ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องสุดป่วนในห้องเรียนอัจฉริยะ

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 1 ปฐมนิเทศ [Writer's Part]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 208
      19
      25 มี.ค. 65

    ตอนที่ 1 ปฐมนิเทศ

        พั่บๆๆ! ปึง! ปึง!

        เสียงพั่บๆ ของนกพิราบสองตัวที่ผสมพันธุ์(?)กันอยู่บนหลังคาของบ้านข้างๆ และเสียงของนกอีกตัวที่กำลังบินชนหน้าต่างของห้องนอนอย่างเต็มแรง สร้างความรำคาญให้กับคนที่กำลังนอนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

        "อืม...ขอนอนเงียบๆ อีกสักห้านาทีไม่ได้เหรอ…"

        ด้วยความที่ยังไม่อยากลุกออกจากเตียง จึงมีเพียงเสียงเล็ดลอดออกมาจากในผ้าห่ม แต่ดูเหมือนว่าคำพูดนั้นจะไม่ได้ทำให้พวกนกพิราบหยุดการกระทำของพวกมันเลย มีแต่จะทำเสียงดังยิ่งกว่าเดิม

        พั่บๆๆ!! ปึง!! ปึง!!

        "โอเค! ตื่นแล้วๆ! เลิกมาเยเย่กันแถวห้องนอนฉันสักทีเถอะน่า!!"

        เสียงตะโกนร้องด้วยความเกรี้ยวกราดของที กับพวกนกที่เริ่มบินหนีตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอปรากฏตัวออกมาจากผ้าห่ม เด็กสาวมองตามเหล่านกน้อยน่ารักที่อุตส่าห์มาปลุกเธอตั้งแต่เช้าพลางนึกสาปแช่งในใจ ก่อนจะหยิบแว่นสายตามาสวม

        "เฮ้อ!...ทำไมตอนที่กำลังฝันดีถึงชอบมีอะไรมาขัดจังหวะจังเลยนะ คราวก่อนก็เสียงไหล่เด้งรัวๆ ครางนี้ก็เสียงนกปั่มปั๊มกัน" ทีบ่นอุบอิบ "จะว่าไป นี่มันกี่โมงแล้วล่ะเนี่ย?"

        เด็กสาวเริ่มมองหานาฬิกา พลันดวงตาสีน้ำตาลก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาฝาผนังที่ถูกติดตั้งกลับหัวกลับหางเพราะความเมากาวของพี่ญาติ(แถมยังไม่ยอมติดใหม่ด้วยข้ออ้างง่ายๆ ว่า "แบบนี้เจ๋งจะตายไป ไม่เหมือนใครดีออก) แม้จะมองยากไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็ยังสามารถใช้ดูเวลาได้

        และตอนนี้ เข็มสั้นก็เลยเลขเจ็ดมาได้นิดหน่อยแล้--เอ๊ะ?

        เดี๋ยวนะ เลยเลขเจ็ดมานิดหน่อย….

        "ฉิบหายยยยยย!!!!!"

        เหมือนจะหลับเพลินเกินไปจนตื่นสายซะได้ แถมยังมาตื่นสายในวันแรกของการเปิดภาคเรียนอีก! ทีไม่รอช้า กระโดดลงจากเตียง เปิดตู้เสื้อผ้าคว้าผ้าขนหนูและชุดนักเรียน มุ่งไปยังห้องน้ำแบบความเร็วแสง ทันทีที่ถึงห้องน้ำ ภารกิจอาบน้ำแต่งตัวแบบไฮสปีดก็ได้เริ่มต้นขึ้น!

        --รวมเวลาอาบน้ำทั้งหมด 5 นาที 12 วินาที 998 มิลลิวินาที

        ณ ห้องนั่งเล่น

        "สายแล้ววววว!!!!"

        หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีก็ได้วิ่งหน้าตั้งลงมาจากชั้นสองพร้อมกับส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย ชายวัยกลางคนผู้เป็นบิดามองลูกของตนพลางทำหน้าหน่ายใจ แต่เด็กสาวที่กำลังร้อนลนก็ไม่ทันสังเกต

        "เฮ้อ!...เสียงดังแต่เช้าเลยนะวันนี้ ที"

        "ก็มันสายแล้วอ่า!!! ไม่นะ นี่หนูจะไปสายตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกเลยเหรอ!!?"

        ทียังคงโวยวายต่อ ทำเอาคุณพ่อแทบจะยกเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผาก เขาหันไปมองนาฬิกาดิจิทัลที่วางอยู่ใกล้กับโทรทัศน์ ก่อนจะเริ่มขมวดคิ้ว

        "หกโมงคือสายสำหรับลูกแล้วเหรอที นี่คิดจะไปโรงเรียนตั้งแต่ตีห้ารึไงกัน"

        "เอ๊ะ? ไม่ใช่ว่านี่มันเจ็ดโมงแล้วหรอกเหรอ? ก็นาฬิกาในห้องนอนมัน…."

        เด็กสาวเริ่มสับสน ในเวลาเดียวกันนั้น คุณพ่อก็ทำหน้าเหมือนเริ่มนึกอะไรบางอย่างออก

        "อ้อ นาฬิกามันตายเมื่อวานตอนประมาณหนึ่งทุ่มน่ะ เมื่อคืนพ่อง่วงไปหน่อย พอไปดูว่าลูกห่มผ้าแล้วรึยังเสร็จแล้วพ่อก็นอนเลย ยังไม่ได้เปลี่ยนถ่านให้" พูดจบก็หันไปมองหน้าลูกสาว "หือ? ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะที"

        ใบหน้าของทีในตอนนี้นั้น เรียกได้ว่าเอ๋อไปเลยทีเดียวเมื่อได้รู้ความจริง

        'ให้ตายเถอะ ฉันแค่ลนไปเองหรอกเรอะ!?'

        "อย่างน้อยพ่อก็น่าจะมาเข้าฝันบอกหนูหน่อยนะ -_-"

        "เฮ้ย พ่อยังไม่ตายนะที -_-;"

    .

    .

    .

        7.00 น.

        มาถึงโรงเรียนโดยสวัสดิภาพ ทียกมือไหว้คุณพ่อก่อนจะก้าวลงมาจากรถเก๋งสีขาวพร้อมกับสะพายกระเป๋าย่ามคู่ใจ เด็กสาวหยิบมือถือที่ใช้มานานกว่าสี่ออกมาจากกระเป๋ากระโปรง เปิดเข้าเว็บไซต์ของโรงเรียนเพื่อที่จะดูกำหนดการของเปิดเทอมวันแรกอีกครั้ง

        "ไหนดูซิ… พิธีปฐมนิเทศของม.1 กับ ม.4 ให้นักเรียนไปรวมตัวกันที่ โดมคุไอรำฦก ก่อน 7.50 น." ทีอ่านออกเสียงเบาๆ "ไม่ต้องนำกระเป๋าเป้มาเพราะทางโรงเรียนจะแจกให้ โอ๊ะ! กระเป๋าแบบที่พวกรุ่นพี่สะพายมาสินะ"

        ในจังหวะที่ทีละสายตาจากโทรศัพท์ก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าเป้ของรุ่นพี่เข้าพอดี ดีไซน์ของกระเป๋าก็ไม่ได้แย่นัก จัดได้ว่าดีเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้น ทีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตงิดๆ กับชื่อโรงเรียนที่เขียนไว้บนกระเป๋าอย่างเด่นชัด

        'ให้ตายเถอะ นี่คนที่คิดชื่อโรงเรียนเขาใช้สมองส่วนไหนคิดนะ นี่ใช้ไขสันหลังคิดรึยังไง'

        ทีคิด แต่มันก็คงหาสาระอะไรจากชื่อโรงเรียนที่แปลกพิลึกนี่ไม่ได้ เด็กสาวตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปในโรงเรียน หลังจากที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียนคนเดียวมานานพอสมควร

        แต่ทว่า….

