดสาวดังขึ้นจากด้านหลัง เธอกรีดยิ้มพร้อมปล่อยรังสีอำมหิตที่คนทั้งหมดเห็นแล้วเหงื่อตก
“เห็นหัวข้าบ้างรึเปล่า หืม?”
…นี่มันอะไรกัน… ทำไมเขาตรงมาซื้อของกับเจ้าจอมโจรหัวฟ้านี่ด้วยวะ?
“มีปัญหาอะไรรึไง…” เทสหันมาทำหน้าเหม็นบูดให้เนีย ตอนนี้ใบหน้าของคนทั้งสองไม่เป็นมิตรกันเสียเลย ราวกับว่า แค่ยืนข้างๆ มันตรูก็จะขาดใจตายแล้ว ขอร้องละเอาไอ้คนหน้ากวนฝ่าพระบาทานี่ไปเก็บตรงไหนก็ได้ที อะไรประมาณนั่น
“เทส… สินะ…”
“ใช่… เจ้าก็ เนีย… ใช่ไหม” เป็นคำถามที่ปัญญาอ่อนที่สุดเท่าที่เคยเจอมา เดินทางด้วยกันมาร่วมสิบวัน ไม่รู้ชื่อกันก็แปลกแล้ว!
“เจ้าอยากได้น้ำตาซาตานไปทำไม?” เป็นอีกครั้งที่เนียเป็นผู้เปิดประเด็น เทสยังคงเงียบ เพียงครู่เขาก็ดึงข้อมือของเนียกระโดดขึ้นไปบนหลังคาคฤหาสน์หลังหนึ่งซึ่งสูงใหญ่เป็นสง่า
“ข้าขอถามเจ้านะ เนีย… จากมุมนี้ เมืองที่อยู่ตรงหน้าเจ้าเป็นยังไง?” เทสเอ่ยถามตัวตลกหนุ่มที่ยังคงงุนงง เขาหันมองทางเมืองที่เทสเอ่ยบอก บ้านเก่าๆ ซึ่งเรียงรายติดกันดูเก่าแก่และทรุดโทรม…
“ดูเหมือนว่าจะเกิดสงครามบ่อยครั้งสินะ” เขาอยู่มาเป็นหมื่นปี รับรู้เรื่องภายนอกผ่านทางนักเดินทางผู้มาพักแรม แต่ดูเหมือนว่าสงครามของยุคนี้จะรุนแรงกว่ายุคอื่นนัก
“ใช่แล้วละ … สงครามเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แย่งชิงดินแดน แย่งชิงอำนาจ ละโมบ …พวกขุนนางน่ะเห็นประชากรเป็นเพียงของเล่น! ใช้แล้วทิ้ง … กดขี่พวกเขาอย่างไม่คิดว่าผู้ที่ตนกระทำไปก็เป็นมนุษย์!”
ด้วยคำพูดของโจรหนุ่ม เนียรับรู้ได้ถึงความขุ่นเคือง… ไม่ว่ายุคสมัยไหน… เรื่องแบบนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง…
“อย่างเช่นเจ้าของเรือนที่เรายืนอยู่… เขาเป็นขุนนางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแถบนี้ ชอบทำสงครามกับเขตข้างเคียง ใช้คนอย่างกดขี่ และยังขูดรีดเงินจากชาวบ้านที่ยากไร้ไปเพื่อซื้อความสุขให้ตนเอง… หากว่ามีน้ำตาซาตานที่ทำให้ความปรารถนาทุกอย่างเป็นจริงแล้วละก็! ข้าจะ…ข้าจะ…!”
“นั่นคือคำตอบของเจ้าสินะ… เทส…ข้ารู้คำตอบของเจ้าแล้วละ เจ้าไม่ได้เป็นอย่างที่ข้ากะเอาไว้ตอนแรก…” รอยยิ้มปรากฏออกมาจากริมฝีปากของตัวตลกหนุ่ม เรียกความงุนงงให้แก่เทสเป็นอย่างมาก
“เรามา… ขโมยกันเถอะ”
“หา?”
