คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : 4 | ผัวใหม่ 2/2
4 | ผัวใหม่ 2/2
“พี่พูดถึง ‘เมีย’ ผมให้มันดีๆ หน่อย” แทนคุณช่วยรับหน้าให้ ทว่าสรรพนามที่เขาใช้เรียกฉันมันชวนจั๊กจี้ยังไงชอบกล
“คนอย่างมึงเคยจริงจังกับใครด้วยหรือไง”
“แล้วคนที่นอกใจแฟนตัวเองอย่างมึงเรียกจริงจังไหม” ก้องหน้าบึ้งตึงเมื่อถูกรุ่นน้องอย่างแทนคุณพูดสวนกลับด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไป “เกาะผู้หญิงกินมันไม่เท่หรอก กลับไปหาคนของมึงเถอะ”
“มึงอย่าเสือก” ก้องวางบัตรไว้บนโต๊ะตรงหน้าของฉัน “บัตรเครดิตของเธอมันเต็มแล้ว”
แม่งใช้เงินกูจนนาทีสุดท้าย
แค่คิดว่าหนี้บัตรเครดิตที่เขาก่อไว้มากมายขนาดไหนฉันก็โมโหจนน้ำตาคลอ ลุกขึ้นอยากตะบันหน้าคนสักยก มือเรียวคว้าแก้วข้างตัวสาดใส่หน้าคนเฮงซวย
“ปลิงอย่างมึงจะไปเกาะใครก็ไปเหอะกูไม่เสียดาย!” ฉันข่มน้ำตาไว้สัญญากับตนเองว่าจะไม่ร้องไห้ให้คนอย่างมันเห็นอีก
“เป็นบ้าอะไรอีก!” ก้องมองฉันอย่างเอาเรื่องพร้อมกับสาวเท้าเข้ามาใกล้ราวกับจะตีฉัน
พลั่ก
ร่างของก้องสะดุดล้มจนเกือบลงไปกองที่พื้น “มึงขัดขากู?”
“ขากูมันยาวว่ะ มึงเดินไม่ดูเองหรือเปล่า” แทนคุณโกหกหน้าตายก่อนจะลุกขึ้นเดินมาบังร่างของฉันไว้จนมิด “แฟนใหม่มึงเขามองหาอยู่นั่นน่ะ”
คำว่า ‘แฟนใหม่’ ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของฉันมันพุ่งขึ้น เลิกกันได้แค่วันเดียวมันก็มีใหม่ได้เลยเหรอ ไม่ใช่ว่าฉันโดนสวมเขามาตลอดเลยหรือไง
แม้จะอยากเห็นหน้ามันแค่ไหนฉันก็ไม่คิดจะยื่นหน้าออกไปให้พวกมันเห็นสภาพน้ำตานองหน้านี้หรอก ร่างบางกลืนก้อนสะอื้นลงคอ มือใหญ่ยื่นมากำมือฉัน เขาวางเงินสดไว้ที่โต๊ะพร้อมกับหยิบบัตรเครดิตของฉันติดมือมาด้วย
“มึงคิดดีแล้วที่มีปัญหากับรุ่นพี่อย่างกู?”
“พูดเหมือนมึงใหญ่มาก รุ่นน้องยังจำชื่อมึงไม่ได้เลยมั้ง”
“ไอ้สัตว์!”