        "ทีเร็กซซซซซซ์!!!!!"

        เสียงดังกว่าร้อยเดซิเบลดังมาจากข้างหลังของที พอหันกลับไปมองก็พบกับเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แม้แว่นตาหนาเตอะที่เธอสวมกับเส้นผมที่ถูกจับถักเปียเสียเรียบร้อยจะทำให้เธอดูเป็นเด็กเรียนเรียบร้อยน่ารัก แต่การกระทำและนิสัยค่อนข้างจะขัดแย้งกับภาพลักษณ์นั้นมากทีเดียว

        แต่เพราะทีรู้จักกับเธอมานานแล้ว เพราะงั้นเรื่องความขัดแย้งระหว่างรูปลักษณ์ภายนอกกับนิสัยของเธอจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจ

        "อ้าว แทงขวานี่นา อยู่โรงเรียนนี้ด้วยเหรอ?"

        ทีเอ่ยถาม

        "อื้ม ชื่ออยู่คนสุดท้ายพอดีแน่ะตอนที่ประกาศผล" คิว หรือที่ถูกเรียกว่า แทงขวาตอบ "สอบติดได้ยังไงก็ไม่รู้เนอะ สงสัยคะแนนฉันจะผ่านแบบคาบเส้นพอดีแหละมั้ง"

        คิวคัมเบอร์ หรือที่เพื่อนๆ เรียกกันย่อๆ ว่าคิวหรือแทงขวา หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นสมัยป.6 ของที และเป็นหนึ่งในผู้เผยแพร่ลัทธิ BL ให้กับเพื่อนๆ ในห้องสมัยประถม ทีเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไปรู้จักกับคิวได้ยังไง แต่พอรู้ตัวอีกทีก็สนิทกันไปซะแล้ว 

        อืม...คงจะสนิทกันเพราะคิวเป็นคนที่พูดเก่งล่ะมั้ง แบบว่าคุยด้วยแล้วสนุก ต่อให้คุยกันนานๆ ก็ไม่เบื่อ

        เอาเถอะ มันไม่สำคัญหรอกนะว่าไปสนิทกันได้ยังไงน่ะ

        ว่าแต่ว่า..เมื่อไหร่ทีจะเข้าไปในโรงเรียนสักทีล่ะเนี่ย?

    .

    .

    .

        7.30 น.

        มัวแต่เมาต์กับคิวเสียเพลิน กลายเป็นว่ากว่าจะได้ก้าวเท้าเข้ามาในโรงเรียนก็ใช้เวลาไปกว่าสามสิบนาที นานอย่างน่าเหลือเชื่อ! ถึงทีจะรู้อยู่แล้วว่าคิวเป็นคนคุยเก่ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะคุยกันนานขนาดนี้

        "เอาจริงดิ นี่เราคุยกันตั้งครึ่งชั่วโมงเลยเหรอ -_-;"

        "เอาน่า อย่างน้อยก็ยังพอมีเวลาให้สำรวจโรงเรียนอยู่นะ ตั้งยี่สิบนา--"

        คิวยังพูดไม่ทันจบ เสียงประกาศของโรงเรียนก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

        [ตึ่ง..ตึง..ตึ๊ง..ตึ่ง….] 

        อ่า ไม่สิ นี่ยังไม่ใช่ประกาศ แค่อินโทร(?)

        [ขอให้นักเรียนชั้นม.1 และม.4 ทุกคน มารวมตัวกันที่โดมค*ย--ขออภัยค่ะ ขอให้นักเรียน..โอ๊ย! ขำอะไรกันนักกันหาเนี่ย!?]

        [ฮ่าๆๆๆ! โดมค*ย!]

        [ก็บอกว่าพูดผิดไง!!!]

        "........."

        *ถึงกับแดรกจุดกันเลยทีเดียว

        'ลืมปิดไมค์กันเรอะ!?'

        ทั้งสองคนคิดในใจ

        "เอาไงดีอะที เหมือนเขาจะเรียกแล้วนะ"

        แทงขวาถาม

        "ก็ต้องไปนั่นแหละ" ทีตอบ "ว่าแต่ โดมคุไอรำฦกนี่มันอยู่ตรงไหน?"

        เด็กสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาจุดที่เธอต้องไปรวมตัว แต่ก่อนที่เธอจะหาโดมเจอ เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

        "เฮ้! ที แทงขวา ทางนี้ๆ!"

        "?"

        สองสาวหันขวับไปตามเสียงเรียก พลันเหลือบเห็นใครบางคนโบกมือให้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทีเผยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะโบกมือพลางวิ่งเข้าไปหา

        "เอิร์นนนนนน!"

        โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงตะโกนดังลั่นของเธอกำลังดึงดูดสายตาผู้คนให้หันมามอง ทีวิ่งเข้ามาจับที่พนักพิงเก้าอี้ที่เพื่อนรักของเธอนั่งอยู่ พลางออกแรงดึงพนักพิงเก้าอี้มาข้างหลังจนขาหน้าของมันเริ่มลอยขึ้นมานิดหน่อย

        "ยู้ดดดด!! หยุดๆๆ! สต็อปปุเดี๋ยวนี้เลยที มันจะล้มเอา!"

        คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ถึงกับร้องเสียงหลง ทำเอาทีอดขำไม่ได้ เด็กสาวยืนหัวเราะไปพักใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยให้ขาหน้าของเก้าอี้ลงพื้นอย่างนุ่มนวล

        หลังจากทักทายด้วยการหยอกล้อนิดๆ หน่อยๆ แล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาทักทายกันอย่างจริงจังสักที

        "ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน เป็นยังไงบ้างอะเอิร์น"

        "อ่า ก็เรื่อยๆ อะนะ" เอิร์นตอบ "แล้วทีล่ะ เป็นไงบ้าง?"

        เอิร์น หนึ่งในเพื่อนรักสุดซี้ของทีที่อยู่ห้องเดียวกันมาสมัยประถม เหมือนกับคิวนั่นล่ะ ทีก็จำไม่ได้หรอกว่าไปสนิทกันได้ยังไง แต่พอได้รู้จักกันแล้ว ทีก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าเอิร์นคือสุดยอดเดอะแบกในเวลาที่ต้องพรีเซนต์ ด้วยทักษะการพูดและความมั่นใจที่ล้นเหลือ คนที่พึ่งพาได้มากกว่านี้สำหรับทีก็คงไม่มีอีกแล้วล่ะ

        โอ๊ะ! แต่ก็ยังมีคนที่พึ่งพาได้ในระดับเดียวกันกับเอิร์นอยู่ล่ะนะ

        "ว่าแต่ เอิร์น ออร์แกนมารึยังอะ?"

        "มาแล้วๆ อยู่ตรงนี้ไง"

        "เอ๊ะ?"

        พอพูดถึงเจ้าตัวก็โผล่มาพอดี ทีที่หันไปตามเสียงเรียกถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันโบกมือให้โดยที่มืออีกข้างถือถุงใส่ลูกชิ้นไว้ ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า เพียงแค่เสียงก็ทำให้ทีรู้แล้วว่าเป็นใคร

        พอรู้แล้วก็สวมกอดตามประสาเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานาน

        "ออร์แกนนนนน!!"

