คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : คดีปริศนา ตอน ๑...บทที่ ๑
- บท ๑ -
“ โอ๊ย เจ็บนะ...บอกให้ปล่อย ไม่ได้ยินหรือไง ! ” เสียงโวกเวกโวยวายดังมาจากตึกแถวสองชั้นเก่าๆ คูหาหนึ่ง จนหลายคนในตึกแถวห้องข้างๆ ชะโงกหน้ามามองด้วยความสงสัยระคนตกใจ เมื่อเห็นสาวแก่เจ้าของห้องร่างท้วมในชุดสีดำยาวรุ่มร่าม ใบหน้าอวบอูมบูดบึ้งถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ราคาถูกเสียจนจัดเข้ม กำลังหิ้วปีกสาวหน้าตาสะสวยท่าทางดีคนหนึ่งออกมา แล้วโยนโครมลงไปที่หน้าร้านซึ่งถูกกั้นเป็นผนังกระจกอย่างแรง จนร่างเล็กๆ นั้นล้มกลิ้งลงไปกองที่หน้าร้านอย่างหมดท่า...
“ ว๊าย ! ” เสียงเจ้าหล่อนร้องอุทานออกมาตกใจแกมอับอาย จนคนที่ยื่นหน้ามามองพาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วส่ายหน้ากันอย่างรู้ทัน
“ เฮ้อ อีกรายแล้วสิ รายนี้ท่าจะไปท้าลองดีกับเจ้าแม่เข้า เลยโดนเฉดหัวออกมายังงี้ ” ชายแก่ที่อยู่ข้างตึกแถวจ้องมองหญิงสาวผิวขาวอมชมพูปากนิดจมูกหน่อยที่กำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนอย่างเวทนาระคนเบื่อหน่ายเต็มที
“ ไม่รู้เป็นอะไร...คนสมัยนี้ชอบพึ่งพาแม่มดหมอดูกันเสียจริ๊ง หน้าตาท่าทางก็ดี... อยู่ดีๆ ไม่ว่าดี มาให้เขาไล่ยังกะหมูกะหมาเสียชิบ ”
“ ไปเลยนะ ออกไปเสียที แล้วอย่ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีกล่ะ ไป๊ !” เสียงกราดเกรี้ยวสำเนียงเปร่งๆ ดังลั่นสำทับออกมาอีก
“ เดินเองก็ได้ ทำไมต้องจับโยนออกมาขนาดนี้ก็ไม่รู้ ? เป็นบ้า...หรือเปล่าวะ ” หล่อนหันไปค้อนอย่างโกรธจัดใบหน้าดูแดงก่ำด้วยความอับอาย แล้วรีบคว้าเอารองเท้าคีบสีจัดจ้าของหล่อนขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็ว ฉัตรพิสุทธ์กะว่าจะหันไปยกมะเหงกแก้แค้นแกสักหน่อย แต่พอเห็นหน้าแม่ยักษ์ขมูขีจ้องมองตามมาอย่างจะเอาเรื่อง หล่อนก็ตกใจจนต้องรีบถอยกรูดออกมาอย่างไม่เป็นท่า
“ โอเคๆ ไปก็ได้ ไปแล้วๆ คนอะไรดุชิบ...” ฉัตรพิสุทธ์แทบมุดร่างออกมาจากตึกแถวนั้นเมื่อเห็นสายตาหลายคู่จ้องมองมาอย่างขัน ๆ ระคนอยากรู้อยากเห็น
“ คอยดูนะ ถ้าไม่เป็นอย่างที่พูดไว้ล่ะก้อ... แม่จะเอาขี้กลับมาป้ายหน้าร้านเสียให้เข็ด หมอดูอะไรวะ ดุชะมัด ” หล่อนบริภาษอยู่ในใจ แต่ไม่ทันไร...ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อยายแก่แร้งทึ้งตัวแสบตวาดลั่นกลับมาดังไปสามบ้านแปดบ้าน
“ เออ แล้วข้าจะคอยดูว่าน้ำหน้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหยั่งเอ็งเนี่ยนะ จะกล้าเอาขี้มาป้ายหน้าร้านข้ามั๊ย? ข้าไม่กลัวโว๊ย จะบอกให้ว่าข้าให้ฤกษ์มาเป็นพันๆ รายแล้ว ไม่เคยพลาดโว๊ย ” แกตะโกนไล่หลังแถมถ่มถุยอย่างดูแคลน
“ โธ่ว้อย...แค่คิดยังได้ยินอีก ” หล่อนบ่นกระปอดกระแปดอย่างสงสัยตะงิดๆ ว่า ‘ แกได้ยินได้ยังไงเนี่ย ? ’
โดยไม่ยอมรอให้คนข้างหลังที่กำลังตีหน้ายักษ์ด่าตอบกลับมาอีกชุด ฉัตรพิสุทธ์รีบจ้ำอ้าวออกมาจนหมาในซอยเห่าตามกันเสียงขรม...
