คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เทพอีรอสผู้ช่วยลำดับที่ยี่สิบเอ็ด
“อะไรนะ? ยิงพลาดอีกแล้ว?”
ข้าอุทานลั่นลานกว้างอย่างไม่อายคน เอาจริงๆก็ไม่มีใครแปลกใจหรอกที่ข้าตะโกนเสียงดังราวกับบ้านไฟไหม้แบบนั้น เรื่องอื่นที่ข้าเคยทำมามันน่าขายหน้ากว่านี้เยอะ เอิ่ม...แล้วข้าจะพูดทำไม
“เซเบลอสลูกรัก เจ้าเล่ามาซิว่าเจ้าไปก่อเรื่องอะไรขึ้นอีก?” ข้าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถามเจ้าลูก...เอ่อ ลูกศิษย์สุดที่รักที่ยืนก้มหน้าสำนึกผิด เอาเท้าจิ้มจึ๊กๆกับพื้นอย่างกับเด็กห้าขวบในขณะที่ข้าคิ้วกระตุกด้วยแรงอารมณ์
เหล่าอีรอสผู้ช่วยที่เดินผ่านไปผ่านมาในลานนั้นต่างพากันมองข้าอย่างเห็นอกเห็นใจ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่ลูกศิษย์ข้ามักก่อเรื่องขึ้นต่างๆนานา เรียกได้ว่ามากกว่าที่ลูกศิษย์ของเทพองค์อื่นๆเค้าทำรวมกันทั้งหมดซะอีก ที่น่าขำก็คือลูกศิษย์ข้าไม่ว่าจะกี่คนต่อกี่คนก็มักจะไม่เอาไหนไปซะทุกคน ทั้งๆที่ข้าเป็นอีรอสผู้ช่วยที่ฝีมือเก่งกาจที่สุดแล้วนะ! ข้าไม่อยากจะพูด
เอาล่ะ...ข้ารู้ว่าท่านทั้งหลายคงจะอยากรู้แล้วว่า ‘อีรอสผู้ช่วย’ นี่คืออะไร เทพอีรอสหรือคิวปิดที่ชาวโรมันเรียกกันนั้นเป็นเทพเจ้าแห่งความรักที่คอยแผลงศรรักทำให้ผู้คนรักกัน ที่ท่านทั้งหลายคงคุ้นหน้าคุ้นตาในรูปของเทพตัวเล็กๆมีปีก แถมยังโรคจิตไม่ชอบใส่เสื้อผ้า โชว์ของสงวนให้คนทั่วไปชื่นชมอย่างหน้าไม่อาย คอยยุ่งเรื่องชาวบ้านเที่ยวไปยิงธนูใส่จับคู่ให้เขาไปเรื่อย เอิ่ม....ข้าว่าข้าหยุดดีกว่า
นั่นแหละท่านทั้งหลาย เทพอีรอส(ซึ่งตอนนี้โตแล้ว)มีหน้าที่เช่นนั้น แต่เนื่องจากหลังๆมานี่จำนวนประชากรมนุษย์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ท่านอีรอสเพียงองค์เดียววิ่งไปวิ่งมายิงศรทั้งวันก็ยังไม่ทัน ท่านจึงเกิดไอเดียบรรเจิดรับสมัครผู้ช่วย ดังนั้นเทพลูกกระจ๊อกอย่างข้าจึงได้มีโอกาสมีงานสำคัญๆมีหน้ามีตากับเค้าบ้าง ส่วนท่านน่ะหรอ....ตอนนี้เท่าที่ข้าเห็นนะ วันๆท่านก็นั่งกระดิกเท้าอ่านเรื่องซุบซิบกินมาชเมโลทั้งวัน หรือไม่ก็เหาะร่อนไปร่อนมาทักทายสาวๆไปเรื่อย ช่างเป็นชีวิตที่สุขสบายน่าอิจฉาอะไรเช่นนี้
“ตามข้ามา” ข้าออกคำสั่งกับเซเบลอส แล้วออกเดินตรงไปห้องประชุม
“ท่านอาจารย์จะไปไหนหรือขอรับ?” เขาถามพลางวิ่งต๊อกๆตามข้ามาอย่างว่าง่าย อ้า...ลูกศิษย์ใครหนอช่างน่ารักจริงๆ นี่ถ้าเจ้าจะเอาถ่านมากกว่านี้อีกซักนิดข้าคงรักเจ้าตาย
“ห้องประชุม” ข้าตอบห้วนๆ ยังไงก็ยังฉุนเจ้าอยู่ดีนะ! ถึงเจ้าจะเป็นลูกศิษย์ที่น่ารักขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าก่อเรื่องให้ข้าแก้สามครั้งต่อเดือนขนาดนี้ข้าก็ไม่ไหวนะ
“แต่ว่า...”