        "ไม่ได้เจอกันน้านนานเนอะ" เด็กสาวที่ถูกกอดส่งยิ้มหวาน "แต่ว่าปล่อยก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวมันจะเปื้อนเอา เห็นถุงลูกชิ้นนี่มั้ยเนี่ย"

        "แหะๆ โทษทีๆ"

        ทีผละออกมาอย่างว่าง่าย

        ออร์แกน เพื่อนรักอีกหนึ่งคนที่พึ่งพาได้ เธอเป็นคนที่จริงจังและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แม้จะดูเป็นคนที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง แต่กลับเป็นคนที่คุยด้วยได้ง่ายและเป็นมิตรมากๆ ทีพอจำได้ลางๆ ว่าเธอรู้จักกับออร์แกนเพราะเอิร์นเป็นคนแนะนำ...เอ..รึเปล่านะ?

        เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ

        แต่จะว่าไป..รู้สึกเหมือนจะลืมใครไปเลยนะเนี่ย

        "ใช่ซี้ เค้าไม่ใช่คนสำคัญของเธอสินะ ถึงได้ลืมกันได้ง่ายๆ แบบนี้เนี่ย"

        ประโยคที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชัน พร้อมกับสายตาที่มองมาอย่างงอนๆ ที่โดนลืมของคิวทำให้ทีนึกขึ้นได้ว่าตัวเองวิ่งมาโดยที่ทิ้งคิวไว้ด้านหลัง เด็กสาวรีบหันหน้าไปหาเพื่อนรักที่เจอคนแรก ก่อนจะรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

        "หวา! ขอโทษๆ ลืมไปเลยอ่า อย่าเพิ่งงอนกันนะแทงขวา"

        "หึ! ไม่รู้ไม่ชี้! งอนแล้ว! -3-"

        "เอิร์นนนน เวลาแบบนี้ต้องง้อไงอ่า" 

        "จะไปรู้มั้ยล่ะ ถามออร์แกนสิ"

        "ออร์แกนค้าบ"

        "ว่าไงค้าบ"

        "เวลาง้อต้องทำยังไงค้าบ"

        "เค้าก็ไม่รู้ค้าบ"

        "อ่า...จบสิ้น ;^;"

        [ตึ่ง..ตึง..ตึ๊ง..ตึ่ง..]

        "หือ? เสียงประกาศดังขึ้นมาอีกแล้วอะ"

        ในระหว่างที่กำลังวุ่นอยู่กับการง้อคิว เสียงอินโทรประกาศก็ดังขึ้นมาเสียก่อน สี่สาวสี่สหายพากันนิ่งเงียบ เงี่ยหูฟังเสียงประกาศที่กำลังจะมาในอีก 0.01 วินาทีข้างหน้า

        [ประกาศจากโรงเรียนคุไอ ขอให้นักเรียนชั้นม.1 และม.4 ที่ทุกคนมารวมตัวที่โดมคุไอรำฦกด้วยค่ะ ส่วนเรื่องที่นั่ง ขอให้นักเรียนทุกคนนั่งตามป้ายชื่อที่แปะไว้ข้างหลังของเก้าอี้นะคะ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือค่ะ]

        [ตึ่ง..ตึง..ตึ๊ง..ตึ่ง..]

        แล้วเสียงประกาศก็เงียบหายไป

        "เหมือนจะต้องไปนั่งที่แล้วล่ะ"

        ออร์แกนกล่าว

        "นั่นสินะ" เอิร์นพยักหน้า "งั้นก็ไว้เจอกันนะ ที แทงขวา"

        "อื้ม เจอกาน~"

        ทีพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่อยู่ทางขวาของเอิร์น เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ มองทีสลับกับคิวที่นั่งอยู่ข้างขวาของออร์แกนที่นั่งอยู่ข้างหลังเธออีกทีหนึ่ง

        "อ..อ้าว นี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ กันหรอกเหรอ?"

        "อ่าฮะ"

        ทีกับคิวพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง

        "เพล้ง หน้าแตกอย่างสวยงามเลยมั้ยล่ะกานติมา"

        ออร์แกนแซว

        "อย่ามาแซวกันดิ"

        "ฮ่าๆๆๆ"

        พูดจบก็พากันหัวเราะร่า ก่อนจะแยกย้ายกันไปนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือของใครของมัน ทีรีบกดเข้าเกมโปรดพลางใส่หูฟัง ไม่รู้ว่าเหลือเวลาอีกนานแค่ไหนกว่าจะถึงเวลาปฐมนิเทศ แต่อย่างน้อยก็ขอล็อกอินเข้าเกมก่อนเถอะน่า! ขอฟังเสียงเมนสักหน่อย แค่เสี้ยววินาทีก็ยังดี!

        ทว่าในจังหวะที่กำลังจะกดเข้าเกมนั่นเอง….

        "ขอความร่วมมือนักเรียนทุกคน 

    เก็บโทรศัพท์มือถือก่อนนะค--"

        "ว้อยยย!!"

        ยังไม่ทันได้เข้าเกม สุดท้ายก็มีเหตุการณ์มาแทรกจนทีได้โวยวายออกมาเสียงดัง นี่มันอะไรก๊านนน!!? นั่งตั้งนานไม่เห็นขึ้นมาพูด พอจะกดเล่นเกมเท่านั้นล่ะรีบขึ้นมาพูดอย่างไวเลยนะ!

        โชคดีที่ทุกคนดูจะโฟกัสกับโทรศัพท์ของตนกันอยู่ เสียงตะโกนของทีเมื่อครู่จึงดูเหมือนเป็นเพียงเสียงของนกกาที่ฟังดูประหลาดเป็นบ้า ทีรีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ทำเหมือนกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

         "หือ?"

        แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนได้ยินเสียงของทีอย่างชัดเจนอยู่คนหนึ่งล่ะนะ

        "มีอะไรเหรอ? แทงขวา"

        ออร์แกนหันมาถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ

        "เมื่อกี้เหมือนจะได้ยินเสียงใครตะโกนอะ เสียงคุ้นมากเลย" คิวตอบ "ใช่เสียงทีรึเปล่านะ ที่ร้อง 'ว้อยยย!!' เมื่อกี้น่ะ"

        "ใช่เหรอ? ไม่ใช่ว่าเป็นเสียงนกร้องหรอกเหรอ?"

        "มีนกพันธุ์อะไรร้องดัง 'ว้อยยยย!!' ด้วยเหรอ -_-?"

        *เลิ่กลั่กแล้วนะ

        ดูเหมือนว่าเพื่อนๆ จะยังไม่เห็นว่าตอนนี้เม็ดเหงื่อกำลังผุดขึ้นมาเต็มหน้า ทีได้แต่ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ เด็กสาวเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ก่อนจะจัดการเช็ดเหงื่อด้วยความเร็วระดับพระเจ้า

        'โอเค! เรียบร้อย!'

