ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The summer trip โกอินเตอร์...ที่ซิดนีย์

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4: Let's come with me!

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 54


               เครื่องบินอันแสนจะหะรูหะรา ตอนนี้กำลังจะทะยานขึ้นฟ้าแล้ว วู้ววววว! ผมที่กำลังนั่งฟังเพลงอยู่ถึงกับสะดุ้ง เมื่อรู้สึกว่าตอนนี้มันกำลังวิ่งออกจากรันเวย์ ตื่นเต้นโคตร! ก็คนมันไม่เคยนั่งเครื่องบินนี่นา จะหาว่าบ้านนอกก็เอาเหอะ กรุยอมรับ ฮ่าๆ

              สวัสดีผู้โดยสารทุกท่านครับ กระผมกัปตันทศวรรษ และลูกเรือกำลังจะพาทุกท่านไปยังท่าอากาศยานเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย อุณหภูมิข้างนอกตอนนี้อยุ่ที่ –32c จะใช้ระยะเวลาเดินทางทั้งหมดเก้าชั่วโมงนะครับ ขอบคุณครับ

    เสียงหล่อๆของกัปตันพูดขึ้น และยังพูดเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษต่ออีกด้วยซึ่งผมก็ไม่รู้เรื่องว่ามันแปลว่าอะไร แฮะๆ -*-

              “นี่พี่พอร์ช ไม่ง่วงเลยหรอ นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะเนี่ย

              น้องเจมส์ เด็กหญิงผู้ร่วมชะตากรรมในทริปถามผม

              ยังเลยอ่ะ พอดีพี่แอบหลับในรถก่อนมาอ่ะนะผมตอบด้วยสีหน้าเป็นมิตร

              คนอื่นหลับกันหมด อาจจะเพราะเพลียกันมามากและอยากเก็บแรงไว้เที่ยวในวันพรุ่งนี้ให้สนุก ยกเว้นผมคนเดียวที่ไม่ยอมนอนและกำลังนั่งดูมิสเตอร์บีนบนเครื่องอย่างสบายใจเฉิบ อยากจะฮากร๊ากกแต่คงจะทำไม่ได้ เดี๋ยวอีป้าแก่ๆที่นั่งแถวหน้าเดินมาตบเอา -_-

              อยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงเรียกจ้างแถวข้างหลัง ดรีมนั่นเอง ><

              นี่นายไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยสิ

              อะไรนะ? ให้เข้าห้องน้ำเป็นเพื่อน?”

              “เห้ยไม่ใช่อย่างนั้นเฟ้ย ชั้นหมายความว่าให้นายไปเฝ้าหน้าห้องน้ำหน่อย เข้าใจไหมโว้ยยย

              อ๋อ ได้ๆไอเราก็นึกว่าให้เข้าห้องน้ำเป็นเพื่อน อ่ะโด่

              “ไม่ต้องเลยนะอีตาบ้า มันชักจะมากเกินไปแล้วนนะ! =()=”

    ผมก็เลยต้องทำตามคำสั่งไปยืนรอหน้าห้องน้ำ ขณะที่รอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความที่เพื่อนได้อวยพรก่อนไป

              (ขอให้สนุกกับการเที่ยวนร้าเพื่อนพอร์ชสุดหล่อ อย่าลืมของฝากด้วยล่ะ) O_o

    แหม!ไอเพื่อนเวร เอะอะอะไรแม่งก็ของฝากๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะพูดจาดีด้วย ทีนี้นิทำมาเป็นพูดดี ไม่ซื้อให้หรอก กรุจนเฟ้ยยย!

              ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกมา ดรีมเดินออกมาด้วยใบหน้าที่ขาวเนียนอมชมพู นี่เธอเข้าห้องน้ำเพื่อไปแต่งหน้า ในตอนเที่ยงคืนเนี่ยนะ กรุล่ะเชื่อ O_o

              “เป็นไงบ้าง สวยล่ะสิท่า ฮ่าๆๆ

              “ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย

              .นี่นายบังอาจมาว่าเครื่องสำอางที่หม่าหม๊าซื้อให้จากประเทศเกาหลีงั้นหรอ รสนิยมนายมันต่ำว่ะ*o*”

              ทั้งสองก็เดินกลับไปนั่งประจำที่ของตัวเอง ว้าไม่มีไรทำเลย หาเพื่อนเม้าส์ก็ไม่ได้ เจมส์ก็หลับแล้ว จะให้กรุไปคุยกับแอร์ก็ยังไงอยู่ เฮ้อ! -_-  ด้วยความอ่อนเพลียอย่างมากจึงทำให้ผมต้องยอมนอนไปในที่สุด กะจะเก็บแรงไว้ดูแสงแดดยามเช้าของซิดนีย์ ^^

     

    เช้าวันถัดมา 9.09นาที

    ผมงัวเงียตื่นขึ้นมา เนื่องจากได้ยินเสียงประกาศจากไอ้กัปตันทศวรรษอีกแล้ว ขอแต่เวอร์ชั่นไทยพอนะ เมิงรัวอังกฤษเร็วมาก เล่นซะฟังไม่ทันเลย-*-