“เจ้าน่ะวันๆทำอะไรอยู่ ข้าพร่ำสอนกี่ครั้งแล้วว่าฝีมือยิงธนูของเจ้าน่ะมันอนาถจนน่าตกใจ”
“ท่านอาจารย์ขอรับ..”
“แทนที่จะฝึกยิงธนู กลับเอาเวลาว่างไปเที่ยวเล่น แล้วอย่างนี้จะหลุดจากการเป็นอีรอสฝึกหัดได้ยังไง”
“คือว่า...”
“เอ๊ะ เจ้านี่!” ข้าขึ้นเสียงอย่างหงุดหงิด “เวลาข้าสอนเจ้าต้องหัดฟังมั่งรู้มั้ย? เหตุที่เจ้าก่อเรื่องวุ่นวายอยู่บ่อยๆเนี่ยเป็นเพราะเจ้าไม่ตั้งใจฟังข้า”
“แต่ว่าท่านอาจารย์...” เซเบลอสเอ่ยเสียงอ่อย “ห้องประชุมมันไปทางนู่นไม่ใช่หรือขอรับ”
เขาชี้ไปทางตรงกันข้ามกับที่ข้ากำลังสาวเท้าสวบๆอย่างมั่นใจอยู่
ข้าชะงักค้าง “คือข้าจะไปห้องน้ำก่อนต่างหากล่ะ”
“อย่างนั้นหรือขอรับ” เขารับคำอย่างว่าง่ายแล้วเดินตามข้าต่อไปโดยไม่ส่งเสียงอะไรทั้งสิ้น
หลังจากที่ข้าทำธุระส่วนตัวทั้งๆที่ไม่จำเป็นเสร็จสิ้นแล้ว ข้าก็กลับหลังหันแล้วมุ่งหน้าไปห้องประชุมอย่างที่ควรจะไปซะที
ข้าสองคนเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูสีขาวบานใหญ่ก่อนจะเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป
ภายในห้องขนาดใหญ่นั้นมีโต๊ะประชุมหกที่นั่งเรียบๆอยู่ตรงกลาง และบริเวณโดยรอบมียกพื้นเป็นที่นั่งราวกับสนามกีฬาซึ่งตอนนี้มีคน...เทพนั่งอยู่ประปราย ส่วนที่โต๊ะประชุมก็มีลุงแก่ๆห้าร่างกับกองเอกสารปึกเบ่อเร่อนั่งอยู่
ลุงๆที่ข้าพูดถึงนี้คือพวกอีลิท(Elite) มีหน้าที่แต่งนิยาย....เอ่อ..คิดพล็อตเรื่อง...เอิ่ม เอาเป็นว่าออกแบบสถานการณ์ให้คนสองคนมาเจอกันแล้วปิ๊งๆกันให้ได้ รวมทั้งคัดเลือกและตัดสินใจว่าใครควรจะคู่กับใครดีถึงจะเหมาะ เอาล่ะ ตอนนี้ท่านคงทราบแล้วว่าหากท่านได้คู่ชีวิตที่ห่วยบรม ท่านควรจะโทษใคร
ลุงทั้งห้าท่านนี่เป็นเทพธรรมดาๆมาก่อนเนี่ยแหละ แต่ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าว่าท่านเทพอีรอสของข้าไปขุดมาจากไหน อันที่จริงเหล่าเทพอย่างพวกข้านี่เป็นอมตะไม่มีวันแก่ แต่ลุงๆท่านเหล่านี้กลับมีรูปร่างเหมือนคนแก่อายุเลยเกษียณ ยิ่งไปกว่านั้นพื้นนิสัยของท่านๆช่างแปลกประหลาดและหาได้ยากยิ่งเสียเหลือเกิน
อย่างตาลุงอากอนผู้แสนดีนั่น ใครๆก็รู้กันว่าลุงแกช่างแสนดีปานเทพบุตรจริงๆ ไม่ว่าใครจะทำอะไรลุงไม่เคยโกรธไม่เคยหงุดหงิด ขนาดหมาฉี่รดเท้าแกแกยังลูบหัวมันแล้วหยิบทิชชู่ออกมาเช็ดอย่างใจเย็นได้เลย เรื่องนี้ข้าเห็นกับตา และเนื่องจากลุงอากอนดีกับข้ามาก(อันที่จริงลุงแกก็ดีกับทุกคน) พอลับหลังลุงข้าก็จัดการแก้แค้นแทนลุงด้วยการเตะงามๆเข้าให้ อู้ววว...ลอยไปไกลตั้งสิบเจ็ดเมตรแน่ะ