        พอหันกลับมานั่งดีๆ เสียงของคุณครูที่ยืนอยู่บนเวทีก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง

        "ดูเหมือนว่านักเรียนจะเริ่มมากันเยอะแล้ว จากนี้ไปจะเป็นการแจ้งกำหนดการณ์การปฐมนิเทศของนักเรียนชั้นม.1 และม.4 ประจำปีการศึกษา 2561 ค่ะ"

        เอาแล้วไง ช่วงเวลาที่น่าเบื่อที่สุดมาถึงแล้ว

        เมื่อคุณครูและการพูดหน้าเสาธงได้มารวมตัวกัน นั่นหมายความว่า สิ่งที่น่าเบื่อที่สุดในสามโลก ได้เกิดขึ้นมาแล้วตามสมการ คุณครู + การพูดหน้าเสาธง = สิ่งที่น่าเบื่อที่สุดในสามโลกไม่ว่าเรื่องที่คุณครูพูดจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ที่ทุกคนรู้จักดีในนามกฎแห่งกรรม สัจธรรมของชีวิตซึ่งใครสักคนได้บัญญัติขึ้นมา เป็นสมการที่สั้น ง่าย และได้ใจความ เหมาะแก่การท่องจำยิ่งกว่าทฤษฎีบทหรือกฎมากมายที่ต้องเรียนรู้เป็นไหนๆ มันคือความเป็นจริง ความเป็นจริงที่แม้จะรู้อยู่แก่ใจก็ไม่อาจหลบหนีไปจากความน่าเบื่อนี้ได้

        'ให้ตายเถอะ แค่เห็นครูยืนจับไมค์อยู่บนเวทีก็ง่วงแล้วอะ'

        ทีคิดในใจ

        ช่างหัวมันก็แล้วกัน กำหนดการณ์น่ะไม่ต้องฟังก็ได้น่า

        'ไว้เดี๋ยวค่อยทำตามชาวบ้านไปก็แล้วกัน'

        คิดได้แบบนั้นก็ปล่อยสติให้ล่องลอยไปกับอากาศ กำหนดการณ์ที่คุณครูได้กล่าวมาก็ฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูควายที่บ้าน บลาๆๆ บลาๆๆ และ บลาๆๆ เพราะไม่ได้ตั้งใจฟังอะไรทั้งนั้นจึงได้ยินออกมาแทบจะไม่เป็นคำ ฟังไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย

        แต่ก็อย่างที่ว่านั่นล่ะ ไว้เดี๋ยวค่อยทำตามชาวบ้านเอาก็แล้วกัน

    .

    .

    .

        ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพิธีปฐมนิเทศมันจะน่าเบื่อได้ถึงขนาดนี้….

        กิจกรรมช่วงเช้าที่น่าเบื่อหน่าย จะทวีคูณความเลวร้ายขึ้นไปอีกหากมันได้หลอมรวมเข้ากับแสงแดดอันร้อนระอุของไทยแลนด์แดนภูเขาไฟอันเลื่องชื่อ ไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่ากิจกรรมพวกนี้มันแตกต่างจากวันปกติยังไงกัน ทั้งการเข้าแถวเคารพธงชาติ สวดมนต์ แผ่เมตตา ฟังครูบ่นหน้าเสาธงจนหูชา ตามด้วยการฟังพระเทศน์อย่างนอนสต็อปยาวนานกว่าสองชั่วโมง เรียกได้ว่าพอเดินออกมาจากบริเวณโดมก็มองเห็นแสงแห่งสัจธรรมเจิดจรัสบนฟากฟ้า สว่างแยงตาจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นมอง

        จริงๆ ก็ไม่ใช่แสงแห่งสัจธรรมอะไรนั่นหรอก ก็แค่แสงอาทิตย์มันแยงตาน่ะ

        12.25 น. ตั้งแต่ที่คุณครูได้ปล่อยให้นักเรียนได้เติมเต็มกระเพาะอาหารด้วยข้าวกลางวันของทางโรงเรียน นี่ก็เพิ่งจะผ่านมาได้เพียงแค่ 25 นาทีเท่านั้น ทีนั่งอยู่ในมุมมืดของห้องโสต 3 ล็อกอินเข้าเกมโปรดฆ่าเวลารอให้เพื่อนๆ มารวมตัว

        [จากนี้ไปก็..ฝากตัวด้วยนะ]

        เสียงพากย์ของตัวละครกับบทพูดที่เฝ้ารอมาแสนนาน อีเวนต์ของเกมที่เพิ่งจะเริ่มต้นเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วได้เผยฉากจบที่ดีงามออกมาจนแทบน้ำตาไหล แม้ใบหน้าของเด็กสาวจะดูไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉากจบ แต่ในใจกลับเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกตื้นตันที่ไม่อาจบรรยายได้

        "ฮ้า..สมแล้วที่ได้ชื่อแชปเตอร์ว่า 'ไม่มีอีกแล้ว การจากลา' รอยยิ้มนั่นมันล้ำค่าเกินไปแล้ว~" ทีนั่งหวีดอยู่ในเงามืด "เอิร์นยังไม่มาเลย แล้วแบบนี้ฉันจะไปหวีดให้ใครฟังได้ล่ะเนี่ย"

        เพราะคิดว่าตนกำลังนั่งอยู่เพียงคนเดียวในมุมมืด จึงเผลอคิดออกมาเสียงดังไปหน่อย ไม่สิ ไม่ใช่แค่คิดเสียงดัง แต่พูดออกมาเลยต่างหาก! เพราะคิดว่าที่ตรงนี้มีแค่ตัวเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นจึงได้หวีดออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร มั่นใจว่าจะไม่มีใครได้ยิน

        "ว้าว~ โมเดลตัวละครดูดีจัง"

        "ใช่ม้า เอนนึซามะเมนฉันน่ะหล่อที่สุดในเกมอยู่แล้ว"

        "ที่สุดในเกมเลยเหรอ ฟังดูสุดยอดไปเลยเนอะ"

        "แล้วก็ยังเป็นตัวดาเมจที่แรงมากๆ เลยนะ ไม่อยากจะอวย"

        "เห?"

        จู่ๆ ก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นข้างๆ หู ทีที่กำลังตกอยู่ในห้วงมโนจึงพูดตอบไปโดยที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าพูดอยู่กับใคร เด็กสาวพูดสาธยายถึงความเยี่ยมยอดและชีวประวัติของตัวละครตัวโปรดอย่างออกรสออกชาติ โดยมีใครก็ไม่รู้พยักหน้าตามหงึกๆ

        "อะไรนั่นน่ะ เป็นพ่อเลี้ยงที่เลวชะมัด! ถ้าหมอนั่นมีตัวตนอยู่จริงๆ ล่ะก็ จะกระทืบให้จมดินเลย!"

        "คิดเหมือนกันเลย! จับมือกันหน่อยเพื่อนร่วมอุดมการณ์!"

        พูดจบก็จับมือกันพลางเขย่าสุดแรง มิตรภาพได้บังเกิดขึ้นโดยที่ไม่ทันรู้ตัว ทีที่หลุดมาจากห้วงมโนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา สบตากับคู่สนทนาที่มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้

        "....เอ๊ะ?"

        'นี่ใครล่ะเนี่ย!?'

        ทีรู้สึกเหมือนได้ยินใครสักคนตะโกนว่า 'รู้สึกตัวช้าไปแล้วว้อยยย!!!' อยู่ไม่ไกล หรืออาจจะเป็นเสียงของคนอ่านที่หงุดหงิดในความรู้สึกตัวช้าของทีก็เป็นได้ ทีนั่งนิ่งไปสักพักราวกับว่าสติได้หลุดลอยไปจากร่าง เด็กสาวพยายามคิดหาวิธีหนีออกไปจากสถานการณ์นี้

        เอาล่ะ คำถาม!