              ขณะนี้เครื่องบินของเรากำลังจะลงจอดที่ท่าอากาศยานเมืองซิดนีย์แล้วนะครับ ขอบคุณที่ใช้บริการครับ

    โอ้วจริงดิ! นี่กำลังจะลงจอดแล้วหรอ ทำไมกรุมองที่หน้าต่างแม่งไม่เห็นอะไรเลย เห็นแต่เมฆเต็มไปหมด อ่าฮ้า!นั่นไง เห็นแล้ว >o< เห็นวิวทิวทัศน์ของหาดทรายที่ขาววิ้ง น้ำทะเลสีใสเว่อร์ ผิดกับบ้านเรา ที่ขยะมันลอย ตุ๊บป่อง ตุ๊บป่อง เต็มไปหมด บ้านแต่ละหลังนี่ใหญ่โตดูดีมีชาติตระกูลเอามาก เรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยซะด้วย สภาพการจราจรบนท้องถนนเงียบสงบ ไม่มีรถติด ไม่มีเด็กมาขายพวงมาลัยตามสี่แยกไฟแดงเหมือนบ้านเราเลยสักนิด นี่มันเมืองในฝันกรุชัดๆ ^o^

     

    ครืดดดดดด!!!!

    เสียงที่ดังอยู่ทำให้ผมรู้ได้เลยว่าเครื่องบินกำลังวิ่งอยู่บนรันเวย์แล้ว ไม่นานนักเครื่องบินก็จอดสนิท พนักงานแต่ละคนออกมากล่าวขอบคุณเป็นอย่างดี ผมและคณะเดินไปรับกระเป๋าเดินทางที่โหลดไว้ใต้เครื่องที่ในอาคาร

              เอ่อ นักเรียนทุกคน ฟังอาจารย์พูดอะไรหน่อยค่ะ แปปเดียวจร้าอาจารย์พูด

              “ถ้านักเรียนหากระเป๋าของตัวเองเสร็จแล้วเนี่ย ให้ไปรอกันตรงที่ข้างหน้าสนามบินเลยนะคะ เดี๋ยวโฮสท์แฟมิลี่ของนักเรียนแต่ละคนจะมารอรับนักเรียนไปที่บ้าน

              “เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเสียงไชโยของทุกคนดังขึ้น ในที่สุดก็ได้เจอโฮสท์สักที ผมจำได้ว่าเค้าเคยส่งรูปมาให้ผมดู เป็นผู้ชาย อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน อยากเจอตัวจริงแล้วโว้ยยยยย! อีกไม่นานก็คงจะถึงเวลาที่เฝ้ารอมานานสักที

     

                       ขณะที่กำลังรอโฮสท์มารับ ก็เริ่มเห็นว่าบางคนก็มีคนมารับบ้างแล้ว ผ่านไปหลายชั่วโมงรอตั้งแต่เช้าจดเย็น จากสิบห้าคน ก็ลดลงลดลงเรื่อยๆจนตอนนี้เหลืออยู่แค่สองคนเท่านั้น ง่ะ TOT คนแรกก็คือผม อีกคนนึงก็ดรีมไง ><

              “อาจารย์ครับ นี่โฮสท์ผมมันตกส้วมตายหรือเปล่าเนี่ย ทำไมมันชักช้าอย่างงี้ ผมพูดอย่างไม่พอใจ

              นั่นสิคะ อาจารย์ ว่าแต่ทำไมอาจารย์ทำหน้าตาเครียดๆล่ะคะ มีอะไรหรือเปล่า

              “อาจารย์เครียดมากเลยเนี่ย ก็เมื่อกี้อ่ะ ทางโรงเรียนของเค้าโทรมาแจ้งว่าจะมีเด็กสองคนที่จะยังไม่ได้โฮสท์ ก็คือพอร์ชกับดรีมอ่ะจร้ะ

              “หา!!!! ว่าไงนะอาจารย์ผมและดรีมพูดพร้อมกัน

              คือว่าของพอร์ชเนี่ย ตอนนี้โฮสท์ถูกส่งตัวให้ไปนอนอยู่โรงพยาบาลอ่ะ เห็นบอกว่าติดเชื้อไข้หวัดไก่สายพันธ์ไข่มั้ง ของดรีมก็โฮสท์ถูกรถชนขาหักแขนหัก อะไรจะซวยขนาดนี้นะเนี่ย

              “อ้าว แล้วทีนี้พวกหนูจะไปอยู่ไหนล่ะคะอาจารย์

              “เดี๋ยวอาจารย์จะประสานกับทางโน้นให้หาที่พักของหนูสองคนให้นะ

              “โอเคครับ TT^TT” ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่ใครฟังก็รู้เลยว่าไม่โอเคเลยสักนิดเดียว

     

              หลังจากที่ยืนรอ นั่งรอ นอนรอคำตอบมาเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง ทางโรงเรียนก็ได้จัดหาโรงแรมให้เราสองคน ซึ่งติดกับสนามบินเลย เพราะสะดวกต่อการมารับ

    อาจารย์นั้นก็ได้แจกกุญแจห้องให้ผมมาหนึ่งดอก

              อ้าว ทำไมมันมีแค่ดอกเดียวล่ะครับ ผมกับดรีมแยกกันคนละห้องไม่ใช่หรอ?”

