คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Fic Vocaloid The Lost Memory [1/3]
Fic นอกรอบ
Fic Vocaloid Gakupo x Kaito
By : Fesenya Reset.
~The Lost Memory~
ยามที่จ้องมองใบหน้าของตนเองในกระจกตัวข้าก็คอยถามตนเองอยู่ทุกคราว่าตัวข้านั้นขาดสิ่งใดไปหรือ? ความรัก? ความชอบ? ความสุข? หรือ ความรู้สึก… ตัวข้าขาดสิ่งใดไปกันแน่…? และสิ่งนั้นทำให้ข้าต้องสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไป…หากตัวข้านั้นไร้ความรู้สึก…แล้วทำไมกันนะข้าถึงรู้สึกราวกับว่าดวงใจนี้ได้แตกสลายไปพร้อมกับร่างของเธอคนนั้นที่ถูกเผา…แต่ว่าตัวข้าคงจะไร้ความรู้สึกจริงๆก็เป็นได้…เพราะถึงขนาดสูญเสียคนสำคัญเท่าชีวิตไปแล้ว…ข้ากลับไม่หลั่งน้ำตาเลยแม้แต่นิด…
ยามที่ผมหันกลับมามองตนเองเพื่อหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมสูญเสียเธอคนนั้นไป สิ่งที่ผมพบคือ ‘ความอ่อนแอ’ ของตัวผมเอง แต่ผมกลับมามองเห็นมันยามที่เห็นร่างของเธอคนนั้นที่ถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงสีแดงสด หยาดน้ำตาของผมหลั่งรินออกมาอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด ตัวผมไม่อาจแก้อะไรได้อีกแล้ว…ถ้าอย่างงั้น…ผมจะเป็นตัวผมเช่นนี้ตลอดไป…เพราะมันไม่จำเป็นอีกแล้วที่จะเปลี่ยนแปลง…
เพราะความรักที่ฉันมีให้พวกเขามากมายทำให้ฉันตัดสินใจทำแบบนี้…การสูญเสียฉันไปคงเจ็บปวดไม่น้อย แต่ตัวฉันไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไปถึงความลับที่เก็บไว้ในใจ ไม่ว่ายังไงก็ไม่กล้า…ฉันเลือกที่จะปลิดชีวิตตัวเองแทนที่จะรอเวลาที่มาถึง เพื่อปลดปล่อยพวกเขาจากฉัน อย่าได้ทำบาปเพราะตัวฉันอีกเลย…ให้พวกเขาได้เริ่มชีวิตใหม่ที่ดีกว่า…อย่ามายึดติดกับปีศาจร้ายที่พรากความสุขของพวกเขาไปอย่างฉันเลย…ผิดไหม…ที่อยากบอกพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย…
‘Remember’
‘จดจำฉันไว้ในหัวใจของพวกนาย’
…พวกเราต่างสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตไปทั้งคู่…
… ‘เขา’ …
…เป็นคนที่สำคัญกับเราทั้งคู่…
…แต่ ‘เขา’ …
…กลับทิ้งเราทั้งคู่ไป…
…เราสูญเสียแรงบันดาลใจที่จะดำรงชีวิตไปแล้ว…
…เช่นนั้นแล้ว…
…เราทั้งคู่ที่ต่างก็ราวกับไม่มีชีวิตและวิญญาณ…
…จะทำบาปร่วมกัน…
ดวงตาสีม่วงเข้มมองไปรอบตัวราวกับหาอะไรบางงอย่างท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก เขาคนนั้นที่ผมเจอกันในงานศพของคนสำคัญ รู้อยู่แล้วว่ามันไม่อาจเปลี่ยนอะไรได้…แต่ว่า…
หากไม่ได้เป็นเพราะเจ้า เธอคนนั้นคงไม่ตัดสินใจอะไรโง่ๆแบบนั้น…
ตามที่คาดร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่มผมสีฟ้าออกน้ำเงินลู่ลงเพราะเปียกปอนฝนเดินเข้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆด้วยใบหน้าหมอง ดวงตาสีฟ้ากระจ่างคู่นั้นฉายแววแน่วแน่ราวกับว่าสิ่งที่ตัดสินในไว้นั้นถูกต้องที่สุดแล้ว…
หากไม่มีเขาสักคนแล้วละก็...ตัวผมคงไม่เสียเธอไป....