        ถ้าหากว่าคุณเผลอคุยกับใครอย่างสนิทสนมจนเกินไปแล้วเพิ่งมารู้ทีหลังว่าคุณไม่รู้จักเขามาก่อน คุณจะทำอย่างไร

        ก. ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บ จากนั้นก็แวบหายไปกับสายลม

        ข. นั่งนิ่งๆ เนียนเป็นรูปปั้นไปซะ (สายไปแล้วล่ะ)

        ค. ทำเป็นว่าคุยกับเพื่อนในโทรศัพท์ (ไม่เนียนโว้ยยย หน้าจอยังเปิดเกมให้เห็นอยู่ทนโท่!)

        ง. ถามชื่ออีกฝ่ายไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

        และ.. ฮ. ถูกทุกข้อ (แล้ว จ. ถึง อ. มันหายไปไหนเนี่ย!?)

        คำถามนี้มีคะแนนสูงถึงศูนย์จุดหนึ่งคะแนน มีเวลาให้คิดสิบวินาที

        สิบ…...เก้า…….แปด..เจ็ด หก ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง ศูนย์!

        โอเค หมดเวลา

        ในตอนนี้คาดว่าทุกคนคงจะมีคำตอบในใจแล้ว ทีเองก็มีคำตอบในใจแล้วเช่นกัน

        และคำตอบที่เด็กสาวเลือกก็คือ……

        "เอ่อ..ว่าแต่เธอชื่ออะไรอะ?"

        คำตอบที่ทีเลือกคือข้อ ง.

        เด็กสาวที่จับมือกับทีอยู่นั้นทำท่าเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้เช่นกันว่าตนเองกำลังพูดคุยกับคนที่ไม่คุ้นหน้า เธอนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มแนะนำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

        "อ๋อ..เอ่อ..ฉันชื่อริน อยู่ทับสามน่ะ"

        "จริงปะเนี่ย!? ฉันชื่อทีนะ อยู่ทับสามเหมือนกัน ยินดีที่ได้รู้จัก"

        ทีแนะนำตัว รินพยักหน้า

        "อื้ม ยินดีที่ได้รู้จัก ทีนะ"

        เดี๋ยวๆๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรไม่ถูกต้อง

        "ไม่ๆๆ ไม่ใช่ทีนะสิ ฉันชื่อทีเฉยๆ แบบ..ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวทีน่ะ"

        "ฮะๆ ฉันรู้น่า"

        รินหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

        "จะว่าไปแล้ว...ทำไมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ? ไม่ไปนั่งกับคนอื่นๆ เหรอ?"

        รินเอ่ยถามในสิ่งที่ตนสงสัย ทีหันกลับไปมองหน้าจอโทรศัพท์ของตนที่ยังเปิดเกมค้างไว้แล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

        'ถ้าไปนั่งกับคนอื่นๆ ก็หวีดไม่ได้พอดีสิ'

        ทีคิดในใจ แต่ไม่ได้พูดออกไป

        "แล้วทำไมรินถึงเดินมาหาฉันแทนที่จะไปนั่งกับคนอื่นๆ ล่ะ?"

        ทีถามกลับ

        "เอ..ก็เห็นจ้องจอโทรศัพท์แล้วยิ้มไม่หยุดเลยนี่นา สงสัยก็เลยเดินมาดูน่ะ"

        "เอ๊ะ? ฉันยิ้มเหรอ?"

        เอ้า นี่ไม่รู้ตัวหรอกเหรอ?

        บทสนทนาของทีและรินดูท่าจะไปต่อได้อีกยาว ทั้งคู่เริ่มคุยกันอย่างสนิทสนมแม้จะเพิ่งรู้จักกันได้เพียงแค่ห้านาที พอจบบทสนทนาไปเรื่องหนึ่ง อีกคนก็จะเริ่มเปิดประเด็นใหม่ เป็นบทสนทนาที่ดูแล้วคงไม่มีวันจบ หากเสียงของคุณครูไม่ได้ดังขึ้นมาเสียก่อน

        "ฮัลโหลๆ เทสๆ นักเรียน ได้ยินครูรึเปล่า?"

        เสียงของคุณครูที่พูดผ่านไมโครโฟนมีเสียงร้องโหยหวนเป็น BGM ที่ฟังดูปวดหู นักเรียนราวๆ สามสิบหกคนที่นั่งอยู่ภายในห้องโสตหันมามองที่คุณครูพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ดูเหมือนว่าเสียงสยองจากไมโครโฟนในมือของชายในชุดที่ดูเป็นทางการจะช่วยดึงดูดความสนใจของนักเรียนได้เป็นอย่างดี

        "จุ๊ๆๆ ไม่เอาน่าเฉาก๊วยลูกพ่อ อย่าเพิ่งหอนตอนนี้" 

        "ฮะ!?"

        คุณครูหันไปดุไมค์ราวกับว่ากำลังดุสุนัข ทำเอาทีสตันต์ไปกว่าสามวินาที พลันเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อก็บังเกิดขึ้นเมื่อเสียงโหยหวนของไมค์ได้เงียบหายไปในทันที เหลือเพียงเสียงพูดปกติของคุณครูที่พูดผ่านไมโครโฟน

        'ถามจริง นั่นไมค์หรือหมา!?'

        ความสับสนเริ่มก่อตัวขึ้นมาซะแล้ว

        "โอเค เยี่ยมมากเฉาก๊วย จบงานนี้เดี๋ยวให้รางวัล" 

        ชายหนุ่มตบไมโครโฟนเบาๆ ก่อนจะเพิ่มความดังเสียงของตนให้ดังขึ้นอีกเพื่อให้นักเรียนได้ยินกันอย่างทั่วถึง 

        "ที่อยู่นี่มีแค่ทับสามกับทับสี่สินะ เอ้า! ทุกคน! มาเร้ว! มานั่งกันเป็นวงกลมนะ ให้เวลาหนึ่งนาที" พูดไปก็ไม่มีใครเคลื่อนไหวแม้แต่คนเดียว "ใครมาช้าโดนทำโทษนะ หนึ่ง...สอง…"

        "มีบทลงโทษด้วย!? ไปกันเร็วริน!"

        ทีส่งเสียงเรียกริน ก่อนจะลุกขึ้นแล้ววิ่งไปยังจุดที่ทุกคนกำลังจับมือกันเพื่อสร้างวงกลมใหญ่ รินวิ่งตาม แต่เมื่อไปถึงแล้ว ทั้งคู่ก็พบเจอกับปัญหาใหม่ที่ว่าจะไปแทรกตรงส่วนไหนของวงกลมดี

        "ซวยละ มีตรงไหนแทรกได้บ้างเนี่ย"

        "ที! ทางนี้!!"

