ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตร้าย...ทำนายรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : คดีปริศนา ตอน ๑...บทที่ ๑

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 56


    - บท ๑ -

    “ โอ๊ย  เจ็บนะ...บอกให้ปล่อย  ไม่ได้ยินหรือไง !  เสียงโวกเวกโวยวายดังมาจากตึกแถวสองชั้นเก่าๆ คูหาหนึ่ง   จนหลายคนในตึกแถวห้องข้างๆ  ชะโงกหน้ามามองด้วยความสงสัยระคนตกใจ   เมื่อเห็นสาวแก่เจ้าของห้องร่างท้วมในชุดสีดำยาวรุ่มร่าม  ใบหน้าอวบอูมบูดบึ้งถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ราคาถูกเสียจนจัดเข้ม   กำลังหิ้วปีกสาวหน้าตาสะสวยท่าทางดีคนหนึ่งออกมา  แล้วโยนโครมลงไปที่หน้าร้านซึ่งถูกกั้นเป็นผนังกระจกอย่างแรง   จนร่างเล็กๆ นั้นล้มกลิ้งลงไปกองที่หน้าร้านอย่างหมดท่า...

    “ ว๊าย !   เสียงเจ้าหล่อนร้องอุทานออกมาตกใจแกมอับอาย  จนคนที่ยื่นหน้ามามองพาถอนหายใจเฮือกใหญ่   แล้วส่ายหน้ากันอย่างรู้ทัน

    “ เฮ้อ   อีกรายแล้วสิ   รายนี้ท่าจะไปท้าลองดีกับเจ้าแม่เข้า   เลยโดนเฉดหัวออกมายังงี้ ” ชายแก่ที่อยู่ข้างตึกแถวจ้องมองหญิงสาวผิวขาวอมชมพูปากนิดจมูกหน่อยที่กำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนอย่างเวทนาระคนเบื่อหน่ายเต็มที    

    “ ไม่รู้เป็นอะไร...คนสมัยนี้ชอบพึ่งพาแม่มดหมอดูกันเสียจริ๊ง    หน้าตาท่าทางก็ดี... อยู่ดีๆ ไม่ว่าดี  มาให้เขาไล่ยังกะหมูกะหมาเสียชิบ ”

    “ ไปเลยนะ  ออกไปเสียที  แล้วอย่ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีกล่ะ  ไป๊ !  เสียงกราดเกรี้ยวสำเนียงเปร่งๆ  ดังลั่นสำทับออกมาอีก

    “ เดินเองก็ได้  ทำไมต้องจับโยนออกมาขนาดนี้ก็ไม่รู้ ?  เป็นบ้า...หรือเปล่าวะ    หล่อนหันไปค้อนอย่างโกรธจัดใบหน้าดูแดงก่ำด้วยความอับอาย   แล้วรีบคว้าเอารองเท้าคีบสีจัดจ้าของหล่อนขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็ว    ฉัตรพิสุทธ์กะว่าจะหันไปยกมะเหงกแก้แค้นแกสักหน่อย   แต่พอเห็นหน้าแม่ยักษ์ขมูขีจ้องมองตามมาอย่างจะเอาเรื่อง   หล่อนก็ตกใจจนต้องรีบถอยกรูดออกมาอย่างไม่เป็นท่า

    “ โอเคๆ  ไปก็ได้  ไปแล้วๆ  คนอะไรดุชิบ...”   ฉัตรพิสุทธ์แทบมุดร่างออกมาจากตึกแถวนั้นเมื่อเห็นสายตาหลายคู่จ้องมองมาอย่างขัน ๆ ระคนอยากรู้อยากเห็น

    “ คอยดูนะ  ถ้าไม่เป็นอย่างที่พูดไว้ล่ะก้อ...  แม่จะเอาขี้กลับมาป้ายหน้าร้านเสียให้เข็ด หมอดูอะไรวะ ดุชะมัด ”   หล่อนบริภาษอยู่ในใจ   แต่ไม่ทันไร...ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อยายแก่แร้งทึ้งตัวแสบตวาดลั่นกลับมาดังไปสามบ้านแปดบ้าน

    “ เออ  แล้วข้าจะคอยดูว่าน้ำหน้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหยั่งเอ็งเนี่ยนะ   จะกล้าเอาขี้มาป้ายหน้าร้านข้ามั๊ย?   ข้าไม่กลัวโว๊ย   จะบอกให้ว่าข้าให้ฤกษ์มาเป็นพันๆ รายแล้ว  ไม่เคยพลาดโว๊ย ”  แกตะโกนไล่หลังแถมถ่มถุยอย่างดูแคลน

    “ โธ่ว้อย...แค่คิดยังได้ยินอีก ”  หล่อนบ่นกระปอดกระแปดอย่างสงสัยตะงิดๆ ว่า   แกได้ยินได้ยังไงเนี่ย ?     

