ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 เรื่องในคืนอันตราย
                                                               
                       
        บนโลกอันสับสนวุ่นวายนี้คงไม่มีใครปรารถนาอยากจะเป็นเช่นดัวเคลหรอก      แม้แต่เขาก็เช่นกัน  หากจะมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเขาไว้    และเป็นสิ่งเดียวที่เขาคิดว่าโชคดีแล้ว  หากแต่ใครจะคิดบ้างว่า ความโชคร้าย  และการสูญเสียบ้างครั้ง ก็นำพาสิ่งอื่นมาทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปบ้าง แม้ว่ามันจะไม่เต็มก็ตาม
        ชีวิตที่ถูกลิขิตบนถนนสายทอดยาวจนความตาย  นั้นยาวไกลนัก เกินกว่าถนนได้ที่สร้างขึ้นมาบนโลกนี้  ความเป็นไปของคนแต่ละคน ล้วนพลิกผันสลับซับซ้อนจนไม่อาจจะคาดการณ์อะไรได้เลย ว่าในอนาคตนั้นเหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นบ้างแต่เรารู้ได้แค่เพียงว่า บนเส้นทางสายชีวิตนั้น เราเดินบนเส้นทางสายยาวหรือสายดำ    ดัวเคลรู้สึกดีไม่น้อย ถึงแม้ชีวิตชะตากรรมของเขาจะเลวร้ายเพียงใดแต่อย่างน้อย  เส้นทางสายที่เขาเดินนั้นเป็นเป็นเส้นทางสายขาวแม้จะเต็มไปด้วยชะตากรรมและขวากหนามแต่เขายิน    แต่สิ่งที่ตรึงใจอยู่ในตอนนั้นคือ  ภาพการจบชีวิตของพ่อแม่เขาที่นับวันยิ่งผุดขึ้นเรื่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆอย่างงงใจ  เหมือนรู้สึกว่าตนเองค่อนข้างจะสับสนแล้วบางครั้งเขาจะได้ยินเสียงพ่อกับแม่เรียกดังออกมาจากมุมมืด อาการปราสาทของเขายิ่งทวีความรุ่นแรงขึ้นนับวัน    และในคืนนี้ก็เด่นชัดขึ้นมากเหมือนกับว่าเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
        ภาพคมเขี้ยวมฤตยูยาพิษร้ายที่แอบ แฝง อยู่ในฟันคู่นั้น  เขี้ยวแหลมที่คงความน่ากลัวเหมือนกับว่าหากใครก็ตามที่ได้สัมผัสคมเขี้ยวนี้แล้วจะตายในทันที  ความเปลี่ยนแปลง......ความเปลี่ยนแปลงนี้นี่เองทำให้เขา....ดัวเคล....กลายเป็นคนใหม่
        กลิ่นอายของความตายที่เขาไม่เคยรับรู้มาบัดนี้ทำให้เขาต้องยอมรับว่าในยามราตรีนี้อันตรายอยู่  ทุกที่  อันตรายอยู่ทุกเวลา  แฝงมากับความมืด  กลืนไปกับความสงบและคืบคลานช้าๆเมื่อแสงจันทราต้องพสุธาโลก  มันเหมือนกับว่าอันตรายนี้เป็นจังหวะย่างก้าวตามเราเงียบๆ
                                          นี่คือสิ่งที่เขาเป็นจริงๆ
    เสียงตีปีกของสัตว์เล็กชนิดหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเด็กชายทุกเวลาและไม่มีทางลืมได้ลงในชีวิตนี้
สิ่งที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้......แวมไพร์.....ใช่    ดัวเคล  เป็นผีดิบดูดเลือดหรือที่เรียกว่าแวมไพร์  ดัวเคลไม่ได้เป็นมนุษย์เฉกเช่นที่เขาไม่เคยรับรู้
  และแม่ของเขาไม่รู้เลยว่าความตายกำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของทั้งสามนั้นนั่นเอง  ทั้งสามได้ตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความเลวร้าย  ห้วงภวังค์แห่งการเคลิ้มหลับ    มฦตยูที่จะคร่าชีวิตพวกเขามีมลทิน
                                                    การสูบเลือด.......