“ทำอย่างที่เจ้าเคยทำไงละ ขโมยของของขุนนางที่คดโกงบ้านเมือง ช่วยเหลือชาวบ้านยากไร้… จริงไหมละ จอมโจร เทส!”
กล่าวจบเนียโหนตัวลงไปที่หน้าต่างประดับกระจกบานใหญ่ราคาแพง ถีบเข้าไปอย่างแรงจนกระจกแตกกระจาย เทสมองท่าทีที่เปลี่ยนไปของเนียอย่างตกตะลึงก่อนที่จะกรีดยิ้มออกมา เขาดึงหน้ากากผ้าสีดำขึ้นมาปิดใบหน้าครึ่งล่างของเขาก่อนโหนตัวตามไป
“ข้าว่าเจ้าเปลี่ยนจากอาชีพเจสเตอร์ เป็นจอมโจรเถอะ!”
ร่างของคนทั้งสองวิ่งไปตามทางในคฤหาสน์ด้วยความเร็วเฉพาะตัวของตนเอง เนียสร้างผ้าพันคอสีดำขึ้นมาจากไอความมืดปกปิดใบหน้าครึ่งล่างของตนเอง ดวงเนตรสีฟ้าของทั้งสองกวาดไปรอบๆ
“อะไรที่เจ้าคิดว่าน่าจะขโมยละ เทส”
“ชั้นใต้ดินมีเหมืองทอง ข้าคิดว่าเขาคงเก็บทองแท่งไว้ที่นั่นแหละ”
“ข้อมูลแม่นดีนิ…”
“หึ…เจ้ากำลังพูดกับใครอยู่เล่า…” เทสกระตุกยิ้มออกมาอย่างมั่นใจในตนเอง เนียแสยะยิ้มร้ายออกมาก่อนที่จะเอ่ย “ชั้นใต้ดินสินะ…งั้นก็ดีเลย…”
“มันจะไปดีได้ไงเล่าเนีย! ข้าได้ยินมาว่าที่นี่มีกลไกกับดักมากมายเลยนะ เจ้าคิดว่าจะไปถึงทองก่อนที่จะโดนกับดักรึไงกัน!” เทสแหยงขึ้นมาอย่างวิตก ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่านต้องการอะไรกันแน่ เนียกรีดยิ้มชวนสยองออกมาให้จอมโจรหนุ่มประจัก เขากำหมัดขวาแน่นจนเทสรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ยิ่งเห็นการตั้งท่าของอีกฝ่ายด้วยแล้ว รู้สึกถึงลางร้ายมาเยือนอย่างแรง!!
“ดีสิ… เพราะมันทำลายง่ายกว่าด้านบนไงเล่า!!!!”
ตูม!!! เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวเรียกให้ผู้คนในคฤหาสน์มองหาที่มาของเสียง บัดนี้ร่างของผู้บุกรุกทั้งสองร่วงหล่นลงมาถึงชั้นใต้ดินซึ่งเป็นเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฝุ่นควันลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ ซากเพดานทำจากปูนลงไปนอนกองอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเจสเตอร์แห่งลานแสดงอมตะ และ จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
“แรงใช้ได้นะเนี่ย ขนาดลองเป็นครั้งแรก” เนียว่าพลางเลียปากอย่างมีความสุข ในขณะที่เทสหน้าซีดเผือด ถ้าเขาไม่ใช่จอมโจรละก็คงจบชีวิตไปเพราะไอ้ปีศาจตัวนี้แล้วแหงๆ!
“นี่! เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ใช่คนแล้ว!” ตะโกนด่าอย่างหัวเสียแต่ไอ้คนโดนด่านี่สิ …มันดันฉีกยิ้มออกมาอย่างเริงร่าและน่าถีบเป็นที่สุด
“เป็นผนึกของลูซิเฟอร์ มีชีวิตอยู่มาหมื่นกว่าปี เป็นเจสเตอร์ที่ใช้เวทย์มนต์ได้ ยิ่งกว่านั้นคือ ข้าสามารถทนพิษได้เกือบทุกประเภทและยังควบคุมไอความมืดได้ดั่งใจ แบบนี้ยังเรียกคนได้อีกไหม?”