    โดยไม่ยอมรอให้คนข้างหลังที่กำลังตีหน้ายักษ์ด่าตอบกลับมาอีกชุด   ฉัตรพิสุทธ์รีบจ้ำอ้าวออกมาจนหมาในซอยเห่าตามกันเสียงขรม...

    “ อีโธ่  เอ๊ย แต่ละคนมาแนวนี้ทั้งนั้น  จะเอาอะไรก็ต้องได้  เห็นข้าเป็นเทวดาหรือไงโว๊ย ”  แกบ่นเสียงดังอย่างหงุดหงิด

    ฉัตรพิสุทธ์รีบเดินแกมวิ่งออกมา  พอหันไปมองอีกครั้งก็เห็นแกบ่นตามหลังมาอีกหลายดอก  แถม...ยังยกสากกระเบือให้อีกด้วยแน่ะ !

     “ เฮ้อ  อยู่ดีๆ  ก็มาให้เขาด่าซะอีก ”  หล่อนพึมพำส่ายหน้ากับตัวเองอย่างเซ็งสุดๆ  พอหลุดออกมาข้างนอกได้   ฉัตรพิสุทธ์ก็ต้องมายืนหอบแฮ่กที่หน้าปากซอยอยู่เป็นนานสองนาน    

    ฉัตรพิสุทธ์ เอ๊ย  อะไรมันจะซวยซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนี้   หล่อนคิดในใจอย่างสุดเซ็งกับชะตาชีวิตของตัวเอง     เรียนจบมาเกือบปีก็ยังหางานทำไม่ได้    ไอ้ที่สมัครงานไว้...ก็ไม่ยอมเรียกตัวไปสัมภาษณ์   แถมยังมาโดนยัยแก่หมอดูที่เขาลือกันว่าให้ฤกษ์เก่งนักเก่งหนา   ด่ากราดแถมโยนออกมานอกร้านให้อับอายขายขี้หน้าซะอีก !’

    แหม...  ไม่เคยคิดเหมือนกันว่า หล่อนจะดูดวงตัวเองได้แม่นสุดๆ   ราวกับจับวางซะขนาดนี้ !’    ฉัตรพิสุทธ์ยังจำคำทำนายของตนเองได้เป็นอย่างดี    นี่ถ้าเป็นหมอดูคนอื่นทำนายดวงชะตาให้หล่อน    แล้วบอกว่าชีวิตหล่อนในช่วงนี้จะย่ำแย่แบบนี้...แล้วล่ะก้อ    ฉัตรพิสุทธ์คงจะก่นด่าบรรพบุรุษของหมอดูคนนั้นไปเรียบร้อยแล้ว... โทษฐานที่แช่งหล่อน!

    ฉัตรพิสุทธ์ยังจำสีหน้าลุ้นระทึกของตนเอง   ในตอนที่หล่อนตัดสินใจดูดวงตัวเองเรื่องงานด้วยการเปิดไพ่ยิปซีได้เป็นอย่างดี...     

    ฉัตรพิสุทธ์ค่อยๆ แง้มเปิดไพ่ที่วางเรียงไว้ตามตำแหน่งด้วยใจเต้นแรง   แต่พอเจอไพ่แฮ้งค์แมน กับไพ่หอคอยในตำแหน่งแรกๆ เข้าเท่านั้น    หญิงสาวก็ถึงกับหน้าถอดสี... ซีดเผือดราวกับไก่ต้มเลยทีเดียว

    โอ๊ะโอ๋  ซวยแล้วเรา !’   

