ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Death Master Zombie ~มหากาฬนักล่าซอมบี้~

    ลำดับตอนที่ #3 : Mission 2 เกาะผู้ล่า [1]

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 57


    Death Master Zombie ~มหากาฬนักล่าซอมบี้~

     

    Mission 2 เกาะผู้ล่า [1]

     

     

                รองเท้าหนังเสริมพื้นหนาห้าเซนติเมตรก้าวออกมาจากมิชชั่นอย่างไม่มั่นคงเท่าไหร่กับความหิวที่เริ่มจู่โจมกระเพาะอาหาร!

                “หิวจัง” รีเซ็ทครวญครางออกมาในขณะที่ลืมไปว่าตัวเองมีพรรคพวกคนใหม่มาอยู่ด้วย ฝ่ายชาโดว์ที่เดินตามออกมาทางด้านหลังออกอาการตกตะลึงกับสถานที่ที่ตนเองมาอยู่อย่างไม่อยากเชื่อ ที่นี่ต่างจากที่ๆ เขาเคยอยู่โดยสิ้นเชิง

     

                สิ่งที่หลุดเข้ามาในสายตาเรียกให้ดวงตาสีมรกตเบิกกว้าง ภายนอกของมิชชั่นเป็นแนวป่ารกร้างไม่น่าไว้ใจแต่คนสองคนที่เดินนำหน้าเขากลับเดินลุยออกไปแบบไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลย นั่นทำให้เขาต้องเดินตามคนเป็นรุ่นพี่ทางสายนักล่าไปอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งเดินเข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าที่นี่ไม่น่าจะเป็นที่ๆ คนจะมาเดินได้ ทั้งซากเน่าของมนุษย์ที่กองอยู่บนพื้นเหมือนกับคลานออกมาจากมิชชั่นได้แต่ก็ต้องออกมาตายอยู่ข้างนอกเพราะถูกพวกนักล่าคนอื่นๆ เชือดเอา

                “จริงสิ ชาส เสื้อผ้าที่นายใส่น่ะเป็นภาพเฮโลแกร….” เมื่อนึกได้ว่าตัวเองลืมเรื่องสำคัญไปรีเซ็ทก็หันมาหาชาโดว์ที่เดินตามอยู่ด้านหลังสุดพร้อมกับเทน แต่เมื่อหันกลับมาแล้วทั้งสองก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง รีเซ็ทรีบถอดเสื้อคลุมแขนกุดทำจากหนังสีดำของตัวเองให้คนผมสีเขียวทันที “รีบใส่ซะ ชาส!

                “ครับ?

                “ภาพเฮโลแกรมกำลังจะหยุดทำงานแล้ว นายใส่เสื้อนั่นก่อนจะโป๊” สายไปแล้วเมื่อเสื้อผ้าที่พร่าเลือนมาจนถึงเมื่อครู่ได้หายไปอย่างหมดสิ้นทำเอาเทนยกมือขึ้นมาปิดหน้าพร้อมกับรีเซ็ทหันหลังให้เพื่อไม่เป็นการทำให้เจ้าตัวคิดว่าเขาเป็นโรคจิตวิปริต แต่ฝ่ายชาสที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกก็เอียงคออย่างงุนงง แล้วค่อยๆ ก้มมองสภาพตัวเองทั้งๆ ที่รีเซ็ทยังคงถือเสื้อค้างไว้แบบนั้น

     

     

                แล้วประสบการณ์ที่เขาจำได้แม้นยำกลับกลายเป็นการแก้ผ้านอกบ้านให้ผู้ชายด้วยกันสองคนดู

     

     

                “อ้ากกกกกกกกกกกกกกก!!!!