        เสียงที่คุ้นเคยของเพื่อนรัก ราวกับเสียงของนางฟ้าจากสรวงสวรรค์ ทีเหลือบเห็นเอิร์นโบกมือให้อยู่ไหวๆ เหมือนกับช่วงเช้า มือขวาของเอิร์นยังไม่ได้ประสานกับคนข้างๆ ดังนั้นทางขวาของเอิร์นจึงเป็นช่องว่างพอให้ทีแทรกเข้าไปได้

        ทีรีบเร่งความเร็ว มุ่งหน้าไปยังช่องว่างตรงนั้น ก่อนจะพารินสไลด์เข้าไปแทรกเพื่อเติมเต็มช่องว่างตรงนั้นได้อย่างสวยงาม มือซ้ายของทีจับกับมือขวาของเอิร์น ในขณะที่มือขวาของรินก็ไปจับกับมือซ้ายของใครบางคนที่อยู่ทางขวาของเอิร์นก่อนที่ทีและรินจะเข้ามาแทรก เสียงนับเลขของคุณครูยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าวงกลมจะสมบูรณ์ สี่สิบห้า...สี่สิบหก… รู้ตัวอีกทีก็เหลือเวลาอีกเพียงสิบสามวินาทีเท่านั้น

        ทว่าในอีกห้าวินาทีถัดมาวงกลมก็สมบูรณ์ นักเรียนสามสิบหกคนพร้อมใจกันนั่งลงเป็นวงกลมที่ดูจะไม่กลมเท่าไรนักโดยมีคุณครูเป็นจุดศูนย์กลาง เสียงนับเลขของคุณครูหยุดลง พลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า

        "ดูไม่ค่อยกลมเท่าไหร่เลยนะเนี่ย"

        คุณครูหัวเราะเบาๆ

        "ก่อนอื่นก็มาทำความรู้จักกันก่อนนะนักเรียน ครูชื่อสมศักดิ์ พรรณเพศ ชื่อเล่นชื่อครูน้ำนะครับ จะเรียกป๋าน้ำก็ได้นะไม่ว่ากัน" น้ำเสียงของคุณครูฟังดูเป็นกันเองมากๆ "วันนี้พวกเราจะมาปฐมนิเทศกันนะครับ ไม่มีเรียนนะ โยนสมองทิ้งไปแล้วมาสนุกกันให้สุดเหวี่ยงไปเลย! ก่อนอื่นก็มาเริ่มจากเกมสบายๆ กันก่อนเนอะ"

        สิ้นเสียงของคุณครู นักเรียนม.ปลายสามถึงสี่คนก็เดินเข้ามาในวงพร้อมกับลูกบอลเล็กๆ ในมือ ครูน้ำรับลูกบอลมาจากเด็กนักเรียนคนหนึ่ง ก่อนจะชูขึ้นให้ทุกคนเห็น

        "เห็นในมือครูไหมครับ? ครูจะสุ่มโยนให้สักคนในวงนี้แล้วเดี๋ยวครูจะเปิดเพลงนะ ส่งไปทางขวามือนะครับนักเรียน ไปเรื่อยๆ นะ จนกว่าเพลงจะหยุด" เขาเว้นช่วงสักพักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ "ถ้าเพลงหยุดแล้วบอลอยู่ที่ใคร ให้คนนั้นลุกขึ้นยืนนะครับ เข้าใจนะ?"

        ครูน้ำถาม พลางเอามือป้องหูเพื่อบอกนักเรียนเป็นนัยๆ ว่าให้ตอบกลับมา

        "เข้าใจคร้าบ/ค่า~"

        "งั้นเริ่มเกมเลยนะครับ เอ้า!"

        สิ้นเสียงของครูน้ำ เกมก็ได้เริ่มต้นขึ้น ครูน้ำและรุ่นพี่ม.ปลายที่มีบอลอยู่ในมือโยนบอลไปคนละทิศละทางพร้อมกับเสียงดนตรีที่ดังคลอไป ทีกวาดสายตามองหาลูกบอล แต่สิ่งที่เห็นคือความวุ่นวาย บางคนก็กั๊กบอลเอาไว้ไม่ยอมส่งต่อ ในขณะที่บางคนกำลังร้อนรนเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะเก็บบอลไว้แล้วค่อยส่งมาตอนเพลงใกล้หยุด

        ณ ตอนนี้ ทีเป็นพวกที่สอง…

        จากทางซ้ายของที เอิร์นกำลังทำหน้าเคร่งเครียดในขณะที่มองลูกบอลในมือของออร์แกน บทสนทนาระหว่างเพื่อนสาวที่สนิทกันมานานหลายปีในขณะที่กำลังแย่งลูกบอลกันเต็มไปด้วยถ้อยคำที่ไม่สามารถออกอากาศได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าของที หากออร์แกนส่งบอลมา เอิร์นก็ยังมีโอกาสรอด แต่คนที่จะซวยก็คือทีนี่แหละ! เกิดเอิร์นส่งมาแล้วทีรับในจังหวะที่เพลงหยุดพอดีจะทำยังไงเล่า!?

        "ที รับ!"

        ในที่สุดเอิร์นก็แย่งลูกบอลมาจากออร์แกนได้ เด็กสาวรีบส่งมาทางทีอย่างรวดเร็ว หวังให้ตนรอดพ้นจากลูกบอลแห่งหายนะลูกนี้ ทีรีบรับลูกบอลมาแล้วส่งต่อไปทางรินในทันที อีกไม่นานเพลงที่เล่นอยู่นี้ก็คงจะหยุดแล้ว นี่จะเป็นการแข่งกับเวลา!

        ลูกบอลจากมือของที ส่งไปสู่มือของริน ในเสี้ยววินาทีที่ลูกบอลอยู่ในกำมือของเด็กสาว เพลงที่เล่นอยู่ก็พลันหยุดลงพร้อมกับที่เสียงนกหวีดดังขึ้น

        ปรี๊ดดดดดด!!!!!

        "เอ้า! คนที่ถือบอลอยู่ ยืนขึ้นครับ"

        ครูน้ำกล่าว รินที่เพิ่งจะได้รับลูกบอลลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจนัก ทีถอนหายใจอย่างโล่งอก รอดแล้วโว้ย! รอดแล้ว! คนที่ถือบอลอยู่ต้องเจอบทลงโทษแปลกๆ แน่ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะเพราะทีรอดแล้ว!

        ในขณะที่ทีกำลังรู้สึกยินดีที่รอดพ้นจากลูกบอลหายนะมาได้อย่างฉิวเฉียด จู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีคนสะกิดที่ไหล่ซ้ายของเธอ

        "นี่ ที"

        "หืม? อะไรเหรอเอิร์น?"

        ทีถาม

        "คือว่า..บนตักน่ะ"

        เอิร์นพูดพลางชี้ไปที่ตักของที เด็กสาวเอียงคอสงสัย ไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนรักต้องการจะบอก ทีก้มลงมองบนตักของตน แทบจะกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นว่ามีอะไรวางอยู่บนตักของเธอในตอนนี้

        "ต..ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!?"

        ลูกบอลที่ใช้เล่นเกมเมื่อครู่นี้มาอยู่บนตักของทีตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ เด็กสาวหันไปมองหน้าเพื่อนข้างๆ เห็นเอิร์นกับออร์แกนกำลังหัวเราะคิกคัก 

        'โอเค..รู้เลยว่าฝีมือใคร'

        ตามกฎ คนที่มีลูกบอลต้องลุกขึ้นยืน ทีลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจ รินที่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้หันมายิ้มให้ ก่อนจะกระซิบเบาๆ พลางหัวเราะ

        "โดนเหมือนกันเลยเนอะ^^"

        "ตาหน้าสองคนนั้นโดนแน่ รอให้มีคนลงการ์ดรีเวิร์สก่อนเถอะ"

        ทีพูดพลางกำหมัด

        "นี่คิดว่ากำลังเล่นอะไรอยู่เนี่ย โอโน่เหรอ -_-;"

        ก่อนที่ทั้งสองคนจะคุยกันไปมากกว่านี้ ครูน้ำก็พูดขึ้นมาซะก่อน

        "ก่อนอื่นครูขอถามก่อน ในนี้มีใครแพ้แป้งรึเปล่า?"