มือข้างที่ถนัดดึงบางสิ่งที่ตนเองซ่อนเอาไว้ออกมา เขาทั้งคู่...ช่างเหมือนกัน... ปืนสีนิลถูกเล็งไปที่หน้าผากของอีกฝ่าย เลือกที่จะทำให้สิ่งเดียวกัน หากกำจัดคนตรงหน้าไปได้แล้วละก็..เธอคนนั้นจักต้องห้วนกลับมา...
แต่มันก็เป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆ
เธอคนนั้นไม่มีวันห้วนกลับมา
เป็นปืนของชายหนุ่มผมสีม่วงที่ลั่นก่อน แต่ลูกกระสุนนั้นกลับเบนออกไปด้วยความจงใจราวกับจะบอกว่า
‘อย่าทำใบหน้าที่ขมขื่นแบบนั้น หากตัดสินใจแล้วก็จงลั่นปืนนั้นซะ’
ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นฉายแววหวาดกลัวออกมา นิ้วเรียวที่จ่ออยู่ที่ไกปืนสั่น เรือนร่างบางนั้นสั่นเทา
ราวกับว่าหากแตะต้องเพียงนิดเดียว มันจะแตกสลาย...หยาดน้ำตาร่วงหล่นจากดวงตาคู่นั้น ดวงตาสีม่วงมองร่างบอบบางตรงหน้าอย่างเย็นชา อ่อนแอ...มืออีกข้างของเด็กหนุ่มถูกยกขึ้นมากุมปืนในมือเพื่อไม่ให้สั่น แต่มันกลับสั่นยิ่งกว่าเดิม
“ผม...ผมทำไม่ได้...”ลดปืนลงหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาไหลไปกลับสายฝนยามที่นึกถึงรอยยิ้มของใครคนนั้นก็รู้สึกปวดร้าว ยิ่งคิดถึงคำพูดที่ได้ยินแล้ว...มันปวดร้าวยิ่งกว่า...
-ไคโตะน่ะใจดีเกินไป มันทำให้นายดูอ่อนแอ-
ผมรู้ว่าตัวเองอ่อนแอ..แต่จะให้ผมทำยังไงละ...
ตอบผมทีสิ เลน
ดวงตาสีม่วงเข้มฉายแววสงสัยออกมาวูบหนึ่ง ทำไมเขาถึงไม่เหนี่ยวไกปืน ในเมื่อตัดสินใจมาแล้ว หากไม่เป็นผู้ฆ่า ก็ต้องกลายเป็นผู้ถูกฆ่าแทน ยามที่นึกถึงคำพูดของใครคนนั้นก็เข้าใจ
-กาคุโปนะ เย็นชาเกินไปจนไร้ความรู้สึกเลย-
นั้นสินะ ข้าอาจจะเป็นแบบนั้นจริงก็ได้ ขนาดจะฆ่าคนข้ายังไม่รู้สึกอะไรเลย
ข้าจะทำยังไงละ เลน
ปืนในมือของ ‘คามุอิ กาคุโป’ ลั่นดังสนั่น กระสุนตะกั่วพุ่งเข้าหาหน้าผากมนของเด็กหนุ่มที่อายุต่างกันเพียงไม่กี่ปี ‘ชิอง ไคโตะ’ เพียงแต่ผิดคาดไปเมื่อกระสุนที่ควรจะทะลุหน้าผากมนนั้นกลับพุ่งไปโดนต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังแทน เป็นเพราะร่างสีแดงราวกับเปลวเพลิงที่พุ่งเข้ามาผลักร่างโปร่งบางจนล้มลงไปทั้งคู่ ร่างสีแดงนั้นคือน้องชายฝาแฝดที่ดูไม่เหมือนกันเลยของไคโตะ ‘ชิอง อไคโตะ’
“ไคโตะ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม!?” อไคโตะถามด้วยน้ำเสียงตื่นๆพร้อมๆกับสำรวจร่างกายของผู้เป็นพี่ชาย เมื่อสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายหมดสติไปโดยมีเลือดหลั่งออกมาจากศีรษะก็ตวัดดวงตามองชายผมสีม่วงเข้มด้วยความโกรธเคือง ราวกับจะหยิบปืนมือของพี่ชายมายิงคนตรงหน้าแทนให้รู้แล้วรู้รอด
“นายจะฆ่าไคโตะรึไง! ฉันจะเอาแกเข้าตารางแน่ คามุอิ กาคุโป!” ตะคอกอย่างเดือดดาน ซึ่งชายผมสีม่วงกระตุกยิ้มราวกับถือไพ่เหนือกว่า