     

     

     

     

     

     

                “ไม่เป็นไรน่าชาสอย่าคิดมากเลย ฉันเองก็เป็นนะ ยังต้องแย่งเสื้อซอมบี้มาใส่อยู่เลย” รีเซ็ทตบหลังคนตัวสูงกว่าถึงยี่สิบเซนฯ อย่างให้กำลังใจ แม้ว่าจะไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ก็เถอะ ว่าแต่เจ้าชาสนี่ก็สูงไปนะ เสื้อที่เขาใส่แทบลากพื้นกลับสั้นจู๋เมื่ออีกคนเป็นคนใส่

                หารู้ไม่ว่าสหายคนใหม่อยากเอาหน้าซุกดินขนาดไหน

                “เอางี้ไหมเซ็ท เรากลับไปที่ตึกเอาเสื้อฉันให้ชาสใส่ก่อนแล้วค่อยออกไปที่โฮมกัน” คราวนี้เทนเป็นคนเสนอออกมาบ้างซึ่งนั่นก็ดีมากสำหรับชาโดว์แล้ว การที่ต้องไปเดินในฝูงชนเยอะแยะโดยมีแค่เสื้อคลุมโหวงๆ ตัวเดียวเป็นอะไรที่ไม่น่าลองเลยสักนิด

                “ฉันก็ว่างั้นละนะ”

                “ทำไมภาพเฮโลแกรมถึงได้หายไปได้ละ? ในเมื่อฉันก็ใช้มันมาตั้งนาน?” คนที่เพิ่งทำใจได้เอ่ยถามออกมา ถึงตอนนี้แล้วถ้าพวกเขาไม่อธิบายให้เคลียร์ก็คงไม่ได้แล้ว เพราะชีวิตของอีกฝ่ายมันเปลี่ยนไปแล้ว

                “นายรู้ใช่ไหมว่าที่ๆ นายอยู่กับที่ๆ พวกฉันอยู่มันถูกแยกออกจากกันด้วยสะพานสองสาย” รีเซ็ทเอ่ยอธิบายให้คนตัวสูงกว่าฟัง “ที่ๆ นายเคยอยู่เรียกว่ามหานครหลวงที่เป็นที่ตั้งของรัฐบาลกล และที่ๆ พวกเราอยู่ตอนนี้เรียกว่าเกาะผู้ล่า สถานที่ทั้งสองมีความสำคัญเหมือนกันแต่แตกต่างตรงที่ว่า เกาะนี้น่ะจะถูกควบคุมโดยรัฐบาลกลโดยสมบูรณ์”

                ไม่ว่าพวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน ก็จะถูกตามเจอทุกครั้งไป

                “นักล่าน่ะ จะถูกตัดสิทธิ์ในการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ร่วมกับทางมหานครหลวง หนึ่งในนั้นคือภาพเฮโลแกรม นั่นทำให้พวกฉันต้องตัดเย็บเสื้อผ้าเองไงละ” รีเซ็ทดึงคอเสื้อของตัวเองให้ดูเป็นการอธิบายเพิ่มเติมว่า ไอ้ที่เขาใส่อยู่เนี่ยหนังแท้ๆ ดรอปมาแทบตาย

     

     

                ขาทั้งสามคู่ก้าวพ้นเขตแนวป่าออกมาได้ในที่สุด และสิ่งที่ฉายชัดตรงหน้าของชาโดว์คือเมืองรกร้างขนาดใหญ่ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีคนสามารถอาศัยอยู่ได้เลยแต่ถึงอย่างนั้นคนที่อยู่ข้างกายของเขาทั้งสองก็อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ เมืองที่มีหอคอยสูงแลดูทรุดโทรมอยู่ตรงกลาง

     

    “ยินดีต้อนรับสู่บ้านใหม่ของนาย ชาส ที่นี่แหละเมืองผู้ล่าละ”

                สองข้างทางที่เด็กหนุ่มสามคนเดินผ่านมีแต่ตึกที่ดูเหมือนซากอารยธรรมก็ไม่เชิงเรียงรายอยู่และจากที่ฟังแล้วได้ซากเหล่านี้แหละคือบ้านของพวกนักล่าละ