“ไปเถอะ” แทนคุณดันแผ่นหลังของฉันให้เดินออกจากร้านไม่สนใจเสียงโวยวายจากด้านหลัง
“ขอบคุณนะ” ฉันเช็ดน้ำตาอีกรอบหลังจากรัดเข็มขัดนิรภัย ถ้าไม่มีเขาสภาพของฉันคงแย่กว่านี้
“เพิ่งรู้ว่าเธออยากได้ฉันเป็นผัว” คนขับพูดขัดอารมณ์จนอดที่จะหันไปแว้ดเสียงใส่ไม่ได้
“นายจะบ้าเหรอ! ฉันแค่พูดไปอย่างนั้น ใครจะอยากได้นายกัน” น้ำตาหยุดไหลไปเสียดื้อๆ เพราะคนช่างกวนประสาทแถมยังหลงตัวเองที่หนึ่ง
“งั้นอยากเป็นเมีย”
“ไม่เอาทั้งคู่นั่นแหละ!” ฉันสูดน้ำมูกกอดอกอย่างไม่พอใจ คิดถูกหรือคิดผิดก็ไม่รู้ที่ตัดสินใจอยู่กับเขา ฉันจะเป็นไบโพลาร์ก่อนหาที่อยู่ใหม่ได้หรือเปล่า
แทนคุณจอดรถลงไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อก่อนจะหอบถุงใหญ่กลับมา
“กินนี่รองท้องไปก่อน ช่วงนี้รถติด” เพราะกินมื้อเย็นไปไม่กี่คำอดเสียดายค่าอาหารที่เขาจ่ายไปไม่ได้ ฉันจึงไม่ปฏิเสธน้ำใจที่หยิบยื่นมาให้
“นายไม่กินเหรอ” ปากเล็กกัดแซนวิชคำใหญ่ด้วยความหิว รื้อถุงก็เจอแต่ขนม เบียร์ และเหล้า
“เอามาดิ”
“คนละครึ่งนะ” เพราะเขาซื้อมาชิ้นเดียวจึงต้องแบ่งอีกครึ่งหนึ่งให้แทน “อะนี่”
“เธอจะให้ฉันเอามือไหนรับ” แล้วสละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยมารับไม่ได้หรือไง
“งั้นไม่ต้องกิน” ฉันว่าพลางหดแขนข้างนั้นมากัดปลายด้านหนึ่ง
“ก็ป้อนสิ ยัยตะกละ” หลังจากติดไฟแดง มือหนาก็คว้าข้อมือเล็กเข้าหาตัว ริมฝีปากหยักกัดเนื้อแซนวิชนุ่มๆ พลางมองฉันตาเขียว
“นายต่างหากที่ตะกละ ฉันกินไปแล้วแท้ๆ” ลิ้นร้อนแตะลงที่ปลายนิ้วเรียวคล้ายไม่ตั้งใจ ใบหน้าหล่อเหลาแก้มตุ่ยออกมาเนื่องจากฉันยัดส่วนที่เหลือเข้าไปจนหมด
ใครจะอยากป้อนเขาหลายๆ รอบกันล่ะ
“ขนไปเก็บที่ห้องตัวเองนู่น”
“ก็เดี๋ยวดิ” ฉันยืนเท้ามือกับกำแพงถอดรองเท้าผ้าใบ คนข้างหลังก็เร่งเอาๆ มือแกร่งยกกระเป๋าเดินทางใบโตของฉันไปวางโซนห้องนั่งเล่น “มีน้ำใจ”
“มานั่งนี่” แทนคุณตบเบาะนั่งเรียกให้ฉันเข้าไปใกล้
“ทำไมอีก” ตลกไม่น้อยที่ต้องขนของกลับมาที่เดิมทั้งที่เพิ่งจะออกไปเมื่อเช้านี้เอง
“ข้อตกลงเรื่องที่พัก”
“อ่า” ฉันเดินไปนั่งโดยเว้นระยะห่างประมาณสองช่วงแขน
“ข้อแรก ฉันหวงพื้นที่ส่วนตัว เพราะฉะนั้นเธอจะพาคนอื่นเข้าห้องไม่ได้”