“ข้าว่าคงเป็นพวกเจ้ามากกว่าที่จะถูกจับ เพราะปืนนั้น” เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง อไคโตะขบกรามอย่างเจ็บใจจริงของอีกฝ่ายพวกเขาไม่ใช่ขุนนางที่จะสามารถพกอาวุธติดตัวได้แทนทีอีกฝ่ายจะถูกจับจะเป็นพวกเขามากกว่าที่จะถูกจับ
“อย่าให้ฉันเจอแกอีกนะ!” ตะคอกอีกครั้งก่อนที่จะอุ้มร่างของพี่ชายที่ล้มลงไปนอนนิ่งอยู่กับพื้นเพราะหัวกระแทกพื้นอย่างแรง ต้องรีบพาไปหาหมอก่อนนั้นสำคัญที่สุด ดวงตาสีเข้มมองร่างของเด็กหนุ่มสองคนที่เดินจากไปท่ามกลางสายฝน มองร่างของเด็กหนุ่มที่อยู่ในอ้อมกอดของน้องชาย แม้จะสลบไปแล้วแต่ริมฝีปากบางซีดนั้นยังคงเม้มติดกันจนแดง…เปราะบางจนราวกับจะแตกสลาย…
นิ้วเรียวของเด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิงเกลี่ยเรือนผมสีฟ้าของพี่ชายอย่างแผ่วเบา แตะนิ้วลงบนผ้าพันแผลสีขาวที่พันอยู่รอบศีรษะของพี่ชาย จังหวะที่เขาผลักพี่ชายเพื่อให้หลบกระสุนหัวของอีกฝ่ายก็กระแทกกับอะไรบางอย่างอย่างแรงจนหัวแตก นึกภาวนาอยู่ในใจว่าอย่าให้คนตรงหน้าเป็นอะไร เพราะหากคนตรงหน้าเป็นอะไรไป…ก็เป็นเพราะตัวเขา…สังเกตเห็นหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาที่ยังปิดอยู่…ปาดมันออกอย่างแผ่วเบา
ไม่ว่าจะพยายามยังไง…นายก็ลืมเจ้าเด็กนั้นไม่ได้งั้นหรือ…
ย้อนกลับไปนึกถึงตอนที่ร่างของเด็กสีเหลืองคนนั้นมาพบกับเขา…ด้วยใบหน้าอิดโรย เขารู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้ปกปิดอะไรไว้ด้วยสายข่าวส่วนตัวเขาไม่ได้อยู่แบบกร่างไปวันๆนี้นา…แต่ในตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมากด้วยความไม่ชอบเด็กคนนี้เป็นทุนเดิมด้วยแล้ว เขาไม่อยากให้เด็กคนนี้มายุ่งกับพี่ชายของเขา แต่ฝ่ายพี่ชายของเขานี้สิ! ไม่ว่าจะหลอกล่อยังไงก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะไม่เลิกยุ่ง! เอากับมันสิ!!! ในขณะที่กำลังหงุดหงิดทั้งพี่ชายแสนโง่ซื่อและตัวเองที่สอนพี่ออกมายังไงถึงได้ซื่อบริสุทธิ์แบบนี้ เด็กชายสีเหลืองคนนั้นก็พูดขึ้น
“ฝากสิ่งนี้ให้ไคโตะด้วย…” ยื่นกระดาษสีดำให้เขาด้วยใบหน้าเศร้า เมื่อเขารับกระดาษมาอย่างเสียไม่ได้ร่างนั้นก็หันหลังวิ่งออกไปโดยที่สวนกับร่างโปร่งผมสีฟ้าที่กำลังจะเปิดประตู แต่ไม่ทันทีไคโตะจะร้องทักร่างนั้นก็กระโดดขึ้นรถหรูของตนไปแล้ว
“อไค…เลนเขามาทำไมเหรอ” เอ่ยถามด้วยใบหน้าเศร้ากำลังโทษตัวเองอยู่เป็นแน่ อไคโตะซึ่งแข็งแรงกว่าพี่ชายของตนเองมากดีดหน้าผากอีกฝ่ายดัง ‘เพียะ’
“งือ…T<>T” กุมหน้าผากที่ถูกดีดอย่างเจ็บแสบ รู้ก็รู้ว่าพี่ชายตัวเองเปราะบางแค่ไหนยังแกล้งกันได้ลงคอ! อไคโตะถอนหายใจก่อนประทับริมฝีปากลงบนรอยแดงนั้น
“หายรึยัง?”
