คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เพื่อนใหม่ผู้ไม่ธรรมดา
บทที่ 2 เพื่อนใหม่ผู้ไม่ธรรมดา
ณ โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของประเทศใจกลางกรุงเทพมหานคร เป็นโรงเรียนที่มีพื้นที่กว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีได้ในมหานครเมืองหลวงที่แสนแออัดเช่นนี้ มีประวัติยาวนาน.... และมีสิ่งบางอย่างรอการถูกค้นพบอยู่ "โรงเรียนประสานพหุพิภพ"
"สิบสาม รู้ข่าวยัง"
'สิบสาม' ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงตัวเลข หรือรหัสลับอะไร แต่เป็นชื่อของเด็กหนุ่มเจ้าของแว่นกรอบดำผู้นั่งสงบเสงี่ยมนั่งอ่านการ์ตูนอยู่บนขอบหน้าต่าง ผมสีน้ำตาลเข้มซอยสั้นเลี้ยงรากยาวตามแบบที่วัยรุ่นกำลังนิยมพัดลู่ เพราะสายลมที่พัดเข้ามาภายในห้องเรียนแห่งนี้
อาคารสำหรับมัธยมศึกษาปีที่สามตั้งอยู่ในตำแหน่งท้ายสุดในโรงเรียนติดกับป่าอันกว้างใหญ่ที่คงสภาพไว้ตั้งแต่ในอดีต สมัยที่กรุงเทพมหานครยังเคยเป็นป่า เพราะการที่มันเป็นป่ารกล้างจึงไม่มีใครคิดจะแยแส หรือใช้สถานที่นี้ทำประโยชน์อะไร อาคารม.3จึงเป็นสถานที่ค่อนข้างลับหูลับตา ไม่ค่อยมีคนผ่าน จึงได้สมยานามว่า "ตึกหลังเขา" แต่หารู้ไม่ว่า การมาเรียนที่นี้ไม่จำเป็นต้องทุกข์ทรมานกับความร้อนระอุสุดแสนจะนรกเหมือนอาคารอื่นๆ เพราะสายลมธรรมชาติพัดที่พัดมาจากป่า เย็นสบายกว่าการเปิดพัดลมเสียอีก แถมแถบนี้พวกอาจารย์ไม่ค่อยสนใจที่จะเดินตรวจเลยจะทำอะไรรอดพ้นสายตาอาจารย์ได้
และห้องที่เลืองลือชาในระดับมัธยมต้นที่สุด คงไม่เว้นห้องที่สิบสามเรียนอยู่ ม.3/9 อันเป็นแหล่งรวมเสือสิงกระทิงแรดของความสุดยอดทั้งชายและหญิงไว้ด้วยกัน
"ข่าวอะไร" สิบสามเงยหน้าขึ้นจากหนังสือการ์ตูน ไม่พอใจทีมีคนมาขัดจังหวะการอ่าน แต่ก็ไม่ได้ทำให้สุดป่วนประจำห้องอย่าง'แองจี้'สะทกสะท้าน "ฉันคิดว่าไม่มีเรื่องไหนน่าสนใจกว่าข่าวเรื่องหลังคาโรงยิมพังเป็นรูโหว่เมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วนะ"
"ข่าวเก่าไปแล้ว นายไปขุดหลุมฝังหูไว้ที่ไหน" เด็กหนุ่มบ่นใส่เพื่อนจอมเฉื่อยชา "ข่าวเรื่องมีคนย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ไง"