“ อีโธ่ เอ๊ย แต่ละคนมาแนวนี้ทั้งนั้น จะเอาอะไรก็ต้องได้ เห็นข้าเป็นเทวดาหรือไงโว๊ย ” แกบ่นเสียงดังอย่างหงุดหงิด
ฉัตรพิสุทธ์รีบเดินแกมวิ่งออกมา พอหันไปมองอีกครั้งก็เห็นแกบ่นตามหลังมาอีกหลายดอก แถม...ยังยกสากกระเบือให้อีกด้วยแน่ะ !
“ เฮ้อ อยู่ดีๆ ก็มาให้เขาด่าซะอีก ” หล่อนพึมพำส่ายหน้ากับตัวเองอย่างเซ็งสุดๆ พอหลุดออกมาข้างนอกได้ ฉัตรพิสุทธ์ก็ต้องมายืนหอบแฮ่กที่หน้าปากซอยอยู่เป็นนานสองนาน
‘ ฉัตรพิสุทธ์ เอ๊ย อะไรมันจะซวยซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนี้ ’ หล่อนคิดในใจอย่างสุดเซ็งกับชะตาชีวิตของตัวเอง ‘ เรียนจบมาเกือบปีก็ยังหางานทำไม่ได้ ไอ้ที่สมัครงานไว้...ก็ไม่ยอมเรียกตัวไปสัมภาษณ์ แถมยังมาโดนยัยแก่หมอดูที่เขาลือกันว่าให้ฤกษ์เก่งนักเก่งหนา ด่ากราดแถมโยนออกมานอกร้านให้อับอายขายขี้หน้าซะอีก !’
‘ แหม... ไม่เคยคิดเหมือนกันว่า หล่อนจะดูดวงตัวเองได้แม่นสุดๆ ราวกับจับวางซะขนาดนี้ !’ ฉัตรพิสุทธ์ยังจำคำทำนายของตนเองได้เป็นอย่างดี นี่ถ้าเป็นหมอดูคนอื่นทำนายดวงชะตาให้หล่อน แล้วบอกว่าชีวิตหล่อนในช่วงนี้จะย่ำแย่แบบนี้...แล้วล่ะก้อ ฉัตรพิสุทธ์คงจะก่นด่าบรรพบุรุษของหมอดูคนนั้นไปเรียบร้อยแล้ว... โทษฐานที่แช่งหล่อน!
ฉัตรพิสุทธ์ยังจำสีหน้าลุ้นระทึกของตนเอง ในตอนที่หล่อนตัดสินใจดูดวงตัวเองเรื่องงานด้วยการเปิดไพ่ยิปซีได้เป็นอย่างดี...
ฉัตรพิสุทธ์ค่อยๆ แง้มเปิดไพ่ที่วางเรียงไว้ตามตำแหน่งด้วยใจเต้นแรง แต่พอเจอไพ่แฮ้งค์แมน กับไพ่หอคอยในตำแหน่งแรกๆ เข้าเท่านั้น หญิงสาวก็ถึงกับหน้าถอดสี... ซีดเผือดราวกับไก่ต้มเลยทีเดียว
‘ โอ๊ะโอ๋ ซวยแล้วเรา !’
