คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : พระราชา(ฝึกหัด)
บทที่ 1 พระราชาฝึกหัด
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ เกาะลอยฟ้าเหนือกรุงเทพมหานคร ฯที่ไม่เคยพบในพงศาวดารฉบับใดๆหรือตรวจพบด้วยดาวเทียมค้างฟ้าเครื่องไหน ยังมีอาณาจักเล็กๆแห่งหนึ่งดำรงอยู่อย่างลับๆ เคียงคู่กับประเทศไทยเรื่อยมาประดุจเงาที่ซ่อนเร้นอยู่ในความมืด ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครคิดจะค้นหา เป็นเมืองลับแลที่น้อยคนนักจะได้ย่างกลายเข้าไป มีผู้เฒ่าผู้แก่บางคนเท่านั้นที่เคยเห็น “ชาวโมโมเน่อ”ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนั้นลงมาเที่ยวเล่นบนพื้นดิน อาณาจักร “โมเม้นท์” ยังคงอยู่จนบัดนี้
อาณาจักรถูกปกครองด้วยอำนาจบูรณาญาสิทธิราชตลอดมา ผู้ปกครองจะมีตำแหน่งเป็น “พระราชา” สืบทอดบัลลังก์ด้วยสายเลือด รุ่นต่อรุ่น ถึงกระนั้นพระราชาทุกพระองค์ที่ขึ้นปกครองมาก็ต่างพระปรีชาสามารถครบถ้วนไปด้วยความสง่างามและชาญฉลาด ยกเว้น
พระราชาฝึกหัดคนล่าสุดของราชวงศ์
“พระราชาแจนาฟเพคะ กรุณาอยู่นิ่งๆเสียมั่งเถิด อย่าให้พวกนางในต้องวิ่งตามเป็นเด็กๆแต่ก่อนเลย” เสียงเอ็ดตะโรของสาวแก่ร่างท้วมดังขึ้น นางกำลังวิ่งหอบหิ้วกระโปรงไล่ตามมา เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลถลอกมอมแมมไปทั้งตัว เพราะเครื่องแบบพระพี่เลี้ยงประจำส่วนพระองค์นั้นยาวลากพื้นและฟูฟ่องไม่เอื้ออำนวยต่อการวิ่งเลยซักนิดเดียว เล่นเอาล้มหกเขมนหัวทิ่มหัวตำไปหลายรอบ
มันเป็นเรื่องดีที่นางได้รับตำแหน่งกิตติมศักดิ์เป็นถึงหัวหน้าพระพี่เลี้ยงประจำส่วนประองค์ แต่ก็โชคร้ายที่พระราชาพระองค์นี้กลับเป็นเด็กสาวอายุสิบห้าที่แสนซนและดื้อด้านที่สุดกว่าครั้งไหนๆ
“เราไม่ใช่นักโทษเสียหน่อย เลิกตามเราซักทีได้ไหม” เด็กสาวผมสีดำสนิทซอยสั้นวิ่งซอยเท้าบนโถงทางเดินอันยาวจนสุดสายตา โดยมีคณะพระพี่เลี้ยงประจำพระองค์วิ่งตามกันมาเป็นพรวน นำโดยมาริซ่าผู้เป็นหัวหน้าคณะ ดวงตาสีนิลเข้มฉายแววร่างเริงและใสซื่อดุจเด็กเล็กๆ สวมใส่อาภรณ์สีน้ำเงินขลิบด้วยไหมสีเงินอย่างดี หากแต่มิใช่ในแบบที่สตรีผู้สูงศักดิ์ควรจะใส่ มันเป็นชุดที่ดัดแปลงมาจากเครื่องแบบหัวหน้าองครักษ์ ต่างกันตรงแค่เป็นกางเกงขาสั้นเท่านั้น ถ้าไม่สังเกตเห็นมงกุฎสีทองใหญ่มหึมาบนศีรษะก็เหมือนเด็กกะโปโลทั่วๆไป
“หยุดวิ่งพล่านเช่นนี้เสียทีเถิด กระหม่อมวิ่งไม่ไหวแล้วนะเพคะ” มาริซ่ากล่าวเสียงหอบ
“เราไม่ได้บอกให้วิ่งตามเสียหน่อย”แจนาฟแลบลิ้นล้อเลียน พร้อมกับวิ่งนำห่างออกไปเลื่อยๆ
ราวกับพระเจ้าเมตตาเอ็นดูสาวโสตสนิทสุดสวยเพรียวลม(ซะเมื่อไร)อย่างมาริซ่า สุดปลายทางมีบุคคลผู้เป็นหนึ่งที่เดียวที่สามารถปราบพระราชาแสซนได้อยู่หมัดดักรออยู่ ‘ราชองครักษ์ราฟาเอล’ ไอดอลประจำราชวัง