แล้วก็อีกคนที่ข้าอยากเตะเข้าให้งามๆเหมือนกันคือท่านลุงคอเรเนียสผู้คัดค้าน เอิ่ม...สร้อยที่ต่อท้ายชื่อแกข้าไม่ได้เป็นคนตั้งเองนะ ใครๆก็รู้กันว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีเรื่องร้าย เรื่องคนตีกันยันยุงบินชนกำแพง ไม่ว่าใครจะเสนออะไรแกคัดค้านไปซะหมด แกไม่เคยเห็นด้วยกับใครทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างนั้นท่านลุงทั้งห้าท่านก็ยังสามารถสรุปการประชุมลงมาถึงพวกข้าจนได้ทั้งๆที่มีลุงคอเรเนียสคอยคัดค้านมันซะทุกเรื่อง แต่เอาเถอะ...ถึงอย่างไรข้าก็ไม่เคยเข้าใจการทำงานของพวกลุงๆท่านอยู่แล้ว
ข้าเคยถามท่านเทพอีรอสว่าแล้วเมื่อก่อนตอนที่ท่านยังไม่มีลุงอีลิทพวกนี้คอยแต่งนิยายให้ แล้วท่านจับคู่คนยังไง คำตอบที่ข้าได้แทบจะทำให้ข้าสะดุดขาตัวเอง
“ข้าก็ยิงมั่วน่ะสิ...” ท่านยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วลอยระเรื่อยจากไปอย่างนุ่มนวล
เอาล่ะ...ตอนนี้ข้าเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาแล้ว เริ่มได้ยินเสียงลุงๆทั้งห้าท่านคุยกัน ข้าจะให้ท่านฟังบางช่วงบางตอน...
“ข้าว่าให้นางอยากได้หมามาเลี้ยงเลยไปซื้อหมาแถวบ้านของเจ้าหนุ่มนั่น พอได้แล้วเกิดทำหลุดมือหมาวิ่งเข้าไปคุ้ยกระถางดอกไม้จนพังแล้วนางเป็นคนจนคงไม่มีทางจ่ายค่าเสียหายได้ แล้วเจ้าหนุ่มนั่นก็ยื่นข้อเสนอว่าให้ทำงานบ้านแลกค่าเสียหาย จนเกิดเป็นความรัก” ข้าได้ยินเสียงลุงเพอซิออนผู้รอบรู้เสนอขึ้นมา
“ไม่ได้เรื่อง!!!” ท่านคงเดาได้ว่าใครพูด
“ใจเย็นก่อนสิท่านคอเรเนียส ข้าว่าก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นนะ เพียงแต่จะโหดร้ายเกินไปหรือเปล่าที่จะทำร้ายจิตใจเจ้าหนุ่มนั่นโดยการทำลายดอกไม้แสนรักของเขา” เสียงของลุงอากอนนี่ช่างนุ่มนวลซะจริงเชียว
“ข้าคิดว่าแผนการนี้ออกจะไม่รัดกุมเกินไปหน่อย หากเจ้าหนุ่มนั่นไม่ถือสาละ? หากนางทำหมาหลุดมือแล้วหามันไม่เจอละ? ข้าว่านะ มันมีช่องโหว่ในแผนนี้อยู่เยอะมาก โอกาสที่จะผิดพลาดก็สูง น่าจะแต่งเติมให้ชัดเจนและรอบคอบกว่านี้อีกหน่อยนะ” ลุงมิวลัสผู้รอบคอบเอ่ยด้วยเสียงยานๆตามนิสัย
“ถ้ามัวแต่คิดมากมันก็อืดอาดอยู่อย่างนี้ ข้าว่าให้เจ้าหมานั่นวิ่งกระโจนใส่เจ้าหนุ่มซะเลยไม่ดีกว่าหรือ?” ท่านลุงออเบียสผู้รวดเร็วพูดเสียงห้วน อันที่จริงท่านลุงผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาหรอก แต่ท่านชอบพูดอะไรเร็วๆให้มันจบๆต่างหากน้ำเสียงท่านจึงออกมาคล้ายไม่พอใจตลอดเวลา
“แผนของพวกเจ้ามีแต่น่าเบื่อ น่ารำคาญทั้งนั้น ข้าไม่เห็นด้วยเลยซักนิด!!!” แต่นี่สิผู้ไม่พอใจของจริง...
