คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 [100%]
Au Fan Fiction Reborn ~Taboo Love~
: 8059 10069 D18
บทที่ 3
:ReseT.
สิ่งก่อสร้างตรงหน้าคือกองพระคลังนครเหนือที่ไม่ได้เห็นมากว่า 5 ปีแล้ว การกลับมาในที่ๆตนเริ่มต้นทุกอย่างเช่นนี้ถือว่าสมควรแล้วหรือ? มือค่อยๆเลื่อนบานประตูเพื่อก้าวเข้าไป
“มุ-คุ-โร่!!!!!”
“เดี่ยวก่อนขอรับท่านอา!!!”
โครม! ร่างของอธิบดีการคลังนครเหนือกระแทกกับพื้นแบบเต็มๆเพราะร่างโปร่งผมสีไพลินกระโดดหลบทัน ชายผมสีทองส่งเสียงซิกๆ ทำเอามุคุโร่ใจไม่ดี
“ทะ ท่านอาดีโน่...ข้าขอโทษนะขอรับ...”
“ขอโทษทำไมละมุคุโร่ อาไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อย” ลุกขึ้นมาแย้มยิ้มให้แก่เด็กหนุ่มผู้ที่ตนรับเลี้ยงดูตั้งแต่เล็ก คนๆนี้ถือเป็นผู้มีพระคุณของมุคุโร่ก็ว่าได้
“ขอรับ”
“งั้นเรามาเริ่มดูงานที่เจ้าต้องทำก่อนเลยนะ” ยิ้มให้แก่เด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน มุคุโร่เองก็สงสัยว่าทำไมท่านอาของตนเองถึงไม่เคยโกรธตนเลย แต่ก็แย้มยิ้ม
“ขอรับ ท่านอา”
---35%---
มาต่อครับ
---ต่อ---
“เบียคุรัน” เสียงเรียกที่ดังจากด้านหลังเรียกให้องค์ชายน้อยแห่งนครเหนือหันไปมองพบกับชายหนุ่มผมสีดำแซมเงิน เครื่องแต่งกายของเขาเป็นชุดของนักดาบแขนเสื้อด้านขวาปักตราโกโตะของนครเหนือแต่แขนเสื้อข้างซ้ายก็ปักตราซากุระของนครซากุระไว้เช่นกัน…บงบอกว่าชายคนนี้เป็นคนของสองนคร…
“ท่านอามีอะไรหรือขอรับ” เอ่ยพร้อมรอยยิ้มจอมปลอมที่เขาเรียกชายตรงหน้าแบบนี้เพราะว่าคนตรงหน้าเป็นคนเลี้ยงดูตนเองให้เติบใหญ่แม้ว่าจะเป็นบุตรของเจ้านครเหนือแต่ก็ไม่เคยได้รับความรักจริงๆจากทั้งสองเลย มีเพียงชายตรงหน้าเท่านั้นที่เชื่อมั่นและรักเขาอย่างใจจริง …แต่ก็ด้วยคำสั่ง…
“อามีเรื่องถาม”
“ขอรับ?” ฉีกยิ้มรอคำถาม รู้อยู่แล้วว่าผู้เป็นอาจะพูดถึงอะไร แต่การทำเป็นไม่รู้นั้นก็เพื่อให้ชายตรงหน้าหวนคิดว่าควรถามไหม นักดาบหนุ่มลุกลี้ลุกลนราวกับว่าจะพูดเรื่องยังไงทำเอาเบียคุรัรงุนงงกับอาการที่ชายตรงหน้าไม่เคยเป็น
“ท่านอา?”