"พอๆ" สิบสามรีบหยุดการสนทนาที่แสนน่าเบื่อ "ฉันไม่อยากฟังเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไร้สาระ"
"อย่างกับการ์ตูนที่เธออ่านมีสาระมากนักนะพ่อคุณ" แองจี้กระชากหนังสือออกจากมือเพื่อนอย่างหงุดหงิด "เห็นเพื่อนดีกว่าการ์ตูนหรอไง"
สิบสามพยายามเอื้อมมือแย่งหนังสือจากแองจี้ "อย่าพาลน่า เอามา กำลังมันๆ"
เกิดเหตุการณ์แย่งชิงกันขึ้น สิบสามล็อคตัวไว้ไม่ให้หนี ส่วนแองจี้ก็พยายามดิ้นให้หลุดจากการยึดเกาะอันเหนียวแน่นเหมือนตุ๊กแก ความแตกต่างระหว่างขนาดร่างกายทำให้แองจี้ได้เปรียบด้านพละกำลัง สิบสามรูปร่างสูงโปร่งเก้งก้าง ผิดกับแองจี้ที่เป็นถึงนักกีฬาบาสซึ่งนอกจากสูงใหญ่แล้วยังรูปร่างกำยำได้สัดส่วนตามแบบฉบับนักกีฬา
ไม่มีใครคาดคิดว่า มันจะทำให้เกิดเรื่องจนได้
ด้วยแรงผลักของแองจี้ ทำให้สิบสามเสียหลัก หงายหลังหล่นจากขอบหน้าต่าง
"เฮ้ย!!" เพื่อนๆผู้ชายที่นั่งอยู่แถวนั้นอุทานออกมาอย่างตกใจ
สิบสามมองเห็นหน้าต่างที่ตัวเองเคยนั่งอยู่เมื่อวินาทีก่อนเคลื่อนออกห่างจากตัวเขาอย่างรวดเร็ว ความจริงตัวอาคารมันยังอยู่ที่เดิม แต่ตัวเขาดำลังดิ่งพสุธาอยู่ต่างหาก สิบสามยึดจับมือของแองจี้ที่ยื่นออดมาฉุดไว้ได้ทัน เหงื่อที่ซึมอ่านผิวหนังทำให้เกิดสารหล่อลื่นระหว่างสองฝ่าย มือค่อยๆเลื่อนหลุด แม้ว่าจะพยายามจับให้แน่นแค่ไหนไม่สามารถดึงรั้งเอาไว้ได้ มือของเขากำลังลื่นหลุด ไม่สามารถยึดเกาะอะไรไว้ได้อีกแล้ว ร่างกายเอนลง หัวดิ่งลงจากชั้นสามเป็นอะไรที่แม้แต่พระเจ้ายังช่วยไม่ได้ เขากำลังจะตาย.....!!
เขาไม่กล้าแม้จะกระพริบตาแม้แต่นิดเดียว วินาทีแห่งความเป็นความตายต่างราวกับด้ายบางๆ ใบหน้าแองจี้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ร่างใหญ่โตถูกเพื่อนๆคนอื่นดึงรั้งไว้ไม่ให้กระโดดตามลงไป
สิบสามเอื้อมแขนไปมาพยายามไขว่คว้าทุกอย่างที่ยึดเกาะได้ ดิ้นรนจนถึงวินาทีสุดท้าย มีเพียงธาตุอากาศเท่านั้นที่สัมผัสได้ ไม่มีอะไรแล้ว ไม่มีอะไรที่จะช่วยเขาได้ นอกจากปาฏิหาริย์
ตุบ..!!
