ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic pokemon OC]10 days in Pokemon world

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 3 เจอคุณเทรนเนอร์แล้ว เป้าหมายต่อไปคือเกาะเมเลเมเล่!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 200
      7
      18 ก.ค. 64

    ตอนที่ 3 เจอคุณเทรนเนอร์แล้ว เป้าหมายต่อไปคือเกาะเมเลเมเล่!

            [พ็อคเก็ตมอนสเตอร์ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าโปเกมอน เป็นสิ่งมีชีวิตปริศนาที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้

            มอนสเตอร์บอล เป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ทำให้ผู้คนพกพาโปเกมอนไปที่ไหนก็ได้อย่างสะดวกสบาย แม้ว่าโปเกมอนตัวนั้นจะตัวใหญ่เท่าโลกใบนี้ก็สามารถพกใส่มอนสเตอร์บอลไว้ได้ ขอแค่มีมัน จะพกโปเกมอนนับร้อยตัวเดินไปไหนมาไหนก็ทำได้อย่างง่ายดาย

            แล้วถ้าหากโปเกมอนไม่ยอมเข้าไปอยู่ในมอนสเตอร์บอลล่ะ? จะพาไปไหนมาไหนด้วยได้รึเปล่า?]

            "เพื่อนร่วมชะตากรรมเรอะ!?X2"

            มนุษย์หนึ่งคนและเอมอนก้าหนึ่ง..เอ่อ..คน?(หรือตัว? ไม่แน่ใจว่าควรจะใช้ลักษณะนามแบบไหนดีเพราะภายนอกเป็นโปเกมอน แต่ภายในก็ยังคงเป็นมนุษย์อยู่นี่นา//ไรท์)พูดขึ้นมาพร้อมกันพลางชี้หน้าอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเหวอๆ ต่างฝ่ายต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน ทางด้านเด็กหนุ่มก็ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าตัวที่พุ่งดิ่งลงมาพร้อมกระแสไฟฟ้านี่จะเป็นพวกเดียวกันกับเขา แน่นอนว่ามาริก็ไม่อยากเชื่อเช่นกันว่ามนุษย์ที่เธอเจอหลังจากที่ดิ่งพสุธาลงมานี่จะเป็นพวกเดียวกันกับเธอ

            เพื่อนร่วมชะตากรรมนี่มันหาเจอง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ!?

            คนที่สองแล้วนะ

            นี่จะเจอเพื่อนเพิ่มทุกครั้งที่ร่วงลงมาเลยรึไงกัน

            "เอ่อ..หวัดดี?"

            "ว..หวัดไม่ดี?"

            ต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดกับอีกฝ่ายยังไงดี กลายเป็นว่าเริ่มต้นด้วยการทักทายโดยที่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่แน่ใจว่าในสถานการณ์แบบนี้ควรจะพูดรึเปล่า

            แล้ว…

            เอาไงดี?

            "........."

            ความเงียบเริ่มเข้าครอบงำเมื่อไม่มีใครเปิดประเด็น เงียบเสียจนได้ยินเสียงหายใจ ถ้ายังคงเงียบกับอยู่แบบนี้เนื้อเรื่องคงไม่มีวันเดินต่อ

            และถ้าเนื้อเรื่องไม่เดินต่อ เรื่องนี้ก็คงจบเพียงเท่านี้

            เอ..แต่ถ้าไม่เดินต่อ เดินแตนแทนก็ได้นี่นา

            เดินผึ้งก็ได้

            ……

            อื้ม ไม่ฮาสินะ?

            งั้นกลับมาตั้งใจบรรยายดีๆ ก็ได้

            "......."

            ยังคงเงียบอยู่

            ถ้ายังคงเงียบกันแบบนี้อยู่ก็คงช่วยไม่ได้ น่าเสียดายจริงๆ แต่เนื้อเรื่องคงไม่อาจดำเนินต่อได้และจบลงเพียงเท่านี้

    10 Days in Pokemon world

    จบ

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ล้อเล่นน่า

            จบก็บ้าแล้ว

            นี่ยังไม่จบตอนที่ 3 เลยนะ

            จะรีบไปไหม?

            หวังว่าจะไม่มีคนเชื่อแล้วกดออกไปจริงๆ นะ

            กลับเข้าสู่เนื้อเรื่องกันเถอะ

            "อ..ฉันชื่อโฮชินามิ มาริ อายุ 14 ยินดีที่ได้รู้จักนะ"

            มาริเริ่มเปิดด้วยการแนะนำตัว พอเห็นว่าอีกฝ่ายแนะนำตัว เด็กหนุ่มผมดำจึงแนะนำตัวบ้าง

            "ชินาอิ ฟูจิกิ อายุ 14"

            เขาพูดแค่นั้น แล้วก็เงียบต่อ

            อื้ม

            จะต่อบทสนทนายังไงล่ะทีนี้

            "อ่า..ฟูจิซัง"

            "ไม่ใช่ฟูจิ ฟูจิกิต่างหาก ไม่ต้องมีคำว่าซังด้วย"

            เขาพูดขึ้นเมื่อได้ยินมาริเรียกเขาว่า'ฟูจิซัง' ไหงชื่อของเขาถึงไปคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิของญี่ปุ่นได้เล่า แล้วประโยคเมื่อกี้ก็ฟังดูคล้ายตัวละครในอนิเมะบางเรื่องเสียอย่างนั้น(เผื่อใครนึกไม่ออก นึกถึงกินทามะเข้าไว้=^=//ไรท์(ไม่ใช่สึระ คาสึระต่างหาก)) อีกอย่าง ฟูจิซังกับฟูจิกิก็สามพยางค์เท่ากัน ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยเรียกเขาว่าฟูจิกิเฉยๆ ทีเถอะ

            "โปจิซั-"

            "ไหงมันเพี้ยนไปเป็นชื่อหมาได้ฟระ!?"

            แค่ฟูจิซังยังพอรับได้ แล้วไหงมัยเพี้ยนไปเป็นชื่อหมาข้างบ้านได้ล่ะเนี่ย!?