“อือ! อไคใช้คาถาที่สอนด้วยอะ งิ้ว~ >w<” กระโดดกอดน้องชายก่อนอ้อนให้น้องชายฝาแฝดซื้อไอศกรีมให้กินอีกด้วย พี่ชายตัวแสบต้องลืมเรื่องเลนเมื่อกี้ไปแล้วแน่นอน อไคฟันธง! มือที่ค่อนข้างสากที่เกิดจากการชกต่อยของอไคโตะแอบเก็บกระดาษสีดำใบนั้นลงในกระเป๋าของตนเอง…กระดาษสีดำที่เขียนด้วยอักษรสีแดงราวกับเลือด…
‘Remember’
ดวงตาสีแดงสดมองตัวอักษรสีแดงราวกับเลือดก่อนขย่ากระดาษแผ่นนั้นทิ้งลงในถังขยะข้างเตียงคนไข้อย่างโกธรเคือง คิดจะให้ไคโตะทรมานเพราะนายไปจนตายเลยรึไว ‘คากามิเนะ เลน’!
กุมขมับอย่างโกรธเคืองละเจ็บปวด คิดหรือว่าเขาไม่เห็นว่าพี่ชายของเขาเปลี่ยนไปเพราะเด็กคนนี้มากแค่ไหน ไคโตะเปลี่ยนไปมาก แม้แต่รอยยิ้มก็ยังคงเป็นรอยยิ้มที่เป็นของปลอม แค่นี้ยังทำให้ไคโตะทรมานไม่พออีกเหรอ ยังทำให้ไคโตะโศกเศร้าไม่พออีกเหรอ ยังทำให้พี่ชายของเขาร่วงหล่นลงสู่ความมืดไม่พออีกเหรอ!! พอกันที! ‘Remember’ งั้นเหรอ อยากให้จดจำตัวเองเอาไว้งั้นเหรอ! เหลวไหลสิ้นดี! ปีศาจร้ายในคราบเทวดาตัวน้อยอย่างนายน่ะ! ถ้าอยากให้ใครสักคนจดจำตัวเองเอาไว้ละก็…ไม่ต้องให้ไคโตะเป็นคนจดจำนายหรอก
ฉันคนนี้แหละจะจดจำให้เอง…จดจำใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นของนาย
จดจำตัวนายที่เป็นปีศาจร้ายที่พรากความสุข
ฉันจะจดจำนายให้เอง จดจำนาย
…ในฐานะปีศาจร้ายที่ฉันรังเกียจที่สุด…
เสียงครางอื้อเรียกให้อไคโตะหลุดจากผวัง กระเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้จ้องมองคนที่เริ่มรู้สึกตัว ไคโตะค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนมองไปรอบๆตัว พบกับใบหน้าของเด็กหนุ่มผมสีแดง
“ไคโตะ! นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?!” เอ่ยถามอย่างร้อนใจ ทำไมคนตรงหน้าถึงดูเฉยชาแบบนี้…ปกติต้องกระโดดโลดเต้นให้หัวโขกกันสักรอบหนึ่งแล้วโดนเขกหัวถึงจะหยุด…แปลกจนเกินไป…
แต่แล้วสิ่งที่พี่ชายฝาแฝดเอ่ยออกมาทำให้เขาเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
“คุณเป็นใครครับ?”
…นี้เป็นคำสาปของนายรึไง ปีศาจที่ฉันจงเกลียดจงชัง…
…คำสาปแห่ง…
‘Remember’
มือสากของชายหนุ่มผมสีม่วงเข้มวางกระดาษสีดำบนโต๊ะ มันมีอักษรซึ่งเขียนด้วยอักษรสีแดงราวกับเลือดลงบนโต๊ะ ‘Remember’
เจ้าต้องการจะบอกอะไรกันแน่?
