คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 3 | ขายตรง 1/2
3 | ขายตรง 1/2
พาร์ทคนโปรด
“เสร็จแล้วก็ไปทำความสะอาดห้องนู้นด้วย” คุณชายเจ้าของห้องนอนเอกเขนกชี้นิ้วสั่งฉันอยู่บนโซฟาตัวยาว เสียงหนังจากโทรทัศน์จอยักษ์ดังสนั่นไม่เกรงใจคนข้างห้อง
“เปิดเบาหน่อยก็ได้มั้ง” หลังจากอาบน้ำโดยรื้อชุดจากกระเป๋าเดินทางของตัวเองใส่ นึกขอบคุณที่เขาไม่ลืมทิ้งสัมภาระของฉันไว้ที่คลับ แทนก็ไม่ยอมให้ฉันกลับ เอาแต่สั่งให้ฉันทำความสะอาดห้อง ทั้งที่ห้องเขาสะอาดว่าห้องเก่าของฉันเสียอีก
พ่อคุณชายรักสะอาด!
“เสียงดังๆ สนุกดี”
“ไม่กลัวโดนเขาด่าหรือไง”
“จะว่าอะไรก็ห้องมันเก็บเสียง” เก็บขนาดนั้นเลยเหรอ
ครืด ครืด
โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นสั่น หัวใจฉันลิงโลดอย่างมีความหวัง เวลาประมาณเก้าโมง ในที่สุดเพื่อนสนิทก็ติดต่อกลับมา
[ฮัลโหล]
“เปรี้ยว! ฉันนึกว่าแกเป็นอะไรไปแล้ว ทำไมติดต่อไม่ได้เลย”
[ฉันยุ่งๆ น่ะ แกมีอะไรหรือเปล่า โทรมาตั้งหลายสาย]
“แกยังไม่ได้อ่านแชตเหรอ…ฉันเลิกกับไอ้ก้องแล้ว มันยึดทั้งรถทั้งคอนโดฯ ของฉันไปด้วย” พูดขึ้นมาก็จะร้องไห้ มันทั้งเจ็บใจทั้งเสียใจที่ไว้ใจคนผิด “ตอนนี้ฉันไม่มีที่ไปอะ เลยอยากขออยู่กับแกสักพักหนึ่งก่อนได้ไหม”
[ฉันไม่สะดวกอะแก คือ…แกก็รู้ว่าฉันมีแฟน]
“อ๋อ…เฮ้ยไม่เป็นไร ฉันเข้าใจๆ” ฉันรู้ว่าเปรี้ยวมีแฟนแล้วแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันกับยาหยียังไปนั่งเล่นห้องของเธออยู่เลย โชคร้ายอีกแล้วยัยคนโปรด “เดี๋ยวฉันโทรหายาหยีแทน แกไม่ต้องห่วงนะ”
[ยาหยีไปเที่ยวกับครอบครัวคงไม่อยากให้คนอื่นไปรบกวนหรอก ฉันว่าแกลองหาที่พักเองก่อนดีไหม จะได้ไม่โดนเพื่อนรำคาญ]
“อ่า…อื้อ เดี๋ยวฉันลองหาดู” มันก็จริงอยู่ คนกำลังมีความสุขฉันไม่ควรเอาปัญหาของตนเองไปให้เพื่อนวุ่นวาย
[แล้วนี่แกอยู่ที่ไหน เสียงดังจัง] เสียงของหนังจากลำโพงคงจะดังแทรกเข้าไป ดวงตาเรียวชำเลืองมองคนที่นอนดูหนังอย่างสบายใจ ฉันเดินหลบไปหามุมที่น่าจะเงียบที่สุด
“อยู่ห้องพักอะ” ฉันเลือกที่จะโกหกไป
[เหรอ แฟนฉันบอกว่าเจอแกในคลับ X คงจะมองผิด] ฉันสะอึกไปหนหนึ่งเมื่อเพิ่งจะคิดได้ว่าคลับนั้นก็ใกล้มหา’ลัย ถ้ามีคนเห็นคงถูกเอาไปนินทาอีกตามเคย [งั้นแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีนัด]