“ไอ๋หย๋า” เด็กสาวอุทานออกมาเมื่อระจันหน้ากับคนตัวสูงที่อยู่ๆก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ - -อ๊ากกกกกกกกก สิ่งมีชีวิตเต็มไปด้วยความเจิดจ้ากระแทกตาเลือดไหลซิบๆ มาอยู่นี้ได้ไง - - แจนาฟกรีดร้องในใจ
“จะวิ่งไปไหนรึฝ่าบาท” ราฟาเอลก้มหัวคำนับตามขนบประเพณี
“เรากำลังจะไปหาอยู่พอดีเลย”
“ฝ่าบาทมีกิจอันใดจะเรียกใช้กระหม่อมก็ทรงให้คนมาตามไปพบจะสะดวกกว่านะครับ”
“คุยกับเหมือนเดิมไม่ได้รึไง” แจนาฟรีบหันหน้าหนีหลีกเลี่ยงจากการมองหน้าฝ่ายตรงข้ามทันที - -เลือดกำดาวจะพุ่ง ขอร้องทีเถอะอย่าทำหน้าตาดีใส่ได้ไหม ยิ่งไอ้คำพูดแบบนั้นมันทำให้มันทำให้ความเจิดจ้าเพิ่มขึ้นไปอีก- -
“กระหม่อมมิบังอาจ
”
เพื่อยุติการสนทนา แจนาฟยกส้นเท้ากระแทกลงบนรองเท้าหนังสีดำมันวับสะท้อนเห็นรูขุมขนของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรง จนคนมาดนิ่งถึงกับทรุดลงไปนั่งพูดไม่ออก ก็รองเท้าของเด็กสาวมันธรรมดาเสียที่ไหน ดูเหมือนภายนอกเป็นเพียงแค่รองเท้าหนังตุ่นสีน้ำตาลธรรมดา หากความจริงแล้วมันติดตั้งอุปกรณ์กลไกมากมายไว้ภายใน จนรองเท้ามีน้ำหนักมากกว่าปกติหลายเท่า ถ้าเป็นคนอื่นคงเดินเหินไม่ไหว มีเพียงเจ้าของรองเท้าคู่นี้เท่านั้นที่ใช้มันเหมือนปกติ
“น่าผิดหวังจริงๆ” เด็กสาวกระชากคอเสื้อขององครักษ์ “ถ้ารู้จักเราดีคงเดาออกนะว่า เราจะทำอะไรต่อไป”
องค์รักษ์หนุ่มสบตากับเด็กสาว ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งผ่านประตูออกไป
“โถ่
ท่านราชองครักษ์” มาริซ่าวิ่งมาหยุดตรงตำแหน่งที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ “เหตุใดท่านถึงปล่อยพระราชาแจนาฟไปโดยมิกล่าวห้ามเลย”
“ข้าเป็นเพียงองครักษ์ธรรมดาเท่านั้น คงมิอาจกล่าววาจาตำหนิติเตียนพระราชาได้หรอก”
“ถ้าเช่นนั้นคงไม่มีใครคุมพระราชาได้อีกแล้วนะซี” มาริซ่าถอนหายในเฮือก แล้วกันกลับไปกล่าวกับพระพี่เลี้ยงคนอื่นๆ “หยุดตามกันก่อน ไว้รอพระราชากลับมาเสวยพระกายหารแล้วค่อยจับตัวมาลองชุดเจ้าบ่าวแล้วกัน” เหล่าพี่เลี้ยงพยักหน้าตอบรับก่อนแยกย้ายไปทำหน้าที่ของใครของมันด้วยความเสียดาย สายตาอาลัยอาวรณ์องครักษ์หนุ่มเต็มที่
“มีเรื่องอะไรหรือครับ วุ่นวายกันเชียว”
“อ่าว
ไม่ทราบหรือเจ้าคะว่า จะมีการจัดพิธีอภิเษกระหว่างพระราชากับคู่หมั่นคู่หมายในอีกเจ็ดวันข้างหน้านี้ ท่านไปอยู่ที่แห่งใดมาถึงมิทราบเรื่อง”
ราฟาเอลพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับทราบ แต่ไม่ได้ตอบคำถามของหญิงร่างท้วมในตอนท้าย ชายหนุ่มตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด เขาควรทำเช่นไรดีกับพระราชาผู้แสนจะเอาแต่ใจ
ช่วยเหลือ หรือ ขัดขวาง
มีสองทางให้เลือกเท่านั้น
การตัดสินใจของเขาครั้งนี้อาจทำลายสายสัมพันธ์อันแสนมีค่าระหว่างกันได้มลายสิ้น