“ท่านกาคุโป!”เสียงของเลขาสาวดังสนั่นทำเอาเขากระตุกคิ้ว อยู่ๆบานประตูก็เปิดผัวะออกอย่างแรงคาดว่าเลขาสาวนาม ‘ลูกะ’ต้องกระโดดถีบมันแน่ๆ ซึ่งเป็นการระทำที่กาคุโปคุ้นเคยเขาต้องเปลี่ยนประตูเพราะเธอคนนี้มาไม่ต่ำกว่ายี่สิบแปดครั้ง แต่สิ่งที่ไม่เคยชินก็คือเวลาคุณเธอกระโดดถีบแล้วไม่ยอมเอาขาลงนั้นต่างหากที่ทำเอาเขาหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศเป็นประจำซึ่งวันนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิมคุณเธอยังยกขาให้เห็นกางเกงในสีขาวเด่นหลา
“ลู-กะ!” เบนหน้าหนีชี้ไปที่ขาของเลาขาสาว ให้ตาย! ฝึกคนทั้งคฤหาสน์ได้แต่แก้นิสัยตัวเองไม่ได้ กาคุโปเหนื่อยใจ! ลูกะมองตามนิ้วก่อนจะหยุดที่ขาของตัวเองเธอรีบเอาขาลงในทันใด
“ข-ขออภัยคะ!”
“เอาเถอะ ที่รีบร้อนมานี้มีอะไรละ” เอ่ยพร้อมรอยยิ้มแสร้ง
“เอ่อ…สายของเราส่งข้อมูลล่าสุดของคู่แข่งท่านมาแล้วคะ” คู่แข่งของเขา…คือเด็กหนุ่มผมสีฟ้าที่หนีรอดไปเพราะได้น้องชายฝาแฝดชองตนเองช่วย…คู่แข่งที่ต้องกำจัด มือบางของหญิงสาววางเอกสารลงบนโต๊ะของชายหนุ่ม สิ่งที่ดวงตาสีเข้มคู่นั้นเห็นก่อนคือรูปของคู่แข่งซึ่งแนบอยู่หน้าสุด ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างงดงาม ดวงตาที่ฉายแววสนุกสนาน ริมฝีปากบางอมชมพูสวย ผิวขาวราวหิมะขับให้ร่างนั้นบอบบางเข้ากับชุดแบบโกธิคสีดำ ลองนึกย้อนกลับไปตอนที่เจอกันครั้งล่าสุด เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นเช่นในรูปถ่าย…ใบหน้านั้นอาบด้วยหยาดน้ำตา ดวงตาคู่นั้นวางเปล่าราวกับไร้วิญญาณ ริมฝีปากบางนั้นขาวซีดจนน่ากลัว ร่างกายนั้นราวกับจะแตกสลาย…ไล่ดวงตาของตนเองลงบนเอกสารนั้น ซึ่งเป็นรายการที่เคยผ่านตามาแล้ว พลิกไปถึงเอกสารแผ่นล่าสุด
ผลการตรวจของทางโรงพยาบาล?
กรอกดวงตาอ่านสิ่งที่อยู่ในผลการตรวจนั้นอย่างรวดเร็วก่อนเบิกตากว้าง
“เนื่องด้วยหัวกระแทกอย่างแรงมีความเป็นไปได้สูงที่จะ…ความจำเสื่อม” กระแทกเอกสารลงบนโต๊ะดังใบหน้าซีดเหงื่อแตกพลั่ก เป็นเพราะเขายิงปืนออกไป…ทำให้อไคโตะต้องผลักร่างของพี่ชายเพื่อให้หลบกระสุน…หากเขาไม่ยิงปืนออกไปแล้วละก็…
“ลูกะ! เจ้ารีบไปบอกฮิโยเทรุให้เอารถออกเดี๋ยวนี้!!”ตะคอกเสียงดังจนหญิงสาวผงะ เธอไม่เคยเห็นเจ้านายตนเองเป็นเช่นนี้มาก่อนแม้กระทั้งเรื่องของเลน
“รีบไปสิ!!”