“โอเค เจอกันที่มอ” หลังจากตัดสายไปฉันก็เดินกลับไปหาเจ้าหนี้ซึ่งหันมาเห็นฉันก็กวักมือเรียก
“หยิบจานกับช้อนส้อมมาหน่อย” กล่องอาหารหลายอย่างวางอยู่ที่โต๊ะ ไม่รู้ไปหามาตอนไหน ฉันแว็บไปคุยโทรศัพท์แค่ไม่กี่นาทีเอง
“จะกินตรงนี้เหรอ” ติดดูหนังอะไรขนาดนั้นอะ
“ดูไปกินไปสนุกดี”
ฉันเดินไปหยิบจานหลายใบและช้อนส้อม พร้อมน้ำเปล่ามาให้เขา ทว่าคนจะกินกลัยไม่ขยับมือ ฉันที่รับหน้าที่เบ๊จำเป็นจึงต้องจัดจานทุกอย่างให้
อดทนนะคนโปรด
“ฉันจะกลับแล้วนะ”
“กินให้เสร็จก่อน” แทนผุดลุกขึ้นมานั่งเลื่อนจานที่ฉันจัดเองจนเสร็จมาตรงหน้าของฉัน
“กินอะไร…นี่ของนาย”
“ของเธอนั่นแหละ ฉันกินแล้ว” กินตอนไหน ฉันมองข้าวต้มกุ้ง โจ๊กเห็ดหอม ข้าวผัด และอาหารเช้าง่ายๆ อีกหลายอย่างส่งกลิ่นหอมน่ากิน
โครกกก
“ก็ฉันยังไม่กินข้าวนี่” ท้องร้องเสียงดังจนเขาหันมามอง เสียงหนังก็ดันเบาพอดีอีก อับอาย!
“ฉันไม่ได้ว่า ว่าเสียงดังอย่างกับเครื่องจักรโรงงานสักหน่อย”
นายว่าอยู่!
ฉันกำช้อนส้อมในมือตักชิมทุกอย่าง อาหารเช้าทั่วไปแต่อร่อยกว่าที่เคยกินมากๆ หลังท้องถูกเติมเต็มได้สักพัก ฉันก็มองหนังที่ฉายอยู่อย่างสนใจ ภาพเลือดกระเซ็นสาดไปทั่วห้องขังเหยื่อ ตัวเอกของเรื่องเป็นฆาตกรโรคจิตฉีกยิ้มอย่างน่าสยดสยอง
อวสานอาหารเช้า
“รสนิยมดีนะ” ฉันก้มหน้าก้มตากินแม้จะรู้สึกพะอืดพะอมกับภาพที่เห็นเมื่อกี้ ทว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง
“ไม่ชอบ?”
“เฉยๆ” ใครจะไปบอกว่าตนเองกลัวหนังแนวนี้ เกือบจะวูบแล้วไหมล่ะ
“แล้วชอบอะไร…หนังรักโรแมนติก ดราม่าน้ำตาแตก”
“นายจะเปิดให้ดูหรือไง”
“ก็ถ้าอยากดู” หมายถึงฉันหรือเขาที่อยากดูล่ะ ดูจากนิสัยแล้วคงไม่พ้นตัวเขาหรอก
“ชินจัง” ฉันบอกเขาไปเพราะรู้ดีว่าเขาไม่เปิดให้หรอก หนังเล่นมาครึ่งเรื่องแล้วเขาคงไม่อยากเปลี่ยน
“เธออายุเท่าไหร่นะ” คิ้วเข้มจะขมวดหรือจะเลิกขึ้นสูง ดูมึนงงราวกับไม่แน่ใจว่าต้องมีปฏิกิริยาตอบกลับมาอย่างไร
“ยี่สิบ” อายุไม่ใช่ตัวกำหนดสักหน่อยว่าเราควรดูหรือไม่ดูอะไร
“ฉันยี่สิบเอ็ด เธอควรเรียกฉันว่าพี่”
“ไม่” กระดากปากเกินไป ถึงอย่างนั้นปากเล็กก็ยังโต้ตอบได้เป็นอย่างดี “เรียกชื่อเฉยๆ ดูสนิทกว่า”
“อยากสนิทกับฉัน?” ต่อมมโนทำงานอีกแล้ว คิ้วเรียวกระตุกยามแทนก้มลงมามอง “ฉันยังไม่รู้ชื่อเธอเลย”