ฉัตรพิสุทธ์พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่า มันคงจะไม่แย่อย่างที่ไพ่บอกไว้นักหรอกน่า แต่พอหล่อนเปิดไพ่ใบต่อไปอีก ก็จ๊ะเอ๋เข้ากับ ไพ่สิบดาบกับแปดถ้วย... โอย หนักเข้าไปอีก
‘ เฮ้อ นี่มันกะจะชุมนุมดวงดับเบิ้ลซวยๆ เอาไว้หรือไงเนี่ย? ’ ฉัตรพิสุทธ์นึกถึงฉากหนึ่งในสามก๊กตอน...ขงเบ้งดูดาวขึ้นมาได้ทันที ในช่วงที่ขงเบ้งเห็นดาวประจำตัวตกวูบดับลับไปจากท้องฟ้า สีหน้าของแกตอนนั้น...ก็คงจะไม่ต่างอะไรกับฉัตรพิสุทธ์ในตอนนี้เป็นแน่ !
หญิงสาวรีบจัดการล้างไพ่ในกองทันที... หล่อนลองอธิษฐานเปิดไพ่เกี่ยวกับงานอาชีพหมอดูขึ้นมาบ้าง ไพ่ที่ฉัตรพิสุทธ์เลือกมากลับมีแต่สิ่งที่ดีๆ เกือบทั้งสิ้น เนื่องจากหล่อนได้ไพ่เดอะสตาร์โผล่ขึ้นมาในตำแหน่งแรก แถมยังเจอไพ่สามเหรียญ ไพ่เดอะเลิฟเวอร์ และไพ่สิบถ้วยโผล่แถมท้ายมาอีกด้วยแน่ะ !
ถึงแม้จะมีไพ่ที่ไม่ค่อยจะดีโผล่ขึ้นมาถึงสองตัว... แต่ก็อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สำคัญเท่าใดนัก
เมื่อไพ่เกี่ยวกับงานดูหมอของฉัตรพิสุทธ์มันดีนัก ฉัตรพิสุทธ์ก็เลย...ตัดสินใจที่จะลองทำตามคำพยากรณ์ดูบ้าง !
------------------------------
“ ตกลง...พ่อกะแม่ ว่าไงคะ ?” ฉัตรพิสุทธ์ทำตาแป๋วแว๋ว พลางจ้องหน้าบิดามารดาด้วยสีหน้าแป้นแล้นเหมือนรอคอยคำตอบอย่างเต็มที่
“ แกจะบ้าเหรอ ชั้นส่งให้แกเรียนปริญญาโทมาแทบเป็นแทบตาย จู่ๆ แม่นี่กลับจะหันไปเอาดีทางดูหมงดูหมอ ” บิดาของหล่อนที่เคยเป็นตัวตั้งตัวตีให้หล่อนรับจ๊อบอาชีพดูหมอดูมาตลอด เพราะเห็นว่าหล่อนมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ แต่มาคราวนี้...กลับตีหน้ายักษ์พลางเอ็ดตะโรเจ้าหล่อนเสียงดังอย่างลืมตัวซะอีก
“ เฮ้อ แล้วนี่ชั้นจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน ? โธ่เอ๊ย...อยากจะเปิดสำนักงานหมอดู ชั้นจะบ้าตาย ” มารดาของหล่อนร้องออกมาอย่างกับจะเป็นลมซะให้ได้ “ กิจการบ้านเราก็มี แถมโรงสีก็มาก ทำไมลูกมันถึงคิดสั้นขนาดนี้ เฮ้อ ”
“ โธ่ พ่อกะแม่ค้า หนูแค่ลองเปิดสำนักงานหมอดู เผื่อว่ามันจะดี หนูไม่ได้ไปเปิดอาบอบนวดซะหน่อย พ่อกะแม่จะอับอายไปทำไมกันค้า ?” ฉัตรพิสุทธ์แย้ง
“ ถ้ากลับมาทำงานกงสีช่วงนี้ หนูอายคนแถวนี้ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าจบโทมาแล้วยังจะเกาะพ่อแม่กินอีก แล้วอีกอย่าง...ช่วงนี้หนูก็ยังไม่มีงานทำด้วย หนูอยากจะหาประสบการณ์ไปสักพักนึงก่อน ” หล่อนค้านเสียงดัง แต่เมื่อหันกลับไปเห็นมารดาหล่อนหันมาทำตาเขียวปั๊ดใส่ ฉัตรพิสุทธ์ก็เสียงอ่อยลง ท่าทีของหล่อนดูเจื่อนจ๋อยไปอย่างเห็นได้ชัด