“อ๊ะ! คะ!” ลูกะรีบวิ่งออกไปทันที กาคุโปกุมขมับมองรูปถ่ายด้วยดวงตาที่ไม่สื่อความหมาย เขาไม่ทันสังเกตเห็นกระดาษสีดำที่ร่วงลงพื้นในตอนที่เขากระแทกเอกสารลงบนโต๊ะ มันนอนนิ่งอยู่กลางห้อง เมื่อคิดทบทวนสิ่งต่างๆได้ชายหนุ่มก็คว้าเสื้อคลุมสีดำของตนมาใส่ก่อนวิ่งออกไปจากห้อง ไม่ทันรู้ตัวว่าเท้าของตนเองเหยียบลงกระดาษสีดำแผ่นนั้น…
วิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิตทันทีที่ถึงห้องรักษาตัวของเป้าหมายเขาก็กระแทกประตูเข้าไปทันทีส่วนเรื่องความแรงราวกับจะให้ประตูหลุดไปทั้งยวง เมื่อเห็นร่างของเด็กหนุ่มที่ตนเห็นนั่งอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดก็รู้สึกโล่งอก เขาหอบหายใจหนักแม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแรงแค่ไหนแต่การวิ่งขึ้นบันไดมาชั้น 20 นี้ก็ไม่แปลกเลยที่จะเหนื่อย อย่างน้อยสิ่งที่เขาหวาดกลัวก็คงไม่เกิดขึ้นจริง แต่แล้วดวงตาของเด็กหนุ่มก็ตวัดมามองเขา เราคงต้องฉะกันอีกสักรอบละมั่ง? ทว่าสิ่งที่เด็กหนุ่มเอ่ยออกมานั้นกลับทำให้กาคุโปถึงกับผงะ
“เอ่อ…ไม่ทราบว่าคุณ…เป็นใครครับ?”
นี้เจ้ากำลังเล่นตลกกับข้าอยู่รึอย่างไรกัน?
ทิ้งเสื้อคลุมของตนเองลงบนโซฟาก่อนเดินเข้าไปหาร่างของคนป่วยที่อยู่ในชุดคนไข้สีฟ้าอ่อน ใบหน้านั้นแย้มยิ้มแต่ดวงตากลับโศกเศร้า ดวงเนตรสีม่วงมองร่างของอีกฝ่ายที่ดูไม่มีอะไรแปลกไป ยกเว้นเพียงผ้าพันแผลบนศีรษะนั้น
“เจ้าจำข้าไม่ได้จริงๆหรือ?” เป็นครั้งแรกที่อยากให้มีคนโกหกเขา มีคนแกล้งเขาเล่น…โดยเฉพาะคนตรงหน้าในตอนนี้ คิ้วเรียวของไคโตะขมวดเข้าหากันเหมือนพยายามนึก แต่แล้วเขาก็ต้องเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ารู้สึกผิด
“ผมนึกอะไรไม่ออกเลย…”เมื่อกาคุโปได้ยินคำนั้นเขาก็กดร่างของเด็กหนุ่มกระแทกผนังด้านหลังอย่างแรง! น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปนั้นแข็งกร้าวละขุ่นเคือง
“เจ้าจำข้าไม่ได้จริงๆหรือ!”บีบกรามของอีกฝ่ายอย่างแรงเป็นครั้งแรกที่เขาขุ่นเคืองได้ขนาดนี้ ทำไมเขาต้องเป็นเดือดเป็นร้อนด้วยก็ได้เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลยดีเสียด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายลืมเขา
นี้ข้า…เป็นอะไรไป?