            คนบ้าอะไรชื่อโปจิกัน!?

            "อ๊ะ! ถึงจะโวยวายแต่ก็ไม่ค้านล่ะ งั้นก็เรียกโปจิซังได้สินะ?"

            "ไม่ได้โว้ยยยย!!!"

            ฟูจิกิค้านสุดใจ

            แต่โดยที่ไม่ทันรู้ตัว ทั้งคู่ก็สามารถพูดคุยกันได้อย่างปกติแล้ว

            ได้ไงล่ะเนี่ย?

            ช่างเถอะ แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ จะได้คุยกันง่ายหน่อย

            "เออ มีอะไรที่อยากถามเธอหน่อย"ฟูจิกิพูดขึ้น"ทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงร่วงลงมาจากฟ้าล่ะ? แถมมากับสายฟ้าด้วย เกิดอะไรขึ้น?"

            "อ่า..จะว่าไงดีล่ะ"

            มาริพยายามคิดหาคำตอบที่ฟังดูดีกว่าการที่บินๆ อยู่แล้วดันเกิดสงสัยว่าตัวเองจะปล่อยไฟฟ้าได้รึเปล่า ก็เลยเผลอเอามือไปถูแก้มเห็นกระแสไฟฟ้าแลบแปล๊บๆ ด้วยความตกใจเลยเผลอหุบปีก สุดท้ายก็ร่วงลงมาพร้อมกระแสไฟฟ้า

            "คือว่า..มัน..เอ่อ.."มาริกำลังครุ่นคิด แต่เห็นฟูจิกิกำลังทำท่าแปลกๆ อยู่จึงเอ่ยถาม"ทำอะไรน่ะโปจิกิ?"

            "ฟูจิกิต่างหาก นี่เธอหูเพี้ยนรึไงกัน"ฟูจิกิพูด แต่แล้วเขาก็หันมามองมาริอย่างสงสัย"หมายความว่าไง เธอมองไม่เห็นเจ้านี่งั้นเหรอ?"

            "เจ้านี่ที่ว่าคือเจ้าไหนล่ะ? ไปเป็นหนี้ใครงั้นเหรอ?"

            "ไม่ใช่หนี้แบบนั้น นี่ น-อี-นี-ไม้เอก-นี่!"

            "อะไรนะ? เจ้าที่?"

            "ไม่ใช่แล้ว เจ้าที่อะไรจะมาอยู่ในโลกโปเกมอนกัน"

            "ไม่รู้อะ แต่ถ้าเจ้าถิ่นล่ะก็มีอยู่นะ"

            "อืม..พูดถึงเจ้าที่ พวกเทพคาปูก็เข้าข่ายอยู่เหมือนกัน"

            "อ้อ ใช่ๆ โคเคโค เทเทฟูกับเรฮิเรก็ดูเป็นเจ้าที่อยู่หรอก แต่บูลูลูนี่มันแปลกๆ แฮะ อารมณ์เหมือนวิญญาณวัวสิงทุ่งนา"

            "อ่า ก็ใช่แฮะ วิญญาณวัวติดที่ขี้เซา"

            "แล้วสรุปเจ้านี่ที่ว่าคือเจ้าไหนอะ?"

            "เอ่อ..นั่นสิ หมายถึงเจ้าไหนนะ?"

            "อ้าว!"

            มาริถึงกับร้องอ้าวออกมา อะไรของเขากันเนี่ย!?

            "...อ้อ! ใช่ ฉันหมายถึงเจ้าจออะไรที่มันขึ้นอยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้นี่ไง เธอไม่เห็น?"

            ฟูจิกิชี้นิ้วไปยังจุดที่ไม่มีอะไรเลย มาริพยายามเพ่งมอง แต่ก็ไม่เห็นจออะไรที่ว่าเลยแม้แต่นิดเดียว

            "ไหนอะ?"

            "อ่า...แป๊บนะ เหมือนจะเห็นปุ่มแชร์อยู่แถวๆ นี้ อืม.."

            ติ๊ง!

            "เหวอ!?"

            มาริร้องลั่นด้วยความตกใจ หลังจากที่ฟูจิกิใช้นิ้วจิ้มๆ อากาศ สักพักก็มีจอสีดำที่มีตัวหนังสือสีขาวปรากฏขึ้นข้างหน้าเธอ

            "อ...อะไรเนี่ย?"

            "ไม่รู้ เหมือนพวกเกมออนไลน์จะเรียกเจ้าจอนี่ว่า Status board ล่ะมั้ง อย่างน้อยก็คล้ายๆ"

            "อ่า…"

            มาริกวาดสายตามองจอ แต่แล้วเธอก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย(ว่าแต่เอมอนก้านี่มีคิ้วรึเปล่านะ? อืม ช่างมันเถอะ//ไรท์)

            "เอ๊ะ? ไหงท่ากับ Stats แล้วก็คุณสมบัติมันแปลกๆ อะ"

            มาริชี้ไปตรงท่าไม้ตายที่มีคำว่า 'Volt tackle(โวลต์เทคเกอร์)' เขียนไว้อย่างชัดเจน คนปกติอาจจะไม่รู้ว่ามันแปลกตรงไหน แต่ถ้าเป็นคนที่มีความรู้เรื่องโปเกมอนในระดับหนึ่งจะรับรู้ได้ทันทีว่ามันแปลก

            โวลต์เทคเกอร์ เป็นท่าที่มีเฉพาะหนูตระกูลจู(พิจู พิคาชู ไรจู)เท่านั้นที่สามารถใช้ได้

            แต่ทำไมมาริที่เป็นเอมอนก้าถึงสามารถใช้โวลต์เทคเกอร์ได้กันล่ะ?