“อาไม่ค่อยแน่ใจกับสิ่งที่เจ้ากำลังจะทำเท่าไหร่นัก…รัน อาว่าเจ้าอย่าไปรังแกเขาเลย” เอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาในที่สุด เบียคุรันไม่เข้าใจ ทำไม? ทำไมถึงได้ปกป้องร่างเล็กๆนั้นนักหนา เห็นแบบนั้นยิ่งอยากจะกลั่นแกล้งมากกว่าเดิม
“เรืองนี้ไม่เกี่ยวกับท่านอา ข้าตั้งใจจะทำก็คือจะทำหรือท่านอาหลงงเสน่ห์เขาอีกคนแล้วละถึงปกป้องนัก”
“รัน!” เสียงตะคอกของนักดาบหนุ่มนาม ‘มิโยเนะ อาคุฮะ’ ทำเอาเบียคุรันชะงัก นักดาบหนุ่มใช้ดวงเนตรสีนิลขลับประสานกับดวงเนตรสีอเมทริสต์ของผู้เป็นหลานอย่างเย็นชา
“อาไม่ได้หลงรักเขาหรืออะไร แต่ที่อามาอามาเตือนเจ้าต่างหาก ว่าระวังจะเจ็บปวดเพราะสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไป” เลื่อนบานประตูห้องของเด็กหนุ่มผมสีพิสุทธิ์ออก ดวงเนตรสีนิลคู่นั้นโกรธเคืองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“แล้วอย่ามาคร่ำครวญเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปในภายหลังก็แล้วกัน เบียคุรัน”
บานประตูเลื่อนปิดอย่างแรงก่อนที่ร่างของนักดาบที่ยืนอยู่หน้าประตูจะกระโดดหายไป เบียคุรันหันไปที่กระจกตรงมุมห้องก่อนค่อยๆก้าวไปยืนหน้ากระจกบานนั้น รู้อยู่แล้วว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร รู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ได้เป็นบุตรของเจ้านครทั้งสองแต่เป็นทายาทคนแรกของนครลับแลวังหลัง ดวงเนตรสีอเมทริสต์จ้องมองต่างหูอัญมณีสีอเมทริสต์ที่ติดอยู่ที่หูซ้ายผ่านกระจก
ไม่มีใครรู้หรอกว่าเบื้องหลังใบหน้ายิ้มแย้มอันปั้นแต่งของเขาคิดสิ่งใดอยู่ นับตั้งแต่ที่เติบโตจนสามารถรับราชการต่างๆได้แล้วเขาก็พยายามหาใครคนหนึ่งมาโดยตลอด…
…ผู้ครอบครองต่างหูของต่างหน้าของมารดาอีกข้างหนึ่ง…
…ไม่ว่าพยายามสักเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ…ไม่ว่าจะทะเยอทะยานมากเท่าไหร่ก็ไม่เคยพบ…
“เจ้าไปอยู่ที่ไหนกันแน่…น้องข้า…”
‘จงมาพบข้าที่ป่าของวังหลังนครซากุระในคือนพระจันทร์เต็มดวง’
คำพูดนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของมิโกะร่างบางผมสีเงิน แม้เขาจะเติบโตถึงขนาดนี้แล้วแต่ร่างกายก็ยังคงบอบบางราวกับอิสสตรี ข้าได้เชื้อใครมากันแน่!! และด้วยสาเหตุนี้ทำให้หลวงพ่อบอกให้เขาเปลี่ยนจากเป็นนักบวชเป็นมิโกะเสีย เพราะหากชาวบ้านเห็นเขาโกนผมแล้วละก็…วัดต้องโดนถล่มแบบไม่เหลือซากแหงๆ… เพื่อความคงอยู่ของวัดและใจแม่ยก(?)เขาจึงต้องกลายเป็นมิโกะโดยสมบูรณ์ซึ่งหมายความว่าต้องถือศีลของมิโกะด้วย จะว่าไปแล้วชายคนนั้นคงเห็นเขาเป็นหญิงเลยคิดล่อลวงกระมัง? ไม่จริงมั้ง? ก็ในเมื่อเขาปักตราโกโตะสีดำของนครเหนือไว้ที่อกเสื้อนี้นา มีแต่ขุนนางเท่านั้นที่จะตราสีดำได้ชาวบ้านจะปักตราเป็นสีแดง เป็นถึงขุนนางจะแยกไม่ออกเชียวหรือว่าเป็นหญิงหรือชาย? หรือขุนนางนครเหนือมีแต่พวกชอบของแปลก???
“กำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ ฮายาโตะ” สะดุ้งเฮือกกับเสียงที่อยู่ๆก็ดังขึ้น ฮายาโตะมองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบใคร ชายคนนั้นแกล้งเขาอีกแล้วงั้นสิ?
“อาอยู่ตรงนี้ ฮายาโตะ” เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งพร้อมสายลมกรรโชกทำให้ฮายาโตะต้องยกมือขึ้นมากันมวยผมไปให้ปลิวกระเซิง ร่างของชายหนุ่มผมสีนิลปรากฏขึ้นบนต้นไม้ใหญ่ เขาสวมชุดนินจาสีนิลพันด้วยผ้าพันคอสีแดงสด ไหล่ขวาสักตราซากุระของนครซากุระเอาไว้แต่ไหล่ไหล่ซ้ายก็สักตราโกโตะของนครเหนือเช่นกัน เหยี่ยวสีขาวปนน้ำตาลบนไหล่ของชายหนุ่มส่งเสียงราวกับทักทายเด็กหนุ่ม
“ท่านอามาซะ!”