    ฉัตรพิสุทธ์พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่า   มันคงจะไม่แย่อย่างที่ไพ่บอกไว้นักหรอกน่า  แต่พอหล่อนเปิดไพ่ใบต่อไปอีก  ก็จ๊ะเอ๋เข้ากับ  ไพ่สิบดาบกับแปดถ้วย...  โอย  หนักเข้าไปอีก  

    เฮ้อ  นี่มันกะจะชุมนุมดวงดับเบิ้ลซวยๆ เอาไว้หรือไงเนี่ย?   ฉัตรพิสุทธ์นึกถึงฉากหนึ่งในสามก๊กตอน...ขงเบ้งดูดาวขึ้นมาได้ทันที    ในช่วงที่ขงเบ้งเห็นดาวประจำตัวตกวูบดับลับไปจากท้องฟ้า  สีหน้าของแกตอนนั้น...ก็คงจะไม่ต่างอะไรกับฉัตรพิสุทธ์ในตอนนี้เป็นแน่ !

    หญิงสาวรีบจัดการล้างไพ่ในกองทันที...  หล่อนลองอธิษฐานเปิดไพ่เกี่ยวกับงานอาชีพหมอดูขึ้นมาบ้าง     ไพ่ที่ฉัตรพิสุทธ์เลือกมากลับมีแต่สิ่งที่ดีๆ เกือบทั้งสิ้น    เนื่องจากหล่อนได้ไพ่เดอะสตาร์โผล่ขึ้นมาในตำแหน่งแรก   แถมยังเจอไพ่สามเหรียญ  ไพ่เดอะเลิฟเวอร์ และไพ่สิบถ้วยโผล่แถมท้ายมาอีกด้วยแน่ะ !   

    ถึงแม้จะมีไพ่ที่ไม่ค่อยจะดีโผล่ขึ้นมาถึงสองตัว...  แต่ก็อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สำคัญเท่าใดนัก 

    เมื่อไพ่เกี่ยวกับงานดูหมอของฉัตรพิสุทธ์มันดีนัก   ฉัตรพิสุทธ์ก็เลย...ตัดสินใจที่จะลองทำตามคำพยากรณ์ดูบ้าง !   

    ------------------------------

    “ ตกลง...พ่อกะแม่  ว่าไงคะ ?”   ฉัตรพิสุทธ์ทำตาแป๋วแว๋ว  พลางจ้องหน้าบิดามารดาด้วยสีหน้าแป้นแล้นเหมือนรอคอยคำตอบอย่างเต็มที่

    “ แกจะบ้าเหรอ  ชั้นส่งให้แกเรียนปริญญาโทมาแทบเป็นแทบตาย  จู่ๆ  แม่นี่กลับจะหันไปเอาดีทางดูหมงดูหมอ ”   บิดาของหล่อนที่เคยเป็นตัวตั้งตัวตีให้หล่อนรับจ๊อบอาชีพดูหมอดูมาตลอด   เพราะเห็นว่าหล่อนมีพรสวรรค์ทางด้านนี้    แต่มาคราวนี้...กลับตีหน้ายักษ์พลางเอ็ดตะโรเจ้าหล่อนเสียงดังอย่างลืมตัวซะอีก

    “ เฮ้อ  แล้วนี่ชั้นจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน ?  โธ่เอ๊ย...อยากจะเปิดสำนักงานหมอดู   ชั้นจะบ้าตาย ”   มารดาของหล่อนร้องออกมาอย่างกับจะเป็นลมซะให้ได้   “ กิจการบ้านเราก็มี  แถมโรงสีก็มาก  ทำไมลูกมันถึงคิดสั้นขนาดนี้  เฮ้อ ”

    “ โธ่  พ่อกะแม่ค้า หนูแค่ลองเปิดสำนักงานหมอดู   เผื่อว่ามันจะดี   หนูไม่ได้ไปเปิดอาบอบนวดซะหน่อย  พ่อกะแม่จะอับอายไปทำไมกันค้า ?”   ฉัตรพิสุทธ์แย้ง

    “ ถ้ากลับมาทำงานกงสีช่วงนี้  หนูอายคนแถวนี้  เดี๋ยวเค้าจะหาว่าจบโทมาแล้วยังจะเกาะพ่อแม่กินอีก   แล้วอีกอย่าง...ช่วงนี้หนูก็ยังไม่มีงานทำด้วย   หนูอยากจะหาประสบการณ์ไปสักพักนึงก่อน ”   หล่อนค้านเสียงดัง   แต่เมื่อหันกลับไปเห็นมารดาหล่อนหันมาทำตาเขียวปั๊ดใส่   ฉัตรพิสุทธ์ก็เสียงอ่อยลง  ท่าทีของหล่อนดูเจื่อนจ๋อยไปอย่างเห็นได้ชัด

