ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Cupid Story

    ลำดับตอนที่ #1 : เทพอีรอสผู้ช่วยลำดับที่ยี่สิบเอ็ด

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 55


    “อะไรนะ? ยิงพลาดอีกแล้ว?”

    ข้าอุทานลั่นลานกว้างอย่างไม่อายคน  เอาจริงๆก็ไม่มีใครแปลกใจหรอกที่ข้าตะโกนเสียงดังราวกับบ้านไฟไหม้แบบนั้น  เรื่องอื่นที่ข้าเคยทำมามันน่าขายหน้ากว่านี้เยอะ  เอิ่ม...แล้วข้าจะพูดทำไม

    “เซเบลอสลูกรัก   เจ้าเล่ามาซิว่าเจ้าไปก่อเรื่องอะไรขึ้นอีก?” ข้าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถามเจ้าลูก...เอ่อ ลูกศิษย์สุดที่รักที่ยืนก้มหน้าสำนึกผิด  เอาเท้าจิ้มจึ๊กๆกับพื้นอย่างกับเด็กห้าขวบในขณะที่ข้าคิ้วกระตุกด้วยแรงอารมณ์

    เหล่าอีรอสผู้ช่วยที่เดินผ่านไปผ่านมาในลานนั้นต่างพากันมองข้าอย่างเห็นอกเห็นใจ   ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่ลูกศิษย์ข้ามักก่อเรื่องขึ้นต่างๆนานา  เรียกได้ว่ามากกว่าที่ลูกศิษย์ของเทพองค์อื่นๆเค้าทำรวมกันทั้งหมดซะอีก  ที่น่าขำก็คือลูกศิษย์ข้าไม่ว่าจะกี่คนต่อกี่คนก็มักจะไม่เอาไหนไปซะทุกคน   ทั้งๆที่ข้าเป็นอีรอสผู้ช่วยที่ฝีมือเก่งกาจที่สุดแล้วนะ!  ข้าไม่อยากจะพูด

    เอาล่ะ...ข้ารู้ว่าท่านทั้งหลายคงจะอยากรู้แล้วว่าอีรอสผู้ช่วย นี่คืออะไร   เทพอีรอสหรือคิวปิดที่ชาวโรมันเรียกกันนั้นเป็นเทพเจ้าแห่งความรักที่คอยแผลงศรรักทำให้ผู้คนรักกัน   ที่ท่านทั้งหลายคงคุ้นหน้าคุ้นตาในรูปของเทพตัวเล็กๆมีปีก  แถมยังโรคจิตไม่ชอบใส่เสื้อผ้า  โชว์ของสงวนให้คนทั่วไปชื่นชมอย่างหน้าไม่อาย  คอยยุ่งเรื่องชาวบ้านเที่ยวไปยิงธนูใส่จับคู่ให้เขาไปเรื่อย  เอิ่ม....ข้าว่าข้าหยุดดีกว่า

    นั่นแหละท่านทั้งหลาย   เทพอีรอส(ซึ่งตอนนี้โตแล้ว)มีหน้าที่เช่นนั้น   แต่เนื่องจากหลังๆมานี่จำนวนประชากรมนุษย์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  ท่านอีรอสเพียงองค์เดียววิ่งไปวิ่งมายิงศรทั้งวันก็ยังไม่ทัน   ท่านจึงเกิดไอเดียบรรเจิดรับสมัครผู้ช่วย   ดังนั้นเทพลูกกระจ๊อกอย่างข้าจึงได้มีโอกาสมีงานสำคัญๆมีหน้ามีตากับเค้าบ้าง  ส่วนท่านน่ะหรอ....ตอนนี้เท่าที่ข้าเห็นนะ  วันๆท่านก็นั่งกระดิกเท้าอ่านเรื่องซุบซิบกินมาชเมโลทั้งวัน   หรือไม่ก็เหาะร่อนไปร่อนมาทักทายสาวๆไปเรื่อย   ช่างเป็นชีวิตที่สุขสบายน่าอิจฉาอะไรเช่นนี้