“…เจ้ามันหน้าด้านที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมาเลยนะ…”
“ข้าจะถือว่ามันคือคำชมก็แล้วกันนะ…”
“พวกมันอยู่นั่น!!!”
เสียงตะโกนกู่ร้องเรียกให้ทั้งสองหันไปมองต้นเสียงหนึ่งคือด้านบน และอีกหนึ่งคือประตูทางเข้าชั้นใต้ดิน
“ดูเหมือนเขาจะมารับแขกแล้วละ…” เนียเอ่ยอย่างสบายๆ ดูเหมือนว่าลักษณะทางบุคลิกภาพของชายคนนี้จะอยู่ในจำพวกที่เรียกกันว่าหลายบุคลิก เพราะอยู่กับพวกโครอสเป็นอย่าง อยู่กับเทสเป็นอย่าง อยู่คนเดียวเป็นอย่าง สรุปว่าแบบไหนคือเนียตัวจริง?
“รีบไปกันเถอะ ข้าจะนำทางเอง” เทสตัดเรื่องไร้สาระออกไปจากสมองก่อน ตอนนี้เรื่องงานสำคัญสุดแล้ว เนียพยักหน้ารับก่อนที่ทั้งสองจะมุ่งหน้าไปที่เป้าหมายพร้อมกัน…
สิ่งที่สะท้อนในดวงเนตรสีเดียวกันของทั้งสองคือกองแท่งทองจำนวนมากมายจนนับไม่ทวนประกายส่องแสงแสบตา
“ไม่น่าเชื่อ…เยอะขนาดนี้เชียวหรือ…” เทสเอ่ยออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาของตนเอง ในขณะที่เนียเองก็จ้องมองแท่งทองคำเหล่านั้นแล้วครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียว เทสหันมาพูดกับเนียอีกครั้ง “ปัญหาคือเราจะขนมันออกไปยังไงสินะ…”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก…ปัญหาคือ เราจะจัดการกับพวกนั้นยังไงดีต่างหากละ” เนียหันหลังไปทางที่ตนวิ่งมา ก็พบกับเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูแล้วฝีมือดีแต่ก็ยังน้อยกว่าเขาและเทสมากนัก
“เจ้าพวกโง่!! คิดจะมาขโมยสมบัติของข้าอย่างนั้นหรือ อย่าคิดว่าทำกันง่ายๆ นะ!!!” เสียงของขุนนางเจ้าของเรือนดังสนั่น แต่แล้วก็ผิดคาดเมื่อเนียโยนกระเป๋าผ้าใบเท่าฝ่ามือทารกให้จอมโจรหนุ่ม
“กระตุกเชือกเส้นยาวแล้วหันไปทางแท่งทองถุงจะขยายแล้วดูดของเข้ามาเอง เมื่อเรียบร้อยแล้วให้กระตุกเชือกเส้นสั้นถุงจะกลับสู่สภาพตอนแรก” เนียว่าพลางเดินออกไปประชันหน้ากับกลุ่มชายฉกรรจ์ ในมือของเขามีลูกบอลเดินแถบสีขาวขนาดเท่าเม็ดลูกอมอยู่ประมาณยี่สิบลูก “ส่วนข้า…จะต้านพวกเขาไว้ให้เอง…. บอลระเบิด!!!!”
ทันทีที่ขว้างออกไปลูกบอลก็ระเบิดตัวเองเป็นควันและสะเก็ดไฟขวางกั้นเหล่าลูกน้องของเจ้าของเรือนได้เป็นอย่างดี
เทสรีบไปทำหน้าที่ของตนอย่างรวดเร็ว
“เสร็จรึยัง เทส!!” เมื่อเห็นว่าพวกลูกน้องของเจ้าของเรือนเริ่มหาที่กำบังรอจังหวะที่พวกเขาหนีจะได้ออกมาจัดการให้สิ้นซาก เทสซึ่งทำหน้าที่ของตนเสร็จเรียบร้อยวิ่งเข้ามายืนข้างๆ เนียซึ่งกวาดสายตาไปรอบๆ ราวกับหาอะไรบางอย่าง
“แล้วจะออกไปยังไงละทีนี้!”
