ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The future wite Berneys 1:The Secretly Times

    ลำดับตอนที่ #1 : วัตถุประหลาดจากฟากฟ้า(The Flying Object From Sky)

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 48






        วันนี้เดวิดตื่นเช้าอย่างประหลาด อย่างแรกอาจเป็นเพราะเขาแทบจะไม่ได้หลับเลยทั้งคืนหรืออาจจะเพราะ แดนนี่ น้องชายตัวแสบจอมป่วนของเขาเอาแต่ร้องไชโยโห่ลั่นก็เพราะเรื่องที่เขาสอบได้คะแนนดีเยี่ยม อันที่จริงแล้ว ก่อนหน้าที่จะลาราตรีสวัสดิ์ พริทตี้ ที่พลอยเป็นกังวลกับเขาด้วยเหมือนกัน ก็อดเตือนไม่ได้ว่าคืนนี้คงไม่ได้หลับแน่

        

       เดวิดพยุงตัวลุกขึ้น เด็กชายชะโงกหน้ามองไปยังเตียงถัดไปที่มีร่างของเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งอยู่ในกองผ้านวมยับยู่ยี่ เดวิดมองไปที่นาฬิกาปลุกของเขา ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียง เสียงนาฬิกาจากฝาห้องเดินดังติ้กต่อกเป็นจังหวะชวนให้นึกถึงขบวนพาเหรดสวนสนามที่ถนนแพร์โรดวันนี้ ดูท่าว่าจะคึกคักเป็นพิเศษ



       บ้านของเขาตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 182/2 ในซอยครีต  เป็นตรอกซอกซอยแห่งหนึ่งในกรุง ลอนดอนแน่ล่ะในตอนนี้เดวิดไม่มีกะจิตกะใจจะออกไปสูดอากาศข้างนอก  เขาจึงฆ่าเวลาโดยการหยิบแผ่นเกมส์ออกจากตู้ลิ้นชักแล้วอ้อมเตียงของน้องชายออกไป       หยุดยืนหน้าห้องพริทตี้                                                            

      

    แน่ล่ะในตอนนี้เดวิดไม่มีกะจิตกะใจจะออกไปสูดอากาศข้างนอก  เขาจึงฆ่าเวลาโดยการหยิบแผ่นเกมส์ออกจากตู้ลิ้นชักแล้วอ้อมเตียงของน้องชายออกไป   หยุดยืนหน้าห้องพริทตี้

      

       ครอบครัวเบอร์นีย์ของเขาอยู่กันอย่างเรียบง่ายแต่ออกจะไม่สงบในเมื่อพวกเขามีนายเบอร์นีย์หรือ “จอร์จ   เบอร์นีย์”   เป็นหัวหน้าครอบครัวผู้ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ในการวิจัยอะไรสักอย่างที่คอยทำเสียงดังตึงตังตลอดเวลาในการทำงานและมักจะขลุกอยู่ในห้องแล็บชั้นบนสุดของบ้านใต้หลังคา   หรือไม่ก็ห้องแล็บหลังบ้าน เคยมีหลายครั้งที่เขา พริทตี้ และแดนนี่พยายามที่จะเข้าไปในห้อง แต่ไม่เคยสำเร็จสักที   เหตุผลก็เพราะ “ประตูล็อกอัฉริยะ” อะไรนี่แหละ ซึ่งพริทตี้บอกว่ามันไร้สาระเอามากๆ

      

