คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ประเพณีที่ไม่เป็นธรรม
หลวงตาสงบถูกโยมปรับอาบัติซึ่งหน้า ก็ให้รู้สึกหงุดหงิด จึงพูดเสียงกร้าวขึ้นว่า โยมนี่ จะรู้มากเกินไปแล้ว ศึกษาธรรมะประสาอะไร จึงทำให้ผิดแปลกกว่าคนอื่นเขา พระภิกษุทั่วทั้งประเทศก็ปฏิบัติกันอย่างนี้ทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครเขาวุ่นวายเดือดร้อนอะไร เขาก็ปฏิบัติกันอย่างนี้มาเป็นร้อยปีพันปีแล้ว
ยุคสมัยนี้ต่างจากสมัยก่อน มันต้องมีการปรับปรุงพัฒนากันบ้างสิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ก็ต้องจ่ายเอง ค่ารักษา พยาบาลเวลาป่วยไข้ล่ะ ถ้าไม่มีโยมอุปัฏฐากที่มีฐานะ ใครจะมาออกให้
อาตมาจะบอกให้ว่า เวลาทำวัตรสวดมนต์ตอนเย็น พระภิกษุก็มีการแสดงอาบัติกันทุกวัน บอกแล้วว่าโยมไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เป็นพระภิกษุสวดมนต์ ไหว้พระ ให้พร ยถา สัพพี ฯ ได้ทำบุญกุศลตั้งมากมาย ถ้าจะตกนรกเพราะเหตุนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะก็คงจะตกนรกกันทั้งประเทศล่ะ และไม่ใช่ประเทศไทยเราประเทศเดียวเท่านั้น ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลังกา ลาว เขมร เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน มากมายในโลก ก็ปฏิบัติกันอย่างนี้ทั้งนั้น
โยมชวนพระศึกษาพระไตรปิฎก
โยมอยากให้พระภิกษุในยุคนี้ศึกษาพระไตรปิฎกบ้าง รวมทั้งอรรถกถาด้วย จะได้มีศรัทธา มีปัญญา เชื่อกรรมและผลของกรรมให้ยิ่งขึ้น จะได้กลัวบาปให้มากขึ้นกว่านี้ เพราะยุคสมัยที่เจริญด้วยวัตถุ พระภิกษุในยุคนี้ก็พลอยยึดถือวัตถุนิยมไปด้วย ทั้ง ๆ ที่รูปแบบการดำเนินชีวิตความเป็นอยู่ แม้กระทั่งเครื่องแต่งกายของพระภิกษุก็แตกต่างไปจากคฤหัสถ์ เป็นการประกาศตนเองอยู่แล้วว่าไม่อยากเป็นคฤหัสถ์ ฉะนั้น จึงต้องดำเนินชีวิตให้อยู่ในรูปแบบของความเป็นสมณะผู้สงบ ผู้ที่ ประพฤติตามพระธรรมวินัย
พระภิกษุบิณฑบาตเลี้ยงชีพ เป็นการขอแบบพระอริยะ คือ ไม่เอ่ยปากขอกับคนที่ไม่ใช่ญาติ คนที่ไม่ได้ปวารณาไว้ พระภิกษุไม่ต้องทำมาหากิน เพียงแต่รักษาศีล มีความสำรวม มักน้อย สันโดษ ญาติโยมก็เลื่อมใส ใคร่ที่จะดูแลอุปัฏฐาก ถวายอาหารและปัจจัยไทยธรรมให้แล้ว
-พระภิกษุเอ่ยปากขอปัจจัย ๔ กับคนที่ไม่ใช่ญาติ หรือคนที่ไม่ได้ปวารณาไว้ ถ้าขอจีวรได้มา ต้องอาบัตินิสสัคคิย-ปาจิตตีย์i เว้นไว้แต่จีวรหายหรือถูกทำลาย
-ไม่ป่วยไข้ ขอโภชนะอันประณีต เพื่อประโยชน์แก่ตนแล้วฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ii
-ไม่ป่วยไข้ ขออาหารบิณฑบาตได้มาฉัน ต้องอาบัติทุกกฏiii
-ขอเสนาสนะได้มา ต้องอาบัติทุกกฏiv แต่อนุญาตให้ขอโดยอ้อม ไม่ต้องเอ่ยปากขอได้ เรียกว่า ปริกถา โอภาส นิมิตกรรม
-ไม่ป่วยไข้ ขอเภสัชเกินกำหนดที่เขาปวารณา ได้มา ต้องอาบัติปาจิตตีย์v
-พระภิกษุนุ่งสบง ห่มจีวร สังฆาฏิ เรียกว่า ไตรจีวร ไม่ใส่เสื้อกางเกง โยมทราบว่า พระภิกษุสวมใส่เสื้อ กางเกง ไม่ว่ากางเกงนอกหรือกางเกงใน หรือสวมหมวก ต้องอาบัติทุกกฏvi
แม้สวมรองเท้าหรือกางร่มไปในละแวกบ้านโดยที่ไม่ป่วยไข้ ก็ต้องอาบัติทุกกฏvii
แสดงให้เห็นว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของพระภิกษุต้องต่างจากคฤหัสถ์จริง ๆ ใช่ไหมเจ้าคะ
หลวงตาพยักหน้าตอบรับ ในใจก็นึกฉงนอีกว่า ทำไมโยมลูกสาวจึงสนใจพระวินัยของพระภิกษุมากมายนัก และรู้ละเอียดหยุมหยิมอย่างนี้ !