+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+
ในค่ำคืนอันแสนเงียบสงบ ดวงจันทร์ลอยเล่นอยู่บนท้องนภากว้างใหญ่อันไร้ดาวทอประกายแสงระยิบระยับประดับ ผู้คนต่างหลับใหลเพลิดเพลินกับฝันที่แสนหวาน ยกเว้นเหล่าทหารยามซึ่งยึดหมั่นในคำสั่งที่เคร่งครัด และพระราชาแห่งนครบนเกาะลอยฟ้าแห่งนี้
แจนาฟนั่งทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ทั้งๆที่เปิดรับอ้าไว้ แต่สายลมอันบริสุทธิ์กลับไม่สามารถพัดผ่านเข้ามาได้ โหยหาอาวรณ์ดินแดนแสนกว้างใหญ่เบื้องล่าง ชุดสีขาวถูกเย็บปักอย่างประณีตงดงามถูกมือผู้ต้องสวมใส่ขยำแน่นไม่ถนอม ชุดแต่งงาน
ในตอนนี้มีค่าเป็นเพียงแค่เศษผ้าขี้ริ้วที่น่ารำคราญ มันจะมีความหมายอะไรถ้าหัวใจไม่ปรารถนา อยากจะทำลายให้สิ้นซากเสียตรงนี้ หากไม่ติดที่ว่าถูกสอนมาให้รู้จักคุณค่าสิ่งของ
ไม่ว่าจะเป็นบานประตูหน้าต่าง หรืออะไรก็แล้วที่สามารถทำให้สิ่งที่ชีวิตภายในเล็ดรอดออกไปล้วนแล้วแต่ถูกลงลงอาคมกั้นอาณาเขตไว้ทั้งสิ้น พวกวิซาท์อาวุโสเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง เป็นความคิดที่แสนรอบครอบเสียจริงๆ มาริซ่าคาดการณ์ไว้ถูกว่าเธอจะหนีงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน
“คิดหรอว่าเขตอาคมแค่นี้จะกักเราไว้ได้”
แจนาฟหัวเราะในคำคอ พร้อมกับโยนชุดเจ้าสาวไปกองบนเตียง แล้วคว้าเป้ขึ้นสะพายเตรียมออกเดินทาง ถึงมาริซ่าจะเป็นคนฉลาด แต่ยังไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับความเจ้าเล่ห์ของพระราชาแสนซนอยู่ดี และอย่าคิดว่าพระราชาฝึกหัดซึ่งผิดแพลกไปจากรุ่นอื่นๆผู้นี้จะเก่งเวทย์ถึงขนาดทำลายเขตอาคมได้เหมือนกัน ขนาดร่ายมนต์ธรรมดายังท่องไม่ได้เลย อ่าว
แล้วจะทำยังไงล่ะ
เด็กหญิงหยิบกุญแจผีออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับแสดงรอยยิ้มแห่งชัยชนะ แม้ว่าประตูจะถูกลงอาคมไว้อย่างทนทาน ไม่ว่าจะพังด้วยขีปนาวุธก็ยังไงก็ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน แต่ยังไงก็ตาม คนฉลาดเดินไปมักไม่รู้จักความคิดตื้นๆ ไม่มีลูกไม้ใดๆเลย ในเมื่อไม่สามารถพังด้วยแรงได้ ก็เปิดมันด้วยกุญแจเสียเลยซี
แกร๊ก
ประตูไม้บานใหญ่ถูกไขออกมาอย่างง่ายได้ เด็กสาวค่อยๆแง้มประตูโฉงกหน้าออกไปมองทางเดิน ไร้คน
เงียบเฉียบ
เงียบ
เกินไป หายไปไหนกันหมด สงสัยไว้ใจในเขตอาคมน่าดู ทีนี้จะได้หนีได้สบายๆ
“จะไปไหนรึครับฝ่าบาท”
ชายหนุ่มร่างสูงผู้ดำรงตำแหน่งราชองครักษ์โผล่พรวดออกมาจากเงามืดอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย เล่นเอาคนถูกจับได้สะดุ้งโหยง
“โผล่มาไม่ให้สุ่มให้เสียง ตกใจหมด” เด็กสาวถอนหายใจเฮือก “มาทำอะไรแถวนี้มิทราบ ทำงานเสร็จแล้วรึไง”
“หน้าที่ของราชองครักษ์คือการดูแลความปลอดภัยของฝ่าบาท และควบคุมให้อยู่ในกฎเกณฑ์” ราฟาเอลเบี่ยงตัวขวางทางไว้
“หมายความว่าไง?”