    “ ถ้าพ่อกะแม่ไม่เห็นด้วย...หนูก็ต้องตกงานอีกยาวเลย  พ่อช่วยหนูหน่อยน๊า ”  หล่อนอ้อนทำหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้   บิดาของหล่อนเห็นหน้าลูกสาวตัวดีเหมือนใจจะขาด  ก็อดใจอ่อนสงสารขึ้นมามิได้...   เขารีบลากแขนลูกสาวตัวดีให้เดินตามออกมานอกชานบ้าน  แล้วก้มลงพูดเบาๆ คล้ายจะกระซิบกับหล่อนอย่างพอได้ยินกันสองคน

    “ สัญญากับพ่อก่อนนะ  ว่าต้องไม่ให้แม่รู้   ถ้าเปิดแล้วไม่มีลูกค้าต้องบอกพ่อให้รู้ด้วย  แล้วถ้าได้งานที่ดีกว่านี้ต้องเลิกสำนักงานหมอดูนี่ซะ  ตกลงมั๊ย? ”

    “ ตกลงค่ะ  ไชโย  พ่อน่ารักที่ซู๊ดในโลกเลย  หนูรักพ่อที่สุด ”  หล่อนดีใจอย่างที่สุดกระโดดขึ้นหอมแก้มบิดาอย่างสุดรัก  แล้วกอดเอวไว้แน่นอย่างประจบเต็มที่ 

    “ แต่...ฉัตรต้องตั้งอกตั้งใจทำงานให้ดีนะลูก   ถึงแม้มันจะเป็นแค่สำนักงานดูหมอก็ตาม  แต่ลูกก็ต้องตั้งใจ ทำอะไรทำจริง...ไม่ทิ้งงานกลางคัน ”

    “ สัญญาค่ะ  หนูจะพิสูจน์ให้พ่อกับแม่ดูว่าหนูทำได้  และหนูจะต้องเป็นแม่หมอที่ดังที่สุดในทศวรรษนี้ให้ได้เลย ”  หล่อนอวดพลางยกกำปั้นชูอย่างมั่นอกมั่นใจ

    “ เฮ้อ จริงๆ เล้ย แม่คนนี้  เอาแค่  ให้พ่อเห็นว่า...ลูกมีลูกค้าในวันเปิดสำนักงานวันแรกให้ได้ก่อนเสียก่อนเถอะ   แล้วค่อยมาคุย ”   บิดาหล่อนพูดทีเล่นทีจริง...พลางขยี้ผมของลูกสาวอย่างเอ็นดู     แต่ฉัตรพิสุทธ์กลับถือว่า คำพูดประโยคนี้เป็นคำท้าทายจากบิดา...ที่หล่อนจะต้องเอาชนะให้ได้    

    คอยดูเถอะ  หล่อนจะต้องลบคำสบประมาทของบิดาให้จงได้ !

    “ ถ้าหนูทำสำเร็จแล้วพ่อจะให้อะไรหนู ”  ฉัตรพิสุทธ์ทำท่าทางมั่นอกมั่นใจอย่างที่สุด

    “ โอเคๆ  ถ้าหนูทำสำเร็จ  หนูอยากได้อะไรพ่อก็ให้ทั้งนั้นล่ะ  รถสักคันดีมั๊ย ?”   บิดาของหล่อนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี 

    “ ดีเลย...งั้นพ่อคอยดูหนูแสดงฝีมือก็แล้วกัน ”

    ฉัตรพิสุทธ์เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่เด็ก  หญิงสาวมีนิสัยห้าวหาญเหมือนเด็กผู้ชาย  ถึงแม้จะขี้อ้อนเอาแต่ใจตัวเองไปบ้าง  แต่หล่อนก็คนช่างพูดเจรจา  แถมยังฉลาดมีไหวพริบเกินตัว...    

    บิดาของหล่อนมองลูกสาวอย่างเอ็นดูระคนหมั่นไส้   นี่ถ้าเขาไม่ตามใจหล่อนคราวนี้  เดี๋ยวหล่อนก็คงลงไปชักดิ้นชักงอเหมือนตอนเป็นเด็กนั่นเอง...

