เรื่องแปลกแต่เกิดขึ้นจริง
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนไปซัมเมอร์ที่ปักกิ่งตอนปิดเทอมปี49ที่ผ่านมา
ผู้เข้าชมรวม
225
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นคนที่ชอบฟังและชอบเล่นดนตรีอยู่แล้วพอได้มาที่ปักกิ่งก็รู้สึกดีใจมาก หลังจากที่ข้าพเจ้าได้มาถึงปักกิ่งเป็นวันที่สามข้าพเจ้าก็เกิดอยากที่จะเดินเที่ยวเพื่อที่จะสำรวจบริเวณรอบๆที่พักจึงได้ชวนเพื่อนที่มาด้วยอีกคนหนึ่งเค้าเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปอยู่แล้วก็เลยไปด้วยกัน เรากลัวว่าจะหลงทางเนื่องจากที่ปักกิ่งมีตรอกซอกซอยเยอะมากเราก็เลยเดินตรงเอาอย่างเดียวที่ถนนเส้นใหญ่ซึ่งวันนั้นเดินได้ประมาณ10กว่ากิโลมั้งกลับมาก็อ่วมเลย ที่นี่พวกเราได้เห็นและได้เจอสิ่งที่แปลกและแตกต่างจากเมืองไทยเยอะมากในขณะที่ข้าพเจ้ากับเพื่อนกำลังเดินอยู่นั้นก็ได้เจอกับวณิพกตาบอดคนหนึ่งกำลังสีซอที่คาดว่าแกทำขึ้นเองอยู่ข้างสะพานลอยที่จะข้ามไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้ากับเพื่อนก็หยุดเพื่อฟังแกเล่นอยู่พักหนึ่งแล้วก็ไม่ได้สนใจแล้วก็เดินต่อไปกัน ต่อมาข้าพเจ้าก็ได้เจอลุงตาบอดคนนี้อีกครั้งหลังจากที่ข้าพเจ้าได้อยู่ที่จีนประมาณกลางเดือนเมษายน ตอนที่ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆกำลังไปเดินที่ตลาดรัสเซียซึ่งเป็นแหล่งขายสินค้าที่ก๊อปทุกยี่ห้อ และเป็นแหล่งรวมของถูกขึ้นอยู่กับว่าเราต่อได้เท่าไหร่ โดยตลาดรัสเซียนี้ห่างจากที่พักของถือว่าไกลเหมือนกันเพราะต้องนั่งรถเมล์แล้วต้องไปต่อรถไฟฟ้าอีกทอดหนึ่ง แกกำลังนั่งสีซอตัวเก่าของแกอยู่บันไดทางขึ้นจากสถานีรถไฟฟ้า แต่ด้วยความไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้วก็ลืมไปมาจำได้ก็ตอนกลับมาไทยแล้วดูรูปถ่ายจากกล้องของเพื่อนคนที่ชอบถ่ายรูปเนี่ยแหละ จนข้าพเจ้าแซวเพื่อนคนนี้ว่าถ้าหลงทางที่จีนนี่ก็ให้ดูรูปถ่ายย้อนหลังเอาจำได้กลับถูก....อิอิ ต่อมา จนกระทั่งช่วงใกล้จะกลับประเทศไทยอีกสามวันซึ่งเป็นวันที่1 พฤษภาคมโดยตรงกับวันชาติจีนพอดี ข้าพเจ้า อาจารย์แล้วก็พี่ที่มาซัมเมอร์ด้วยกัน ชวนกันไปเที่ยวอีกมณฑลหนึ่งมณฑลที่ไปคือมณฑลเทียนจินเพื่อไปดูหอฟ้า(เทียนถาง)ที่มีชื่อ
ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้ไปแล้วเพราะวันนั้นข้าพเจ้าตื่นสาย มีคนจำนวนมากที่ทยอยกันกับบ้าน จนอาจารย์ของข้าพเจ้าถอดใจจะไม่ไปแล้วแต่กับซื้อตั๋วได้ซะงั้นเป็นความฟลุกจริงๆ นั่งรถไฟที่จีนนี่ทันสมัยกว่าเมืองไทยเยอะเลยทำให้นึกถึงรถไฟที่แฮรี่ พอล์ตเตอร์นั่งเปี๊ยบ ในที่สุดเราก็มาถึงมณฑลนี้จนได้ พวกเราได้ชมหอเทียนถางสมใจ ได้ลองชิมซาลาเปาจากมณฑลต้นกำเนิดจริงๆ ได้ลองทานขนมขื้นชื่อของเทียนจินซึ่งมีลักษณะเป็นแป้งทอดเกลียวๆ ได้ไปเดินซื้อของและเที่ยวชมที่เมืองเก่า ตอนที่พวกเรากำลังเดินผ่านห้างฯกันอยู่นั้นข้าพเจ้าก็ ได้บังเอิญผ่านไปเจอกับลุงตาบอดคนนั้นอีกครั้ง ข้าพเจ้าจึงคิดในใจว่าโหทำไมลุงตาบอดคนนี้เก่งจังแฮะ สามารถเดินข้ามมาอีกมณฑลได้เลย ขนาดข้าพเจ้านั่งรถไฟมายังง่วงแล้วง่วงอีกไม่ถึงซักที ถือว่าไกลมากเหมือนกัน แต่พอข้าพเจ้าเดินผ่านไปใกล้ๆก็ถึงกับอึ้งกับบทเพลงที่แกกำลังสี เพราะเพลงที่แกกำลังสีอยู่ในตอนนั้นเป็นเพลงที่ข้าพเจ้ากำลังฝึกอยู่กับอาจารย์ก่อนที่จะมาจีนแต่ยังไม่เก่งเพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่ติด1ใน10ของเพลงจีนที่มีชื่อ นั่นก็คือเพลงเอ้อเฉียนอิงเยวี่ย โดยผู้ประพันธ์เพลงนี้เป็นขอทานตาบอดเหมือนตัวแกเนี่ยแหละ ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่ต้องใช้เทคนิคในการเล่นซอเอ้อหูร์ทั้งหมด และมีการรูดสายจนเกือบสุดปลายสายด้วย และเครื่องดนตรีของแกนั้นเมื่อเทียบกับซอเอ้อร์หูมาตรฐานที่ขายกันทั่วไป ก็ถือได้ว่าซอของแกมีความยาวมากกว่าปกติมาก ซึ่งเวลาที่จะสีระยะนิ้วที่วางสายซอก็ต้องห่างมากตามไปด้วยแต่แกก็สามารถสีได้อย่างไพเราะไม่ผิดเพี้ยน เหมือนซอสะอื้นได้จริงยังไงยังงั้น แต่ข้าพเจ้าก็รู้สึกงงๆอยู่เหมือนกันว่าอะไรจะบังเอิญขนาดนั้นถึงได้เจอแกตั้ง3ครั้งและยังบังเอิญเดินผ่านมาเจอแกตอนที่แกกำลังสีเพลงนี้ด้วย--------------แต่ความบังเอิญ......แปลก ....มันก็เกิดขึ้นจริงตอนที่อยู่จีนช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาของข้าพเจ้าผลงานอื่นๆ ของ ลมเย็นสบาย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ลมเย็นสบาย
ความคิดเห็น