โผเข้ากอดทันทีที่ร่างของนินจาหนุ่มกระโดดลงพื้น ‘คุโรคาวะ มาซารุ’ รู้อยู่แล้วว่าหลานชายจะมาไม้นี้แต่ก็ไม่อาจหลบได้ไม่งั้นร่างบอบบางที่เขาเฝ้าฟูมฝักจะมีริ้วรอยทำให้ร่างของนินจาหนุ่มหงายลงกับพื้นโดยมีฮายาโตะทับ
“อายาโตะ อาบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนี้มันอันตราย” ทำเสียงดุใส่แต่ความจริงเขาเคยโกรธเจ้าหลานชายจอมซนของเขาลงซะที่ไหนกันละ
“ก็ข้ารู้ว่าเป็นท่านอาไงละ ยังไงท่านอาก็ไม่วันหลบให้ข้าล้มลงพื้นอยู่แล้ว ข้ารู้” ส่งยิ้มทะเล้นให้แก่ผู้เลี้ยงดู มาซารุกระตุกยิ้มก่อนดีดหน้าผากขาวมนไปทีด้วยความแรงที่น้อยกว่าการดีดหน้าผากคู่หูของเขาอย่างอาคุฮะสิบเท่า(เรียกว่าแรงแทบไม่มีเลย หามีความเจ็บไม่)
“รู้ดีนักนะเรา”
“งือ…มันเจ็บนะท่านอา T^T” แกล้งบีบน้ำตาแกล้งผู้เป็นอาที่ดูจะไม่ค่อยอยากรับมุขเขาแล้ว
“อย่ามาพูดเลยมันไม่มีแม้แต่เสียงด้วยซ้ำ”
“ง่า…ข้าโกรธท่านอาแล่ว! T__T” บีบน้ำตามากกว่าเดิมทำเอามาซารุเอือมระอากับหลานตัวเอง เขาใจดีมากเกินไปรึเปล่าเนี่ย?
“ก็ได้ๆ อาขอโทษ” สิ้นคำร่างของหลานชายก็โถมลงมาอีกครั้งทำเอามาซารุหน้าซีดเพราะแขนของหลานชายกระแทกแผลของเขาแบบเต็มๆเจ็บตนร้องไม่ออก
“ฮา…ฮายาโตะ…อาเจ็บ…อาเจ็บ…”
“OxO?”
“ฮา ฮายาโตะลุกไปก่อน…อา…อาเจ็บแผล” ใบหน้าซีดของผู้เป็นอาทำเอาปรอทความเป็นห่วงของฮายาโตะพุ่งขึ้นจุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว จับเขาที่แผลที่แขนของผู้เป็นอาอย่างไม่รู้ตัวทำเอามาซารุหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้แถมไม่มีเสียงจะร้องครวญครางอีกด้วย
“ท่านอาไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมขอรับ! ท่านอาต้องไม่เป็นอะไรเด็ดขาดนะขอรับ!!!”
…อาว่าอาจะเป็นเพราะเจ้านั้นละฮายาโตะ!!!...
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ฮิซาชิ!” เสียงหวานเอ่ยกับเหยี่ยวคู่ใจของผู้เป็นอาที่นักพันแผลยิ้มแห้งๆอยู่เป็นฉากหลัง ซึ่งมันก็เกาะแขนบางอย่างดีใจ ดวงเนตรสีเลือดของนินจาหนุ่มมองร่างบอบบางของผู้อยู่ในการคุ้มครองด้วยความอ่อนโยน
…เขาชั่งเหมือนท่านเสียจริงๆเลยนะ ท่านพี่…
“ท่านอา”
“หืม?”
“ข้าไปเจอกับขุนนางนครเหนือคนหนึ่งละ” เอ่ยออกมาด้วยคิดว่าหากเป็นอาที่เขาเคารพรักและรักเขามากที่สุดอาจจะเข้าใจก็ได้
“ขุนนางนครเหนือ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนเอ่ยว่า “อาบอกแล้วมิใช่หรือว่าอย่าไปยุ่งกับขุนนางนครเหนือมากเกินไป เพื่อตัวเจ้าเอง”
“ข้ารู้ท่านอา…แต่ข้าอยากรู้ว่าเขาไปได้มาจากไหน…จี้เปลือกหอยนั้น” สิ้นคำพูดผู้เป็นอาถึงกับเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ…ชายผู้มีจี้แบบเดียวกัน…ก็มีเพียง…
“เจ้าไปพบยามาโมโตะ ทาเคชิ มาหรือ!!”