    “ ตกลงหนูจะเปิดดูหมอเป็นเรื่องเป็นราวเมื่อไหร่ ?”

    “ ถ้าหนูจะเปิดหนู  จะบอกพ่อคนแรก  เพราะว่า....พ่อเป็นธนาคารของหนู !

    ------------------------------

    ฉัตรพิสุทธ์เดินวนไปวนมาอย่างกลุ้มอกกลุ้มใจ  จนแคตตี้ที่นั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานอยู่รำคาญเต็มประดา  หล่อนรีบแหวเพื่อนสาวอย่างเหลืออด

    “ นี่ยัยฉัตร ที่สุด  ชั้นว่าเธอนั่งซะทีได้มั๊ย  เดินไปเดินมาจนชั้นจะเวียนหัวตายอยู่แล้ว ”

    “ ชั้นชื่อ  ฉัตรพิสุทธ์ เรียกให้มันถูกๆ หน่อย ”  หล่อนหันไปท้วงอย่างหงุดหงิด

    “ โอ๊ย   กลุ้มใจ  นี่...รับปากพ่อไว้มั่นเหมาะว่า ชั้นจะต้องทำให้พ่อเห็นว่าชั้นมีลูกค้าในวันเปิดวันแรกเลย  เพราะฉะนั้นชั้นต้องทำให้ได้ ”  หล่อนทำท่ารำลึกความหลังตอนคุยกับบิดาของหล่อนที่ต่างจังหวัดหลายอาทิตย์ก่อนแล้วก็อดกลุ้มใจเสียมิได้

    “ แล้วไง  ทำได้ ๆ  แล้วจะมาเดินงุ่นง่าน  หาพระแสงอะไรยะ ”  เพื่อนชายกระตุ้งกระติ้งจีบปากจีบคอประชดอย่างรำคาญเต็มแก่

    “ ก็ชั้นกลัวว่า   วันแรกชั้นจะไม่มีลูกค้านี่นา   ทำไงดีล่ะแคตตี้  นี่ถ้าอุรชาไม่ไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่ต่างประเทศก็ดีสิ  จะได้ช่วยปรึกษากัน  รายนั้นมีไอเดียเยอะดี ”

    “ เฮ้อ  ก็เลยไม่พ้นชั้น  หล่อนไม่มั่นใจแล้วไปรับปากพ่อทำไม๊...เดือดร้อนชั้นอีกล่ะซี๊ ”  แคตตี้ส่ายหน้าอย่างรู้นิสัยเพื่อนดี  ว่าแม้จะไม่มั่นใจอย่างไรก็ตาม  คนอย่างฉัตรพิสุทธ์มีลูกบ้าพอตัว  ยังไงหล่อนก็จะต้องดันทุรังทำให้ได้อยู่ดี...

    “ ตอนนี้ชั้นไม่ค่อยมั่นใจแล้วนี่  แคตตี้หล่อนช่วยชั้นคิดหน่อยซิ ”

    “ เออ...เอางี้ซิ  เพื่อนชั้นที่เป็นออร์กาไนซ์ที่ตอนนี้มันร่วมหุ้นกันเปิดบริษัทใหม่  มันไปได้ฤกษ์ดีจากแม่หมอคนหนึ่งได้ข่าว...วางฤกษ์เก่งยังกะจับวาง ”

    “ ยัยแม่หมอคนนี้แกท้าพนันกับเพื่อนชั้นว่า  ถ้าใช้ฤกษ์ที่แกให้แล้วล่ะก็  บริษัทที่เพื่อนชั้นเปิดใหม่จะมีเงินเข้าสิบล้านภายใน ๒-๓ วันอย่างแน่นอน...  แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาลือกันว่า...แม่หมอคนนี้วางฤกษ์เก่งมาก  แถมยังปากพระร่วง  พูดอย่างไรได้อย่างนั้นเลย ” 

    “ ยังไงหรือปากพระร่วง? ”  ฉัตรพิสุทธ์ออกอาการสงสัยพลางขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ  แคตตี้จึงต้องวางมือจากการกินมะม่วงอยู่หันไปตอบเพื่อนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว...