“อือ” แปลว่าเขาก็ไม่พาคนอื่นมาด้วยเช่นกัน อาจจะเว้นเพื่อนสนิทข้างห้องของเขาสักสองคน
“ข้อสอง หน้าที่ทำความสะอาดทุกอย่างเป็นของเธอ” ฉันหรี่ตามอง ไอ้หมอนี่มันตั้งใจเพิ่มเวลาทำงานใช้หนี้ของฉันจริงๆ นี่หว่า
“ได้”
“ข้ออื่นฉันยังไม่ได้คิด คิดออกแล้วจะบอก”
“แบบนี้นายก็เพิ่มกฎได้เรื่อยๆ สิ”
“ฉันเป็นเจ้าของห้อง”
“เค” ฉันตอบรับอย่างเซ็งๆ ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมขนของไปเก็บในห้อง
“เดี๋ยว”
“อะไรอีก” ฉันปวดขาจะแย่อยากไปนอนแล้วเนี่ย
“มาคุยกันให้เคลียร์ก่อน เรื่องแฟนเก่าเธออะ” ฉันจำต้องทรุดตัวลงนั่ง อารมณ์ขุ่นมัวราวกับถูกกวนตะกอนขึ้นมาอีกรอบ
“นายรู้จักกับมันด้วยเหรอ”
“รุ่นพี่” หมายความว่าเรียนคณะเดียวกันด้วย ก็พอจะเดาได้อยู่หรอกว่าเขาเรียนมหา’ลัยเดียวกันกับฉันแต่ไม่คิดว่าจะเป็นรุ่นน้องที่คณะของแฟนเก่าด้วยอีก
“สาขาเดียวกันเหรอ” เขาพยักหน้า “กลมเว่อร์”
“แล้วจะเอายังไง ตอนนี้มันก็เข้าใจว่าฉันเป็นผัวเธอแล้ว”
“แฟนใหม่ก็พอ เรียกผัวแล้วขนลุก” ฉันลูบแขนตัวเอง รู้สึกประหลาดทุกครั้งที่ต้องพูดเรื่องความสัมพันธ์กับเขา
กับแทนคุณบทสนทนาของเราไม่นับว่าดีแต่ก็ไม่แย่ มันไหลลื่นแบบต่อปากต่อคำกันได้ตลอด มองภายนอกคงเหมือนเราสนิทกันทั้งที่ความจริงแทบไม่รู้จักกันเลย
“เธอจะทำยังไงต่อ”
“แล้วทำไมฉันต้องบอกนายด้วย นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉันนะ”
“แต่ฉันเป็นผัว”
“นั่นมันเรื่องโกหก!” เขาอินกับบทอะไรนัก
“ยัยโง่ ก็เธอโกหกแฟนเก่าที่อยู่สาขาเดียวกันกับฉัน เธอคิดว่ามันจะไม่เพ่งเล็งฉันหรือไง” แทนคุณพูดไปพร้อมกับยีผม หน้าตาคล้ายอยากจะเคาะหัวฉันแต่ก็ไม่ทำ “ถ้าโดนจับได้ว่าโกหกจะทำยังไง”
“เออลืม” กลายเป็นฉันสร้างปัญหาให้แทนคุณเพิ่มอีกหนึ่งเรื่อง ถ้าบอกไปว่าเลิกกับฉันแล้วคงเป็นเรื่องขบขันและน่าสมเพช เพราะเพิ่งจะโกหกคำโตไปเอง
แต่จะให้เขามายุ่งกับเรื่องนี้มากๆ ก็ไม่ควรอีก
“ถ้ามันรู้ว่าโกหกคงตลกน่าดู” เสียงทุ้มเอ่ยบอก
ใช่ ฉันจะให้มันรู้ไม่ได้
“มันมีแฟนใหม่แล้ว ถ้าจะทำเหมือนเราเลิกกันก็เสียหน้ามันนะ”
ใช่! จะเสียหน้าไม่ได้ มันไม่เจ็บไม่เสียใจก็ไม่เป็นไร แต่มันต้องเสียดาย!