    “ตามข้ามา” ข้าออกคำสั่งกับเซเบลอส   แล้วออกเดินตรงไปห้องประชุม

    “ท่านอาจารย์จะไปไหนหรือขอรับ?” เขาถามพลางวิ่งต๊อกๆตามข้ามาอย่างว่าง่าย  อ้า...ลูกศิษย์ใครหนอช่างน่ารักจริงๆ   นี่ถ้าเจ้าจะเอาถ่านมากกว่านี้อีกซักนิดข้าคงรักเจ้าตาย

    “ห้องประชุม” ข้าตอบห้วนๆ   ยังไงก็ยังฉุนเจ้าอยู่ดีนะ!  ถึงเจ้าจะเป็นลูกศิษย์ที่น่ารักขนาดไหนก็ตาม  แต่ถ้าก่อเรื่องให้ข้าแก้สามครั้งต่อเดือนขนาดนี้ข้าก็ไม่ไหวนะ

    “แต่ว่า...”

    “เจ้าน่ะวันๆทำอะไรอยู่  ข้าพร่ำสอนกี่ครั้งแล้วว่าฝีมือยิงธนูของเจ้าน่ะมันอนาถจนน่าตกใจ”

    “ท่านอาจารย์ขอรับ..”

    “แทนที่จะฝึกยิงธนู  กลับเอาเวลาว่างไปเที่ยวเล่น  แล้วอย่างนี้จะหลุดจากการเป็นอีรอสฝึกหัดได้ยังไง”

    “คือว่า...”

    “เอ๊ะ เจ้านี่!” ข้าขึ้นเสียงอย่างหงุดหงิด “เวลาข้าสอนเจ้าต้องหัดฟังมั่งรู้มั้ย?  เหตุที่เจ้าก่อเรื่องวุ่นวายอยู่บ่อยๆเนี่ยเป็นเพราะเจ้าไม่ตั้งใจฟังข้า”

    “แต่ว่าท่านอาจารย์...” เซเบลอสเอ่ยเสียงอ่อย “ห้องประชุมมันไปทางนู่นไม่ใช่หรือขอรับ”

    เขาชี้ไปทางตรงกันข้ามกับที่ข้ากำลังสาวเท้าสวบๆอย่างมั่นใจอยู่

    ข้าชะงักค้าง “คือข้าจะไปห้องน้ำก่อนต่างหากล่ะ”

    “อย่างนั้นหรือขอรับ” เขารับคำอย่างว่าง่ายแล้วเดินตามข้าต่อไปโดยไม่ส่งเสียงอะไรทั้งสิ้น

    หลังจากที่ข้าทำธุระส่วนตัวทั้งๆที่ไม่จำเป็นเสร็จสิ้นแล้ว   ข้าก็กลับหลังหันแล้วมุ่งหน้าไปห้องประชุมอย่างที่ควรจะไปซะที

    ข้าสองคนเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูสีขาวบานใหญ่ก่อนจะเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป

    ภายในห้องขนาดใหญ่นั้นมีโต๊ะประชุมหกที่นั่งเรียบๆอยู่ตรงกลาง   และบริเวณโดยรอบมียกพื้นเป็นที่นั่งราวกับสนามกีฬาซึ่งตอนนี้มีคน...เทพนั่งอยู่ประปราย   ส่วนที่โต๊ะประชุมก็มีลุงแก่ๆห้าร่างกับกองเอกสารปึกเบ่อเร่อนั่งอยู่