“ท่านอารู้จักด้วยหรือ?...จะว่าพบก็ได้จะว่าไม่พบก็ได้นะขอรับเพราะข้าเจอเขาตอนพิธีฉลองเทพจิ้งจอก” หันไปหาผู้เป็นอาด้วยรอยยิ้มแต่ใบหน้าของอีกฝ่ายกลับซีดเซียว
“ท่านอา…”
“เจ้าห้ามไปยุ่งกับยามาโมโตะ ทาเคชิอีกนะ”
“แต่ว่านะท่านอา…”
“นี้เป็นคำสั่งไม่มีแต่! หมดธุระแล้วใช่มั้ยเจ้าออกไปซะข้าจะพัก!!” ตะคอกเสียงกร้าวเสียจนฮายาโตะสะอึกน้ำตาเอ่อล้นออกมาด้วยความที่ผู้เป็นอาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“ทำไมต้องตะคอกข้าด้วยละ!! ข้าเกลียดท่านอาที่สุด!!!!” วิ่งออกไปพร้อมกับที่ใบหน้ายังอาบด้วยหยาดน้ำตา มาซารุตะโกนเรียกหลานชายที่เผลอตัวตะคอกใส่ “เดี๋ยวก่อนฮายาโตะ! ฮายาโตะ!!”
เสียงฝีเท้าของหลานชายเงียบหายไปทำให้มาซารุฝั่งใบหน้าของตนเองลงกับมือขวาที่ใช้ถือดาบสังหารอย่างเหนื่อยอ่อนหวนนึกถึงคำสั่งสุดท้ายของเจ้านายผู้งดงามที่มาพร้อมกับฮิซาชิเหยี่ยวคู่กาย
‘หากฝ่ายไหนขึ้นตรงต่อนครเหนือ ให้กำจัดทิ้งซะ’
“ข้า…ขอไม่ทำมันไม่ได้หรือท่านอายาโนะ…”
น้ำเสียงเหนื่อยอ่อนราวกับหมดสิ้นทุกอย่างในชีวิต
“จะให้ข้า…ปลิดชีพของผู้เปรียบเหมือนหลานแท้ๆ…ข้าทำไม่ได้…”
…หากจะโทษว่าใครเป็นคนผิดที่ทำให้เรื่องเป็นเช่นนี้…
………
……
…
.
…ก็คงต้องโทษข้า…ที่เป็นคนผิด…
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เรื่องราวของทายาทที่เหลือรอดจะเป็นเช่นไร…
.
.
.
.
.
.
.
.
ความรักจะสมหวังในรูปแบบใด…
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ใครจะรอด…และใครจะตาย…
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป~~~~~
เรื่องราวดำเนินมาถึงตอน 3 แล้ว(กับความยาวที่ดูจะสั้นๆยาวๆ) ถึงแม้จะยังคงไร้วี่แววของสิ่งที่เรียกว่าคอมเม้นก็ตามแต่ = =”” แต่อย่างไรก็ตามผมก็จะอัพต่อไปเผื่อมีใครมาติดกับดักตรู(ครึกครึก)
ขอเวิ่นเวอร์นิยายสักเล็กน้อย(?)นะขอรับ
แอบสครีมในใจอยู่เป็นช่วงๆว่า “อิเนียนมันจะออกมายังไงเน้อ”
“แล้วถังเบียจะออกมาเลวสภาพไหนหว่า”
“อ้า แล้วมุคุโร่จะแสบได้ขนาดไหนกันน้า~”
“จะให้ฮายาโตะนิสัยยังไงดีน้อ~”
“มาซารุกับอาคุฮะใครมันเมะใครมันเคะ(?)น้อ”
“ว่าแล้วลองเขียนฉากในหัวที่ยังอยู่อีกยาวไกลดีกว่า!!”
ร่างทั้งสองวิ่งผ่านป่ารกอย่างเหนื่อยหอบเหลียวไปดูเบื้องหลังเป็นพักๆ มือหนาของร่างสูงผมสีพิสุทธิ์ฉุดแขนเรียวบางของร่างบางผมสีไพลินผู้เป็นน้องชายในสายเลือดเพื่อให้อีกฝ่ายเร่งความเร็ว ขาเรียวบางใต้เครื่องแบบกรมการคลังนครซากุระสะดุดรากไม้จนล้มลง
“มุคุโร่คุง!?”
“ท่านไปต่อเถอะครับ ข้าวิ่งไม่ไหวแล้ว…” หอบหนักด้วยความที่วิ่งติดต่อกันมากว่าครึ่งค่อนคืน หากถูกจับได้ทั้งสองคนก็ถือว่าจบกันในสิ่งที่อุส่าห์ทำทั้งหมด เบียคุรันทรุดลงตรงหน้ามุคุโร่
“หากเจ้าไม่ไปกับข้า ข้าก็ยอมจะตายกับเจ้าอยู่ที่นี้มุคุโร่!”