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+**+*+*
ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินประกายสีเขียวแปลกตาในเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายของโรงเรียนประสานพหุพิภพกำลังนอนนั่งขัดดาบประจำกายให้สะอาด หน้านิ่วคิ้วขมวด บรรยากาศรอบตัวกลับมีแต่ความขมุกขมัวด้วยความฉุนเฉียวที่คลุกกรุ่นอยู่ในใจจนล้นออกมา
"ราฟา...เลิกทำหน้าบูดเป็นตูดหมึกซักทีได้ไหม" เด็กสาวในชุดมัธยมต้นที่ยืนพิงต้นไม้ห่างออกไปหนึ่งเมตรบ่นออกมาอย่างระอาในอาการของผู้สมรู้ร่วมคิด "เราไม่ได้ใช้ให้นายมาเรียนด้วยซักหน่อย ไม่พอใจก็กลับไปเฝ้าบ้านซะ"
"ใครจะกล้าปล่อยให้ยัยบ้าอย่างเธอมาคนเดียวล่ะ" เขาตอบ ราชองครักษ์หนุ่มราฟาเอลผู้สง่างามองอาจ เมื่อลงมายังพื้นพิภพบัดนี้กลายมาเป็นแค่เด็กนักเรียนธรรมดาโดยใช้ชื่อว่า ราฟา มันไม่ใช่ความต้องการของเขาแม้ซักนิดเดียว เขาโดนสถานการณ์บังคับ เพราะไอ้คนชอบสร้างปัญหาดันลองดี อยากลองใช้ชีวิตแบบคนบนพื้นพิภพ แอบหนีไปสมัครเรียนที่โรงเรียนประสานพหุพิภพ เขาจึงต้องตามมาคุมพฤติกรรมถึงที่นี่
"นายนี่มันยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ"คนก่อเรื่องขมวดคิ้วไม่พอใจในคำตอบของอีกฝ่าย "จำไว้นะ เราชื่อ แจน ส่วนนายชื่อ ราฟา พวกเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย เป็นแค่เด็กนักเรียนธรรมดาที่พึ่งย้ายมาเรียนที่กรุงเทพ แล้วเด็กธรรมดาเขาไม่นั่งขัดดาบจนมันวับเป็นงานอดิเรกหรอกนะ"
"ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ทีบนเกาะโมเม้น เด็กๆอายุเท่านี้ก็เดินถือดาบไปไหนมาไหนเป็นเรื่องปกติ"
"นั่นมันเด็กชาวโมโมเน่อ ไม่ใช่เด็กของพื้นพิภพ" แจนตะหวาด "เก็บมันไปให้พ้นหูพ้นตาเสียที ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว"
ราฟาจับด้ามดาบยื่นออกไปสุดแขน ปลายดาบชี้ไปยังตำแหน่งพื้นดิน พร้อมกับกล่าวร่ายคำสั่งอาคม "ผลึกดาบจตุธาติ!!" ดาบสีดำมันวาวค่อยๆย่อขนาดเหลือเพียงแค่นิ้วชี้ เพื่อให้เหมาะกับการพกพา ราฟาจึงทำเป็นจี้ห้อยคอรูปแทนไม้กางเขน เขาไม่มีวันทำให้มันห่างตัวเด็ดขาด
แจนเดินนำละลิ่วทิ้งห่างจากชายหนุ่มไปไกลโข ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แบบไหน เวลาไหน ราฟาก็ยังคงความเจิดจรัสเปล่งประกายงดงามจนเจิดจ้าออกมาได้อยู่ดี การอยู่ไกลคนแบบนี้มีแต่จะทำให้อาการกำเริบหนักกว่าเก่า โชคดีที่เรียนคนละระดับชั้น อาคารก็อยู่ไกลคนละมุมโลก ไม่ต้องเดินเจอกันตลอดเวลาเหมือนอยู่ในวัง
ทั้งคู่เดินออกจากดงป่าหลังโรงเรียนที่แอบไปนั่งงีบพักรอเวลาเลิกพักเที่ยง ความจริงเด็กสาวตั้งใจจะมารายงานตัวแต่เช้า แต่ไอ้คนตกกระไดพลอยโจนมาเป็นผู้คุมมัวแต่อืดอาดยืดยาด ไม่ยอมมา และไม่ให้เธอมาด้วย จึงต้องต่อปากต่อคำปะทะคารมจนมาสาย กว่าจะมารายงานตัวกับอาจารย์ประจำชั้นก็เที่ยงพอดี
"เฮ้ย!!"