“ ถ้าพ่อกะแม่ไม่เห็นด้วย...หนูก็ต้องตกงานอีกยาวเลย พ่อช่วยหนูหน่อยน๊า ” หล่อนอ้อนทำหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้ บิดาของหล่อนเห็นหน้าลูกสาวตัวดีเหมือนใจจะขาด ก็อดใจอ่อนสงสารขึ้นมามิได้... เขารีบลากแขนลูกสาวตัวดีให้เดินตามออกมานอกชานบ้าน แล้วก้มลงพูดเบาๆ คล้ายจะกระซิบกับหล่อนอย่างพอได้ยินกันสองคน
“ สัญญากับพ่อก่อนนะ ว่าต้องไม่ให้แม่รู้ ถ้าเปิดแล้วไม่มีลูกค้าต้องบอกพ่อให้รู้ด้วย แล้วถ้าได้งานที่ดีกว่านี้ต้องเลิกสำนักงานหมอดูนี่ซะ ตกลงมั๊ย? ”
“ ตกลงค่ะ ไชโย พ่อน่ารักที่ซู๊ดในโลกเลย หนูรักพ่อที่สุด ” หล่อนดีใจอย่างที่สุดกระโดดขึ้นหอมแก้มบิดาอย่างสุดรัก แล้วกอดเอวไว้แน่นอย่างประจบเต็มที่
“ แต่...ฉัตรต้องตั้งอกตั้งใจทำงานให้ดีนะลูก ถึงแม้มันจะเป็นแค่สำนักงานดูหมอก็ตาม แต่ลูกก็ต้องตั้งใจ ทำอะไรทำจริง...ไม่ทิ้งงานกลางคัน ”
“ สัญญาค่ะ หนูจะพิสูจน์ให้พ่อกับแม่ดูว่าหนูทำได้ และหนูจะต้องเป็นแม่หมอที่ดังที่สุดในทศวรรษนี้ให้ได้เลย ” หล่อนอวดพลางยกกำปั้นชูอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ เฮ้อ จริงๆ เล้ย แม่คนนี้ เอาแค่ ให้พ่อเห็นว่า...ลูกมีลูกค้าในวันเปิดสำนักงานวันแรกให้ได้ก่อนเสียก่อนเถอะ แล้วค่อยมาคุย ” บิดาหล่อนพูดทีเล่นทีจริง...พลางขยี้ผมของลูกสาวอย่างเอ็นดู แต่ฉัตรพิสุทธ์กลับถือว่า คำพูดประโยคนี้เป็นคำท้าทายจากบิดา...ที่หล่อนจะต้องเอาชนะให้ได้
คอยดูเถอะ หล่อนจะต้องลบคำสบประมาทของบิดาให้จงได้ !
“ ถ้าหนูทำสำเร็จแล้วพ่อจะให้อะไรหนู ” ฉัตรพิสุทธ์ทำท่าทางมั่นอกมั่นใจอย่างที่สุด
“ โอเคๆ ถ้าหนูทำสำเร็จ หนูอยากได้อะไรพ่อก็ให้ทั้งนั้นล่ะ รถสักคันดีมั๊ย ?” บิดาของหล่อนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ ดีเลย...งั้นพ่อคอยดูหนูแสดงฝีมือก็แล้วกัน ”
ฉัตรพิสุทธ์เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่เด็ก หญิงสาวมีนิสัยห้าวหาญเหมือนเด็กผู้ชาย ถึงแม้จะขี้อ้อนเอาแต่ใจตัวเองไปบ้าง แต่หล่อนก็คนช่างพูดเจรจา แถมยังฉลาดมีไหวพริบเกินตัว...
บิดาของหล่อนมองลูกสาวอย่างเอ็นดูระคนหมั่นไส้ นี่ถ้าเขาไม่ตามใจหล่อนคราวนี้ เดี๋ยวหล่อนก็คงลงไปชักดิ้นชักงอเหมือนตอนเป็นเด็กนั่นเอง...