“ท่านจะบ้ารึไงท่านพี่! หากท่านไม่หนีไปสิ่งที่ท่านแม่หวังก็จะพังทลายหมด ทิ้งข้าที่เป็นเพียงน้องชายที่เป็นตัวถ่วงเอาไว้ท่านก็จะหนีรอด!”
“แต่เจ้าไม่ได้เป็นเพียงน้องชาย!!!”
ดวงเนตรสองสีเบิกกว้างมองดวงเนตรสีอเมทริสต์ที่แข็งกร้าว ผู้เป็นพี่ชายคว้าร่างของเขาเข้าไปโอบกอดแน่น
“สำหรับข้าเจ้าไม่ได้เป็นเพียงน้องชาย ข้าขาดเจ้าไปไม่ได้มุคุโร่ หากข้าขาดเจ้าไปแล้วละก็…ก็ไม่ต่างจากคนไร้จิตใจ”
“ข้ากลับมามองเห็นจิตใจของคนอื่นได้เพราะเจ้า ข้ากลับมาเห็นใจใครๆได้เพราะเจ้า…ข้าไม่มีวันจะทิ้งเจ้าไว้เด็ดขาด ข้าจะไม่มีวันปล่อยมือจากเจ้าเป็นอันขาด ข้ารักเจ้ามุคุโร่…” คำสารภาพที่ออกมาจากปากของร่างสีขาวทำให้ดวงตาเบิกกว้าง พี่ชาย…ที่หลงรักน้องชายอย่างหมดใจ…
“เจอแล้ว!!!” เสียงของทหารของข้าศึกที่วิ่งตามพวกเขามาดังระงมพวกมันพุ่งเขาล้อมพวกเขาอย่างไม่มีทางหนี แขนแกร่งของชายผมสีพิสุทธิ์โอบกอดร่างบอบบางของน้องชายเอาไว้แน่น ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันปล่อยมือไปจากเจ้า
คมดาบแหวกอากาศเข้าหาร่างทั้งสอง!!?
ฉัวะ!! ดาบสีแดงสดฟาดฟันลงบนร่างของเหล่าทหารพร้อมกับขาเรียวบางที่ตวัดแตะก้านคอของพวกข้าศึกจึงทำให้พวกเขาล้มลงกับพื้นหมด
“เบียคุรัน! มุคุโร่!” เสียงหวานของเด็กหนุ่มผมสีเงินเรียกให้มุคุโร่ลืมตาขึ้นมองอย่างตกตะลึง
“ฮายาโตะคุง…”
“พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่มั้ย??” ยื่นมือให้เจ้าของผมสีไพลิน เบียคุรันปล่อยร่างในอ้อมแขนออกทำให้อีกฝ่ายจับมือของฮายาโตะแล้วยืนขึ้น
“เบียคุรัน” มือที่หุ้มด้วยผ้าสีดำยื่นให้ชายผมสีพิสุทธิ์ ดวงเนตรสีอเมทริสต์มองใบหน้าของผู้ที่ยื่นมือมาให้เขา …ชายผมสีดำสนิท…
“หากไม่รีบไปฮิบาริต้องเผาเมืองเราทิ้งก่อนแน่ๆแถมดีโน่เองก็ใช่เล่นที่ไหนกัน” ฮายาโตะเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเบียคุรันหันไปมองใบหน้าของเจ้าของผมสีไพลินที่คลี่ยิ้ม
“ไปกันเถอะเบียคุรัน…ไปสานต่อเจตนาของพวกท่านแม่ให้สำเร็จ” ชายผู้เคยเป็นมือสังหารกลับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า…ตอนนี้อะไรๆก็เปลี่ยนไปหมด…เขาอาจจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่กำลังเกินนี้ได้สินะ…ยังทันสินะ…
ยื่นมือออกไปจับมือของน้องชายต่างสายเลือดพร้อมรอยยิ้ม
“อื้ม! เราไปกันเถอะ!!!”
ฉับ!! ตัดแค่นี้ละครับที่เหลือติดตามกันเอาเองนะครับ~ เรื่องราวจะเป็นเช่นไรติดตามกันต่อไปนะครับ รู้สึกเบียคุรันบทมากกว่าทาเคชิ…เอาเถอะผมไปละนะคร้าบ~~~ (ซะทีนะแก)
เฟเซเนีย รีเซ็ท [Fesenya Reset]
-----
---
---TBC.---
ความคิดเห็น