                                                    ความชั่วร้าย
                              ที่จะฝังอยู่ทุกหยาดหยดโลหิตในร่างกายตลอดกาล
หากแต่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นแก่เขา      ความผิดพลาดอันใหญ่หลวงที่เปลี่ยนแปลงให้เด็กชายจากที่เป็นแค่เด็กชายธรรมดากลายเป็นเด็กชายที่ไม่ธรรมดาเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติแห่งพรสวรรค์
        ในคืนนั้น  เป็นคืนที่ฝนฟ้าแปรปรวนมากที่สุด    เมฆครึ้มสีดำสนิทก่อตัวขึ้นมาอย่างฉับพลันทันด่วนราวกับมีอะไรบางอย่างทำให้มันเป็นอย่างนั้น      ท้องฟ้าที่มืดสนิทนั้นดูราวกับว่ายามรัตติการกำลังมาเยือนแล้วก็ไม่ปาน  ดวงจันทร์สีเหลืองอร่ามที่เคยทอเจิดจ้าอยู่บนฟ้าดูหม่นหมองกว่าเคยเหมือนสีหมอกยามเช้า  สภาพอากาศเริ่มเลวร้ายลงทุกขณะ
          ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเหมือนกับพายุกำลังจะก่อตัว  แต่เท่าที่เห็นกลับมีแค่ลำแสงสายฟ้าเท่านั้นที่แลบแปลบปลาบตามด้วยเสียงฟ้าก้องและเสียงกัมปนาทของฟ้าผ่าบ้างบางครั้ง      ลมที่พัดอยู่ก็เริ่มรุนแรงมากขึ้น
        ฟ้ายังคงมืดมิดและสีดำสนิทราวกับป้ายสี
       
                       
        บนโลกอันสับสนวุ่นวายนี้คงไม่มีใครปรารถนาอยากจะเป็นเช่นดัวเคลหรอก      แม้แต่เขาก็เช่นกัน  หากจะมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเขาไว้    และเป็นสิ่งเดียวที่เขาคิดว่าโชคดีแล้ว  หากแต่ใครจะคิดบ้างว่า ความโชคร้าย  และการสูญเสียบ้างครั้ง ก็นำพาสิ่งอื่นมาทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปบ้าง แม้ว่ามันจะไม่เต็มก็ตาม
        ชีวิตที่ถูกลิขิตบนถนนสายทอดยาวจนความตาย  นั้นยาวไกลนัก เกินกว่าถนนได้ที่สร้างขึ้นมาบนโลกนี้  ความเป็นไปของคนแต่ละคน ล้วนพลิกผันสลับซับซ้อนจนไม่อาจจะคาดการณ์อะไรได้เลย ว่าในอนาคตนั้นเหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นบ้างแต่เรารู้ได้แค่เพียงว่า บนเส้นทางสายชีวิตนั้น เราเดินบนเส้นทางสายยาวหรือสายดำ    ดัวเคลรู้สึกดีไม่น้อย ถึงแม้ชีวิตชะตากรรมของเขาจะเลวร้ายเพียงใดแต่อย่างน้อย  เส้นทางสายที่เขาเดินนั้นเป็นเป็นเส้นทางสายขาวแม้จะเต็มไปด้วยชะตากรรมและขวากหนามแต่เขายิน    แต่สิ่งที่ตรึงใจอยู่ในตอนนั้นคือ  ภาพการจบชีวิตของพ่อแม่เขาที่นับวันยิ่งผุดขึ้นเรื่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆอย่างงงใจ  เหมือนรู้สึกว่าตนเองค่อนข้างจะสับสนแล้วบางครั้งเขาจะได้ยินเสียงพ่อกับแม่เรียกดังออกมาจากมุมมืด อาการปราสาทของเขายิ่งทวีความรุ่นแรงขึ้นนับวัน    และในคืนนี้ก็เด่นชัดขึ้นมากเหมือนกับว่าเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