            นี่ยังไม่นับเรื่องความสามารถนะ เอมอนก้าที่ไหนมีคุณสมบัติหัวหิน(Rock head)กัน

            "ฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกัน"ฟูจิกิพูดพลางกอดอก"ตอนฉันส่องพวกตัวอื่นๆ มันก็ดูปกติดี มีเธอคนเดียวนี่แหละที่แปลกประหลาดกว่าชาวบ้าน"

            "อืม..ก็ประหลาดจริงๆ นั่นแหละนะ"มาริพูด ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้"จะว่าไป โปจิกิ ทำไมถึงถูกเดคากูสวิ่งไล่ล่ะ? ไม่สู้กลับหน่อยเหรอ?"

            มาริถาม เธอรู้ว่าเดคากูสมันกากขนาดไหน จัดการได้ง่ายๆ อยู่แล้ว ถ้าเป็นคนที่มีโปเกมอนอยู่กับตัวล่ะก็ น่าจะพอจัดการมันได้อยู่

            แล้วทำไมฟูจิกิถึงโดนมันไล่ได้ล่ะ?

            "ไม่มีโปเกมอนสักตัว จะไปสู้พวกมันได้ยังไงเล่า"

            "หา!?"

            มาริถึงกับร้อง'หา!?'ออกมา เธอคิดว่าฟูจิกิพอจะมีโปเกมอนอยู่บ้างสักตัวสองตัวซะอีก ถึงฟูจิกิจะมาจากโลกเดียวกันกับเธอก็เถอะ แต่เขาก็ดูมีความรู้เรื่องโปเกมอนอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ควรจะมีโปเกมอนติดตัวมาบ้างสักตัวสองตัวสิ ซื้อบอลมาปาใส่หัวสักสิบตัว อย่างน้อยก็ต้องมีตัวที่จับได้สักตัวล่ะน่า

            "ไม่ใช่ว่าไม่ได้ลองจับดูหรอกนะ แต่ลองแล้วมันจับไม่ได้ต่างหาก บอลที่ฉันขว้างใส่พวกโปเกมอนป่าไม่ยอมทำงานเลยสักลูก ก็เลยไปซื้อยาไล่โปเกมอนมาฉีด เดินจากโปเกมอนเซ็นเตอร์ของหมู่บ้านนกทะเล(Seafolk village)จนมาถึงนี่ แล้วยาก็หมดฤทธิ์พอดี สุดท้ายก็โดนพวกนั้นวิ่งไล่ แย่จริง"

            ฟูจิกิบ่นเสียยาวเหยียด

            "เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่ายาไล่โปเกมอนจะทำการขับไล่โปเกมอนที่เลเวลน้อยกว่าโปเกมอนที่อยู่ตัวแรกสุดของทีมไม่ใช่หรอกเหรอ? แต่โปจิกิไม่มีโปเกมอนเลยสักตัวนี่นา"

            มาริพูดขึ้นมาพลางเอียงคอด้วยความสงสัย

            "ไม่รู้ล่ะ เอาเป็นว่ามันใช้ได้ละกัน"

            ฟูจิกิบอกปัดไป จากนั้นเขาก็หันมามองเด็กสาวในร่างโปเกมอน

            "...."

            "...."

            "....."

            "....."

            "มองอะไรน่ะโปจิกิ?"

            "โทษที พอดีว่ามีเรื่องที่สงสัยนิดหน่อย"

            เด็กหนุ่มหยิบมอนสเตอร์บอลในกระเป๋าขึ้นมา มาริเห็นดังนั้นก็เริ่มหน้าซีด เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาบนใบหน้า

            "อ..เอ๋? จะทำอะไรเหรอ0^0;"

            "ก็แบบนี้ไง"

            "อ๊ะ!"!

            ฟูจิกินำมอนสเตอร์บอลมาสัมผัสกับร่างกระรอกบิน มาริถูกลูกบอลกลมๆ ขนาดเท่าฝ่ามือดูดเข้าไปข้างในภายในพริบตา

            "หวา!!!?"

            ฟุ่บ!

            1…

            2…

            มอนสเตอร์บอลกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น ฟูจิกิมองมันอย่างตั้งใจ แทบจะไม่กะพริบตา

            3…

            .

            .

            .

            โพละ!!

            มอนสเตอร์บอลแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ปรากฏร่างของกระรอกบินที่แผ่ไอสังหารออกมา

            "เป็นไง ข้างในมอนสเตอร์บอลเป็นยังไงบ้าง"

            ฟูจิกิถามพลางหัวเราะ แต่พอได้เห็นใบหน้าของเด็กสาวในร่างเอมอนก้า เขาก็สัมผัสได้ว่าความ_ิบหายกำลังจะมาเยือน

            "ฟู...จิ...กิ…"

            มาริเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ฟูจิกิก็รู้สึกได้ว่ามันช่างเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวเหลือเกิน และที่ทำให้รู้สึกน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมก็คือการที่มาริเรียกชื่อเขาอย่างถูกต้อง ชัดถ้อยชัดคำ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเรียกชื่อเขาไม่ถูกอยู่เลยแท้ๆ 

            "อ่า..โทษที ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บ!"

            "ไปตายซ้า!!"

            เปรี้ยง!!!!

            "อ๊ากกก!!!"

            ในช่วงบ่ายของวัน ได้มีฟ้าผ่าลงมา ณ ใจกลางป่าโพนิอย่างรุนแรง

            ผู้คนที่ได้เห็นสายฟ้านั้นจากที่ไกลๆ ได้เข้าใจผิดไปไกลว่า คาปูโคเคโค เทพผู้พิทักษ์แห่งเกาะเมเลเมเล่ได้เดินทางมาที่เกาะโพนิ แต่มีคนในเกาะไปทำให้คาปูโคเคโคพิโรธ จึงทำการตักเตือนด้วยฟ้าผ่าอย่างรุนแรง ผู้คนบนเกาะโพนิพากันตื่นตระหนก รีบจัดหาเครื่องเซ่นเพื่อไปขอขมาคาปูโคเคโคที่เกาะเมเลเมเล่เป็นการใหญ่

            หารู้ไม่ว่าสาเหตุของฟ้าผ่านั้น ก็แค่เอมอนก้าที่โกรธจัด จนระเบิดพลังสายฟ้าใส่เทรนเนอร์อย่างเต็มแรงแค่นั้นเอง

    .