       เดวิดกับพริทตี้เป็นพี่น้องฝาแฝดที่ตอนนี้อายุได้สิบสองขวบแล้ว  เดวิดเป็นคนพี่ส่วนพริทตี้เป็นคนน้อง  และแดนนี่ที่เพิ่งฉลองวันเกิดไปหมาดๆเป็นน้องคนสุดท้อง  เขาอายุน้อยกว่าพี่ๆฝาแฝดแค่สองปีซึ่งหมายความว่าเขาอายุสิบขวบแล้ว  เขาดูเหมือนเป็นน้องที่อัฉริยะที่สุดในหมู่พี่น้องเบอร์นีย์  หากจะว่ากันไปตามความจริงแล้วครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่ฉลาดที่สุดในบรรดาวงศาคณาญาติ ซึ่งเป็นวงศ์สกุลที่มีแต่นักวิทยาศาสตร์นับรุ่นได้แต่ปู่ของปู่ของปู่ของพวกเขา  แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ค่อยจะสำคัญนัก  แม้ว่าเดวิด พริทตี้  และเดนนิสเองออกจะทำคะแนนเกรดเฉลี่ยในสถิติที่บรรดาครูอาจารย์ที่โรงเรียนล้วนพร้อมใจกันยกให้ว่าเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    นางเบอร์นีย์  หรือ “ริสเซีย   เบอร์นีย์” เป็นทั้งแม่และนักวิทยาศาสตร์ได้ดี   เธอเป็นแม่บ้านที่ดีมากและเดวิดก็ชอบแม่ของเขามากเช่นกัน เหตุผลก็เพราะในวันคริสมาสต์ของทุกปีแม่ของเขามักจะช่วยเขาทำ “โบว์เล็กๆกระดิ่งคริสมาสต์” เสมอ และ เขาก็มักจะบ่นใส่พริทตี้เสมอๆว่ามันไร้สาระเอามากๆ แล้วมองโบว์ของพริทตี้ที่ดูสวยงามและน่ารัก

        

        ตอนนี้หกโมงเช้าแล้ว เดวิดร้องตะโกนข้ามห้องไปและได้รับคำตอบจากน้องสาวแล้วค่อยเข้าไป พริทตี้ตื่นแล้วและกำลังนั่งอยู่หน้ากระจกพยายามรวบผมเป็นลอนด์ของเธอ  เอกลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างก็คือการมีผมสีดำ  พริทตี้ทิ้งยางรัดผมแล้วหยิบหวีขึ้นมาสางแทนข้างกายมีหนังสือ “แนะแนวท็อปวิทยาศาสตร์” ของศาสตราจารย์ดร.เดซเท็ค และเริ่มพยายามมัดผมอีกครั้ง

        “สวัสดี”

        “สวัสดี” พริทตี้ตอบเนือยๆ”หลับสบายดีไหมเมื่อคืน”

       เดวิดมองน้องสาวด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่น่าเชื่อ  ตอนนี้รวบผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเอียงคอให้

        “ถ้าคิดว่าใช่นะ ในเมื่อมีแต่ไอ้เจ้าน้องเล็กๆทึ่มๆนั้นเอาแต่ร้องไชโยเสียลั่นห้อง อาจจะทั้งคืนด้วยซ้ำ ฉันว่านะ แล้วรู้ไหมก่อนที่เขาจะหลับ เขายังร้องเพลง “นกน้อยคอยเขา” ได้อย่างน่ากลัวโดยไม่ต้องพยายามเลยล่ะ”

    เดวิดนั่งลงหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ถัดไปจากตู้กระจกของพริทตี้

          “เขาออกจะไม่รู้นี่นะว่าเขาเป็นยังไง” พริทตี้ว่า”บางทีเขาอาจจะคิดว่าอยู่ว่าเสียงเขาเลิศกว่าเอลวิส”

    เดวิดกำลังคลิกเมาส์

         “นั่นสินะ ในเมื่อตอนนี้เขากำลังคิดอยู่ว่า ในอนาคตเขาคงจะได้เป็นนักร้องดัง”

        ทั้งสองหัวเราะ  พริทตี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังเดวิด ตาจับจ้องหน้าจอ ที่ตอนนี้เดวิดกำลังเล่นเกมส์อยู่

    แต่จริงๆแล้วท่าจะริ่งแทนที่จะรุ่ง”

    ทั้งสองหัวเราะกันอีกครั้งโดยไม่สังเกตเลยว่า เดนนิสน้องชายตัวแสบที่กำลังพูดถึงอยู่ในตอนนี้กำลังยืนที่หน้าประตูห้อง

       “ขำอะไรกันนักหนา หรือว่ากำลังมีใครพยายามฆ่าตัวตายอยู่ล่ะ”เดนิสพูด ทั้งสองสะดุ้ง

        “ว่ายังไงล่ะ พวกพี่ขำอะไรกัน”

        “เปล่าหรอกจ้ะ” พริทตี้สบตาเดวิดแว่บหนึ่งแล้วสะบัดหน้าไปทางอื่น ก่อนยิ้มกว้างแบบเสแสร้งให้”เปล่าๆ กำลังพูดถึงอยู่เลยว่าทำไมถึงนอนตื่นสาย”