โยมไฉไลลูกสาว ผู้ได้ศึกษาพระธรรมวินัยเมื่อไม่นาน ด้วยความรักความผูกพันในภิกษุผู้เป็นบิดา ความเคารพในพระศาสนา ประกอบกับความรู้สึกที่เรียกว่า กำลังไฟแรง จึงกล่าวถวายความรู้ต่อพระภิกษุผู้เป็นบิดาต่อไปว่า
ภิกษุใช้จีวรเพียง ๓ ผืน และบริขารที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องแฟชั่น ไม่ต้องตามให้ทันสมัย เพราะตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน ๒๕๐๐ กว่าปี ผ้าไตรจีวรของพระภิกษุก็ทรงเดียวกันหมด ไม่ว่าจะไปงานไหน ๆ ก็ใช้ทรงเดิม เรียกได้ว่า ชุดนอน ชุดเที่ยวจาริก ชุดออกงานมงคล งานอวมงคล ก็ชุดเดียวกันหมด ไม่ต้องกังวลในเรื่องเครื่องแบบ เรื่องแฟชั่น สบายจริง ๆ
พระภิกษุไม่ไว้ผม ไม่ต้องคอยตัดผมและเปลี่ยนทรงผมบ่อย ๆ เหมือนคฤหัสถ์ ตัดความยุ่งยากไปได้มาก เป็นความเหมาะสมแก่ผู้ที่สละทางโลก ไม่ต้องการความหล่อ ความงาม อันก่อให้เกิดกิเลสอกุศลมากมาย
พอพูดมาถึงตรงนี้ โยมลูกสาวหยุดครู่หนึ่งเพราะเกิดความสงสัยในเรื่องการโกนผมของพระภิกษุจึงได้ถามหลวงตาว่า
หลวงพ่อเจ้าคะ พระภิกษุมีวิธีการโกนผมกันอย่างไรเจ้าคะ ใครเป็นคนโกนให้ และมีกำหนดการโกนผมกันอย่างไร บางครั้ง โยมเห็นพระภิกษุบางวัดโกนผมไม่พร้อมกัน มีพระวินัยกำกับในเรื่องนี้หรือไม่เจ้าคะ และเคยเห็นพระภิกษุบางกลุ่ม เป็นส่วนน้อยที่ไม่โกนคิ้ว ดูแปลกตา ผิดพระวินัยหรือเปล่าเจ้าคะ ?
พระวินัยปิฎก เล่ม ๑ ภาค ๓ มหาวิภังค์ นิสสัคคิยกัณฑ์ จีวรวรรคที่ ๑ อัญญาตกวิญญัติสิกขาบทที่ ๖ เบอร์ ๓ หน้า ๘๐๓
พระวินัยปิฎก เล่ม ๒ มหาวิภังค์ ทุติยภาค ปาจิตติยกัณฑ์ โภชนวรรคที่ ๔ ปณีตโภชนสิกขาบทที่ ๙ เบอร์ ๔ หน้า ๕๔๙
พระวินัยปิฎก เล่ม ๒ มหาวิภังค์ ทุติยภาค เสขิยกัณฑ์ สักกัจจวรรคที่ ๔ สูโปทนวิญญัตติสิกขาบทที่ ๗ เบอร์ ๔ หน้า ๙๑๐
พระวินัยปิฎก เล่ม ๑ ภาค ๓ มหาวิภังค์ เตรสกัณฑวรรณนา อรรถกถากุฏิการสิกขาบทที่ ๖ เบอร์ ๓ หน้า ๙๗๔
พระวินัยปิฎก เล่ม ๒ มหาวิภังค์ ทุติยภาค ปาจิตติยกัณฑ์ อเจลกวรรค ที่ ๕ มหานามสิกขาบทที่ ๗ เบอร์ ๔ หน้า ๖๑๒
พระวินัยปิฎก เล่ม ๗ จุลวรรค ภาค ๒ ขุททกวัตถุขันธกะเบอร์ ๙ หน้า๖๒
viiพระวินัยปิฎก เล่ม ๕ มหาวรรค ภาค ๒ จัมมขันธกะ เบอร์ ๗ หน้า ๓๐, พระวินัยปิฎก เล่ม ๗ จุลวรรค ภาค ๒ ขุททกวัตถุขันธกะเบอร์ ๙ หน้า ๕๐
ความคิดเห็น