    ลุงๆที่ข้าพูดถึงนี้คือพวกอีลิท(Elite) มีหน้าที่แต่งนิยาย....เอ่อ..คิดพล็อตเรื่อง...เอิ่ม  เอาเป็นว่าออกแบบสถานการณ์ให้คนสองคนมาเจอกันแล้วปิ๊งๆกันให้ได้   รวมทั้งคัดเลือกและตัดสินใจว่าใครควรจะคู่กับใครดีถึงจะเหมาะ  เอาล่ะ  ตอนนี้ท่านคงทราบแล้วว่าหากท่านได้คู่ชีวิตที่ห่วยบรม   ท่านควรจะโทษใคร

    ลุงทั้งห้าท่านนี่เป็นเทพธรรมดาๆมาก่อนเนี่ยแหละ   แต่ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าว่าท่านเทพอีรอสของข้าไปขุดมาจากไหน   อันที่จริงเหล่าเทพอย่างพวกข้านี่เป็นอมตะไม่มีวันแก่   แต่ลุงๆท่านเหล่านี้กลับมีรูปร่างเหมือนคนแก่อายุเลยเกษียณ  ยิ่งไปกว่านั้นพื้นนิสัยของท่านๆช่างแปลกประหลาดและหาได้ยากยิ่งเสียเหลือเกิน

    อย่างตาลุงอากอนผู้แสนดีนั่น  ใครๆก็รู้กันว่าลุงแกช่างแสนดีปานเทพบุตรจริงๆ   ไม่ว่าใครจะทำอะไรลุงไม่เคยโกรธไม่เคยหงุดหงิด   ขนาดหมาฉี่รดเท้าแกแกยังลูบหัวมันแล้วหยิบทิชชู่ออกมาเช็ดอย่างใจเย็นได้เลย  เรื่องนี้ข้าเห็นกับตา   และเนื่องจากลุงอากอนดีกับข้ามาก(อันที่จริงลุงแกก็ดีกับทุกคน)  พอลับหลังลุงข้าก็จัดการแก้แค้นแทนลุงด้วยการเตะงามๆเข้าให้   อู้ววว...ลอยไปไกลตั้งสิบเจ็ดเมตรแน่ะ

    แล้วก็อีกคนที่ข้าอยากเตะเข้าให้งามๆเหมือนกันคือท่านลุงคอเรเนียสผู้คัดค้าน    เอิ่ม...สร้อยที่ต่อท้ายชื่อแกข้าไม่ได้เป็นคนตั้งเองนะ  ใครๆก็รู้กันว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีเรื่องร้าย   เรื่องคนตีกันยันยุงบินชนกำแพง  ไม่ว่าใครจะเสนออะไรแกคัดค้านไปซะหมด   แกไม่เคยเห็นด้วยกับใครทั้งสิ้น  แต่ถึงอย่างนั้นท่านลุงทั้งห้าท่านก็ยังสามารถสรุปการประชุมลงมาถึงพวกข้าจนได้ทั้งๆที่มีลุงคอเรเนียสคอยคัดค้านมันซะทุกเรื่อง   แต่เอาเถอะ...ถึงอย่างไรข้าก็ไม่เคยเข้าใจการทำงานของพวกลุงๆท่านอยู่แล้ว

    ข้าเคยถามท่านเทพอีรอสว่าแล้วเมื่อก่อนตอนที่ท่านยังไม่มีลุงอีลิทพวกนี้คอยแต่งนิยายให้   แล้วท่านจับคู่คนยังไง   คำตอบที่ข้าได้แทบจะทำให้ข้าสะดุดขาตัวเอง

    “ข้าก็ยิงมั่วน่ะสิ...” ท่านยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วลอยระเรื่อยจากไปอย่างนุ่มนวล

    เอาล่ะ...ตอนนี้ข้าเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาแล้ว  เริ่มได้ยินเสียงลุงๆทั้งห้าท่านคุยกัน   ข้าจะให้ท่านฟังบางช่วงบางตอน...