    .

    .

            "หวา แรงเกินไปสินะเนี่ย"

            มาริก้มลงมองผลงานของตน หลุมบ่อขนาดใหญ่เบื้องล่างนี้ออกจะดูโอเวอร์ไปหน่อย แต่มันก็เป็นความจริงที่ว่านี่เป็นฝีมือของเธอเอง ไม่ไกลนักมีร่างของฟูจิกินอนหมดสภาพอยู่ ในความเป็นจริง ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปจะมีชีวิตรอดหลังจากรับสายฟ้าขนาดนี้เข้าไปเต็มๆ หรอก

            แต่ฟูจิกิก็ยังคงมีชีวิตอยู่

            มั้งนะ

            "นี่ๆ โปจิกิ"มาริใช้นิ้วมือน้อยๆ จิ้มเอวของเด็กหนุ่ม"ตายยังเนี่ย?"

            "อุ..อูย…"ฟูจิกิส่งเสียงร้องโอดโอย"ยังไม่ตายโว้ย"

            "ยอดเลยแฮะ โดนขนาดนั้นแล้วยังมีชีวิตอยู่เนี่ย"มาริมองเด็กหนุ่มที่รอดมาได้หลังจากรับสายฟ้าแบบเต็มกำลังของเธอเข้าไปอย่างประหลาดใจ"เข้าใจแล้วว่าทำไมซาโตชิถึงทนสายฟ้าของพิคาชูได้ มนุษย์โลกนี้นี่ถึกทนกันจริงๆ"

            "ทนได้..แต่มันเจ็บเฟ้ย"ฟูจิกิพยายามยันตัวลุกขึ้น"ชาไปทั้งตัวเลยเนี่ย"

            "อ่า โทษทีละกัน แต่โปจิกิแกล้งฉันก่อนนี่นา"

            "แล้วสรุปในมอนสเตอร์บอลมันเป็นยังไง?"

            "อ่า..อย่าพูดถึงมันเลยดีกว่า"

            มาริพูดปัดไป ฟูจิกิได้แต่นึกสงสัยหนักกว่าเดิมว่าข้างในนั้นมันมีอะไรอยู่กันแน่ แต่ถ้ายังคงถามเซ้าซี้ต่อไปคงไม่ค่อยปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินเท่าไรนัก เพราะงั้นไม่ดีกว่า

            "อ้อ จริงสิ โปจิกิก็มีภารกิจที่ต้องตามหาเพื่อนร่วมชะตากรรมเหมือนฉันใช่รึเปล่า?"

            มาริถาม ถึงจะพอเดาได้ก็เถอะ แต่เธอก็อยากจะถามเพื่อความแน่ใจ

            "ก็กำลังจะไปตามหาอยู่นี่ไงเล่า"

            "ฉันรู้ที่อยู่ของเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกคนหนึ่งล่ะ"

            "ว่าไงนะ!?"

            พอมาริพูด ฟูจิกิก็มีท่าทีตกใจอย่างเห็นได้ชัด

            "ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ!? อยู่ที่ไหน!? เป็นตัวอะไร!? ผู้ชายหรือผู้หญิง!?"

            ฟูจิกิรัวคำถามใส่

            "หวา ใจเย็นๆ สิโปจิกิ"มาริพูดพลางนั่งนึก"อ่า..ควีนซังอยู่ที่ทุ่งดอกไม้โพนิน่ะ เป็นผู้หญิง แล้วก็เป็น..เอ่อ…"

            "เป็นอะไร รีบๆ พูดมาสิ"

            "คอยคิง..น่ะ"

            "..........."

            ฟูจิกิสตั้นไปราวๆ สามวิ

            "หา?"

    .

    .

    .

            ณ ที่ราบโพนิ

            สถานที่ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างป่าโพนิและสวนดอกไม้โพนิ ร่างของมนุษย์หนึ่งคนและเอมอนก้าหนึ่ง..เอ่อ..ช่างมันเถอะ ฟูจิกิและมาริเดินทางได้ราบลื่นกว่าที่คิด ไม่ต้องกลัวว่าจะมีตัวอะไรมาไล่งาบ เพราะในตอนนี้มาริเริ่มเรียนรู้วิธีการปล่อยพลังแบบโปเกมอนแล้ว แถมพลังที่ปล่อยออกมายังรุนแรงมากๆ ซะด้วย จะคาเอ็นจิชิหรือตัวอะไรก็เข้ามาเลย เดี๋ยวจะช็อตซะให้เข็ด

            "บินอยู่แบบนั้นไม่เหนื่อยบ้างรึไง?"

            ฟูจิกิเอ่ยถาม เขาค่อนข้างแปลกใจที่มาริเลือกที่จะไม่อยู่ในบอลหรือเกาะไหล่ของเขา แต่เลือกที่จะบินไปแทนซะอย่างนั้น

            "ก็เหนื่อยน้อยกว่าเดินอะนะ"

            "เกาะไหล่ฉันไปก็ได้นี่"

            "ไม่ล่ะ ขอผ่านดีกว่า"

            "ทำไมล่ะ?"

            "อืม..ก็นะ เป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวนี่นา ไปแตะเนื้อต้องตัวผู้ชายแบบนั้นคงดูไม่งามเท่าไหร่"

            "คาแรกเตอร์เธอดูไม่ใช่เด็กผู้หญิงรักนวลสงวนตัวเลยสักนิด อีกอย่าง ตอนนี้เธอเป็นโปเกมอนนี่"

            "ภายนอกเป็นโปเกมอน แต่ภายในก็ยังเป็นเด็กผู้หญิงอยู่นะ"มาริพูดพลางร่อนต่อ ทีแรกเธอกะว่าจะกอดอกสักหน่อย แต่เพราะเคยร่วงเพราะหุบปีกแล้วครั้งหนึ่งก็เลยคิดว่าไม่ดีกว่า หลังจากที่ร่อนไปมารอบๆ ฟูจิกิ เธอก็สังเกตเห็นตัวเลขอะไรบางอย่างปรากฏอยู่บนจอภาพ"โปจิ ตัวเลขนั่นมันอะไรน่ะ?"