“คิดว่ามากับใครกันเล่า!” เนียตะคอกก่อนที่ไอความมืดจะรวมตัวกันที่มือขวาของเขา อัดแน่นใหญ่ขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง ก่อนที่สิ่งที่ปรากฏอยู่ในมือของเขาจะทำให้ทุกคนแทบหงายหลัง…
สมอเรือขนาดสิบคนยก!
“เอาละนะ… เทส เกาะข้าให้แน่นแล้วก้มหัวให้ต่ำเข้าไว้” ว่าพลางควงสมอเรือขนาดยักษ์ในมือตนเองอย่างสนุกสนาน ตอนนี้เองที่เทสรู้ว่า เขาได้มาจับคู่กับคนอันตรายแห่งยุคเสียแล้ว!
“ไปเลย!!!!!” สมอเรือถูกขว้างออกไปอย่างแรงทะลุผนังเรือนออกไป ตรงดิ่งออกไปจากเรือนอย่างรวดเร็วตามแรงที่เหวี่ยงออกไปในตอนแรก ซึ่งตรงหน้าของพวกเขาคือภูเขาเขียว…ยิ่งไปกว่านั้นคือ จุดหมายปลายทางของสมอเรือ… คือพสุธาสีน้ำตาล!!
ตูม!!!!
หลายวันต่อมา…
หลังจากที่เกือบจะได้ไปเยี่ยมท่านยมบาลกันวันละหลายๆ รอบของเทสและเนีย วันนี้คุณแม่มดจอมโหดก็ให้พวกเขามาเที่ยวเล่นได้ตามใจอยาก ในขณะที่ตน อาลาดินและนาเทียร่าไปงานรื่นเริงในเมืองที่แวะอาศัย
สายลมอ่อนๆ พัดผ่านร่างของชายสองคนชวนให้รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก พวกเขาไม่ได้ไปร่วมงานรื่นเริงด้วยสาเหตุบางประการของแต่ละคน ดวงเนตรสีเดียวกันสองคู่ทอดมองจากแนวผาลงไปที่งานรื่นเริงที่มีเสียงดนตรีคลอมากับสายลม
“เจ้านี่เป็นพวกสนุกใช้ได้นะ” เทสเปิดประเด็นออกมาพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่เนียหงายหลังลงไปนอนกับพื้นทอดมองดวงดาราบนท้องฟ้า “ขอคืนคำนั้นให้เจ้าด้วย”
“จะว่าไปแล้ว ข้าว่าเจ้าไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเท่าไรนะ”
“หา?” เนียขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เทสจึงเฉลยออกมาในจังหวะที่หงายหลังไปนอนท่าเดียวกับตัวตลกหนุ่ม
“ไม่มีใครเคยปฏิบัติกับข้าในแบบที่เจ้าทำ ไม่ว่าใครๆ ก็ต่างเกรงกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า รอยยิ้มของพวกเขาไม่เคยปรากฏกับข้า ยิ่งกับเรื่องที่พาข้าไปเสี่ยงตายแบบเจ้ายิ่งไม่มีทางเป็นไปได้”
“เจ้าพูดราวกับเป็นลูกคุณหนูเลยนะ เทส เอาเถอะเรื่องนี้ข้าเข้าใจเจ้าดี…ข้าเองก็ไม่ได้ต่างจากเจ้าหรอก…แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมาเป็นเจสเตอร์…เป็นผนึกของลูซิเฟอร์ก็ตาม” เนียพูดด้วยรอยยิ้ม หลับตาลงเมื่อระลึกได้ถึงอดีตที่ทั้งโหยหาและเกลียดชัง ต่างฝ่ายต่างก็เข้าใจ…
“ว่าไปแล้วก่อนหน้าที่เจ้าจะเป็นเจสเตอร์ เจ้าเป็นอะไรมาก่อนบ้างละ เห็นจากการต่อสู้เจ้าดูจะถนัดมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแค่เจสเตอร์ธรรมดานะ” เขาสงสัยข้อนี้มานานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมเจสเตอร์ถึงพกอาวุธเดินไปเดินมาเล่า