    “ข้าว่าให้นางอยากได้หมามาเลี้ยงเลยไปซื้อหมาแถวบ้านของเจ้าหนุ่มนั่น   พอได้แล้วเกิดทำหลุดมือหมาวิ่งเข้าไปคุ้ยกระถางดอกไม้จนพังแล้วนางเป็นคนจนคงไม่มีทางจ่ายค่าเสียหายได้  แล้วเจ้าหนุ่มนั่นก็ยื่นข้อเสนอว่าให้ทำงานบ้านแลกค่าเสียหาย  จนเกิดเป็นความรัก” ข้าได้ยินเสียงลุงเพอซิออนผู้รอบรู้เสนอขึ้นมา

    “ไม่ได้เรื่อง!!!” ท่านคงเดาได้ว่าใครพูด

    “ใจเย็นก่อนสิท่านคอเรเนียส   ข้าว่าก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นนะ   เพียงแต่จะโหดร้ายเกินไปหรือเปล่าที่จะทำร้ายจิตใจเจ้าหนุ่มนั่นโดยการทำลายดอกไม้แสนรักของเขา” เสียงของลุงอากอนนี่ช่างนุ่มนวลซะจริงเชียว

    “ข้าคิดว่าแผนการนี้ออกจะไม่รัดกุมเกินไปหน่อย   หากเจ้าหนุ่มนั่นไม่ถือสาละ?  หากนางทำหมาหลุดมือแล้วหามันไม่เจอละ?  ข้าว่านะ  มันมีช่องโหว่ในแผนนี้อยู่เยอะมาก  โอกาสที่จะผิดพลาดก็สูง   น่าจะแต่งเติมให้ชัดเจนและรอบคอบกว่านี้อีกหน่อยนะ” ลุงมิวลัสผู้รอบคอบเอ่ยด้วยเสียงยานๆตามนิสัย

    “ถ้ามัวแต่คิดมากมันก็อืดอาดอยู่อย่างนี้   ข้าว่าให้เจ้าหมานั่นวิ่งกระโจนใส่เจ้าหนุ่มซะเลยไม่ดีกว่าหรือ?” ท่านลุงออเบียสผู้รวดเร็วพูดเสียงห้วน   อันที่จริงท่านลุงผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาหรอก  แต่ท่านชอบพูดอะไรเร็วๆให้มันจบๆต่างหากน้ำเสียงท่านจึงออกมาคล้ายไม่พอใจตลอดเวลา

    “แผนของพวกเจ้ามีแต่น่าเบื่อ  น่ารำคาญทั้งนั้น   ข้าไม่เห็นด้วยเลยซักนิด!!!  แต่นี่สิผู้ไม่พอใจของจริง...

    ข้าคิดว่าพวกท่านคงพอจะเข้าใจแล้วการนั่งฟังลุงๆอีลิทพวกนี้ประชุมมันช่างน่าปวดหัวขนาดไหน  พวกท่านจะนั่งประชุมเช่นนี้เรื่อยๆ  เถียงกันไปเถียงกันมา   แต่ในที่สุดก็จะได้ข้อสรุปออกมาเองแหละ   ข้าจึงไม่เข้าใจว่าจะเถียงกันให้วุ่นวายไปทำไม   นี่ขนาดพวกท่านฟังแค่เพียงไม่ถึงนาทีท่านยังเพลีย   แล้วท่านคิดดูว่าข้านั่งฟังมาเป็นร้อยๆปีแล้ว  สมองข้าจะไม่ระเบิดตายได้อย่างไร   อ้า...ชีวิตของข้านี่ช่างน่าสงสารยิ่งนัก!

    “อ้าว...ท่านอีรอสผู้ช่วยลำดับที่ยี่สิบเอ็ด” อยู่ๆลุงอากอนก็ทักข้าด้วยรอยยิ้ม  ทำให้ลุงๆท่านอื่นพลอยหันมาสนใจข้าด้วย

    “ท่านอีกแล้ว” เสียงหงุดหงิดของลุงคอเรเนียสทำให้ข้าฉีกยิ้มให้กว้างขึ้น “อย่าบอกนะว่าเจ้าลูกศิษย์ตัวแสบของท่านไปก่อเรื่องมาอีกแล้ว?”