            มาริชี้ไปยังข้อความและตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนจอ ฟูจิกิเริ่มกุมขมับ ถ้าเรียกว่าโปจิกิก็ยังพอรับได้บ้าง แต่โปจินี่มันชื่อหมาชัดๆ เลยไม่ใช่รึไง!?

            "ขอเถอะ จะเรียกชื่อฉันยังไงก็เรื่องของเธอ แต่อย่าเรียกฉันว่าโปจิ คนนะไม่ใช่หมา"ฟูจิกิพูดขึ้น ก่อนจะตอบข้อสงสัยของเด็กสาว"อืม..ตัวเลขพวกนี้น่ะเหรอ จำนวนเพื่อนร่วมชะตากรรมบนเกาะต่างๆ น่ะ แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าจริงรึเปล่า"

            "เห~"มาริร่อนมาใกล้ฟูจิกิมากขึ้น"อืม..เมเลเมเล่ 3 คน อาคาล่า 2 คน อูลาอูล่า 2 คน แล้วก็โพนิ 3...อ้าว ของเกาะโพนิก็ครบแล้วนี่!"

            มาริลองนั่งนึกดูว่าบนเกาะโพนิมีเพื่อนร่วมชะตากรรมคนไหนบ้าง ควีเน็ตต้า ฟูจิกิ นับรวมเธอด้วยก็ครบสามคนพอดี

            "ถึงจะยังไม่ชัวร์ แต่ถ้าเจอควีนซังอะไรที่ว่านั่นแล้วก็ลองไปเกาะอื่นดูบ้างดีกว่า"ฟูจิกิพูด สักพักเขาก็เลือกได้แล้วว่าอยากจะไปเกาะอะไร"ไปเมเลเมเล่กัน"

            "อ๋า แต่ฉันอยากไปอาคาล่าอะ"

            "เธอจะไปทำอะไรที่อาคาล่า มีอะไรให้ดูรึไง?"

            "ไปดูภูเขาไฟเวล่าไง"

            "เพื่ออะไรเล่า!? ถ้าแค่ภูเขาไฟก็ไปดูภูเขาไฟฟูจิที่โลกเดิมของพวกเราก็ได้นี่ อีกอย่าง ยังไงก็ต้องไปทุกเกาะอยู่แล้ว อาคาล่าไว้ทีหลังก็ได้!"

            "เมเลเมเล่ก็ไว้ทีหลังก็ได้เหมือนกันนั่นแหละน่า!"

            "เมเลเมเล่!"

            "อาคาล่า!"

            อืม..ดูเหมือนว่าจะตกลงกันเรื่องสถานที่ที่จะไปต่อไม่ได้แฮะ

            แล้วแบบนี้จะตัดสินกันยังไงดีล่ะ?

            "มาตัดสินด้วยการดวลอันศักดิ์สิทธิ์กัน! ใครชนะได้เลือกสถานที่ไปต่อ!"

            "ต้องการแบบนั้นอยู่แล้วเฟ้ย!"

            จู่ๆ บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นมา ในเมื่อตกลงกันอย่างสันติไม่ได้ ทั้งคู่จึงตั้งใจจะตัดสินกันด้วย'การดวลอันศักดิ์สิทธิ์'ที่ตัดสินผลแพ้ชนะได้อย่างยุติธรรมที่สุด การดวลที่ไม่มีทางโกงกันได้

            และ'การดวลอันศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า ก็คือ…

            "เป่า..ยิ้ง……...ฉุบ!"

            ทั้งคู่ออกพร้อมกัน ไม่มีคลาดเคลื่อนแม้เพียงเสี้ยววินาที มือของฟูจิกิกำแน่นเป็นสัญลักษณ์ของค้อน ส่วนมือเล็กๆ ของมาริชูนิ้วชีและนิ้วกลางออกมาเป็นสัญลักษณ์ของกรรไกร ตัดสินผลแพ้ชนะได้ในทันที

            "กรรไกร!"

            "ค้อน! ฉันชนะ!"

            "อะไรกัน!?"

            มาริมองฟูจิกิด้วยความตกตะลึง ทั้งๆ ที่เธอมั่นใจในการเป่ายิ้งฉุบของตัวเองมากทีเดียว แต่ก็ไม่อาจเอาชนะชินาอิ ฟูจิกิ เด็กหนุ่มผมดำตรงหน้านี้ได้

            ยังไงซะก็ตกลงกันแล้ว สิทธิ์ในการเลือกสถานที่ที่จะไปในครั้งหน้าจึงตกเป็นของฟูจิกิ

            "งั้นเป้าหมายต่อไปของพวกเราก็คือเกาะเมเลเมเล่ เข้าใจนะ?"

            "อืม..ถึงจะอยากไปอาคาล่ามากกว่าก็เถอะ แต่โปจิชนะนี่นา ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ"

            "ก็บอกว่าอย่าเรียกว่าโปจิไงเล่า!"

            "อ๊ะ! ถึงทุ่งดอกไม้โพนิแล้วล่ะ!"