ข้าคิดว่าพวกท่านคงพอจะเข้าใจแล้วการนั่งฟังลุงๆอีลิทพวกนี้ประชุมมันช่างน่าปวดหัวขนาดไหน พวกท่านจะนั่งประชุมเช่นนี้เรื่อยๆ เถียงกันไปเถียงกันมา แต่ในที่สุดก็จะได้ข้อสรุปออกมาเองแหละ ข้าจึงไม่เข้าใจว่าจะเถียงกันให้วุ่นวายไปทำไม นี่ขนาดพวกท่านฟังแค่เพียงไม่ถึงนาทีท่านยังเพลีย แล้วท่านคิดดูว่าข้านั่งฟังมาเป็นร้อยๆปีแล้ว สมองข้าจะไม่ระเบิดตายได้อย่างไร อ้า...ชีวิตของข้านี่ช่างน่าสงสารยิ่งนัก!
“อ้าว...ท่านอีรอสผู้ช่วยลำดับที่ยี่สิบเอ็ด” อยู่ๆลุงอากอนก็ทักข้าด้วยรอยยิ้ม ทำให้ลุงๆท่านอื่นพลอยหันมาสนใจข้าด้วย
“ท่านอีกแล้ว” เสียงหงุดหงิดของลุงคอเรเนียสทำให้ข้าฉีกยิ้มให้กว้างขึ้น “อย่าบอกนะว่าเจ้าลูกศิษย์ตัวแสบของท่านไปก่อเรื่องมาอีกแล้ว?”
ข้าค้อมศีรษะลงทำความเคารพผู้อาวุโสทั้งห้าอย่างสง่างามและนุ่มนวล พร้อมๆกับรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์บนใบหน้าที่ข้าจงใจส่งให้ท่านลุงขี้โมโหเป็นพิเศษ
“ลูกศิษย์ของข้าน่ะหรือ?” ข้าสูดหายใจเฮือกใหญ่ “ยังเยาว์วัยยิ่งนัก การกระทำอันบริสุทธิ์ของเขานั้นทำไปด้วยความไร้เดียงสาโดยแท้ เปรียบประดุจดังผ้าขาวอันสะอ้านยิ่งพร้อมเปรอะเปื้อนด้วยสรรพสิ่งทั้งหลายที่ทั้งดีและไม่ดี พวกท่านจงได้โปรดอย่าได้ถือสาหาความในการกระทำอันปราศจากเจตนาร้ายของลูกศิษย์ ด้วยข้าเห็นว่าความผิดพลาดทั้งหลายในหนหลังและหนนี้จะนำไปสู่การเรียนรู้อันรุ่งโรจน์ในวันข้างหน้า ข้าจึงมีความ....”
“พอเหอะ ท่านยี่สิบเอ็ด” ลุงออเบียสขัดข้าขึ้นมา “เอาเป็นว่าลูกศิษย์ท่านสร้างเรื่องยุ่งอีกแล้วใช่หรือไม่?”
“...ใช่ ขอรับ” ข้าพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ข้าคิดไว้แล้วเชียว ท่านโผล่มาทีไรเป็นอันได้ปวดหัวกันทุกทีสิน่า” ลุงมิวลัสทำหน้าเอือมระอา ข้ารู้แล้วว่าพวกท่านเหนื่อยหน่ายกับเจ้าลูกศิษย์ตัวแสบของข้าเต็มทน แต่พวกท่านไม่คิดหรือว่าข้า...ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขานั้นจะเจ็บปวดหัวใจขนาดไหน?