    ข้าค้อมศีรษะลงทำความเคารพผู้อาวุโสทั้งห้าอย่างสง่างามและนุ่มนวล  พร้อมๆกับรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์บนใบหน้าที่ข้าจงใจส่งให้ท่านลุงขี้โมโหเป็นพิเศษ

    “ลูกศิษย์ของข้าน่ะหรือ?” ข้าสูดหายใจเฮือกใหญ่ “ยังเยาว์วัยยิ่งนัก  การกระทำอันบริสุทธิ์ของเขานั้นทำไปด้วยความไร้เดียงสาโดยแท้   เปรียบประดุจดังผ้าขาวอันสะอ้านยิ่งพร้อมเปรอะเปื้อนด้วยสรรพสิ่งทั้งหลายที่ทั้งดีและไม่ดี   พวกท่านจงได้โปรดอย่าได้ถือสาหาความในการกระทำอันปราศจากเจตนาร้ายของลูกศิษย์   ด้วยข้าเห็นว่าความผิดพลาดทั้งหลายในหนหลังและหนนี้จะนำไปสู่การเรียนรู้อันรุ่งโรจน์ในวันข้างหน้า  ข้าจึงมีความ....”

    “พอเหอะ  ท่านยี่สิบเอ็ด”  ลุงออเบียสขัดข้าขึ้นมา “เอาเป็นว่าลูกศิษย์ท่านสร้างเรื่องยุ่งอีกแล้วใช่หรือไม่?”

    “...ใช่ ขอรับ” ข้าพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

    “ข้าคิดไว้แล้วเชียว   ท่านโผล่มาทีไรเป็นอันได้ปวดหัวกันทุกทีสิน่า” ลุงมิวลัสทำหน้าเอือมระอา  ข้ารู้แล้วว่าพวกท่านเหนื่อยหน่ายกับเจ้าลูกศิษย์ตัวแสบของข้าเต็มทน   แต่พวกท่านไม่คิดหรือว่าข้า...ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขานั้นจะเจ็บปวดหัวใจขนาดไหน?

    “แถมคราวนี้ยังมาแปลก  มาถึงก็พล่ามอะไรรู้ยาวยืดน่าปวดหัว” ลุงออเบียสพูดขึ้นอีก  ข้าเลยส่งยิ้มประจบไปให้

    “ก็ข้าคิดว่าเผื่อพวกท่านจะเข้าใจเหตุผลอันสมควรที่เขา...” พอเห็นสายตาของท่านลุงทั้งหลาย  ข้าก็ตัดสินใจที่จะเงียบดีกว่า

    “เอาล่ะ  เจ้าไปก่อเรื่องอะไรไว้  เล่ามาซิ” และก็เป็นท่านลุงอากอนเช่นเดิมที่ซักถามด้วยเสียงอันอ่อนโยน  ไม่มีเค้าของความเบื่อหน่าย  เอือมระอาหรือหงุดหงิดเลยสักนิด   พวกท่านเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมข้าถึงรักท่านนัก

    เจ้าลูกศิษย์ตัวดีของข้ายังคงก้มหน้าด้วยความสำนึกผิดก่อนที่จะโค้งศีรษะเร็วๆหลายครั้ง

    “ข้าขออภัยจริงๆขอรับ  ข้าไม่ได้ตั้งใจ   พอดีว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นก้มลงเก็บเศษตังค์ขอรับ  ลูกศรของข้าเลยไปโดนอีกคน...”

    ข้ามองเซเบลอสอย่างเห็นอกเห็นใจ   นี่เรียกว่าสวรรค์ไม่เข้าข้างเจ้าจริงๆนะเนี่ย...แต่จะว่าไป   เราก็อยู่บนสวรรค์นี่เนาะ   เหอะๆ  ว่างๆข้าจะพาไปหายายมอยเรทั้งสามปรึกษาเรื่องดวงชะตาของเจ้าสักนิด  ข้ารู้สึกว่าพักนี้ดวงเจ้าตกต่ำลงยิ่งกว่าเดิมอีกนะ...