                “นอกจากเรื่องการล่าแล้วนายยังต้องรู้เรื่องต่างๆ ในเกาะนี้อีกเยอะเลยละชาส บอกได้เลยว่านายลืมความสะดวกสบายที่อยู่มหานครหลวงไปได้เลย” รีเซ็ทหันกลับมาพูดกับเขาซึ่งถ้าสังเกตดีๆ อีกฝ่ายจะอยู่ห่างจากเขาค่อนข้างมากเพื่อไม่ให้ต้องเงยหน้ามาคุยกับเขาที่สูงกว่าถึงยี่สิบเซนฯ ถึงแม้ว่ารองเท้าเสริมส้นนั่นจะช่วยได้บ้างก็ตาม

                “ที่นี่เราต้องหาของทำเสื้อผ้าใส่เอง แม้แต่อาหารยังต้องทำเองเลยนะไม่มีคนทำให้แบบที่มหานครหรอก” ใบหน้ายิ้มแย้มของเทนทำเอาชาโดว์เหงื่อตกไปวูบหนึ่ง ไอ้อาการรันทดแบบไม่น่าจะใช้ยุคเทคโลโนยีแบบนี้มันอะไร? “บางครั้งเรายังต้องต่อพวกทีวีหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เองเลยนะ”

     

                สวรรค์! รันทดเกินไปแล้ว!

     

                “แต่ก็นะ ที่พวกเรายังทนอยู่ได้ก็เพราะมีทุนสำรองนั่นละ” รีเซ็ทว่าอย่างติดเพ้อแต่ถึงอย่างนั้นก็สร้างความงุนงงให้แก่คนสูงกว่าได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

                “ที่ว่าทุนสำรองนี่” หากแต่ก่อนจะได้เอ่ยถาม ขาที่ก้าวต่อเนื่องมาตลอดของนักล่ารุ่นพี่ก็หยุดลงทำเอาเกือบชะงักเท้าเปล่าของตัวเองให้หยุดแทบไม่ทัน เทนหันมายิ้มให้คนสูงกว่าอย่างร่าเริง

                “ถึงแล้วละ ที่นี่แหละที่อยู่ของพวกเราละ” ชี้ไปที่ตึกเบื้องหน้าของตัวเองนั่นทำให้ดวงตาสีมรกตมองตามไปและพบกับตึกแปดชั้นที่ดูดีและไฮเทคที่สุดในบริเวณนี้เรียกได้ว่าคล้ายกับรูปแบบของตึกในมหานครหลวงมาก แถมข้างๆ ยังมีโดมขนาดใหญ่สูงเท่าตึกนี้อีกต่างหาก

                “นั่นเป็นโรงฝึกของพันธมิตรนะ ไว้พวกฉันจะบอกรายละเอียดที่หลังนะ” คนผมฟ้าว่าด้วยรอยยิ้มร่าเริงเช่นเดิมก่อนที่จะจับแขนของคนเจ็บที่ตัวสูงกว่าให้เดินตามเข้าไปในตึกที่รีเซ็ทเดินตามเข้าไปก่อนแล้ว

     

     

                เมื่อก้าวเข้ามาในตัวตึกก็เห็นว่าในชั้นนี้มีโซนนั่งเล่นอยู่มุมหนึ่งของชั้นและมีบันไดอยู่อีกมุมหนึ่งซึ่งข้างๆ กันเป็นลิฟต์ตัวใหญ่ที่บรรจุคนได้กว่าสิบคน และแน่นอนว่าพวกเขาต้องก้าวเข้าไปในนั้นอย่างแน่นอน เมื่อประตูปิดรีเซ็ทก็เอ่ยออกมา

                “ชั้นเจ็ด” นั่นทำให้ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นสู่ชั้นบน ระหว่างนั้นเพื่อนสนิทสองคนก็หันไปคุยกันเรื่องที่พักของเขา

                “ให้ชาสนอนห้องว่างชั้นหกดีไหม?

                “นั่นสินะ เอาห้องตรงข้ามกับเจ้ก็น่าจะได้นะ?