เสียงอุทานดังขึ้นฉับพลันทันใดเรียกความสนใจจากผู้มาใหม่ทั้งสองได้ สายตามุ่งไปยังต้นเสียง
ร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังหงายหลังหล่นจากชั้นสาม ไม่สามารถยึดเกาะอะไรไว้ได้
ราฟารีบวิ่งเข้ามารับร่างที่กำลังดิ่งสู้พื้นคอนกรีตแข็ง แต่ระยะทางมันห่างเดินไป ร่างนั้นเฉียดผ่านแขนที่ยื่นออกไปเพียงแค่สองเซนฯเท่านั้น
ตุบ!!
ไม่มีอะไรแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
ภาพที่ร่วงหล่นผ่านแขนที่ยืนรับ ชีวิตของคนๆหนึ่ง...ได้เลยผ่านไป
ร่างนั้นปะทะเข้ากับสิ่งอยู่ที่เบื้องล่างบริเวณเท้าของชายหนุ่ม
"เกือบไป" แจนผ่อนลมหายใจเฮือก วิกฤติความเป็นความตายน่าหวาดเสียวจนลืมหายใจ
เด็กสาววิ่งไถลรอดผ่านใต้ระหว่างขาของคนตัวสูงกว่ามารับร่างที่หล่นสู่พื้นได้พอดี ถือว่าเป็นโชคของเขาแล้วกันที่วันนี้เธอใส่รองเท้านักเรียนธรรมดา ไม่ได้ใช้ร้องเท้าหนังตุ่นคู่เดิม
"ผมเพิ่งได้เห็นคุณค่าของไอ้ร้องเท้าประหลาดของเธอก็วันนี้" ราฟาพูดชมผสมกับกวนโทสะคนตัวเล็กไปในตัว ก่อนหันไปถามอาการคนที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของเด็กสาว เด็กหนุ่มใส่แว่นกรอบสีขาวค่อยๆลืมตาแล้วมองสำรวจตัวเองอย่างงุนงง ใบหน้าแสดงความรู้สึกแปลกใจ
"สมองกระทบกระเทือนรึเปล่า" แจนลูบหัวอีกฝ่าย
"เอ่อ.....ขอบคุณมาก" เขาตอบคนละคำถาม พร้อมกับรีบดันแว่นที่เลื่อนลงมากลับขึ้นไปยังที่เดิม
"ดวงตาของนายสวยดีนะ" เด็กสาวเอ่ยชม "แล้วนายชื่ออะไร เราชื่อแจน เป็นเด็กนักเรียนธรรมดาที่พึ่งย้ายมาเรียนที่กรุงเทพ"
เด็กหนุ่มกำลังอ้าปากตอบคำถาม แต่ดันถูกคนต้นเหตุที่วิ่งพรวดออกมาจากตึกตอบคำถามแทนไปโดยอัตโนมัติ
"สิบสาม!!" แองจี้วิ่งมาเอาหน้าซุกอกเพื่อน น้ำตาบนใบหน้าไหลพรากเหมือนจงใจจะทำให้กรุงเทพกลายเป็นเมืองบาดาล "ฮือๆๆ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันนึกว่าจะกลายเป็นฆาตกรแล้วเสียอีก"
"พ่อแม่ตั้งชื่อผิดเพศก็เพียงพอแล้วนะแองจี้ นี่นายยังจะทำตัวผิดเพศจริงๆอีกรึไง" เด็กหนุ่มพยายามดันตัวเพื่อนร่างใหญ่ออกห่างก่อนที่จะถูกทับตาย "หยุดร้องไห้ซักที รำคราญ"
"นายให้อภัยฉันแล้วใช่ไหม"
"ฝันไปเถอะ เดี๋ยวพ่อจะเอาสันหนังสือปกแข็งเฉาะกระบาลแยกเลย" สิบสามบ่นฆาตโทษไว้ล่วงหน้า