    ท่านลุงทั้งห้าก็พากันพยักหน้าหงึกๆ

    “ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ   ไปเอาน้ำยาล้างพิษมาให้ดื่มละกัน  แล้วคราวนี้ห้ามพลาดอีกละ” ลุงมิวลัสตัดสินใจพลางมองข้าตาขุ่นเขียว   ข้าล่ะอยากจะประท้วงนักว่าข้าแค่นั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆก็หาว่าข้าผิดแล้วหรือ!!  ข้าไม่ใช่คนที่ตาถั่วยิงลูกศรผิดสักหน่อย  ฮือๆ โลกนี้ช่างไม่มีความยุติธรรม

    “ขอรับ  ข้าจะรีบแก้ไขขอรับ” ถึงอย่างไรข้าก็ทำได้แค่รับคำอย่างจำใจแล้วส่งสัญญาณทางสายตาไปให้เซเบลอสแล้วเดินนำเขาออกจากห้องประชุมมา

    “ท่านอาจารย์ขอรับ  ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างสูงจริงๆขอรับที่ทำให้ท่านต้องลำบาก..” เสียงเจ้าเซเบลอสนี่มันละห้อยเหี่ยน่าสงสารซะจริง  ข้าจึงโกรธมันอย่างที่ควรจะโกรธไม่ลง   ได้แต่ส่ายศีรษะเบาๆเดินออกจากวิหารเทพอีรอสไป

    ระหว่างที่ข้าสองคนเหาะไปวิหารเทพเฮฟเฟสตัสนั้น  ข้าก็ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ข้าไม่หยุดปาก   เพื่อเป็นการชดเชยที่ข้าแทบไม่เคยสั่งสอนเขามาก่อน....เอ่อ   ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก   ข้าก็ดุๆว่าๆเซเบลอสมั่งแหละ    แค่นานๆทีเท่านั้นเอง...

    อ้อ! ข้าลืมบอกพวกท่านถึงสาเหตุที่ข้าต้องไปวิหารเทพเฮฟเฟสตัสไป   ด้วยเหตุที่เจ้าน้ำยาล้างพิษลูกศรนี่เอาไว้ล้างพิษลูกศร....เรื่องนี้พวกท่านน่าจะพอเดาออก   มันสกัดมาจากดอกบ้าอะไรไม่รู้ที่ขึ้นเฉพาะในเขตหวงห้ามของเทพีอะธีน่าซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความดุราวกระทิงเปลี่ยว....   อ่า...หวังว่าท่านคงไม่ได้อยู่แถวนี้หรอกใช่มั้ย?

    นั่นแหละ....  ข้าก็ไม่ทราบว่าท่านเทพอีรอสที่น่านับถือของข้าไปทดลองสูตรยาถอนพิษอีท่าไหนเข้าถึงได้ไปโป๊ะเชะกับไอ้ดอก...ในสวนของเขตหวงห้ามของวิหารเทพอะธีน่าเข้าได้   ทำให้นานๆทีท่านเทพีถึงจะอนุญาตให้เด็ดดอกมาทำยาถอนพิษ

    นี่คือสาเหตุที่ยาถอนพิษลูกศรของเทพอีรอสมีค่ายิ่งกว่าทองคำ   และทั้งๆที่มันมีค่ายิ่งกว่าทองคำล้านเท่านั้น...

    เหตุเกิดเมื่อสองร้อยกว่าปีที่แล้ว   กับลูกศิษย์คนที่สองของข้า....

    “เพล้ง!!!