            มัวแต่พูดคุยกันเพลินจนไม่รู้ตัวเลยว่ามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้จะเรียกว่าเป็นสวนดอกไม้ แต่มันก็ค่อนข้างผิดจากจินตนาการของใครหลายคนเลยทีเดียว สถานที่แห่งนี้ดูคล้ายกับฉากในหนังสยองขวัญเสียมากกว่า หมอกหนาทึบซะจนมองอะไรแทบไม่เห็น มีดอกไม้สีม่วงประดับอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก หากเข้าไปล่ะก็ได้หลงทางแน่นอน ถึงมันจะไม่ค่อยเป็นปัญหาสำหรับมาริเพราะเธอบินขึ้นไปดูทางจากข้างบนได้ก็เถอะ แต่สำหรับฟูจิกิก็คงเดินทางลำบากหน่อย

            "ที่นี่มันสวนดอกไม้ตรงไหนเนี่ย"

            ฟูจิกิลองขยี้ตาดูอีกที แต่ไม่ว่าจะมองยังไง ที่นี่มันก็แค่ป่าหมอกหนาในหนังสยองขวัญแค่นั้นเอง

            "แต่ข้างในก็ค่อนข้างใช้ได้อยู่นา ดอกไม้บานสะพรั่งเต็มเลยล่ะ ถึงจะมองยากหน่อยก็เถอะ"

            "แล้วบ่อคอยคิงที่เธอว่าอยู่ไหนล่ะ?"

            "อืม….."

            มาริทำท่าครุ่นคิดสักครู่

            "ไม่รู้อะ"

            "ไม่รู้เรอะ!?=[]="

            ฟูจิกิตะโกนดังลั่น เขาอุตส่าห์มาที่นี่ตามที่มาริพูดเพื่อมาตามหาเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกคน แต่คุณเธอดั๊นจำตำแหน่งของบึงไม่ได้ซะงั้น แบบนี้คงหาไม่เจอง่ายๆ ซะแล้วล่ะมั้ง

            "เอาน่า เดี๋ยวก็หาเจอเองแหละนะ ที่นี่มันก็ไม่ได้กว้างอะไรขนาดนั้นสัก--"

            ตู้ม!!

            "..หน่อย…"

            "เอ๊ะ?X2"

            เสียงระเบิดดังสนั่น มาริกับฟูจิกิร้อง'เอ๊ะ?'ขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ทั้งคู่หันไปมองทางต้นเสียงที่อยู่ทางทิศตะวันตก แต่แล้วก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจระคนตกใจ

            "อะไรกันเนี่ย!!?/บ้าอะไรวะน่ะ!!?"

            ทั้งคู่อุทานออกมาเมื่อเห็นก้อนอุกกาบาตขนาดเล็กอยู่บนฟ้าเหนือจุดที่ได้ยินเสียงระเบิดเมื่อครู่นี้

            "ฝ..ฝนดาวตก(Draco meteor)เรอะ!?"

            "อ๊ะ! จำได้แล้ว ตรงนั้นมีบ่อคอยคิงอยู่นี่นา!"

            "ว่าไงนะ!?"

            ฟูจิกิหันมามองมาริ เขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินเมื่อครู่นี้เลย ถ้าบริเวณที่มีการใช้ท่าฝนดาวตกนั้นเป็นบ่อคอยคิงจริงๆ ที่พอคิดได้ก็คือมีโปเกมอนมังกรแกร่งๆ อยู่แถวนั้น หรือไม่ก็….แต่มันคงเป็นไปได้ยาก ไม่สิ ไม่มีทางเป็นไปได้เลยมากกว่า

            "เร็วเข้าโปจิกิ ไปดูกัน!"

            "อืม!"

            ทั้งสองคนรีบตรงไปดูทันที เมื่อไปถึงทั้งคู่ก็ถึงกับอ้าปากค้างอีกครั้งด้วยความอึ้ง ที่นั่นมีบึงอยู่จริงๆ ตามที่มาริบอก และในบึงแห่งนั้น มีร่างของเกียราดอสตัวใหญ่นอนหมดสภาพ กับคอยคิงที่ดูอารมณ์เสียแบบสุดๆ

            "แกมาหาเรื่องฉันก่อนเองนะ!"

            คอยคิงพูดพลางกอดอก

            หารู้ไม่ว่ามีมนุษย์หนึ่งคนและมนุษย์ในร่างเอมอนก้าอีกหนึ่ง...คน(?)ยืนมองอยู่อย่างตกตะลึง

            "ค..ควีนซัง….-_-;"

            "บ..บ้าอะไรเนี่ย คอยคิงตบเกียราดอสคว่ำเรอะ"

            มาริกับฟูจิกิยังอึ้งไม่หาย ในเวลานั้นเอง คอยคิงผู้มีตราประทับก็หันกลับมามอง

            "กลับมาแล้วเหรอ ไวจังเลยนะ"ควีเน็ตต้าพูดขึ้นเมื่อเห็นมาริกลับมา"แล้ว..คุณผู้ชายคนนั้นคือใคร?"

            แน่นอน เธอไม่ได้หมายถึงมาริ แต่หมายถึงฟูจิกิซึ่งเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ

            "ควีนซัง นี่คือชินาอิ โปจิกิ เป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมของพวกเราแล้วก็เป็นคุณเทรนเนอร์ไงล่ะ"

            "ชินาอิ ฟูจิกิโว้ย!"

            ฟูจิกิรีบแก้ชื่อของตน ก่อนที่เพื่อนร่วมชะตากรรมที่มาริเรียกว่า'ควีนซัง'จะเข้าใจผิดแล้วเรียกเขาว่าโปจิกิไปอีกคน

            "ฟูจิกิ..แล้วไอ้รองเท้า(Trainers)นี่มันอะไร?"