“จำเป็นต้องรู้ด้วยหรือไง”
“คงต้องย้อนคลิปดูหน่อยเผื่อว่าจะมีชื่อเธอหลุดออกมา” เขาจงใจพูดให้ฉันรู้สถานะลูกหนี้
“คนโปรด!” ฉันหยิบน้ำเปล่ามาดื่มก่อนจะเช็ดปาก “ขอบคุณที่เลี้ยง เดี๋ยวฉันล้างจานให้เสร็จก็จะกลับเลย”
“มีที่ไปหรือไง ช่วงนี้ใครเขาย้ายหอกัน”
“นายได้ยินที่ฉันคุยโทรศัพท์เหรอ มารยาทหน่อยไหม ถึงฉันจะติดเงินนายก็ไม่ใช่ว่านายจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันได้นะ” ฉันมองเขาด้วยความไม่พอใจ แทนยักไหล่
“เธอยืนคุยแถวนี้ฉันก็ต้องได้ยินไหมล่ะ อีกอย่างหน้าตาเธอก็บ่งบอกว่าเพื่อนไม่ช่วย”
“ก็เขาไม่สะดวก” คำว่า ‘เพื่อนไม่ช่วย’ มันก็ออกจะแรงเกินไป
“แล้วจะไปอยู่ไหน”
“ฉันจะไปอยู่ไหนแล้วมันเรื่องอะไรของนาย ฉันบอกแล้วไงว่ายังไงก็คืนเงินให้แน่ไม่หนีหรอก” ฉันหันไปแหวเสียงใส่อย่างหงุดหงิด
“ก็ถ้าไม่มีที่ไปจริงๆ…ห้องนั้นก็ว่างอยู่” ใบหน้าหล่อเหลาพยักเพยิดไปทางประตูห้องหนึ่งซึ่งปิดสนิทอยู่อีกฝั่งของห้องนอนใหญ่ “ไม่มีค่าส่วนกลาง ไม่มีมัดจำ จ่ายหลังอยู่ครบเดือน”
ท่าทีจริงจังราวกับพนักงานขายตรงหาเงินเข้ากระเป๋าของเขาทำให้ฉันลดความระแวดระวังลง ไหนว่ารวยนักไง จู่ๆ ก็จะหาคนเช่าห้อง
“ไม่รบกวน” ใครจะอยากอยู่ร่วมห้องกับคนแปลกหน้าซึ่งเป็นผู้ชายกันล่ะ ถึงแม้ข้อเสนอของเขาจะค่อนข้างดูดีทีเดียวก็เถอะ แต่ห้องหรูกว้างขนาดนี้ค่าเช่าคงแพงหูฉี่แน่ๆ
“ตามใจ”
ฉันเก็บกวาดจานอาหารไปล้างเสร็จก็มาลากกระเป๋าเดินทางของตนเองไปที่หน้าประตูห้อง รองเท้าผ้าใบคู่เดิมถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
“นายจะเรียกฉันตอนไหนก็ได้ แต่ถ้าฉันไม่ว่าง ติดเรียนหรือติดทำงานก็ช่วยเข้าใจหน่อยนะ” จะเพิ่มวันใช้หนี้ก็ไม่เป็นไร
“ส่งตารางเรียนมาให้ด้วยแล้วกัน” เสียงทุ้มดังขึ้นที่ด้านหลังบ่งบอกว่าเขาตามมาถึงหน้าประตู
“แฟนเก่ายังไม่เคยขอเลยนะ”
“งั้นแฟนใหม่ก็อาจจะขอ” ฉันชะงักมือที่กำลูกบิด เหลียวมองคนหน้าตาย มือหนาเอื้อมมาเปิดประตูให้จนได้กลิ่นหอมอ่อนจากตัวเขาที่โน้มตามลงมา “ออกไปสิ”
“อือ”
คำพูดคำจาและพฤติกรรมแปลกๆ ที่ชวนให้รู้สึกคันยุบยิบในใจมันสะกิดให้ฉันต้องคอยสังเกตทีท่าของเขาหลายครั้ง ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เรารู้จักกันกลับทำให้ฉันจดจำเขาได้ง่ายๆ
“พิลึกคน”
ความคิดเห็น