              “โทษทีจร้ะ พอดีลืมบอกว่าเป็นผู้ชายกับผู้หญิง นอนห้องเดียวกันไม่ได้ แต่ก็เอาเหอะ อยู่ๆไปก่อน อย่าทะเลาะกันล่ะ

    ผมกับดรีมมองหน้ากัน เหมือนจะสื่อสารทางพลังจิตกันแล้วเข้าใจ โหยยยย นี่ทำไมทำกันอย่างงี้ ทำอะไรลวกๆแบบนี้ได้ไง ผู้ชายนอนห้องเดียวกับผู้หญิง แล้วนี่ถ้าตกดึกดรีมมันเกิดมาข่มขืนกรุขึ้นมาทำไง งี้ผมก็เสียความบริสุทธิ์ตั้งแต่เด็กกันพอดีอ่ะดิ (คิดมาได้เนาะ -*-)

              ระหว่างทางเราไม่ได้พูดอะไรกันเลย สงสัยยังจะไม่หายช็อคจากเรื่องเมื่อกี้ทั้งคู่ ทำไมผมต้องมาอยู่กับเธอตลอดเลยวะเนี่ย พรหมลิขิตหรือเปล่านร้า? ^///^

     

    แกร่กกก!!!!

    เสียงลูกบิดดังขึ้น ผมเปิดประตูออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นสภาพห้องที่มีเตียงคู่ที่มีกลีบกุหลาบโรยเป็นรูปหัวใจอยู่ นี่มันสำหรับคู่รักมาฮันนีมูนชัดๆ นี่เมิงจงใจจองห้องนี้ให้กรุหรือเปล่าฟระเนี่ย? อร๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!!!!! เมื่อผมมองหันหลังไปก็เห็นเธอกำลังยืนอึ้งกิมกี่ไอ้ห้องบ้านี่อยู่ เธอช็อคจนปล่อยกระเป๋าวางกองลงพื้นดังตุ้บ!!!!

     

     

    ผมก้มลงไปหยิบกระเป๋าให้เธอ แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ปรากฎว่าใบหน้าของเธอที่กำลังจะก้มลงมาหยิบกระเป๋านั้นห่างจากหน้าของผมไม่ถึงสามเซน *O*  เราสองคนแนบชิดกันโครตๆ ตาสบตา ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งสิ้น…>< (เขิลอ่ะ)

     

    จ้องกันไปได้สักห้าวิเธอก็เตือนสติผมด้วยการทุบหลังอย่างแรงแล้วตะโกนว่า

    มองอะไรของแกฮ๊าอีตาบ้า ทะลึ่ง!”

              “มองบ้าอะไร ใครอยากจะทำไรคนอย่างเธอ ไม่มี๊แต่หน้าแดงโคตร ^///^

              “ไม่ต้องมาพูดเลย ไปนอนๆเลย

              “โอเค้ ไม่ไหวล่ะง่วง ฮ้าวววววผมบิดขี้เกียจแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง

              แอะแฮ่มมมมมม….”

              “อ๋อๆ เราต้องนอนข้างล่างใช่ปะ แฮะๆโทษที ผมลุกออกจากเตียงพลางเกาหัว

              “ก็รู้จักที่สูงที่ต่ำดีนิเธอจิกกัดผมเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วมั้ง

              เงียบๆไปเลย คนจะนอนเฟ้ยยย! =()=”

              “เอ้อออ! พูดนิดพูดหน่อยไม่ได้ จำไว้!” เธอทำเสียงประชดประชัน (ชิชะ)

     

              ผ่านไปครึ่งชั่วโมงผมลุกขึ้นมานั่งแล้วนั่งขำอยู่คนเดียว อะไรมันช่างดวงซวยขนาดนี้วะ ตั้งแต่เล่นเกมส์แน่นอนอยู่แล้วละ ยังต้องมาชดใช้กรรมให้ยัยนี่อีก น่าพิลึกชะมัดO_o

     

    ผมเงยหน้าเงยหน้าขึ้นไปมอง เอ้า!ดรีมหลับไปซะแล้ว *-* นอนหลับเร็วเหลือเกิน แต่จะว่าไปตอนดรีมนอนเนี่ย ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ หลับให้สบาย ฝันดีนะครับผ๊ม อิอิ ><

     

    จากนั้น

    ผมก็

    นั่งลงไปที่เตียงปลายเตียงของเธอ

    ผมโน้มตัวไปอย่างช้าๆ...

    ลูบผมอันเงางามของเธอ

    แล้วก็

     

     


     

    ห่มผ้าให้เธอไง กร๊ากกกกกกกก (รู้นะว่าคิดอะไรกันอยู่) ><

     

    โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ ^^

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×