    มันคือเสียงแตกแห่งนรก  สยองชนิดที่ให้ข้าไปตีซี้กับเทพีอะโฟรไดท์ยังจะดีซะกว่าอีก(งงใช่มั้ยว่าน่ากลัวตรงไหน??  ช้าก่อนท่าน..ข้าจะพูดถึงทีหลัง)

    ใช่แล้วขอรับ  ลูกศิษย์ข้าดันโชว์วงสวิงแล้วเซแซดๆๆๆไปชนกับไหน้ำยาถอนพิษอย่างสวยงาม   และล้มลงไปกองที่พื้นอย่างสวยงาม   และไหแตกกระจายอย่างสวยงาม...

    หลังจากการลงโทษครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า  ไหน้ำอันมีค่ายิ่งกว่าหัวหล่อๆของข้าก็ถูกย้ายไปฝากเอาไว้กับเทพเฮฟเฟตัสเทพแห่งการช่างและมีไหในครอบครองเยอะซะจนถึงมีเพิ่มขึ้นอีกใบก็ไม่เดือดร้อน   แต่ข้าว่าน่าจะเป็นการป้องกันการขโมยมากกว่า   เพราะว่าหากท่านสามารถค้นหาไหน้ำใบที่ถูกต้องท่ามกลางสุสานไหนั่นได้โดยที่ไม่ถูกจับท่านต้องมีตามากกว่าสองตาเป็นแน่...

    หลังจากที่ข้ายื่นจดหมายให้ยามรักษาประตูแล้วเขาก็พาข้าไปพบกับเทพเฮพเฟตัส

    “ปัง!

    พอเข้าไปยังไม่ทันได้ตั้งตัวข้ากับเซเบรอสก็ต้องสะดุ้งโหยงกับเสียงดังกัมปนาถและความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ชายร่างใหญ่อุดมไปด้วยมัดกล้าม  หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่    กำลังฟาดค้อนลงกับวัตถุที่ทำจากโลหะดูคล้ายๆดาบ...  อ้อ  นี่ท่านคงกำลังตีดาบอยู่นี่เอง

    เขาวางค้อนก่อนจะเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก  รับน้ำมาจากคนสนิทแล้วขมวดคิ้วมองหน้าข้า

    “พวกเจ้าเป็นใครกัน??  มาหาข้าทำไม”

    อ่า...  นี่ท่านจำข้าไม่ได้จริงๆหรือขอรับ   ในบรรดาเทพอีรอสผู้ช่วยที่วิ่งมาหาท่านน่ะ...แปดในสิบเป็นข้านะขอรับท่าน

    “ข้าเป็นเทพอีรอสผู้ช่วยลำดับที่ยี่สิบเอ็ดขอรับ  ท่านเทพเฮฟเฟตัส” ข้ารีบค้อมศีรษะแนะนำตัวตามมารยาท   ทั้งๆที่ท่านเทพแห่งการช่างนี่น่าจะจำหน้าข้าได้แม่นจนเก็บไปฝันได้แล้วนะ  แต่ไม่ทราบว่าทำไมทุกครั้งท่านถึงทำเหมือนจำข้าไม่ได้ซักนิด..

    ..หรือว่าท่านจะความจำเสื่อมจริงๆ??

    “ท่านอีรอสผู้ช่วยงั้นหรือ?” ท่านเทพทวนคำขณะที่ตายังคงจ้องดาบที่ตีค้างไว้อย่างโหยหา  อ่า...ถ้าท่านอยากกลับไปตีดาบมากขนาดนั้นข้าก็จะไม่รบกวนท่านนานหรอกนะ  แค่ให้ยานั่นมาแล้วข้าก็จะไปทันที..เชื่อข้าสิ

    “ขอรับ  ข้าจะมารบกวนท่านขอยาถอนพิษศรน่ะขอรับ”

    ท่านเทพเฮฟเฟตัสพยักหน้าหงึกๆ  ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องข้างหลังสักพักแล้วออกมาพร้อมกับกระติกน้ำใบเล็กๆ

    “ท่านต้องใช้เยอะขนาดไหน  แค่นี้พอมั้ย?”