"ไม่เป็นไรแน่ๆใช่ไหม"ราฟาเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงคนร่างบางจะโดนหมีล้มทับ เมื่อสิบสามยืนยันว่าตัวเองไม่เป็นอะไรจริงๆ ใบหน้างามแสดงอาการโล่งใจ เรียกเอาหัวใจแองจี้ที่บังเอิญสบตาเข้ากระตุกวูบไปชั่วขณะหนึ่ง ผู้ชายอะไร อันตรายจริงๆ พลังฟรีโรโมนดึงดูดทางเพศสุดแสนจะทรงอำนาจ พวกสาวๆในโรงเรียนคงกระอักความเจิดจ้าตายไปหลายรายแน่ ขนาดตัวเขาเองที่เป็นผู้ชายยังเกือบเคลิ้มแล้วไหมล่ะ
"คงใกล้ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว" ราฟายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา "ขอถามหน่อยได้ไหมว่าห้อง ม.3/9 อยู่ที่ไหนหรอ"
"นายคือนักเรียนใหม่ทีพึ่งย้ายมาหรอเนี่ย" แองจี้เลิกคิ้ว
"ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก ยัยนี่ด้วย" ชายหนุ่มชี้ไปที่คนข้างๆ "ผมชื่อราฟา" เขาแนะนำตัว
"เราชื่อ แจน ยินดีที่ได้รู้จักนะ สิบสาม แองจี้"
"รู้ชื่อฉันได้ไง" แองจี้ทำท่าตกในสูดขีดเหมือนกำลังดูหนังเรื่องผีในคอห่าน "เธอคือสปายของพวกแฟนคลับที่แอบมาสืบประวัติฉันใช่มะ"
"ทำท่าซะโอเว่อ"สิบสามเอาศอกกระทุ้งเพื่อนแรงๆ "พวกเราออกจะคุยกันเสียงดังขนาดนั้น ไม่รู้ชื่อก็บ้าแล้ว"
เพื่อเป็นการตอบแทนเล็กๆน้อยๆ สิบสามจึงออกคำสั่งบังคับเพื่อนตัวดีให้ไปส่งราฟาที่ตึกที่อยู่กันคนละฝากของโรงเรียน ส่วนตัวเขาเองจะเป็นคนพาแจนไปส่งให้
"เธอเรียนห้องไหนล่ะ"
"รู้สึกจะเป็นห้อง ม.3/8"
แค่ก แค่ก แค่ก
สิบสามสำลักน้ำลายตัวเอง เขาควรทำยังไงดี กับเด็กสาวคนนี้ที่ดันบังเอิญมารล่วงรู้ความลับของเขาเข้าจนได้
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+
ในชั่วโมงภาษาไทยที่แสนจะน่าเบื่อ ทุกคนต่างก้มหน้าอ่านหนังสืออย่างเงียบเชียบ ความจริงแล้วนั่นคือเทคนิคการนิทรารมณ์ในห้องเรียน...ความสามารถเฉพาะตัวที่มีกันเกือบทุกคนในห้องม.3/9แห่งนี้ คนไหนยังฝึกวิชาไม่แก่กล้าพอก็อาจมีของเหลวสีใสเหนียวหนืดเวลาทำปฏิกิริยากับอากาศจะกลายเป็นฟองไหลย้อยหยดเยิ้มยาวอาบนองบนโต๊ะ หรือไม่ก็นั่งผงกหัวเป็นจังหวะตามการพูดของอาจารย์ มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เสียงเอื้อนกลอนของอาจารย์ช่างเป็นดุจดั่งอาวุธร้ายคอยขับกล่อมให้สู่ฝัน ประกอบเป็นคาบสุดท้ายของวันนี้ จิตจึงจดจ่อกับกิจกรรมกลังเลิกเรียนมากกว่าบทเรียนที่แสนง่วงนอน