“แถมคราวนี้ยังมาแปลก มาถึงก็พล่ามอะไรรู้ยาวยืดน่าปวดหัว” ลุงออเบียสพูดขึ้นอีก ข้าเลยส่งยิ้มประจบไปให้
“ก็ข้าคิดว่าเผื่อพวกท่านจะเข้าใจเหตุผลอันสมควรที่เขา...” พอเห็นสายตาของท่านลุงทั้งหลาย ข้าก็ตัดสินใจที่จะเงียบดีกว่า
“เอาล่ะ เจ้าไปก่อเรื่องอะไรไว้ เล่ามาซิ” และก็เป็นท่านลุงอากอนเช่นเดิมที่ซักถามด้วยเสียงอันอ่อนโยน ไม่มีเค้าของความเบื่อหน่าย เอือมระอาหรือหงุดหงิดเลยสักนิด พวกท่านเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมข้าถึงรักท่านนัก
เจ้าลูกศิษย์ตัวดีของข้ายังคงก้มหน้าด้วยความสำนึกผิดก่อนที่จะโค้งศีรษะเร็วๆหลายครั้ง
“ข้าขออภัยจริงๆขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจ พอดีว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นก้มลงเก็บเศษตังค์ขอรับ ลูกศรของข้าเลยไปโดนอีกคน...”
ข้ามองเซเบลอสอย่างเห็นอกเห็นใจ นี่เรียกว่าสวรรค์ไม่เข้าข้างเจ้าจริงๆนะเนี่ย...แต่จะว่าไป เราก็อยู่บนสวรรค์นี่เนาะ เหอะๆ ว่างๆข้าจะพาไปหายายมอยเรทั้งสามปรึกษาเรื่องดวงชะตาของเจ้าสักนิด ข้ารู้สึกว่าพักนี้ดวงเจ้าตกต่ำลงยิ่งกว่าเดิมอีกนะ...
ท่านลุงทั้งห้าก็พากันพยักหน้าหงึกๆ
“ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ไปเอาน้ำยาล้างพิษมาให้ดื่มละกัน แล้วคราวนี้ห้ามพลาดอีกละ” ลุงมิวลัสตัดสินใจพลางมองข้าตาขุ่นเขียว ข้าล่ะอยากจะประท้วงนักว่าข้าแค่นั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆก็หาว่าข้าผิดแล้วหรือ!! ข้าไม่ใช่คนที่ตาถั่วยิงลูกศรผิดสักหน่อย ฮือๆ โลกนี้ช่างไม่มีความยุติธรรม
“ขอรับ ข้าจะรีบแก้ไขขอรับ” ถึงอย่างไรข้าก็ทำได้แค่รับคำอย่างจำใจแล้วส่งสัญญาณทางสายตาไปให้เซเบลอสแล้วเดินนำเขาออกจากห้องประชุมมา
“ท่านอาจารย์ขอรับ ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างสูงจริงๆขอรับที่ทำให้ท่านต้องลำบาก..” เสียงเจ้าเซเบลอสนี่มันละห้อยเหี่ยน่าสงสารซะจริง ข้าจึงโกรธมันอย่างที่ควรจะโกรธไม่ลง ได้แต่ส่ายศีรษะเบาๆเดินออกจากวิหารเทพอีรอสไป
ระหว่างที่ข้าสองคนเหาะไปวิหารเทพเฮฟเฟสตัสนั้น ข้าก็ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ข้าไม่หยุดปาก เพื่อเป็นการชดเชยที่ข้าแทบไม่เคยสั่งสอนเขามาก่อน....เอ่อ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ข้าก็ดุๆว่าๆเซเบลอสมั่งแหละ แค่นานๆทีเท่านั้นเอง...
อ้อ! ข้าลืมบอกพวกท่านถึงสาเหตุที่ข้าต้องไปวิหารเทพเฮฟเฟสตัสไป ด้วยเหตุที่เจ้าน้ำยาล้างพิษลูกศรนี่เอาไว้ล้างพิษลูกศร....เรื่องนี้พวกท่านน่าจะพอเดาออก มันสกัดมาจากดอกบ้าอะไรไม่รู้ที่ขึ้นเฉพาะในเขตหวงห้ามของเทพีอะธีน่าซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความดุราวกระทิงเปลี่ยว.... อ่า...หวังว่าท่านคงไม่ได้อยู่แถวนี้หรอกใช่มั้ย?