“ได้โปรดเสร็จกลับเข้าไปข้างในเถิด แล้วอย่าคิดหนีไปไหนได้”
“ราฟา
” นัยน์ตาสีทองอำพันฉายแววผิดหวังออกมาเพียงเสี้ยววินาที แล้วแปรเปลี่ยนเป็นความแข็งกระด้างในทันใด กำปั้นจากความโทสะกระแทกท้องจนราชองครักษ์ผู้เที่ยงตรงถึงกับจุกจนพูดไม่ออก และฉวยโอกาสหนี้วิ่งหนีสุดฝีเท้า พร้อมกับหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ “ไม่มีวันเสียหรอกไอ้งูงี่เง่า”
“จะหนีไปไหนยัยบ้า” ราฟาเอลหลุดปากออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาถีบตัวกระโจนเข้าไปจับตัวคนดื้อด้านไว้ได้ทัน
“เหวย
!!”
แรงดึงที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้เด็กสาวเสียหลักหงายหลัง จบลงตรงที่ราฟานอนราบกับพื้นพรมสีเลือดหมูโดนมีเธอนั่งทับอยู่ด้านบน แจนาฟร้องกรี๊ดอยู่ในใจพร้อมกับรีบกระเทิบตัวเข้าไปซุกในมุมมืด
“นี่เป็นอะไรไป โรคเก่ากำเริบรึไง” ราฟาถามออกมาอย่างหงุดหงิด
มันเป็นความลับระหว่างพระราชาฝึกหัดกับองครักษ์หนุ่มหน้าตาดี เรื่องที่ “เธอเป็นโรคแพ้ผู้ชายเจิดจ้า เข้าขั้นขยาดเข้าใกล้ไม่ได้ เห็นผู้ชายหน้าตาดีเป็นสิ่งน่าขยะแขยง” เป็นนิสัยอันแปลกประหลาดที่เจ้าตัวไม่คิดจะแก้ไข เจอผู้ชายเจิดจ้าเป็นอันต้องหนีห่างโดยอัตโนมัติ ถ้าอยู่ในรัศมีสองเมตรเป็นอันต้องรู้สึกหายใจไม่ออกราวกับปอดจะหยุดทำงาน จนเมื่อมาเจอเขา อาการยิ่งรุนแรง ถึงขั้นเลือดกำดาวพุ่งกระฉูดเหมือนปืนฉีดน้ำมาแล้ว
“ฮือฮือ” แจนาฟร้องไห้กระซิกๆอยู่มุมเสา “ทำไมชีวิตเราต้องมาเจอนายด้วย อิอิอิ”
“อย่าร้องไห้ด้วยใบหน้าแสยะยิ้มได้ไหม” ราฟาเอลแจกมะเหงกไปหนึ่งที “เลือกเอาซักอย่าง จะหัวเราะ หรือร้องไห้”
“ก็เราดีใจอะ”
“ดีใจเรื่องอะไร”
“ก็ดีใจที่เรียกเราเหมือนเดิม” แจนาฟครางออกมา “ตั้งแต่ถูกยัดตำแหน่งพระราชาฝึกหัดให้ก็ไม่มีใครยอมเล่นกับเราเลย ถ้าการเป็นผู้ปกครองต้องมีแต่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เราไม่เอาตำแหน่งนี้ยังดีกว่า เราไม่ชอบ ทุกคนทำตัวห่างเหินกันไปหมด”
ราฟาเอลยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น รับฟังความรู้สึกของสหายที่สูงศักดิ์ “ยัยบ้าเอ๊ย ทำไมไม่บอกแต่แรก”
“เหอะ วันๆก็หมกอยู่แต่ห้องทำงาน จะให้เจอตอนไหนล่ะ” เด็กสาวย้อนกลับ รู้ดีว่างานที่สุมหัวราฟาเอลยู่นั้นเป็นแผนของสนมเอกแทรอสผู้เปรียบเสมือนมารดาเทียมของเธอที่หวังแยกเขาออกห่าง จะได้จัดการกับเธอได้ง่ายขึ้น “แล้วจะเอาไงต่อดีล่ะราฟา หนีไปไหนดี ไม่อยากแต่งงาน”
“อยู่ที่นี่เหมือนเดิมนั่นแหละ” ราฟาเอลตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย “งานอภิเษกยังต้องดำเนินต่อไป”
“ไปแต่งเองเดะ” แจนาฟส่งเกือกปะทะหัวคนเถรตรงเหมือนไม้บรรทัดด้วยความฉุนเฉียว
“ยัยลิงบ้า!!”เขาตะคอกกลับ “แล้วจะให้ทำยังไงกันเล่า คิดหรอว่าจะหลบจากเงื้อมมือของสนมเอกแทรอสพ้นรึไง”
พูดถึงชื่อนั้นแล้ว ทั้งคู่ต่างทำท่าสลดวูบเข้าสู่มุมมืดตามเสาทันที สนมเอกแทรอสติดอันดับต้นๆของบุคคลอันตรายประจำวัง ถ้าเป็นไปได้ต้องหลีกเลี่ยงหนีห่างไปให้ไกล ในสมองของนางสามารถคิดวิเคราะห์หาวิธีหลอกล่อให้คนมาเป็นหมาก เดินตามทางที่ต้องการได้เสมอ
พระราชาฝึกหัดถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ก็ได้
ถ้านายอยากให้เป็นแบบนี้การแต่งงานอาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิด” เด็กสาวรับคำโดยง่าย สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆนอกจากความชินชา การเป็นผู้ปกครองจำเป็นต้องตัดความรู้สึกทิ้งไป เปลี่ยนเป็นตุ๊กตาที่เคลื่อนไหวด้วยฟันฟืนของหน้าที่ ที่จริงทางเลือกก็มีอยู่เหมือนกัน เป็นทางสุดท้ายและทางเดียวที่สามารถรอดพ้นจากเงื้อมเมือของสนมเอก ขนาดพระราชารุ่นก่อนยังคงตามหาตัวได้เธอยากนัก แต่มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของใครบางคนเท่านั้น
ราฟาเอลเอื้อมมือไปผลักหัวคนข้างตัว “กลับเข้าไปนอนได้แล้ว”
“ไม่เอา เราจะนั่งเป็นเพื่อน”
“อย่าบ้าน่า”
ถึงแม้จะเป็นคำว่ากล่าว แต่ก็ไม่ได้เป็นการปฏิเสธ ถ้าทางเดินแห่งนี้สว่างขึ้นมาหน่อย เด็กสาวคงได้เห็นรอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้างามของชายหนุ่มที่ห่างไปเพียงหนึ่งช่วงแขน
ราฟาเอลเป็นชายหนุ่มร่างสูงเพรียวแต่พึ่งผาย ผิวขาวเนียนอมชมพูน่าสัมผัสลูบไล้ มีดวงตาสีทองอำพันประดุจแร่อเมทิสที่แสนลึกลับชวนค้นหา เส้นผมสีน้ำเงินหากสะท้อนแสงตะวันจะกลายเป็นประกายสีเขียวเข้มแสนแปลกประหลาด แล้วยิ่งไว้ยาวถึงไหล่ละต้นคอทำให้ใบหน้าเบนไปในทางสตรีเพศมายิ่งขึ้นแลน่ามอง จนสาวๆแต่งตั้งให้เป็นไอดอลประจำวังโดยไม่รู้ตัว
ใช่จะเพียบพร้อมด้วยหน้าตา แต่ยังมิได้ขาดความสามารถเลยแม้แต่น้อย เขาเคยดำรงตำแหน่งเป็นถึงราชองค์ลักษณ์ประจำตัวพระราชาที่ปกครองอาณาจักรอยู่ ณ ตอนนี้คู่กับแจนาฟ ทั้งๆที่เด็กสาวเห็นเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจเนื่องด้วยปัจจัยโรคแพ้ผู้ชายเจิดจ้า เลยทำให้เป็นทั้งคู่หูและคู่กัดกันมาก่อน แม้จนบัดนี้เขาก็ยังต้องคู่กันอยู่แม้ว่าจะเปลี่ยนตำแหน่งจากสหายมาเป็นนายกับบ่าวแทน
“ขอถามหน่อยได้ไหม” ราฟาเอลถามขึ้นทำลายความเงียบ
“หืม” คู่สนทนาตอบรับเสียงสูง
“ไม่คิดหรือไงว่าถ้าอาณาจักรโมเม้นขนาดพระราชาขึ้นปกครองจะเดือดร้อนแค่ไหน”
“คิดซี ถึงได้หนี’”
ราฟาเอลเบนหน้ามามองคนข้างตัวด้วยแววตาฉงนกับคำตอบที่ได้รับ
เด็กสาวมองไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย ดวงตาสีนิลฉายแววครุ่นคิด ก่อนตอบคำถามให้กระจ่าง “เราไม่เหมาะที่จะเป็นพระราชาหรอก อยู่ไปก็เท่านั้น มีแต่จะทำให้วุ่นวายเดือดร้อนไปเสียเปล่า ทำอะไรก็ไม่ได้ ถึงเราจะติ๊งต๊องไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่เราก็ไม่อยากให้ตัวเองเป็นหุ่นกระบอกที่ถูกพวกขุนนางชั่วร้ายชักใยบงการให้ประชาชนเดือดร้อนหรอกนะ”
องครักษ์หนุ่มเอนหลังพิงกำแพง ครุ่นคิดกับคำตอบของอีกฝ่าย ทำตอบที่คาดไม่ถึง
“แล้วยิ่งต้องมาแต่งงานกับคู่หมั่นของท่านราชทายาทอีก จะซวยไปกันใหญ่”
“จริงด้วย
” ราฟาสนับสนุน “เพราะคนที่จะมาเป็นราชินีต้องถูกคัดเลือดคัดสรรบุคคลที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและความสามารถมาเป็นคู่หมั่นของผู้ที่เป็นราชทายาทตั้งแต่วัยเยาว์ ถือว่า