ร่างบางขบคิดเผลอพยักหน้าตอบรับความเห็นของเขาทุกข้อโดยไม่รู้ตัว
“แล้วเธอจะทำยังไง ฉันไปเรียนต่อให้เลี่ยงยังไงก็ต้องเจอมันบ้าง ไม่แน่มันอาจจะเอาเรื่องของเราไปพูดให้คนอื่นฟังทั่วแล้วก็ได้”
“...นายก็รับบทเป็นแฟนฉันไปก่อนดิ” คิ้วเรียวย่นน้อยๆ เตรียมรับคำด่าว่าไร้หัวคิด
“ได้ แต่ฉันคิดค่าแรง ค่าตัว” แทนคุณพูดร่ายสิ่งต่างๆ ราวกับคิดมาแล้วว่าฉันจะตัดสินใจแบบนี้ “บวกกับตั้งกฎนิดหน่อย”
“ไหนว่ามีน้ำใจ”
“ก็มีไง” เจ้าหนี้ตอบหน้าตาย
“แต่ฉันไม่มีเงินจ้างนาย” เงินใช้หนี้ยังไม่มีเลย
“ก็ทำงานไปสิ”
“...ถามจริงๆ ทำไมนายถึงอยากเอาตัวเองมายุ่งกับฉันนัก” ฉันหรี่ตามองคนที่เอนตัวพิงเบาะนุ่มอย่างสบายอารมณ์ผิดกับฉันที่หน้านิ่วคิ้วขมวด
“ว่างมั้ง” มือใหญ่เสยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่หล่นลงมาปรกหน้าขึ้นไปลวกๆ “เรื่องของเธอมันก็น่าสนุกดี”
“นายหวังฟันฉันหรือเปล่า”
“นี่ยัยโง่…ไม่มีผู้ชายที่ไหนเขามาสารภาพหรอกนะว่าตนเองจะฟันผู้หญิงแล้วทิ้ง อย่าเที่ยวไปถามใครเขา”
“แปลว่านายจะหลอกฟันฉันจริงๆ เหรอ!”
“กูจะบ้า” แทนคุณพึมพำกับตนเอง สีหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าจะทำจริงๆ ฉันทำไปแล้ว ระแวงอะไรไม่เลิก”
“ใครจะช่วยโดยไม่หวังผลล่ะ”
“แล้วฉันไม่หวังตรงไหน ก็ให้เธอทำงานเพิ่มอีกสักเดือนสองเดือนแค่นั้นเอง”
“...” ฉันมองด้วยความไม่ไว้ใจ ถึงแม้การตัดสินใจของเขามันจะดีกับฉัน และเรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นจากความอยากเอาชนะของฉันเองก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นความระแวงมันก็มีไม่น้อย แค่ฉันเช่าห้องอยู่ร่วมกับเขาก็แปลกใจตัวเองมากพอแล้ว
“ถ้าคิดมากขนาดนั้นก็คบกันจริงๆ ไปเลยไหมล่ะ” ฉันอ้าปากค้างมองคนที่พูดออกมาได้หน้าตาเฉยราวกับคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ
“นาย…ไปหาหมอกับฉัน” ไอ้แผลที่ฉันฟาดด้วยโคมไฟเมื่อเช้าอาจจะส่งผลเสีย สมองกระทบกระเทือน “ฉันจ่ายค่ารักษาเอง”
“เธอนี่มัน…ฉันปกติดี! แล้วก็ไปหาหมอมาแล้วด้วย”
“ตอนไหน”
“ก็หลังจากที่เธอขนของออกไปไง” แทนคุณทำท่าเหมือนจะถอนหายใจอยู่หลายครั้ง บางจังหวะก็ดูปวดหัวแต่ก็เลือกที่จะอธิบายดีๆ “แสกนแล้ว ทุกอย่างปกติดี”
ทำไมฉันรู้สึกว่าเขาไม่ปกติล่ะ
“คนสติดีที่ไหนจะเสนอตัวคบกับคนที่ตัวเองไม่ชอบได้ อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่เรื่องของนาย แล้ว…”
“สรุปจะให้ช่วยไหม หรืออยากให้ไอ้ก้องมันรู้ว่าเธอยังอาลัยอาวรณ์กับมันอยู่” ใบหน้าหล่อเหลาพยายามจะใจเย็นแต่ก็มีความหงุดหงิดเล็กๆ เผยออกมา
“ช่วยสิ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างไม่ชอบใจแต่ก็รีบตอบกลัวเขากลับคำ “ฉันก็แค่สงสัยเฉยๆ”
“ตกลงว่าคบกัน” คนตัวโตขยับเข้ามาใกล้อีกนิด
“คบกันหลอกๆ” ฉันเขยิบตัวออกพร้อมกับเติมคำสำคัญที่มันตกหล่นไปให้
“ก็ได้ คบกัน…หลอกๆ”
ความคิดเห็น