นิ้วเรียวยาวของคนเหม่อลอยตวัดไปมาขีดเขียนตัวอักษรลงบนแผ่นกระดาษสมุด ถึงดวงตาหลังกรอบแว่นจะมุ่งตรงไปยังหน้าห้องแต่ก็ไม่ได้จับจุดโฟกัสที่ใด ห้วงคำนึงแห่งความนึกคิดกำลังดำดิ่งลงไปสู่ก้นบึ้งของจิตใจ สติสัมปชัญญะหลุดลอยไปในที่ห่างไกล หากแต่มือกลับยังคงขยับขีดเขียนความ
"สิบสาม เลิกเรียนแล้วนะ...เว่ย"
เสียงทักทายจากคนโต๊ะหน้าเรียกเอาสติของชายหนุ่มกลับคืนมา หันหน้ามองซ้ายขวาเลิกลัก เพื่อนร่วมห้องทั้งหลายกำลังเก็บอุปกรการเรียนใส่ประเป๋าเตรียมกลับบ้าน
"หมดเวลาตอนไหนล่ะนั่น" สิบสามผ่อนลมหายใจ พร้อมกับปิดขี้เกียจคลายกล้ามเนื้อที่ตรึงเครียดมาทั้งชั่วโมง
"เสียงอ๊อดโรงเรียนออกจะดังสะเทือนฟ้าขนาดนั้นไม่ได้ยินรึไง" แองจี้เอี้ยวตัวหันหลังให้กระดานเพื่อสนทนากับคนโต๊ะหลังสุดของห้อง "เก่งจริงเลยพ่อคุณ...ทำได้แม้กระทั่งลืมตาหลับ"
"ก็ไม่เชิง" ชายหนุ่มยักไหล่ "แล้วแจนหายไปไหน"
แองจี้ชี้ไปตำแหน่งข้างขวามือของเพื่อน "นายปลุกเองเถอะ เป็นคุณเธอหลับแล้วไม่กล้าปลุก ท่าทางมีความสุขเสียเหลือเกิน" เด็กหญิงผมสีดำซอยสั้นกำลังตั้งอกตั้งใจฟุบหลับราวกับวิญญาณกระเด็นหลุดไปพร้อมกับอาจารย์เจ้าของอาวุธร้ายสยบการเคลื่อนไหว หนังสือภาษาไทยเล่นใหม่เอี่ยมบัดนี้เจิ่งนองไปด้วยคราบน้ำลายที่หลั่งไหลออกมา
"แจน ตื่นได้แล้ว" สิบสามสะกิดคนข้างตัวแรงๆ หากสิ่งที่ตอบกลับมาคือความสงบนิ่งไม่ไหวติ่งและเสียงโกรน เขาจึงต้องใช้มาตรการสุดท้าย หยิบขนมปังโรยน้ำตาลที่เหลือตอนเที่ยงเข้าอังตรงจมูกอีกฝ่ายซึ่งทำปฏิกิริยาตอบสนองโดยการหายใจฟุดฟิดสัมผัสกลิ่นเป็นอย่างแรก ก่อนตามด้วยอ้าปากงับขนมปังมาเคี้ยวตุ้ยๆในทันใด
ง่ำ ง่ำ ง่ำ เสียงเคี้ยวไร้มารยาทดังมาจากเด็กหญิงผู้มีใบหน้าซีกหนึ่งเปียกน้ำ
"คราวหน้าขอเปลี่ยนเป็นกล้วยแทนนะ" แจนพูดขึ้นพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำลายทั้งบนตัวและบนโต๊ะ
"ถ้าไม่ลืมก็จะซื้อมาให้"
แองจี้ยิ้มแหยๆให้กับการเข้ากันได้อย่างลงตัวของทั้งสอง สิบสามเป็นคนใจเย็นชนิดถึงจุดเยือกแข็ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็แทบจะไม่ทำให้สะทกสะท้านใดๆ ตอนแรกๆพวกเขายังอึ้งกิมกี่ในความประหลาดของแจน แต่หลังจากผ่านไปซักอาทิตย์ก็เริ่มชิน โดยเฉพาะสิบสามที่สามารถหากลวิธีมารับมือได้ตลอด
"นี่กี่โมงแล้ว" ชายหนุ่มถามเพื่อนร่างใหญ่
"ตัวเองก็มีนาฬิกา แหกตาดูเองดิ"