        “ไม่เห็นจะต้องหัวเราะถึงขนาดนี้นี่ครับ”เด็กชายสะลึมสะลือเดินเข้ามา พริทตี้เดินเลี่ยงไปที่ตู้กระจกของเธออีกครั้งและพยายามทำทีว่ากำลังสนใจกิ๊บติดผมอันใหม่ของเธอ

         เดวิดเล่นเกมส์ไปตามปกติ พยายามนึกถึงท่าทางที่ปกติและทำตามเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าเขาจะโกหกได้ไม่แนบเนียนนักก็ตาม ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะปกปิดดูเหมือนจะไม่ค่อยสำเร็จเลยสำหรับเขา พริทตี้แอบยักคิ้วให้ แล้วเดวิดก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น เด็กชายไม่ต้องทวนความจำให้เสียเวลาเพราะในนาทีต่อมาเดนนิสก็เริ่มเรื่อง

       “เฮ้อ.....” เดนนิสถอนหายใจ “วันนี้เห็นพ่อกับแม่บอกว่าจะพาพวกเราไปไหนเหรอครับ” เดนนิสนั่งลงตรงขอบเตียง



        “ดูเหมือนว่าพวกนั้นกำลังวางแผนทำอะไรสักอย่างนะ” เดวิดส่งกล้องต่อให้แดนนิสที่รับไปแล้วเช็ดกล้องก่อนยกขึ้นแนบ    

        

         “เห็นจะต้องบอกว่าไม่ดีแน่ๆซะด้วย”พริทตี้เสริม



          “ดูเหมือนว่าพวกนั้นกำลังคิดจะจับสัตว์อะไรสักอย่าง”เดนนิสพูดขึ้นตรงๆ เขาพูดได้ตรงประเด็นและมีทีท่าว่าจะเป็นแบบนั้นวะด้วย

          

           พริทตี้เงียบ ครุ่นคิดตาม  ขณะเดียวกันเดวิดมองน้องชายที่ยังคงส่องดูอยู่แล้วจู่ๆพริทตี้ก็ดีดนิ้ว

          

         “เข้าใจแล้ว”



         “เข้าใจอะไร”เดวิดถาม



            ใกล้ๆกับพริตตี้นันย์ตาสีดำทอแสงแวววาวใคร่รู้      

          

            เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของครอบครัวเบอร์นีย์คือทุกคนจะมีตาสีดำ

          

            พริตตี้คว้าเอายางรัดมัดผมอีกฟากหนึ่งและพยายามรวบผมมัดอีกครั้งโดยไม่จำเป็น ผมยาวเป็นลอนด์ของพริตตี้ดูเหมาะกับใบหน้าเธอที่ชวนทำให้นึกถึงตุ๊กตาน่ารักๆ

          

            “เห็นว่าจะพาเราไปปิคนิกในป่าน่ะ” พริตตี้ตอบ

          

            “ป่าไหน” เดวิดที่สนใจอยู่ถามขึ้น

           “

            ก็สวนสาธารณะใกล้ป่าเพคเจอร์นะสิ พ่อคนไร้สาร”พริตตี้ตอบ

          

            “นั่นมันตั้งไกลนี่” เดวิดโพล่งออกมาตอนนี้เกมส์กำลังดุเดือดเมื่อเขามาถึงด่านกำแพงกลางอากาศโอกาสเก็บคะแนนกำลังมีมากแต่เขามาดันพลาดตอนที่ตกใจ พลังชีวิตเขาเหลืออยู่แค่สองเท่านั้น

        

            “ช่าย แถมเรายังต้องอยู่กับมัลบอร์ครอบครัวข้างบ้านด้วย” พริตตี้เสริมด้วยน้ำเสียงหมดหวัง

      

            “ฝันร้ายชัดๆ” แดนนี่พุด เด็กชายถอดแว่นตาออกแล้วใช้ผ้าเช็ดก่อนจะสวมมันอีกครั้ง

          

            เดวิดถอนหายใจยาว

          

               ถ้ามันเป็นแบบนี้แผนการในอนาคตที่มีทีท่าว่าสดใสดุพลังไม่เป็นท่าความหมดหวังเข้ารัดตรึงทำให้เด็กชายกำลังคิดว่าการที่เขาอยู่งานวันเกิดของแดนนี่น้องชายตัวแสบยังดีกว่าออกไปปิคนิกให้เสียความรู้สึกกับครอบครัวมัลบอร์