    “ ก็แกชอบมีเรื่องกะลูกค้า  เพราะลูกค้าชอบไปท้าทายแก   พวกที่ไปท้าทายแกนะ...ถูกแกตวาดไล่ออกมาแทบทั้งนั้น  แต่ทุกราย...ได้ตามที่แกท้าพนันไว้กันทั้งนั้นเลย !!

    “ จริงเหรอ? ”  ฉัตรพิสุทธ์ทำตาโตออกอาการสนใจขึ้นมาทันที

    “ จริงซิ  แต่ว่าชั้นไม่รับรองนะ  เพราะชั้นก็ไม่เห็นกะตา  ถ้าเธออยากพิสูจน์ดูก็ได้นี่นา ”

    “ ชั้นขอคิดดูสักสองสามวันก็แล้วกัน ”  ฉัตรพิสุทธ์ว่า

    “ ตามใจ  ถ้าหล่อนจะเอายังไงก็บอกชั้นด้วยแล้วกัน ” 

    “ เอางี้  หล่อนหาเบอร์ติดต่อให้ชั้นก่อนแล้วกัน   ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่เสียหายอะไรนี่  ยังไงชั้นก็ต้องเปิดสำนักงานอยู่แล้ว ”

    “ ดีๆ  เดี๋ยวชั้นจะลองหาเบอร์โทรให้  แล้วหล่อนก็ลองโทรติดต่อเอาเองก็แล้วกัน ”  แคตตี้พูดจบหล่อนก็ทำท่าจะกินมะม่วงต่อ  แต่แม่เจ้าประคุณแกล้งเลื่อนจานมะม่วงออกอย่างรู้ทัน...  ฉัตรพิสุทธ์วางจานมะม่วงแล้วตรงเข้าไปกอดเพื่อนรักอย่างซาบซึ้ง  ในน้ำใจของเพื่อนสาวประเภทสองคนนี้...

    “ขอบใจมากนะ  เพื่อนสุดสวย” 

    “ อี๊   ถึงหล่อนไม่ชม   ชั้นก็สวยเป๊ะเว่อร์อยู่แล้ว ”   แคตตี้อดภูมิใจในคำชมของเพื่อนสาวขึ้นมาไม่ได้   อืมม์  จะว่าไปแล้ว...นี่   ถ้าหล่อนไปเสริมหน้าอกเพิ่มขึ้นสักนิด  แล้วก็ต่อผมให้ยาวสลวยกว่านี้อีกสักหน่อย   หล่อนก็คงจะเริ่ดไม่แพ้สาวแท้สาวเทียมทั้งหลายเป็นแน่...

    “ จ้า  แม่คนสวยธรรมชาติ... ”   ฉัตรพิสุทธ์หยุดนิดหนึ่ง  พลางมองหน้าเพื่อนอย่างอมยิ้มเล็กน้อยอย่างเจ้าเล่ห์     แต่...สวยธรรมชาติในที่นี้...ชั้นหมายถึง ทำ-มา-ทั้งชาตินะยะ ”

      เอ๊ะ นังนี่...คุยดีด้วยไม่เคยนานเกินชั่วโมงเลย  ลงมือแขวะชั้นอีกแล้ว ”    พอแคตตี้ทำท่าจะง้างมือขึ้นตี  เจ้าหล่อนก็กระโดดแผล๋วออกไปที่ระเบียงทำหน้าทะเล้นใส่   แต่แคตตี้หมดความสนใจในตัวเพื่อนสาวเสียแล้ว  ตอนนี้หล่อนขอกินมะม่วงให้หายคิดถึงเสียก่อน   ว่าแล้วก็ลากจากมะม่วงเข้ามาแล้วก้มหน้าก้มตากินต่ออย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจหล่อนอีก...

    ...ตอนนั้นฉัตรพิสุทธ์นั่งคิดนอนคิดอยู่หลายวัน   ว่าหล่อนจะเดินทางไปหาแม่หมอให้ฤกษ์คนนั้นตามที่โทรศัพท์นัดเอาไว้ดีหรือไม่...   จนในที่สุดหล่อนก็ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดู... ถึงแม้หล่อนจะไม่ให้ความเชื่อถือเกี่ยวกับเรื่องฤกษ์ผานาทีสักเท่าใดนัก   แต่ลองดูซักตั้งก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเสียเลย...