     

                ยืนฟังบทสนทนาอยู่ครู่หนึ่งลิฟต์ตัวใหญ่ก็หยุดลงที่ชั้นเป้าหมายของพวกเขา ซึ่งชั้นบนอีกชั้นน่าจะเป็นห้องของใครสักคนในสองคนนี้เพราะชั้นบนสุดเป็นชั้นเล็กๆ ที่มีรูปร่างเหมือนห้องสี่เหลี่ยมเดี่ยวๆ และก็เป็นไปตามคาดเมื่อเขาเห็นว่ารีเซ็ทก้าวขึ้นบันไดเล็กๆ ข้างประตูห้องของเทนที่เป็นประตูสีฟ้า

                “ฉันไปเอาของก่อนแล้วกันนะ” ว่าจบก็เดินขึ้นไปในขณะที่เทนกำลังใส่รหัสประตูห้องเพื่อเปิดมันอยู่ ทำให้เขามีเวลาในการสำรวจชั้นนี้อยู่บ้าง ซ้ายมือของเขาเป็นประตูสีม่วงและขวามือเป็นประตูสีแดง ส่วนด้านหลังของเขาเป็นลิฟต์ที่เพิ่งก้าวลงมากับบันไดไม่ใหญ่นักใช้สำหรับลงโดยไม่ต้องรอลิฟต์

                “ชาส นายสูงเท่าไหร่?” เสียงเรียกของเทนเรียกให้เขาต้องเดินเข้าไปในห้องนอนของเทนที่ก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของตัวเองโดยที่เขาไม่ลืมปิดประตูห้อง “180 น่ะ ทำไมเหรอ?

                “จะได้ซื้อหรือตัดชุดของนายได้พอดีน่ะ มันคงไม่ดีถ้าต้องใส่ชุดที่ไม่พอดีกับตัวจริงไหม? เดี๋ยวฉันขอวัดตัวนายด้วยนะ?”เอ่ยพูดในขณะที่ยังเปิดลิ้นชักโน้นปิดลิ้นชักนี้อยู่ที่ตู้เสื้อผ้าข้างเตียง

                “อืม” ตอบกลับไปโดยตายังมองสำรวจรอบๆ ห้องของคนผมสีฟ้าที่จัดเก็บของอย่างเป็นระเบียบ และยังแบ่งออกเป็นสองส่วน คือส่วนที่เป็นส่วนนั่งเล่นที่มีชั้นหนังสืออยู่ด้วยกับส่วนของพื้นที่นอนที่อีกฝ่ายยืนอยู่

                “เอ้านี้ ชุดเปลี่ยนนะ แล้วก็จะขอวัดตัว….ชาส?” หันมาพร้อมชุดที่จะให้สวมแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมองไปยังขวดรูปทรงแปลกๆ ที่มีของเหลวข้นกระดอนอยู่ข้างใน “มีอะไรรึเปล่า ชาส?

                “นั่นอะไร?” ชี้ไปที่สิ่งที่ต้องสงสัย เทนจึงวางชุดลงบนเตียงที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนโทนสีม่วง แล้วใช้สายวัดค่อยๆ วัดตัวของคนสูงกว่าที่ดูจะให้ความร่วมมืออยู่มาก “อ้อ? นั่นเป็นนาฬิกาของนักล่าน่ะ ของเหลวในนั้นจะเต็มเมื่อมิชชั่นรีระบบเรียบร้อยแล้วน่ะ”  หันไปจดตัวเล็กที่ได้ลงในระบบจดบันทึกแล้วเอ่ยต่อ “เราจะลงมิชชั่นใหม่ได้ก็ต่อเมื่อมิชชั่นรีเสร็จเรียบร้อยแล้วเท่านั้น แต่เวลามันไม่ได้ตรงกันทุกวันหรอก”

                “เหรอ”

     

                ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูทำให้ทั้งสองคนที่กำลังวัดตัวไปสนทนากันไปหันไปมองประตูที่ปิดอยู่ และคนข้างนอกเองก็ไม่คิดจะเปิดเข้ามาเสียด้วย “เสร็จรึยัง?” เป็นรีเซ็ทที่มาเคาะนั่นก็ทำให้เทนตบบ่าชาโดว์เบาๆ

                “เอาละ ฉันวัดตัวนายเสร็จแล้วละ ที่เหลือก็ใส่ชุดซะนะ ฉันออกไปรอข้างนอก” เมื่อพูดจบก็เดินระบายยิ้มออกไปอย่างอารมณ์ดี ให้ชาโดว์ก้มมองชุดที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ให้บนเตียง มันมีลักษณะไม่ต่างจากชุดที่เขาสวมมาเท่าไหร่เพียงแค่เนื้อผ้าหยาบกว่าและมีบู้ตข้อสั้นเท่านั้น

    แอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเริ่มสวมชุดอย่างไม่รีบร้อนนัก

     

     

               

                แกร๊ก เสียงเปิดประตูเรียกให้คนที่กำลังคุยกันอย่างเผ็ดร้อนชะงักมอง ซึ่งคนสูง160เซนฯกระตุกยิ้มออกมาอย่างสะใจว่าไม่ได้มีแค่เขาที่อีกฝ่ายใส่เสื้อแล้วมันจะลอย!

                “ดีใจด้วยเทน เจ้าบ้านี่ใส่เสื้อนายลอยละลิ๋วเลย” ชี้ไปที่ชายกางเกงเหนือบู้ตข้อสั้นของเทนที่ควรจะอยู่ในบู้ตมากกว่าถ้าหากเทนเป็นคนใส่ ทำเอาเจ้าของชุดเกาแก้มแก้เก้อ “อ่าบางทีก็สูงไปนะ”

                “เอาละ รีบไปกันเถอะ เราต้องทำอีกหลายอย่างเลยนะ ทั้งซื้อเสื้อให้ชาสใส่สำรองไปก่อนแถมยังต้องพาไปเลือกอาวุธอีก” รีเซ็ทเดินอาดๆ ไปที่ลิฟต์ส่วนเทนก็หันมาส่งยิ้มให้ชาโดว์อีกครั้ง

                “พวกเราตกลงกันว่าจะเอาของที่ดรอปได้ในส่วนของพวกเรามาตัดเย็บชุดให้นายก่อนน่ะ แต่เซ็ทบอกว่าจะเย็บเองให้ฉันคอยดูแลเรื่องแผลของนาย รวมถึงแผลที่เท้าที่เป็นตอนเดินมาด้วยนะ”

                “เอ๋?” อีกฝ่ายรู้ด้วยเหรอว่าตอนเดินเท้าเปล่ามาเมื่อกี้เขาโดนหินบาดเอา?

                “เฮ้ จะไปได้ยัง?” คนสูงน้อยที่สุดในกลุ่มว่าอย่างรำคาญ ให้คนมัวแต่สนทนากันไม่เห็นใจเขารู้สึกตัวบ้าง เทนส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้ชาโดว์อีกครั้งก่อนเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมขอโทษขอโพยรีเซ็ทด้วยรอยยิ้มเจื่อน

                “ขอโทษที่ให้รอเรื่อยเลยนะ เซ็ท”

                “คราวหน้าฉันจะไม่รอแล้ว ชาส! รออะไรอยู่ รีบมาได้แล้ว!

               

     

                                …ออกแนวอารมณ์เสียไปแล้วแฮะ

     

                “หา? อะ อืม!” ตอบรับอย่างมึนๆ แล้วก้าวเท้าเข้าไปในลิฟต์ตัวใหญ่ที่รุ่นพี่นักล่าทั้งสองคนรออยู่อย่างไม่อิดออดอะไร

     

     

    แล้วลิฟต์ตัวนั้นก็เคลื่อนตัวลงสู่ชั้นล่าง

     

     

     

    "to be continued"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×