“ไม่รู้…ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น…นึก…นึกไม่ออกเลย…”เอ่ยออกมาพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นออกมานั้นเรียกสติของกาตุโปกลับมา เขารีบปล่อยมือของตนออกจากคางของอีกฝ่ายผงะถอยหลังไป ไคโตะยกมือทั้งสองข้างของตนขึ้นมาปิดหน้าของตนเพื่อไม่ให้ใครเห็นน้ำตา เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสะอื้น ที่รวมๆแล้วความหมายคือคำว่า ‘ไม่รู้’
ข้าเผลอทำอะไรลงไปอีกแล้ว…
ดึงมือของอีกฝ่ายออกก่อนดึงร่างบอบบางนั้นมากอดเอาไว้แน่นขบกรามอย่างเดือดดาน เขาทำผิดอีกแล้วสินะ กดให้ศีรษะที่ปกคลุมด้วนเรือนผมสีฟ้านั้นซบลงกับไหล่กว้างของตนเอง
“ข้าขอโทษ…ข้าขอโทษ”กระซิบคำเดิมด้วยความรู้สึกผิดที่ก่อตัวขึ้น
“คุณไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ…ขอโทษนะครับที่ทำยังไง…ผมก็นึกเรื่องของคุณไม่ออกเลยว่าคุณเป็นใคร…”ละออกจากอ้อมกอของชายหนุ่ม มือบางทั้งสองข้างยกขึ้นแนบแก้มของชายหนุ่ม น้ำตายังคงเอ่อล้นออกมาไม่ขาดสาย ตอนนี้เด็กหนุ่มอ่อนแอและเปราะบางเกินกว่าจะนึกเรื่องทั้งหมดออก ก้มลงจูบซับน้ำตาให้แก่อีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปนั้นอ่อนโยนและนุ่มนวล
“ไม่เป็นไร…เวลายังมีอีกมาก…เจ้าค่อยๆนึกให้ออกก็ยังไม่สาย…”เรียกรอยยิ้มของไคโตะออกมาได้เป็นอย่างดี รอยยิ้มที่เป็นเช่นแต่ก่อน
“ครับ!”
กาคุโปยิ้มตอบอีกฝ่ายนี้เป็นนิสัยเดิมของคนตรงหน้าที่เขาไม่เคยเห็น นับว่าอไคโตะน้องชายของอีกฝ่ายสอนที่ออกมาได้โง่มาก! ถึงจะไม่มีความทรงจำร่างกายก็ต้องจำได้บ้างละว่าไม่ให้คนแปลกหน้ามา กอด จูบ ลูบ คลำ แบบนี้! โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน!! ไคโตะสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปจึงส่งเสียงเรียกแต่เพราะไม่รู้ชื่อจึงมีแต่คำว่า ‘คุณ’ กับ ‘เอ่อ’ ที่หลุดออกมา กาคุโปกระตุกยิ้ม
จะผิดไหม?
ถ้าข้าอยากที่ขอ…
ให้มันแบบนี้ตลอดไป…
“ข้าชื่อ คามุอิ กาคุโป ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะ ชิอง ไคโตะ”
ดวงตาสีฟ้าอมเขียวมองห้องพักรักษาตัวนั้นจากดาดฟ้าของตึกตรงข้าม อาภรณ์สีขาวบางพลิ้วไหวตามสายลมเรือนผมสีเหลืองถูกรวบเอาไว้เป็นหางม้าสูง แต่ก็ยังหลงเหลือไว้ปิดบังดวงตาขวา ริมฝีปากบางยกยิ้มไม่สื่อความหมายและน่าแปลกที่ร่างนั้นสามารถยืนอยู่บนรั้วดาดฟ้าได้โดยไม่เอนล้ม… เป็นเช่นเดียวกับคนสำคัญของคนทั้งสองที่กำลังจับตามอง
“ดูท่าว่าต้องกลับไปเก็บของขวัญชิ้นสุดท้ายคืนแล้วละมั่ง?” เสียงหวานถูกเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนสังเกตเห็นร่างของหญิงสาวผมสีดำแซมฟ้าที่จอนด้านหน้า
“พร้อมรึยังคะ ท่าน…”
“อืม ได้เวลาไปแล้วสินะ รุกโกะ”พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มกระโดดลงจากรั้วดาดฟ้า เดินตรงไปหาคนรับใช้สาว หันไปมองห้องพักอีกครั้งด้วยแสยะรอยยิ้ม
“แล้วฉันจะไปรับของขวัญชิ้นสุดท้ายนั้นคืนนะ เตรียมตัวไว้ละ คามุอิ กาคุโป ชิอง ไคโตะ”
---TBC.---
สวัสดีคร้าบ~~ รีเซ็ทเจ้าเก่าครับ ในที่สุดก็จบช่วง1/3เสียที แต่ไม่มีเม้น T__T แต่ผมจะสู้อัพต่อไปครับ!
เอาไงดีละ....หมดมุขซะแล้ว(โดนเสย) คากามิเนะ รีเทิร์น!!! [เป็นคู่กาคุโปไคโตะนะครับ]
ความคิดเห็น