            ควีเน็ตต้าพูดขึ้นอย่างสงสัย

            "ไม่ใช่เทรนเนอร์ที่แปลว่ารองเท้าสิ โปเกมอนเทรนเนอร์น่ะ แบบว่า เทรนแบบฝึกอะ"มาริอธิบาย"จริงสิ ควีนซัง พวกเราตั้งใจว่าจะไปเกาะเมเลเมเล่กันน่ะ แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้กลับมาที่นี่รึเปล่า ก็เลยมารับไปด้วยน่ะ"

            "แล้วฉันจะไปได้ยังไง ร่างปลาโง่ๆ นี่ขึ้นบกไม่ได้หรอกนะ เข้าใจรึเปล่า ปลา-โง่-โง่"

            ควีเน็ตต้าเน้นย้ำคำว่าปลาโง่ๆ อย่างชัดเจน เธอไม่รู้เลยว่าเธอจะไปกับสองคนนี้ได้ยังไง แต่ที่แน่ๆ เธอจะไม่กระโดดออกไปสู่อวกาศอย่างที่มาริแนะนำอย่างแน่นอน

            "ก็เข้ามาในเจ้านี่ไง"ฟูจิกิหยิบมอนสเตอร์บอลลูกหนึ่งออกมาจากกระเป๋า"ถ้าเข้ามาในนี้ล่ะก็ ถึงจะไม่มีน้ำก็ไม่เป็นไร แถมฉันยังพาเธอไปไหนมาไหนก็ได้ด้วย เธอก็ไม่ต้องเหนื่อยเดินเอง ดีจะตายไป"

            "หืม…"

            ควีเน็ตต้าพินิจดูเจ้าลูกบอลสีแดงขาวขนาดเท่าฝ่ามือ ดูแล้วไม่น่าจะใส่อะไรเข้าไปได้เลยแม้แต่น้อย จะให้เข้าไปอยู่ในอะไรแบบนี้จริงๆ น่ะเหรอ? ขนาดเพียงแค่นั้นคงใส่ได้แค่พวกแมลงหรือแมงมุมเท่านั้นแหละ

            ใครจะไปอยากอยู่ในของแบบนั้นกัน

            "ไม่ล่ะ ขอบคุณ ฉันไม่อยากเข้าไปอยู่ในอะไรที่ฉันไม่รู้จัก มันดูไม่น่าใส่อะไรได้เลยด้วยซ้ำ"

            "อ้าว แล้วฉันจะพาเธอไปยังไงล่ะเนี่ย?"

            ฟูจิกิเริ่มคิดหนัก วิธีที่ดีที่สุดในการพาคอยคิงไปไหนมาไหนด้วยก็คือการจับยัดมอนสเตอร์บอล แล้วแบบนี้เขาจะพาควีเน็ตต้าไปกับเขายังไงดี

            "ใช้สมองอันน้อยนิดของคุณคิดซะสิ"ควีเน็ตต้ากอดอก"ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่ตอนนี้ฉันก็เป็นแค่ปลาโง่ๆ ปลาก็ต้องอยู่ในตู้ปลาใช่มั้ยล่ะ"

            "เอาจริงดิ ตู้ปลาเนี่ยนะ"

            ฟูจิกิไม่เคยนึกถึงตู้ปลาในโลกโปเกมอนมาก่อน พอย้อนกลับมามองควีเน็ตต้าเขาก็เริ่มกุมขมับ ให้ไปหาตู้ปลาสำหรับคอยคิงซึ่งมีขนาดตัวยาวตั้ง 90 เซนติเมตรเนี่ยนะ!? เอาเข้าจริง มันก็คงจะหาได้อยู่หรอก แต่จะแบกมายังไงเล่า!?

            "ไม่ใช่แค่ตู้ปลาธรรมดา ต้องเป็นตู้ปลาสำหรับเลี้ยงปลาสวยงามโดยเฉพาะ ต้องมีพื้นที่ให้ฉันเคลื่อนไหวได้สะดวก ต้องมีของประดับที่งดงามเหมาะสมกับฉันด้วย ถ้าหาตู้ปลาที่ตรงตามเงื่อนไขนี้ไม่ได้ฉันก็ไม่ไปด้วยหรอก"

            "นี่จะให้ฉันไปหาตู้ปลาที่ใหญ่ขนาดไหนมากันเนี่ย-_-;"

            ฟูจิกิถึงกับเพลีย แค่ตู้ปลาสำหรับคอยคิงขนาด 90 เซนติเมตรนี่ก็น่าจะแบกมาไม่ได้แล้ว แต่ควีเน็ตต้าดันต้องการแบบที่คุณเธอสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกด้วย ต้องใหญ่ขนาดไหนกัน ไม่สิ ประเด็นสำคัญคือจะแบกมายังไงไม่ให้หลังหักมากกว่า!

            "คิดเอาเองก็แล้วกัน ถ้าหามาไม่ได้ฉันก็ไม่ไป ก็แค่นั้น"

            "เอาจริงดิ เป็นแค่คอยคิงแท้ๆ แต่เรื่องมากชะมัด ในโลกก่อนมีคนทนอยู่กับคนเอาแต่ใจแบบเธอได้ด้วยเหรอ"

            "หา?-_-*"

            คิ้วของควีเน็ตต้าเริ่มกระตุก ฟูจิกิเปิด Status board ขึ้นมาเพื่อส่องข้อมูลของควีเน็ตต้า และเขาก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าของคอยคิงผู้มีตราประทับ

            "อืม..ควีเน็ตต้า เอสเทลล์ เป็นคอยคิง เลเวล…...99!?"

            "อะไรนะ!?"

            มาริกับฟูจิกิถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นเลเวลของควีเน็ตต้า ในขณะเดียวกัน ฟูจิกิก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่อยู่เหนือหัวของตน อุกกาบาตเล็กๆ กำลังจะร่วงลงมาใส่หัวเขาในอีกไม่ช้า

            "_ิบหายละ.."

            "ลางไม่ดีแล้ว หนีก่อนดีกว่า โชคดีนะโปจิกิ"

            มาริบินหนีออกไปเสียไกล ทิ้งให้ฟูจิกิยืนซวยรออุกกาบาตตกใส่หัวเพียงลำพัง

            "อ้าวเฮ้ย!?=[]="

            ฟูจิกิแหงนมองข้างบน ความตายกำลังคืบคลานเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ

            หนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ

            ตู้ม!!!!

            "อ๊ากกกก!!!!"