    ---------------------------------

    “ ห๋า  หล่อนไปท้าทายแม่หมอคนนั้นเข้าเหรอ ”

    “ ต๋าย  แล้วแกไม่ลากหล่อนออกมาด่าเช็ดหน้าร้านเรอะ ”  แคตตี้ร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินฉัตรพิสุทธ์เล่าว่าหล่อนไปหาแม่หมอให้ฤกษ์คนนั้นมาเรียบร้อยแล้ว  แถมยังลงทุนท้าทายเพื่อความมั่นใจว่าจะได้ฤกษ์ทำการที่ดีที่สุดของแม่หมอกลับมา...

    “ จะเหลือเหรอ  หน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลยล่ะ  อาย...เขาไปทั้งซอย ” หล่อนเล่าเหตุการณ์ที่เหลือให้แคตตี้ฟังอย่างหมดเปลือก...

    “ ว๊าย ตายแล้ว...” แคตตี้ปิดหน้าร้องอย่างสุดสยองเมื่อนึกภาพเพื่อนสาวของหล่อนถูกหิ้วปีกออกมากองอยู่หน้าร้าน   แต่พอเห็นฉัตรพิสุทธ์นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับแล้วก็เปลี่ยนมาหัวเราะคิกคักๆ แทน...

    “ นี่ทำไมหล่อนไม่บอกก่อนห๋า  ชั้นว่าแม่หมอคนนี้ท่าจะสติไม่เต็มนะ ”  ฉัตรพิสุทธ์แอบค้อนเพื่อนเล็กๆ พลางหยิกเข้าที่ต้นแขนโทษฐานที่หล่อนไม่ยอมเตือนกันก่อน..จนแคตตี้ร้องโอ๊ยออกมา  แต่ก็ยังหยุดขำไม่ได้  ตอนนี้หล่อนขำเพื่อนจนหน้าดำหน้าแดงไปหมดแล้ว...

    “ ชั้นก็ไม่รู้  แต่เขาลือกันแซดว่าถ้าแกลืมตัวขึ้นมาแล้วด่ากราดด้วยล่ะก็... ฤกษ์ของแกจะเจ๋งมาก ”  หลังจากได้สติ...เบรคขำได้  แคตตี้ทำหน้าจริงจังพลางตอบเพื่อนอย่างซีเรียส

    “ แล้วถ้าเกิดแกหาฤกษ์ให้หล่อนมีลูกค้าได้ตั้งแต่วันแรกล่ะ  หล่อนจะทำอย่างไร ”

    “ ชั้นก็จะเอาพวงมาลัยไปไหว้หน้าร้านแกน่ะซิ ”  หล่อนตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก “ แต่คงยากหน่อย  เพราะแกลั่นวาจาเอาไว้ว่าแกจะต้องทำให้ลูกค้าชั้นจ่ายเงินค่าครูอย่างไม่อั้นทุกรายด้วยซี ” หล่อนคิดอย่างดูแคลน...  เมื่อนึกถึงใบหน้าเจ้าแม่ให้ฤกษ์ที่มีขอบตาดำปื้ดด้วยประโคมทั้งอายแชโดว์และอายไลเนอร์อย่างไม่ยั้งคนนั้นขึ้นมาแล้ว   ฉัตรพิสุทธ์ก็ยังรู้สึกขนลุกไม่หาย...

    ” คนอะไร้...ดุยังกะหมา ”

    “ แล้วถ้าไม่เจ๋งจริงล่ะ? ” 

    “ ฮึ ๆๆ ” หล่อนหัวเราะฮึอยู่ในใจ  สุ้มเสียงบ่งบอกถึงแรงอาฆาตมาดร้าย

    “ ชั้นก็จะเอาขี้หล่อนไปป้ายหน้าร้านมันซะเลย ”

    “ ว้าย  อกอีแป้นแตก...ทำไมจะมายุ่งกับของๆ ชั้นด้วย ชั้นอยู่ของชั้นดีๆ แท้ๆ ”  แคตตี้ร้องโอดโอยเมื่อเห็นว่าหล่อนจะถูกเพื่อนรักดึงเข้าไปทำบาปโดยไม่รู้ตัวเข้าแล้ว

    “ ไม่รู้ล่ะ ค่าครูชั้นก็เสียไปแล้ว  ทีนี้ล่ะถ้าให้ฤกษ์ไม่เจ๋งจริงล่ะก็...ตาย !

    ----------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×