“ ตกลงหนูจะเปิดดูหมอเป็นเรื่องเป็นราวเมื่อไหร่ ?”
“ ถ้าหนูจะเปิดหนู จะบอกพ่อคนแรก เพราะว่า....พ่อเป็นธนาคารของหนู ! ”
------------------------------
ฉัตรพิสุทธ์เดินวนไปวนมาอย่างกลุ้มอกกลุ้มใจ จนแคตตี้ที่นั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานอยู่รำคาญเต็มประดา หล่อนรีบแหวเพื่อนสาวอย่างเหลืออด
“ นี่ยัยฉัตร ที่สุด ชั้นว่าเธอนั่งซะทีได้มั๊ย เดินไปเดินมาจนชั้นจะเวียนหัวตายอยู่แล้ว ”
“ ชั้นชื่อ ฉัตรพิสุทธ์ เรียกให้มันถูกๆ หน่อย ” หล่อนหันไปท้วงอย่างหงุดหงิด
“ โอ๊ย กลุ้มใจ นี่...รับปากพ่อไว้มั่นเหมาะว่า ชั้นจะต้องทำให้พ่อเห็นว่าชั้นมีลูกค้าในวันเปิดวันแรกเลย เพราะฉะนั้นชั้นต้องทำให้ได้ ” หล่อนทำท่ารำลึกความหลังตอนคุยกับบิดาของหล่อนที่ต่างจังหวัดหลายอาทิตย์ก่อนแล้วก็อดกลุ้มใจเสียมิได้
“ แล้วไง ทำได้ ๆ แล้วจะมาเดินงุ่นง่าน หาพระแสงอะไรยะ ” เพื่อนชายกระตุ้งกระติ้งจีบปากจีบคอประชดอย่างรำคาญเต็มแก่
“ ก็ชั้นกลัวว่า วันแรกชั้นจะไม่มีลูกค้านี่นา ทำไงดีล่ะแคตตี้ นี่ถ้าอุรชาไม่ไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่ต่างประเทศก็ดีสิ จะได้ช่วยปรึกษากัน รายนั้นมีไอเดียเยอะดี ”
“ เฮ้อ ก็เลยไม่พ้นชั้น หล่อนไม่มั่นใจแล้วไปรับปากพ่อทำไม๊...เดือดร้อนชั้นอีกล่ะซี๊ ” แคตตี้ส่ายหน้าอย่างรู้นิสัยเพื่อนดี ว่าแม้จะไม่มั่นใจอย่างไรก็ตาม คนอย่างฉัตรพิสุทธ์มีลูกบ้าพอตัว ยังไงหล่อนก็จะต้องดันทุรังทำให้ได้อยู่ดี...
“ ตอนนี้ชั้นไม่ค่อยมั่นใจแล้วนี่ แคตตี้หล่อนช่วยชั้นคิดหน่อยซิ ”
“ เออ...เอางี้ซิ เพื่อนชั้นที่เป็นออร์กาไนซ์ที่ตอนนี้มันร่วมหุ้นกันเปิดบริษัทใหม่ มันไปได้ฤกษ์ดีจากแม่หมอคนหนึ่งได้ข่าว...วางฤกษ์เก่งยังกะจับวาง ”
“ ยัยแม่หมอคนนี้แกท้าพนันกับเพื่อนชั้นว่า ถ้าใช้ฤกษ์ที่แกให้แล้วล่ะก็ บริษัทที่เพื่อนชั้นเปิดใหม่จะมีเงินเข้าสิบล้านภายใน ๒-๓ วันอย่างแน่นอน... แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาลือกันว่า...แม่หมอคนนี้วางฤกษ์เก่งมาก แถมยังปากพระร่วง พูดอย่างไรได้อย่างนั้นเลย ”
“ ยังไงหรือปากพระร่วง? ” ฉัตรพิสุทธ์ออกอาการสงสัยพลางขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ แคตตี้จึงต้องวางมือจากการกินมะม่วงอยู่หันไปตอบเพื่อนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว...
“ ก็แกชอบมีเรื่องกะลูกค้า เพราะลูกค้าชอบไปท้าทายแก พวกที่ไปท้าทายแกนะ...ถูกแกตวาดไล่ออกมาแทบทั้งนั้น แต่ทุกราย...ได้ตามที่แกท้าพนันไว้กันทั้งนั้นเลย !!”