            สุดท้าย บริเวณสวนดอกไม้โพนิก็เต็มไปด้วยหลุมบ่ออุกกาบาตเต็มไปหมด ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดจากอะไร สุดท้ายผู้คนบนเกาะโพนิก็นำไปเล่าต่อๆ กันว่าเป็นฝีมือของโปเกมอนเจ้าถิ่นที่ออกอาละวาด หรือไม่ก็มีโปเกมอนที่แข็งแกร่งมากๆ อาศัยอยู่ที่สวนดอกไม้โพนิ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ที่นี่ไปพักใหญ่เลยทีเดียว

            ไม่มีใครล่วงรู้ความจริงเลย แต่พูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ ว่าโปเกมอนที่ทำให้เกิดเจ้าหลุมบ่อนี่ก็คือ 'คอยคิง' นั่นเอง

            ในช่วงเวลาเดียวกัน ณ ถ้ำเขียวขจี(Verdant Cavern) เกาะเมเลเมเล่

            ภายในถ้ำที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ มอสและเฟิร์นขึ้นเต็มตามโขดหิน ภายในถ้ำแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของโปเกมอนกลุ่มหนึ่ง

            ร่างของค้างคาวตัวน้อยพยายามกระพือปีกเพื่อไม่ให้ตัวเองร่วงลงไป หูขนาดใหญ่ดูเด่นสะดุดตา ร่างกายที่เป็นสีเขียวผิดกับตัวอื่นๆ ที่เป็นสีม่วง นัยน์ตาสีดำดูค่อนข้างแตกต่างจากตัวอื่นๆ ที่มีสีอำพัน "ออนแบท(Noibat)"ผู้แปลกแยกพยายามโบยบินโดยที่เท้าเล็กๆ ยังคงยึดติดกับหินที่ส่องประกายแวววาว

            "แฮ่ก..แฮ่ก..ร่างนี้..เหนื่อย..ง่าย..ชะมัด"

            ร่างค้างคาวค่อยๆ ร่อนลงพื้นให้เบาที่สุด วางหินลงอย่างช้าๆ แล้วจ้องมันด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

            "ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอเจ้านี่ด้วยคลื่นเสียงได้"

            "หินประกายแสง..Z-ring"

    .

    .

    .

    โปรดติดตามตอนต่อไป

    -*-*-*-*-*-*-*-

    ในที่สุดก็พิมพ์เสร็จแล้ว!!!

    เย้!!

    คุณเทรนเนอร์มีบทแล้ว~

    //หลุดคาร์สุดๆ ไม่มีเค้าความเย็นชาให้เห็นแล้ว=^=

    เป็นช่วงเวลาการพิมพ์ที่ยาวนานมากจริงๆ=^=;

    ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะที่ให้ทุกคนรอซะนาน แต่จริงๆ แล้วเนี่ย ตอนที่ 3 ไรท์ร่างจบไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแล้วแหละ แค่ไรท์พิมพ์ช้า=^=;

    งื้อTwT

    แล้วก็..ตอนนี้ไรท์ยังไม่ได้ตรวจทานคำผิดเพราะรีบลง เพราะงั้นอาจจะมีคำผิดค่อนข้างเยอะ เดี๋ยวไรท์จะหาเวลาแก้ไขให้น้า

     

    แล้วก็ๆ เรื่องคุณสมบัติ ท่าไม้ตาย กับ stats มีแรกไรท์ก็ว่าจะใช้ตามแบบโปเกมอนปกติเลย แต่คิดว่าแบบนี้มันน่าจะสนุกกว่า ก็เลยปรับอะไรหลายๆ อย่างเลย

    ไม่ได้แค่ปรับมั่วๆ นะบอกไว้ก่อน ไรท์ไปเปิดอ้างอิงหลายแห่งเลยนะ

    อ้อใช่ status board เนี่ย มันมีหน้า 2 ด้วยล่ะ เดี๋ยวไรท์เอาลงให้ตรงนี้ก็แล้วกันน้า

    สำหรับวันนี้ก็ ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรกับคุณผู้อ่านดี แต่ก็..คาดว่าตอนที่ 4 อาจจะมาค่อนข้างช้าหน่อย เพราะที่ร่างๆ มาเนี่ย มันยาวมากจริงๆ แล้วมันจำเป็นต้องใช้ภาพประกอบด้วย บวกกับปริมาณการบ้านจากโรงเรียนและไรท์ก็ต้องเตรียมตัวสอบเข้าม.4 คิดว่ากว่าจะมาอัพก็อาจจะปลายเดือนโน่นเลยค่ะ หรืออาจจะเร็วกว่านั้นหน่อยนึง ขึ้นอยู่กับเวลาว่างของไรท์ด้วย

    งั้นวันนี้ก็พอเท่านี้ก่อน เจอกันใหม่ตอนหน้านะค้า~

    บ๊ะบาย~

    -*-*-*-*-*-*-*-

    Status board

            อธิบายเพิ่มเติม

    • Ability ของเอมอนก้า ปกติแล้วจะเป็น Static กับ motor drive ค่ะ แต่ไรท์คิดว่า อะ ไหนๆ น้องก็จะร่วงใส่หัวคนอื่นตลอดอยู่แล้ว เดี๋ยวหัวแตกก่อน ก็เลยเลือกอบิ rock head(หัวหิน) ที่จะทำให้ไม่โดน recoil ค่ะ น้องจะได้ไม่เจ็บหัว(แต่คนอื่นเจ็บแทน=^=)
    • Stats จริงๆ ของเอมอนก้า Lv. 39 นิสัย Relaxed คือ

    Hp 103

    Atk. 75

    Def. 69

    Sp.Atk 75

    Sp.Def 63

    Spe. 87

     

            อธิบายเพิ่มเติม

    • Ability ของคอยคิง ปกติแล้วจะเป็น swift swim กับ rattled แต่อย่างควีนซังแล้วไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่าอบิ Queenly majesty แล้วล่ะค่ะ สูงศักดิ์ดังราชินีจริงๆ แต่รู้สึกอบินี่ไม่น่าได้ใช้แฮะ=^=;
    • Stats จริงๆ ของคอยคิง Lv. 99 นิสัย sassy คือ

    Hp 179

    Atk. 55

    Def. 144

    Sp.Atk 65

    Sp.Def 82

    Spe. 174

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×