“ก่อนจะเป็นเจสเตอร์รึ…ก็เยอะอยู่เหมือนกันนะ… มือลอบสังหาร นักฆ่ารับจ้าง พ่อค้า ทหารยาม อัศวินของราชวงศ์ คนรับใช้ แล้วก็อะไรอีกนะ…ใช่ๆ นักล่าปีศาจ”
ไม่เยอะไปหน่อยเหรอคุณพี่…
“แต่ว่านะ ในสิ่งที่ทำมาทั้งหมด ข้าชอบที่จะเป็นเจสเตอร์ที่สุด …การได้เห็นรอยยิ้มของผู้คนทำให้ข้ารู้สึกมีความสุขมากกว่าสิ่งอื่นใด ไฟสงครามพลัดพรากผู้คนที่รักยิ่ง แต่หากยังหัวเราะออกมาจากใจจริงได้อยู่ละก็ ไม่ว่าวันวานหรือวันพรุ่ง ยอมจะมีสีสันที่งดงามตลอดไป…” รอยยิ้มที่แต้มอยู่นั้นคือความสุขที่เขาเคยได้รับจากรอยยิ้มของคนเหล่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะดับสลายไปแล้วก็ตาม เทสนิ่งเงียบเพียงคู่ก่อนที่จะเปิดประเด็นออกมาอีกครั้ง
“คนอย่างเจ้าเหมาะที่จะเปลี่ยนแปลงโลกจริงๆ นะ…”
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” ตัวตลกหนุ่มลุกขึ้นนั่งก่อนหันกลับมามองจอมโจรสีฟ้าที่ลุกขึ้นนั่งเช่นเดียวกัน “ข้าอยากที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้… อยากจะทำให้พวกขุนนางที่ร่ำรวยรู้จักเผื่อแผ่ อยากจะทำให้ไฟสงครามที่ยืดเยื้อนี้ดับลงเสียที”
ลุกยืนขึ้นมองไปยังเมืองด้านหน้าที่แม้ว่าจะมีงานรื่นเริงแต่ก็มีพื้นที่รกร้างเนื่องจากสงคราม และอาจที่จะซ่อมแซ่มให้กลับมาเป็นเช่นเดิม เนียลุกยืนขึ้นตาม ดวงเนตรจ้องมองจอมโจรหนุ่มอย่างจริงจังเพราะบทสนทนาพาไป
“แต่แค่ข้าคนเดียวคงทำอะไรไม่ได้ เนีย ข้าจะขอยืมพลังของเจ้าได้หรือไม่? เจ้าจะมาเป็นคู่หูที่จะไม่มีวันทรยศข้าได้หรือไม่?”
ด้วยคำถามนั้นทำเอาคนผมทองสะท้านไปชั่วครู่ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา ทำเอาคนถามทำอะไรไม่ถูก
“เจ้าคนโลกสวย… ได้สิ ข้าจะเป็นคู่หูให้เจ้า จะให้เจ้ายืมพลังที่ข้ามีและจะไม่ทรยศเจ้าเป็นอันขาด” ดึงมีดสีขาวโยงสายสร้อยห้อยกุหลาบสีขาวออกมา ยื่นให้แก่โจรหนุ่ม
“มีดเล่มนี้คือมีดสั้นกุหลาบสีขาว เป็นมีดที่น้องสาวข้าพกติดตัวตลอดเวลา ข้าขอมอบให้เจ้า แทนคำสัญญา” น้ำเสียงเรียบเย็นแผงด้วยความจริงใจเรียกให้เทสรับมีดไปอย่างไม่อิดออด เจ้าของเรือนผมสีฟ้าฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะเอ่ย ซึ่งเนียก็ได้ฉีกยิ้มแล้วตอบกลับไปเช่นกัน
“จากนี้ไปข้าขอฝากด้านหลังของข้าด้วยนะ คู่หู”
“เช่นกัน”
-+-+-+- FIN. Part 3 And TBC to Part 4 -+-+-+-
ความคิดเห็น