“ จริงเหรอ? ” ฉัตรพิสุทธ์ทำตาโตออกอาการสนใจขึ้นมาทันที
“ จริงซิ แต่ว่าชั้นไม่รับรองนะ เพราะชั้นก็ไม่เห็นกะตา ถ้าเธออยากพิสูจน์ดูก็ได้นี่นา ”
“ ชั้นขอคิดดูสักสองสามวันก็แล้วกัน ” ฉัตรพิสุทธ์ว่า
“ ตามใจ ถ้าหล่อนจะเอายังไงก็บอกชั้นด้วยแล้วกัน ”
“ เอางี้ หล่อนหาเบอร์ติดต่อให้ชั้นก่อนแล้วกัน ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่เสียหายอะไรนี่ ยังไงชั้นก็ต้องเปิดสำนักงานอยู่แล้ว ”
“ ดีๆ เดี๋ยวชั้นจะลองหาเบอร์โทรให้ แล้วหล่อนก็ลองโทรติดต่อเอาเองก็แล้วกัน ” แคตตี้พูดจบหล่อนก็ทำท่าจะกินมะม่วงต่อ แต่แม่เจ้าประคุณแกล้งเลื่อนจานมะม่วงออกอย่างรู้ทัน... ฉัตรพิสุทธ์วางจานมะม่วงแล้วตรงเข้าไปกอดเพื่อนรักอย่างซาบซึ้ง ในน้ำใจของเพื่อนสาวประเภทสองคนนี้...
“ขอบใจมากนะ เพื่อนสุดสวย”
“ อี๊ ถึงหล่อนไม่ชม ชั้นก็สวยเป๊ะเว่อร์อยู่แล้ว ” แคตตี้อดภูมิใจในคำชมของเพื่อนสาวขึ้นมาไม่ได้ อืมม์ จะว่าไปแล้ว...นี่ ถ้าหล่อนไปเสริมหน้าอกเพิ่มขึ้นสักนิด แล้วก็ต่อผมให้ยาวสลวยกว่านี้อีกสักหน่อย หล่อนก็คงจะเริ่ดไม่แพ้สาวแท้สาวเทียมทั้งหลายเป็นแน่...
“ จ้า แม่คนสวยธรรมชาติ... ” ฉัตรพิสุทธ์หยุดนิดหนึ่ง พลางมองหน้าเพื่อนอย่างอมยิ้มเล็กน้อยอย่างเจ้าเล่ห์ “ แต่...สวยธรรมชาติในที่นี้...ชั้นหมายถึง ทำ-มา-ทั้งชาตินะยะ ”
“ เอ๊ะ นังนี่...คุยดีด้วยไม่เคยนานเกินชั่วโมงเลย ลงมือแขวะชั้นอีกแล้ว ” พอแคตตี้ทำท่าจะง้างมือขึ้นตี เจ้าหล่อนก็กระโดดแผล๋วออกไปที่ระเบียงทำหน้าทะเล้นใส่ แต่แคตตี้หมดความสนใจในตัวเพื่อนสาวเสียแล้ว ตอนนี้หล่อนขอกินมะม่วงให้หายคิดถึงเสียก่อน ว่าแล้วก็ลากจากมะม่วงเข้ามาแล้วก้มหน้าก้มตากินต่ออย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจหล่อนอีก...
...ตอนนั้นฉัตรพิสุทธ์นั่งคิดนอนคิดอยู่หลายวัน ว่าหล่อนจะเดินทางไปหาแม่หมอให้ฤกษ์คนนั้นตามที่โทรศัพท์นัดเอาไว้ดีหรือไม่... จนในที่สุดหล่อนก็ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดู... ถึงแม้หล่อนจะไม่ให้ความเชื่อถือเกี่ยวกับเรื่องฤกษ์ผานาทีสักเท่าใดนัก แต่ลองดูซักตั้งก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเสียเลย...