สิบสามรู้สึกอยากจะเอาดินสอในมือกระแทกอัดเข้าลูกตาคนยียวนจริงๆเลย "ลืมไปแล้วรึไงว่าซ้อมบาสกลังเลิกเรียน ไม่อยากจะบอกว่าคราวนี้มี่รุ่นพี่ศิษย์เก่ามาซ้อมให้ ถ้าไปสายได้วิ่งรอบสนามตามวินาทีที่ไปสายนะแองจี้" เขาบิดข้อมือหันหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามสิบห้าให้ดู สายไปห้านาทีแล้ว
แองจี้เบิกตาโพรงด้วยความตื่นตระหนก มือกวาดของบนโต๊ะใส่กระเป๋าเป้และวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว โดยทิ้งไว้เพียงแต่คำว่าสบถด่าให้เพื่อนได้ฟัง
"เขียนอะไร"
"หืม??" สิบสามครางในลำคอเสียงสูง
"ไอ้ที่เขียนมาตลอดชั่วโมงนี่ไง" แจนชี้ไปยังแผ่นกระดาษบนโต๊ะข้าง
"ไม่รู้เหมือนกัน" เด็กหนุ่มเลื่อนกระดาษไปให้ถามได้อ่านไปพร้อมกัน
"ความมืด...ทำไมคนถึงกลัวความมืด
เพราะสิ่งมีชีวิตอันน่าพิศวงสุดแสนสังเวชมักมาในความค่ำคืนที่แสนมืดมิด
หลบซ่อนเร้นกายอยู่ในเงาที่มองไม่เห็น
ทุกหนทุกแห่ง
จ้องมองอยู่หลังม่านดำของอากาศ
รอคอยเวลา...ให้เหยื่ออ่อนแรง
การกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน อ้อนวอนขอชีวิต
คือชะตาเพียงหนึ่งเดียวที่ผู้พ่ายแพ้จะได้รับ"
"เขียนซะโหดเชียว" แจนบ่นอุบอิบ เลิกสนใจข้อความในกระดาษ แล้วหันมาเก็บข้าวของลงกระเป๋าเพื่อกลับบ้าน
เด็กหนุ่ม....ยังคงจ้องกระดาษแผ่นนั้นไม่ว่างตา อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับจะให้ตัวอักษรฝังรากลึกอยู่ในดวงตา "ไม่ได้การ" เขากัดฟันกรอด และลุกพรวดพราดหิ้วกระเป๋าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ" สิบสามบอกลาเพื่อน เขาต้องรีบกลับไป...สะสาง
ปึก!! โครม.....!!
เหมือนมีบางอย่างมากระทบข้างครั้ง สิบสามล้มลงด้วยความเจ็บปวดที่ต้นคอ เขาถูกทำร้าย.... จากบางสิ่งที่โถมเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว ความร้อนลนทำให้เขาประมาท สติกำลังหลุดลอย ภาพสุดท้ายที่เห็นคือ ใบหน้าของแจนที่กำลังจ้องมอง
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+
ติดตามชม...
มุมสบายๆสไตย์นายสิบสาม
+ + ในที่สุดก็ได้ลงตอนสองเสียที ความลับของหนุ่มน้อยนามว่าสิบสามจะเป็นเช่นไรนั้น โปรดติดตามในครั้งต่อไปครับ++
+ + ปล. ช่วงนี้การ์บ้านเยอะจังเลยแหะ ++
++ อาจจะต้องมีกาเปลี่ยนแปลงในบทนี้นะครับ แล้วจะแจ้งให้ทราบอีกที ++
ความคิดเห็น