        คุณครูถาม ทุกคนส่ายหน้า ทีไม่เข้าใจว่าคุณครูจะถามเรื่องแป้งไปทำไมกันนะ พอเห็นทุกคนส่ายหน้า นักเรียนม.ปลายที่ยืนอยู่กับคุณครูเมื่อครู่นี้ก็เดินเทแป้งให้กับคนที่ยืนอยู่ทีละคน ทีละคน

        จากนั้นคุณครูก็พูดขึ้นมาว่า….

        "สำหรับรอบนี้นะครับ ให้คนที่มีแป้งอยู่ในตอนนี้…." 

        ครูน้ำเว้นช่วงไปพักหนึ่ง 

        "....ให้คนที่มีแป้งอยู่ในตอนนี้ ทาแป้งให้คนข้างๆ แบบจัดหนักจัดเต็มไปเลย!"

        "เอ๋!!!!!?"

        สิ้นเสียง นักเรียนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ก็พากันร้องลั่นพลางทำหน้าเหวอไปตามๆ กัน คนที่ลุกขึ้นยืนอยู่ในขณะนี้พากันแสยะยิ้ม หันไปมองเพื่อนข้างๆ ด้วยสายตาที่ราวกับจะสื่อว่า 'โดนแน่!'

        ทีเองก็เช่นกัน ดวงตาของเธอที่มองเอิร์นอยู่ในขณะนี้ก็สื่อความหมายออกมาเช่นนั้น

        ถึงตอนนั้น เอิร์นก็ได้สบถออกมาว่า "ฉิบหายละ"

        "เฮ้ย ไม่เอาน่าที เราคุยกันได้น่า"

        เอิร์นพยายามเจรจากับที แต่การเจรจานั้นไร้ผล ทีย่อตัวลงมาพร้อมกับกองแป้งสีขาวบนฝ่ามือ พร้อมที่จะทาแป้งให้กับเพื่อนสาว

        "อ่า ใช่ เราคุยกันได้..." ทีตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "...ได้ก็แย่แล้ว!"

        พูดจบก็ละเลงแป้งไปที่ใบหน้าของเพื่อนสาว ออร์แกนที่นั่งมองอยู่ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจว่า 'รอดแล้วล่ะ' เด็กสาวมองไปข้างหลังทีที่กำลังประแป้งให้เอิร์นอย่างเมามัน เห็นรินกำลังตั้งท่ารอประแป้งให้ทีต่อหลังจากที่ทีจัดการกับเอิร์นเสร็จ

        'จะบอกทีดีไหมนะ?'

        ออร์แกนถามตัวเอง

        'ไม่บอกน่าจะดีกว่าแฮะ'

        ว่าแล้วก็นั่งดูทีโดนรินประแป้งอีกต่อหนึ่งอย่างสบายใจ

    .

    .

    .

        เกมที่สองได้เริ่มต้นแล้ว….

        การส่งบอลรอบสองได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีจุดเริ่มต้นจากคนที่ได้ละเลงแป้งบนใบหน้าของเพื่อนข้างๆ เสียจนขาวโพลน ทีส่งบอลที่อยู่ในมือของตนไปให้รินและส่งมันต่อไปเรื่อยๆ ระหว่างส่งไปก็คอยระแวงเอิร์นอยู่ตลอดเวลา

        แต่ว่าเอิร์นไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ทีต้องระแวง…

        ส่งบอลให้รินอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีพี่นักเรียนม.ปลายคนหนึ่งเดินมาแย่งบอลจากรินไปหน้าตาเฉย รุ่นพี่คนนั้นทิ้งลูกบอลลงบนมือของทีอย่างแม่นยำ เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ ยังไม่ทันเข้าใจสถานการณ์

        ปรี๊ดดดดด!!!!!

        และเสียงนกหวีดก็ได้ดังขึ้นแทนเสียงเพลงที่จบลง

        วินาทีนั้น...ทีก็ได้รับรู้ว่า…

        'ฉิบหายอีกละ….'

        "Stand up, please" ครูน้ำพูดเป็นภาษาอังกฤษ "ลุกขึ้นยืนเร้ว เด็กๆ"

        เป็นอีกครั้งที่ทีต้องลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจ

        คนที่ลุกขึ้นยืนคราวนี้ นอกจากทีแล้วก็เป็นคนละคนกับรอบก่อนหน้าทั้งหมด มีทั้งคนที่คุ้นหน้าและคนแปลกหน้าสำหรับที คุณครูเดินไปหานักเรียนชายที่อยู่ใกล้สุด ยังไม่ได้บอกว่าจะให้คนที่ยืนทำอะไร

        "คราวนี้ครูจะให้คนที่ยืนแนะนำตัวคร่าวๆ นะครับ จะแนะนำตัวยังไงก็ได้ แต่ต้องบอกชื่อจริง ชื่อเล่น ห้องเรียน แล้วก็สีที่ชอบ" ครูน้ำเริ่มบอกสิ่งที่ต้องทำ พลางยื่นไมค์ให้กับเด็กหนุ่ม "เอาล่ะ เริ่มจากคนแรก เชิญครับ"

        เด็กหนุ่มคนนั้นดูไม่อยากพูดสักเท่าไหร่ แต่ก็รับไมค์มาแล้วพูดแนะนำตัวอย่างไม่สบอารมณ์

        "ผมชื่อเดม่อน วชิรวิทย์ แสงเพทาย อยู่ทับสาม สีที่ชอบคือ...เอาเป็นสีแดงก็แล้วกัน"

        เขาแนะนำตัวแบบคร่าวๆ

        "โอเคๆ เดม่อนสินะ นั่งลงได้ครับ" ครูน้ำเดินออกมาจากเดม่อน "เอาล่ะ ทีนี้ก็นักเรียนหญิงตรงนั้น"

        ว่าแล้วก็เดินตรงมาทางทีแล้วยื่นไมค์ให้

        "เอ้า เริ่มเลยครับ"

        ทีรับไมค์มา ก่อนจะเริ่มแนะนำตัวอย่างกล้าๆ กลัวๆ

        "เอ..เอ่อ...ชื่อธีรญา เมธารี ชื่อเล่นชื่อที อยู่ทับสามค่ะ ส่วนสีที่ชอบก็คือสีฟ้า…..ค่ะ"

        พูดจบก็รีบนั่งลงแบบไม่ต้องให้คุณครูบอก

        รีบแหละดูออก ใครมันจะไปอยากยืนเป็นเป้าสายตานานๆ กันล่ะ

        "ฮะๆ ไม่เห็นต้องรีบนั่งขนาดนั้นเลย" คุณครูหัวเราะ "เอาเถอะ ไปคนต่อไปเลยนะ"

        แล้วครูน้ำก็เดินไปหานักเรียนหญิงอีกคนหนึ่งที่อยู่ตรงนั้น

        ยังไม่ทันได้ยื่นไมค์ให้ เจ้าหล่อนก็คว้าไมค์ไปจากมือของคุณครู ก่อนจะประกาศก้องด้วยเสียงดังสนั่น

        "ปรีเวียต! สวัสดีทุกคน!!"

        น้ำเสียงที่ดังก้องของเธอ ทำเอาทุกคนต้องยกนิ้วขึ้นมาอุดหู 

        "ฉันชื่อโอนิ! โอนิ ครารอฟสกี้! อยู่ห้องสี่ สีที่ชอบก็...ไม่รู้อะ! สีแดงล่ะมั้ง จริงๆ ก็ชอบมันทุกสีนั่นแหละ! โยโระชิกุ!"