นั่นแหละ.... ข้าก็ไม่ทราบว่าท่านเทพอีรอสที่น่านับถือของข้าไปทดลองสูตรยาถอนพิษอีท่าไหนเข้าถึงได้ไปโป๊ะเชะกับไอ้ดอก...ในสวนของเขตหวงห้ามของวิหารเทพอะธีน่าเข้าได้ ทำให้นานๆทีท่านเทพีถึงจะอนุญาตให้เด็ดดอกมาทำยาถอนพิษ
นี่คือสาเหตุที่ยาถอนพิษลูกศรของเทพอีรอสมีค่ายิ่งกว่าทองคำ และทั้งๆที่มันมีค่ายิ่งกว่าทองคำล้านเท่านั้น...
เหตุเกิดเมื่อสองร้อยกว่าปีที่แล้ว กับลูกศิษย์คนที่สองของข้า....
“เพล้ง!!!”
มันคือเสียงแตกแห่งนรก สยองชนิดที่ให้ข้าไปตีซี้กับเทพีอะโฟรไดท์ยังจะดีซะกว่าอีก(งงใช่มั้ยว่าน่ากลัวตรงไหน?? ช้าก่อนท่าน..ข้าจะพูดถึงทีหลัง)
ใช่แล้วขอรับ ลูกศิษย์ข้าดันโชว์วงสวิงแล้วเซแซดๆๆๆไปชนกับไหน้ำยาถอนพิษอย่างสวยงาม และล้มลงไปกองที่พื้นอย่างสวยงาม และไหแตกกระจายอย่างสวยงาม...
หลังจากการลงโทษครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า ไหน้ำอันมีค่ายิ่งกว่าหัวหล่อๆของข้าก็ถูกย้ายไปฝากเอาไว้กับเทพเฮฟเฟตัสเทพแห่งการช่างและมีไหในครอบครองเยอะซะจนถึงมีเพิ่มขึ้นอีกใบก็ไม่เดือดร้อน แต่ข้าว่าน่าจะเป็นการป้องกันการขโมยมากกว่า เพราะว่าหากท่านสามารถค้นหาไหน้ำใบที่ถูกต้องท่ามกลางสุสานไหนั่นได้โดยที่ไม่ถูกจับท่านต้องมีตามากกว่าสองตาเป็นแน่...
หลังจากที่ข้ายื่นจดหมายให้ยามรักษาประตูแล้วเขาก็พาข้าไปพบกับเทพเฮพเฟตัส
“ปัง!”
พอเข้าไปยังไม่ทันได้ตั้งตัวข้ากับเซเบรอสก็ต้องสะดุ้งโหยงกับเสียงดังกัมปนาถและความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ชายร่างใหญ่อุดมไปด้วยมัดกล้าม หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ กำลังฟาดค้อนลงกับวัตถุที่ทำจากโลหะดูคล้ายๆดาบ... อ้อ นี่ท่านคงกำลังตีดาบอยู่นี่เอง
เขาวางค้อนก่อนจะเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก รับน้ำมาจากคนสนิทแล้วขมวดคิ้วมองหน้าข้า
“พวกเจ้าเป็นใครกัน?? มาหาข้าทำไม”
อ่า... นี่ท่านจำข้าไม่ได้จริงๆหรือขอรับ ในบรรดาเทพอีรอสผู้ช่วยที่วิ่งมาหาท่านน่ะ...แปดในสิบเป็นข้านะขอรับท่าน
“ข้าเป็นเทพอีรอสผู้ช่วยลำดับที่ยี่สิบเอ็ดขอรับ ท่านเทพเฮฟเฟตัส” ข้ารีบค้อมศีรษะแนะนำตัวตามมารยาท ทั้งๆที่ท่านเทพแห่งการช่างนี่น่าจะจำหน้าข้าได้แม่นจนเก็บไปฝันได้แล้วนะ แต่ไม่ทราบว่าทำไมทุกครั้งท่านถึงทำเหมือนจำข้าไม่ได้ซักนิด..
..หรือว่าท่านจะความจำเสื่อมจริงๆ??