ทั้งคู่ผูกพันฉันท์คนรักมานานนม แต่แล้วอยู่ๆยัยบ้าอย่างเธอก็ดันมารับตำแหน่งเป็นพระราชาฝึกหัดตัดหน้าซะอย่างนั้น จึงต้องเปลี่ยนจากคู่หมั่นของราชทายาทมาเป็นคู่หมั่นของเธอแทน เป็นอันต้องพรากคู่รักออกจากกันเลยนะเนี่ย บาปกรรมน่าดู”
“ประเด็นมันไม่ใช่ตรงนั้น” แจนาฟตบพื้นพรมดังป๊าบ ใบหน้าแสดงอาการวิตกกังวล “ที่สำคัญ
คู่หมั่นดันเป็นผู้หญิง”
“เออรู้แล้ว ไม่มีคู่หมั่นของพระราชาคนไหนเป็นผู้ชายหรอก” ราฟาเอลย้อน
“ไอ้งูบ้า!! ได้บรรลัยกันพอดี ผู้หญิงแต่งงานกันเอง”
“ซวยไปแล้วกัน...ที่ดันเป็นพระราชาหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การปกครอง”
“ไม่ตลกเลยนะ” แจนาฟสะบัดหน้าหนี
“มันไม่น่าใช่เหตุผลหลักที่ทำให้คิดหนีหรอกมั้ง” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆ “เธอไม่ได้เกลียดผู้หญิงเจิดจ้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง ออกจะชอบมากด้วยซ้ำ การแต่งงานกับผู้หญิงคงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนไอ้เรื่องกลัวถูกบงการยิ่งแล้วใหญ่ มันออกจะเกินจริงไปหน่อย นิสัยเจ้าเล่ห์อย่างเธอน่าจะเป็นคนบงการคนอื่นเขามากกว่านะ
คายออกมาให้หมดเปลือกซะดีๆ”
แจนาฟชะงักทันที ตัวแข็งทื่อไม่ขยับตัวเหมือนรูปปั้นปาติมากรรม - - คิดถูกเปล่าวะที่ดันให้ไอ้งูนี่กลับมาเป็นเหมือนเดิม ทำตัวห่างเหินต่อไปน่าจะดีกว่าเป็นกอง- -
“บอกมา
” คนได้เปรียบเค้นคำตอบจากอีกฝ่าย
เด็กสาวยิ้มแหยๆ “ไม่มีเหตุผลหรอก”
“ได้ข่าวว่ากำลังคลั่งนักแสดงที่ชื่อ ‘จินกิ’ นิ”
เฮือก!! คนถูกจี้ใจดำสะดุ้งสุดตัว เหงื่อพรั่งพรูออกจากรูขุมขน -- แสนรู้จริงๆไอ้งูบ้านี้ แต่ก็ยังไม่ฉลาดพออยู่ดี --
“อยากลงไปหางั้นหรอ
หึหึหึ”
ราฟาเอลเหยียดยิ้มมุมปากอย่างมีนัยน์
+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+
เมื่อแสงตะวันสาดส่องอาบดินแดนลอยฟ้า ผู้คนเริ่มตื่นจากนิทรารมย์ออกปฏิบัติหน้าที่ทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกันตามปกติ โดยเฉพาะในในพระราชวังที่แสนจะวุ่นวายถึงจะมีการเตรียมการมาเป็นอาทิตย์แล้วก็ตาม ผืนผ้าสีขาวถูกประดับตกแต่งทั่วทั้งวัน ดอกกุหลาบในแจกันใบงามผลิบานตลอดซอกทุกทางเดินใช้กลิ่นทรงเสน่ห์ดึงดูดคนที่สัญจรไปมา
ทุกอย่างเหมือนจะเป็นได้ด้วยดี แทบไม่มีอะไรขัดข้อง จนเมื่อมาริซ่าวิ่งกระหืดกระหอบไปทั่ววังด้วยความกระวนกระวาย
“พระราชาแจนาฟหายไปแล้ว!!” นางตะโกนลั่นอย่างอดกลั้นไม่ไหว “ทหาร!! ไปตามท่านราชองครักษ์ราฟาเอลมาเร็ว”
“พระพี่เลี้ยงมาริซ่า พวกเราเองก็กำลังตามหาราชองครักษ์ราฟาเอลอยู่เช่นกัน” พลทหารสองคนที่วิ่งผ่านมาได้ยินเสียงตะโกนของหญิงร่างท้วมพอดีรีบกล่าวตอบทันใด “องครักษ์ราฟาเอลยังไม่กลับเข้าห้องพักตั้งแต่เมื่อคืนตามคำสั่งของพระสนมแทรอส พวกเราเลยออกตามหา”
มาริซ่าเดาออกในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น องครักษ์ราฟาเอลเป็นเสมือนบุคคลที่เป็นได้ทั้งตัวโซ่ตรวนรั้งพระราชาแจนาฟไว้ได้ และก็เป็นเสมือนอาวุธคู่กายที่สามารถทลายได้ทุกอย่างเช่นกัน
พระราชาฝึกหัดกับราชองครักษ์หนีไปแล้ว!!