        พูดจบก็ยื่นไมค์คืนให้กับครูน้ำ

        "อ..โอเค ไปกันต่อที่คนถัดไปนะ" ครูน้ำรับไมค์มาจากโอนิ ก่อนจะเดินไปหานักเรียนชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากโอนิเท่าไหร่นักแล้วยื่นไมค์ให้ "เอ้า เชิญเลย"

        นักเรียนชายคนนั้นรับไมค์มา ก่อนจะแนะนำตัวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        "ครับ ผมชื่อฟ้าชฎาวีย์ เสนทรัพย์ ชื่อเล่นชื่อมิกซ์ครับผม อยู่ทับสี่ เอ..สีที่ชอบนี่ก็คงจะเป็นสีฟ้าตามชื่อนั่นแหละครับ"

        พอคนที่สี่แนะนำตัวเสร็จ ถัดไปก็เป็นคนสุดท้ายแล้ว

        คนสุดท้ายนี่ทีค่อนข้างคุ้นหน้าพอสมควร เพราะเป็นเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกันมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล ครูน้ำถือไมค์เดินไปหานักเรียนชายคนนั้นที่กำลังทำท่าราวกับคิดหนักว่าจะแนะนำตัวยังไงดี

        "เอาล่ะ คนสุดท้ายแล้ว เชิญครับ"

        พอครูน้ำยื่นไมค์ให้ เขาก็เลิกคิดและรับไมค์มา พร้อมที่จะแนะนำตัว

        "ครับ! ผมชื่อธัญพิศร์ จิรเมธ ชื่อเล่นชื่อแบมบู อยู่ทับสาม สีที่ชอบคือสีดูหุ้มครับผม!"

        สิ้นเสียงของแบมบู หลายๆ คนที่ผวนคำทันก็หัวเราะลั่น ครูน้ำสตันต์ไปเพราะได้รับคำตอบที่ไม่คาดคิด หันไปถามคุณครูอีกคนที่ยืนดูอยู่ตรงมุมห้อง

        "เอ่อ..ครูวิมลครับ ไอ้สีดูหุ้มเนี่ยมันนับเป็นสีไหมครับ?"

        ครูที่ถูกถามหัวเราะร่า

        "แหม ไม่เอาสิคะครูน้ำ อย่าถามในสิ่งที่คุณก็รู้อยู่แล้วสิคะ"

        ครูน้ำฟังแล้วก็ยิ้ม พลางพูดออกมาเบาๆ ว่า "ก็นั่นน่ะสิน้า"

        "ว่าแต่..แบมบูใช่ไหม? นี่คิดยังไงถึงตอบสีดูหุ้มล่ะเนี่ย?"

        ครูน้ำหันกลับมาถามเด็กหนุ่ม เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะชี้ไปยังคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

        "ก็ตอนแรกผมนึกไม่ออก แล้วหมอนี่ก็บอกให้ผมตอบว่าสีเหียว แต่อันนั้นมันดู 18+ ไปหน่อย ผมก็เลยตอบสีดูหุ้มแทน"

        พอแบมบูพูดแบบนั้น คนที่ถูกชี้ก็รีบแย้ง 

        "มั่วแล้วไอ้แบมบู ซันไม่ได้บอกว่าสีเหียวสักหน่อย สีหักต่างหาก!"

        "เอ้า! แต่อย่างน้อยสีดูหุ้มก็ดูดีกว่าสีเหียวหรือสีหักไหมล่ะ"

        "มันก็พอๆ กันนั่นแหละ นี่พวกเธอไปเอาคำแบบนี้มาจากไหนกันเนี่ย!?"

        ครูน้ำกุมขมับ

        ทีที่นั่งฟังบทสนทนาของเพื่อนจากโรงเรียนเก่าจนถึงเมื่อครู่นี้ก็กุมขมับ

        'แบมบูโว้ยยย ไอ้พวกนั้นมันใช่สีซะที่ไหนกันเล่า!?'

        เด็กสาวคิดในใจ

        แต่บทสนทนาเรื่องสีแปลกๆ ของแบมบูกับคุณครูก็ยังคงดำเนินต่อไป เรียกเสียงหัวเราะให้กับเด็กๆ ที่เข้าใจมุกเหล่านั้นไปอีกนาน

    .

    .

    .

        ทางด้านของคุณครูคนอื่นๆ ที่นั่งดูกิจกรรมช่วงบ่ายอยู่ไม่ไกล…

        "ดูท่าเด็กใหม่ปีนี้จะคุมยากเอาเรื่องเลยนะคะเนี่ย ขนาดอยู่ต่อหน้าครูยังกล้าพูดอะไรแบบนั้นออกมาเลย"

        อัญญ์มารีกล่าว พลางสเก็ตภาพของเด็กชายแบมบูลงไปในสมุดสเก็ตช์เล่มโปรด

        "นั่นสินะครับ ดีแล้วล่ะที่วันนี้ครูพงติดประชุมอยู่ ครูคริสก็ติดสอนชั้นอื่น ไม่งั้นเด็กๆ ได้โดนบ่นจนหูชาแน่"

        จิณฑ์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอัญญ์มารี

        "ได้ข่าวว่าครูอัญญ์เป็นที่ปรึกษาของห้องสามสินะคะ คงจะลำบากน่าดูเลย"

        วิมลกล่าว

        "นั่นสินะคะ"

        อัญญ์มารีตอบรับพลางยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองทางครูน้ำที่กำลังพาเด็กๆ เล่นเกมต่อไป

        จากนี้คงต้องคิดหาวิธีคุมเด็กๆ พวกนี้ให้อยู่หมัดแล้วล่ะ….

    .

    .

    .

    โปรดติดตามตอนต่อไป

    -*-*-*-*-*-*-

    จบ-ตอน-แล้วววววว!!!!!

    ในที่สุดตอนที่ 1 ก็ครบ 100% แล้วค่ะทุกคนนนน

    จริงๆ มันควรจะครบ 100% ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนนู่น แต่ช่วงนั้นอีเวนต์ที่ไรท์รอมันเข้าเกมพอดี ก็เลยแวบไปเล่นสักหน่อย สุดท้ายก็เลยไม่ได้อัพค่ะ ฮือTwT

    เพื่อเป็นการชดเชยก็เลยมาอัพนอกตารางให้ ยังไงก็ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ

    ขอบคุณที่ยังติดตามกันถึงไรท์จะดองนานมากก็ตาม ยังไงก็ ไว้เจอกันตอนถัดไปนะคะ><

    -*-*-*-*-*-*-

    Student's Profile

    ธีรญา เมธารี (ที)

    ห้อง ม.1/3 เลขที่ 12

    นักเรียนโครงการห้องเรียนอัจฉริยะ สอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนวิชาภาษาอังกฤษระดับรองท็อป ความสามารถพิเศษคือการตีลังกาอ่านหนังสือบนรถได้โดยที่ไม่เมา ไม่ค่อยเก่งเรื่องการจำหน้าคนเท่าไหร่ทำให้มีปัญหาเรื่องทักคนผิดอยู่บ่อยๆ ทีไม่ถูกกับผู้ใหญ่อย่างแรง เพราะงั้นเวลาที่พูดกับผู้ใหญ่จะเป็นคนละคนกับที่เพื่อนๆ รู้จักเลยล่ะ (แต่กับผู้ใหญ่ที่รู้จักกันดีก็พูดคุยได้อย่างปกติล่ะนะ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×