    ข้ากระพริบตาปริบๆอย่างงงๆ  ปกติแล้วข้าใช้แค่ไม่กี่หยดเองนะ  แต่ท่านกลับเอามาให้ข้าเป็นกระติก...  ช่างเถอะ  รับไว้นั่นแหละ  ลูกศิษย์ข้ายิ่งก่อเรื่องบ่อยๆอยู่จะได้ไม่ต้องวิ่งมาขอที่นี่บ่อย

    “พอขอรับ  ขอบคุณมากขอรับ”

    ข้ารีบล่ำลาเทพแห่งการช่าง  ลาบรรดาเทพยามที่เฝ้าวิหาร  แล้วลอยกลับวิหารเทพอีรอสอย่างสบายใจ

    ไม่ใช่แค่ข้า  แต่เจ้าลูกศิษย์ตัวดีของข้าก็ลอยตามข้ามาอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน  เหอะๆ...เจ้าไม่ต้องมายิ้มเลย  ถ้าเจ้ายังบังอาจก่อเรื่องอีก  ครั้งหน้าข้าจะตัดหางปล่อยวัดเจ้าซะ!

    ถึงข้าจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ  แต่ข้าทำไม่ลงหรอก..

    เนื่องจากตั้งแต่ที่ข้าได้เจ้าเซเบลอสนี่มาเป็นลูกศิษย์  เขาก็สร้างเรื่องปวดหัวและน่าขายหน้าให้ข้าเป็นอาชีพ  ไม่ว่าจะศาสตร์ใดๆ  เจ้าเซเบลอสมันห่วยแตกซะทุกเรื่อง   ข้าต้องนั่งน้ำตาตกในมองลูกศิษย์ของเทพผู้ช่วยองค์อื่นได้รับประกาศรางวัล  ได้รับคะแนนดีๆกันเป็นว่าเล่น  ในขณะที่เจ้าลูกศิษย์สุดที่รักของข้านั้นดีแต่สร้างปัญหา!

    ข้าเคยคิดอยากจะเอามันไปปล่อยโดยการเอาไปทิ้งที่โลกมนุษย์แต่เมื่อข้าคิดถึงความวุ่นวายของการที่เทพอีรอสฝึกหัดหายไปซักคนข้าเลยเปลี่ยนใจเพราะรู้สึกว่าไม่น่าจะคุ้มกัน

    ดังนั้นทางเดียวที่ข้าจะหลุดพ้นจากเรื่องซวยๆที่เจ้านี่มันก่อได้คือต้องให้มันสอบผ่านแล้วได้เลื่อนเป็นอีรอสผู้ช่วยแบบเต็มตัวซะที  แม้ว่าดูจากฝีมือยิงธนูของมันแล้วคาดว่าอีกซักสองร้อยปีกว่ามันจะสอบผ่านได้

    ข้านับนิ้วแล้วเริ่มรู้สึกท้อใจ  เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเมื่อไหร่ข้าจะมีลูกศิษย์ดีๆกับเค้าบ้างล่ะ

    ข้ามองใบหน้าซื่อๆของเจ้าลูกศิษย์แล้วลอบถอนใจขืนยังคงเป็นแบบนี้เจ้านี่คงต้องแหง่กอยู่กับข้าชั่วกาลปาวสานแน่ๆ   มีวิธีอื่นอีกบ้างมั้ยที่จะทำให้เซเบลอสมันได้เลื่อนขั้นเร็วๆโดยไม่ต้องผ่านการสอบ

    ความคิดหนึ่งสว่างวาบเข้ามาในหัวข้า...  จริงสิ  แม้ว่าจะเป็นไปได้ยากยิ่ง  แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นี่นา

    ในเมื่อเจ้าเซเบลอสมันห่วยนัก  ข้าคงต้องลงมือเองซะแล้ว...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×