“แล้วจะทำเช่นไรต่อไปดี” มาริซ่ายกมือขึ้นกุมขมับ รู้สึกว่าตัวมันโหวงๆ เหมือนหัวจะหลุดจากบ่า
“เกิดอะไรขึ้นรึไง” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอามรณ์ ดวงตาสีแดงเพลิงที่แสนเด็ดเดี่ยวดุจภูผาอันมั่นคงเมื่อสบเข้าก็เหมือนจะละลายกลายเป็นไอเสียตรงนี้ เส้นผมและหนวดเคราที่ยาวจนถึงอึกกลายเป็นสีดำแซมขาวเนื่องจากกาลเวลานำภาพความชราภาพมาเยือน สวมใส่อาภรณ์ยาวคร่อมเท้าที่ถูกตัดเย็บอย่างประณีตบรรจง เครื่องประดับที่อยู่บนร่างนั้นล้วนคัดสรรค์มาอย่างดีจนไม่มีแม้แต่ตำนิ บ่งบอกถึงฐานะของเขา โดยเฉพาะมงกุฎทองฝังอัญมณีน้ำงามบนศีรษะ
“พระราชาคาซาน” หญิงร่างท้วมและพลทหารทั้งสองรีบโค้งตัวทำความเคารพด้วยอาการตื่นตระหนก
“ทำไมทำหน้าเช่นนั้นกัน บอกมาเถิดว่ามีเหตุอันใดเกิดขึ้น” คาซานกล่าว
“กระหม่อมผิดไปแล้วเพคะ กระหม่อมสมควรตาย” มาริซ่าตอบด้วยเสียงสั่นเครือ มือไม้สั่นด้วยความหวั่นเกรง
พระราชาคาซานเพ่งพินิจคนตรงหน้าครู่หนึ่ง ก่อนสั่งให้พลทหารทั้งสองออกไปจากห้องนี้ก่อน และเริ่มเดินสำรวจห้องอันเคยเป็นที่พักของพระราชาฝึกหัดก่อนจะหนีหายไป เขาดีดนิ้วเป๊าะ...ทันใดนั้นสายลมบริสุทธิ์ก็ผัดผ่านเข้ามาข้างในจนทำให้อาภรณ์ที่สวมใส่ลู่ไปตามแรงลม อาคมกั้นอาณาเขตได้ทะลายลงในพริบตา
“เป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่เจ้าคิดว่าจะขังเด็กคนนั้นไว้นี้ได้ด้วยอาคมกั้นอาณาเขต” คาซานกล่าวขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปบิดเชิงเทียนสามง่ามบนฝาพนัง ไปทางซ้ายสองครั้ง ข้างขวาครั้งเดียว ผนังก็บิดตัวเปิดประตูสู่ทางลับของราชวัง ทางเดินทอดยาวลึกหายไปในเงามืด ทั้งเย็นทั้งชื้น เพราะไม่มีใครใช้งานมานมนานกาเล พระราชาผู้ขึ้นปกครองต่างล้วนสรรค์สร้างทางลับเฉพาะตนขึ้นมาทั้งสิ้น ทั่วพระราชวังจึงมีทางลับมากมายคนเคี้ยวและเต็มไปด้วยกลไกลกับดักมากมาย
มาริซ่ามองด้วยสายตาที่ตกตะลึงงงงัน ถึงนางจะเคยได้ยินว่าพระราชวังที่แสนใหญ่โตแห่งนี้จะสร้างทางลับไว้ยามฉุกเฉิน แต่ไม่เคยรู้เลยว่าห้องนี้ก็มีทางลับ
“เด็กคนนั้นเป็นเสือซ่อนเขี้ยวซ่อนเล็บ” คาซานหัวเราะเบาๆ
“กระหม่อมขาดเขลายิ่งนัก กระหม่อมสมควรตาย” มาริซ่าคุกเข่าหมอบแนบกับพื้น
“พูดอย่างกับหนังจีนบนพื้นพิภพ” เขากระเซ้า “ถึงความผิดครั้งนี้มันใหญ่หลวงจนสามารถทำให้สั่งประหารเจ้าได้ แต่ข้าไม่ชอบลงโทษใครด้วยกำลัง ถือซะว่านี้เป็นคราวเคราะห์ของเจ้าแล้วกัน เพราะคนที่จะลงโทษเจ้าไม่ใช่ข้า แต่เป็นแทรอส...”