“ท่านอีรอสผู้ช่วยงั้นหรือ?” ท่านเทพทวนคำขณะที่ตายังคงจ้องดาบที่ตีค้างไว้อย่างโหยหา อ่า...ถ้าท่านอยากกลับไปตีดาบมากขนาดนั้นข้าก็จะไม่รบกวนท่านนานหรอกนะ แค่ให้ยานั่นมาแล้วข้าก็จะไปทันที..เชื่อข้าสิ
“ขอรับ ข้าจะมารบกวนท่านขอยาถอนพิษศรน่ะขอรับ”
ท่านเทพเฮฟเฟตัสพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องข้างหลังสักพักแล้วออกมาพร้อมกับกระติกน้ำใบเล็กๆ
“ท่านต้องใช้เยอะขนาดไหน แค่นี้พอมั้ย?”
ข้ากระพริบตาปริบๆอย่างงงๆ ปกติแล้วข้าใช้แค่ไม่กี่หยดเองนะ แต่ท่านกลับเอามาให้ข้าเป็นกระติก... ช่างเถอะ รับไว้นั่นแหละ ลูกศิษย์ข้ายิ่งก่อเรื่องบ่อยๆอยู่จะได้ไม่ต้องวิ่งมาขอที่นี่บ่อย
“พอขอรับ ขอบคุณมากขอรับ”
ข้ารีบล่ำลาเทพแห่งการช่าง ลาบรรดาเทพยามที่เฝ้าวิหาร แล้วลอยกลับวิหารเทพอีรอสอย่างสบายใจ
ไม่ใช่แค่ข้า แต่เจ้าลูกศิษย์ตัวดีของข้าก็ลอยตามข้ามาอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน เหอะๆ...เจ้าไม่ต้องมายิ้มเลย ถ้าเจ้ายังบังอาจก่อเรื่องอีก ครั้งหน้าข้าจะตัดหางปล่อยวัดเจ้าซะ!
ถึงข้าจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ข้าทำไม่ลงหรอก..
เนื่องจากตั้งแต่ที่ข้าได้เจ้าเซเบลอสนี่มาเป็นลูกศิษย์ เขาก็สร้างเรื่องปวดหัวและน่าขายหน้าให้ข้าเป็นอาชีพ ไม่ว่าจะศาสตร์ใดๆ เจ้าเซเบลอสมันห่วยแตกซะทุกเรื่อง ข้าต้องนั่งน้ำตาตกในมองลูกศิษย์ของเทพผู้ช่วยองค์อื่นได้รับประกาศรางวัล ได้รับคะแนนดีๆกันเป็นว่าเล่น ในขณะที่เจ้าลูกศิษย์สุดที่รักของข้านั้นดีแต่สร้างปัญหา!
ข้าเคยคิดอยากจะเอามันไปปล่อยโดยการเอาไปทิ้งที่โลกมนุษย์แต่เมื่อข้าคิดถึงความวุ่นวายของการที่เทพอีรอสฝึกหัดหายไปซักคนข้าเลยเปลี่ยนใจเพราะรู้สึกว่าไม่น่าจะคุ้มกัน
ดังนั้นทางเดียวที่ข้าจะหลุดพ้นจากเรื่องซวยๆที่เจ้านี่มันก่อได้คือต้องให้มันสอบผ่านแล้วได้เลื่อนเป็นอีรอสผู้ช่วยแบบเต็มตัวซะที แม้ว่าดูจากฝีมือยิงธนูของมันแล้วคาดว่าอีกซักสองร้อยปีกว่ามันจะสอบผ่านได้
ข้านับนิ้วแล้วเริ่มรู้สึกท้อใจ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเมื่อไหร่ข้าจะมีลูกศิษย์ดีๆกับเค้าบ้างล่ะ
ข้ามองใบหน้าซื่อๆของเจ้าลูกศิษย์แล้วลอบถอนใจขืนยังคงเป็นแบบนี้เจ้านี่คงต้องแหง่กอยู่กับข้าชั่วกาลปาวสานแน่ๆ มีวิธีอื่นอีกบ้างมั้ยที่จะทำให้เซเบลอสมันได้เลื่อนขั้นเร็วๆโดยไม่ต้องผ่านการสอบ
ความคิดหนึ่งสว่างวาบเข้ามาในหัวข้า... จริงสิ แม้ว่าจะเป็นไปได้ยากยิ่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นี่นา
ในเมื่อเจ้าเซเบลอสมันห่วยนัก ข้าคงต้องลงมือเองซะแล้ว...
ความคิดเห็น