---------------------------------
“ ห๋า หล่อนไปท้าทายแม่หมอคนนั้นเข้าเหรอ ”
“ ต๋าย แล้วแกไม่ลากหล่อนออกมาด่าเช็ดหน้าร้านเรอะ ” แคตตี้ร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินฉัตรพิสุทธ์เล่าว่าหล่อนไปหาแม่หมอให้ฤกษ์คนนั้นมาเรียบร้อยแล้ว แถมยังลงทุนท้าทายเพื่อความมั่นใจว่าจะได้ฤกษ์ทำการที่ดีที่สุดของแม่หมอกลับมา...
“ จะเหลือเหรอ หน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลยล่ะ อาย...เขาไปทั้งซอย ” หล่อนเล่าเหตุการณ์ที่เหลือให้แคตตี้ฟังอย่างหมดเปลือก...
“ ว๊าย ตายแล้ว...” แคตตี้ปิดหน้าร้องอย่างสุดสยองเมื่อนึกภาพเพื่อนสาวของหล่อนถูกหิ้วปีกออกมากองอยู่หน้าร้าน แต่พอเห็นฉัตรพิสุทธ์นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับแล้วก็เปลี่ยนมาหัวเราะคิกคักๆ แทน...
“ นี่ทำไมหล่อนไม่บอกก่อนห๋า ชั้นว่าแม่หมอคนนี้ท่าจะสติไม่เต็มนะ ” ฉัตรพิสุทธ์แอบค้อนเพื่อนเล็กๆ พลางหยิกเข้าที่ต้นแขนโทษฐานที่หล่อนไม่ยอมเตือนกันก่อน..จนแคตตี้ร้องโอ๊ยออกมา แต่ก็ยังหยุดขำไม่ได้ ตอนนี้หล่อนขำเพื่อนจนหน้าดำหน้าแดงไปหมดแล้ว...
“ ชั้นก็ไม่รู้ แต่เขาลือกันแซดว่าถ้าแกลืมตัวขึ้นมาแล้วด่ากราดด้วยล่ะก็... ฤกษ์ของแกจะเจ๋งมาก ” หลังจากได้สติ...เบรคขำได้ แคตตี้ทำหน้าจริงจังพลางตอบเพื่อนอย่างซีเรียส
“ แล้วถ้าเกิดแกหาฤกษ์ให้หล่อนมีลูกค้าได้ตั้งแต่วันแรกล่ะ หล่อนจะทำอย่างไร ”
“ ชั้นก็จะเอาพวงมาลัยไปไหว้หน้าร้านแกน่ะซิ ” หล่อนตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก “ แต่คงยากหน่อย เพราะแกลั่นวาจาเอาไว้ว่าแกจะต้องทำให้ลูกค้าชั้นจ่ายเงินค่าครูอย่างไม่อั้นทุกรายด้วยซี ” หล่อนคิดอย่างดูแคลน... เมื่อนึกถึงใบหน้าเจ้าแม่ให้ฤกษ์ที่มีขอบตาดำปื้ดด้วยประโคมทั้งอายแชโดว์และอายไลเนอร์อย่างไม่ยั้งคนนั้นขึ้นมาแล้ว ฉัตรพิสุทธ์ก็ยังรู้สึกขนลุกไม่หาย...
” คนอะไร้...ดุยังกะหมา ”
“ แล้วถ้าไม่เจ๋งจริงล่ะ? ”
“ ฮึ ๆๆ ” หล่อนหัวเราะฮึอยู่ในใจ สุ้มเสียงบ่งบอกถึงแรงอาฆาตมาดร้าย
“ ชั้นก็จะเอาขี้หล่อนไปป้ายหน้าร้านมันซะเลย ”
“ ว้าย อกอีแป้นแตก...ทำไมจะมายุ่งกับของๆ ชั้นด้วย ชั้นอยู่ของชั้นดีๆ แท้ๆ ” แคตตี้ร้องโอดโอยเมื่อเห็นว่าหล่อนจะถูกเพื่อนรักดึงเข้าไปทำบาปโดยไม่รู้ตัวเข้าแล้ว
“ ไม่รู้ล่ะ ค่าครูชั้นก็เสียไปแล้ว ทีนี้ล่ะถ้าให้ฤกษ์ไม่เจ๋งจริงล่ะก็...ตาย !”
----------------------------
ความคิดเห็น