มาริซ่าหน้าซีดเป็นไข่ต้ม หัวใจหล่นไปอยู่ตรงตาตุ่ม สู้ให้ถูกประหารยังดีกว่าถูกพระสนมแทรอสลงโทษ
“รีบไปได้แล้ว แทรอสกำลังรอเจ้าอยู่ทีห้องบรรทมฝั่งตะวันออกนะ”
หญิงร่างท้วมโค้งทำความเคารพก่อนออกจากห้องนั้นรวดเร็วเท่าที่ร่างมหึมาของนางจะพาไปไหว
คาซานดึงครีกระดาษที่ถูกเหน็บไว้ตรงหัวเตียงขึ้นอ่านข้อความ
ถึง คาซาน
กว่าท่านจะได้รับจนหมายนี้เราคงหนีไปแล้ว ขอโทษด้วยแล้วกันที่ทำให้วุ่นวาย หวังว่าท่านคงเข้าใจ ถึงเราจะไม่ได้รังเกียจที่จะแต่งงานร่วมหอกับผู้หญิงด้วยกันก็เถอะ แต่ไอ้การแต่งงานกับคนรักของคนอื่นมันเป็นบาปหนักนะ เรากลัวแบกไม่ไหว เราไม่เข้าใจท่านเลย...คาซาน ทำไมท่านถึงเอาตำแหน่งบ้าๆบอๆมาให้เรา ท่านลืมไปแล้วหรือไงว่า “ต้องสืบทอดบัลลังก์ด้วยสาบเลือด” เก็บตำแหน่งนี้ไว้ให้องค์ราชทายาทเถอะ เขาเป็นลูกชายท่านนะ เมื่อเรากับราฟากลับมาอย่าลืมแต่งตั้งให้เป็นองค์ลักษณ์ประจำตัวท่านเหมือนเดิมต่อไปด้วยล่ะ มันสนุกกว่าการเป็นพระราชาฝึกหัดกว่าตังเยอะ และจัดการเรื่องแต่งงานให้เรียบร้อยก่อนเรากลับมาด้วยล่ะ แล้วอย่าให้ใครมาตามจับตัวเรากลับไปด้วย โดยเฉพาะแทรอส
ในระหว่างที่ท่านจัดการเรื่องบนเกาะ พวกเราก็ไม่ได้คิดจะหนีไปอู้งานสบายอยู่ฝ่าเดียวหรอกนะ พวกเรารับภารกิจตามอดีตองค์ลักษณ์ของท่านให้เอง จะได้เสมอกัน
รักษาสุขภาพด้วยนะคาซาน
แจนาฟ เจ ซิน
. “ข้าไม่หวังอะไรนอกจาก ขอให้เจ้าทำใจหันหลังกลับมายังเกาะนี้ได้เองแล้วกัน...แจนาฟ”
อิสระ
มันช่างหอมหวานเมื่อได้ลิ้มลอง ยากจะเลิกเสพได้
+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
จบบทที่ 1 พระราชา(ฝึกหัด)
มุมสบายสไตย์นายสิบสาม
+ + ขอฝากนิยายเรื่องแรกที่ลงในเด็กดีไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วนะพ่อแม่พี่น้อง++
++ วิจารย์ได้ แต่รักษาน้ำในนิสนึงนะครับ ผมอ่อนไหวง่าย (หัวเราะ) ++
++ ถ้าเจอคำผิดกรุณาแจ้งด่วนนะครับ จะได้แก้ไข++
++ ขอบคุณUntouchable<ซองคุง>มากมายที่อุตส่ามาเป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์อักษรให้ 555 +
ความคิดเห็น