          

          ครอบครัวมัลบอร์เป้นครอบครัวที่อยู่ถัดไป เป็นครอบครัวเพื่อนบ้านที่ห่วยแตกที่สุดและโง่เง่าที่สุดเท่าที่จะพรรณนาได้  นายและนางมัลบอร์เป็นจ้าของร้านหนังสือขนาดใหญ่ในห้างแมคคราวน์ที่อยู่ในเมืองใหญ่

          

            นายโทนี่  มัลบอร์ เป็นชายร่างผอม หัวรูปวงรี  มีตาสีฟ้าเล็กยับหยี่  มีใบหูที่กางใหญ่  ผมสีเทาเข้ม  ดูแก่กว่าวัย  แม้ว่าเขาจะย่างสี่สิบแล้วก็ตามนางมัลบอร์ผิดกันกับนายโทนี่อย่างฟ้ากับดินหากเปรียบเทียบนายโทนี่ เป็นดิน    

    ใกล้ๆกับพริตตี้นันย์ตาสีดำทอแสงแวววาวใคร่รู้เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของครอบครัวเบอร์นีย์คือทุกคนจะมีตาสีดำ

          

            พริตตี้คว้าเอายางรัดมัดผมอีกฟากหนึ่งและพยายามรวบผมมัดอีกครั้งโดยไม่จำเป็น ผมยาวเป็นลอนด์ของพริตตี้ดูเหมาะกับใบหน้าเธอที่ชวนทำให้นึกถึงตุ๊กตาน่ารักๆ

          

           “เห็นว่าจะพาเราไปปิคนิกในป่าน่ะ” พริตตี้ตอบ

          

           “ป่าไหน” เดวิดที่สนใจอยู่ถามขึ้น

          

            “ก็สวนสาธารณะใกล้ป่าเพคเจอร์นะสิ พ่อคนไร้สาร”พริตตี้ตอบ

           “

              นั่นมันตั้งไกลนี่” เดวิดโพล่งออกมาตอนนี้เกมส์กำลังดุเดือดเมื่อเขามาถึงด่านกำแพงกลางอากาศโอกาสเก็บคะแนนกำลังมีมากแต่เขามาดันพลาดตอนที่ตกใจ พลังชีวิตเขาเหลืออยู่แค่สองเท่านั้น

        

           “ช่าย แถมเรายังต้องอยู่กับมัลบอร์ครอบครัวข้างบ้านด้วย” พริตตี้เสริมด้วยน้ำเสียงหมดหวัง

        

             “ฝันร้ายชัดๆ” แดนนี่พุด เด็กชายถอดแว่นตาออกแล้วใช้ผ้าเช็ดก่อนจะสวมมันอีกครั้ง

          

            เดวิดถอนหายใจยาว

            

           ถ้ามันเป็นแบบนี้แผนการในอนาคตที่มีทีท่าว่าสดใสดุพลังไม่เป็นท่าความหมดหวังเข้ารัดตรึงทำให้เด็กชายกำลังคิดว่าการที่เขาอยู่งานวันเกิดของแดนนี่น้องชายตัวแสบยังดีกว่าออกไปปิคนิกให้เสียความรู้สึกกับครอบครัวมัลบอร์

          

            ครอบครัวมัลบอร์เป้นครอบครัวที่อยู่ถัดไป เป็นครอบครัวเพื่อนบ้านที่ห่วยแตกที่สุดและโง่เง่าที่สุดเท่าที่จะพรรณนาได้  นายและนางมัลบอร์เป็นจ้าของร้านหนังสือขนาดใหญ่ในห้างแมคคราวน์ที่อยู่ในเมืองใหญ่

          

            นายโทนี่  มัลบอร์ เป็นชายร่างผอม หัวรูปวงรี  มีตาสีฟ้าเล็กยับหยี่  มีใบหูที่กางใหญ่  ผมสีเทาเข้ม  ดูแก่กว่าวัย  แม้ว่าเขาจะย่างสี่สิบแล้วก็ตามนางมัลบอร์ผิดกันกับนายโทนี่อย่างฟ้ากับดินหากเปรียบเทียบนายโทนี่ เป็นดิน    





                























    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2025

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×