        ภาพคมเขี้ยวมฤตยูยาพิษร้ายที่แอบ แฝง อยู่ในฟันคู่นั้น  เขี้ยวแหลมที่คงความน่ากลัวเหมือนกับว่าหากใครก็ตามที่ได้สัมผัสคมเขี้ยวนี้แล้วจะตายในทันที  ความเปลี่ยนแปลง......ความเปลี่ยนแปลงนี้นี่เองทำให้เขา....ดัวเคล....กลายเป็นคนใหม่
        กลิ่นอายของความตายที่เขาไม่เคยรับรู้มาบัดนี้ทำให้เขาต้องยอมรับว่าในยามราตรีนี้อันตรายอยู่  ทุกที่  อันตรายอยู่ทุกเวลา  แฝงมากับความมืด  กลืนไปกับความสงบและคืบคลานช้าๆเมื่อแสงจันทราต้องพสุธาโลก  มันเหมือนกับว่าอันตรายนี้เป็นจังหวะย่างก้าวตามเราเงียบๆ
                                          นี่คือสิ่งที่เขาเป็นจริงๆ
    เสียงตีปีกของสัตว์เล็กชนิดหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเด็กชายทุกเวลาและไม่มีทางลืมได้ลงในชีวิตนี้
สิ่งที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้......แวมไพร์.....ใช่    ดัวเคล  เป็นผีดิบดูดเลือดหรือที่เรียกว่าแวมไพร์  ดัวเคลไม่ได้เป็นมนุษย์เฉกเช่นที่เขาไม่เคยรับรู้
  และแม่ของเขาไม่รู้เลยว่าความตายกำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของทั้งสามนั้นนั่นเอง  ทั้งสามได้ตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความเลวร้าย  ห้วงภวังค์แห่งการเคลิ้มหลับ    มฦตยูที่จะคร่าชีวิตพวกเขามีมลทิน
                                                    การสูบเลือด.......
                                                    ความชั่วร้าย
                              ที่จะฝังอยู่ทุกหยาดหยดโลหิตในร่างกายตลอดกาล
หากแต่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นแก่เขา      ความผิดพลาดอันใหญ่หลวงที่เปลี่ยนแปลงให้เด็กชายจากที่เป็นแค่เด็กชายธรรมดากลายเป็นเด็กชายที่ไม่ธรรมดาเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติแห่งพรสวรรค์
        ในคืนนั้น  เป็นคืนที่ฝนฟ้าแปรปรวนมากที่สุด    เมฆครึ้มสีดำสนิทก่อตัวขึ้นมาอย่างฉับพลันทันด่วนราวกับมีอะไรบางอย่างทำให้มันเป็นอย่างนั้น      ท้องฟ้าที่มืดสนิทนั้นดูราวกับว่ายามรัตติการกำลังมาเยือนแล้วก็ไม่ปาน  ดวงจันทร์สีเหลืองอร่ามที่เคยทอเจิดจ้าอยู่บนฟ้าดูหม่นหมองกว่าเคยเหมือนสีหมอกยามเช้า  สภาพอากาศเริ่มเลวร้ายลงทุกขณะ
          ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเหมือนกับพายุกำลังจะก่อตัว  แต่เท่าที่เห็นกลับมีแค่ลำแสงสายฟ้าเท่านั้นที่แลบแปลบปลาบตามด้วยเสียงฟ้าก้องและเสียงกัมปนาทของฟ้าผ่าบ้างบางครั้ง      ลมที่พัดอยู่ก็เริ่มรุนแรงมากขึ้น
        ฟ้ายังคงมืดมิดและสีดำสนิทราวกับป้ายสี
       
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น