คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : พบร่องรอย
พลายมหากาฬ
โดย สุวรรณภูมิ
|
|
งาช้างดำ นี้เป็นงาปลีเปลือกสีน้ำตาลเข้ม ขนาดความยาว 97 เซนติเมตร วัดโดยรอบ 47 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม ส่วนปลายมน มีจารึกอักษรธรรมล้านนาภาษาไทยกำกับไว้ว่า "กิ่งนี้หนักหนึ่งหมื่นห้าพัน" หรือประมาณ 18 กิโลกรัม
เริ่มเขียนเมื่อ วันพุธ ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา 15.39 น.
O ฝูงช้างสล้างใหญ่น้อย พังพลาย
ทอกโทนพินายหลาย ส่ำถ้วน
ทองแดงเผือกเนียมราย ในเหล่า
ลงท่าน้ำดำป้วน เล่นร้องฮูมแปร๋น ฯ
นิราศธารทองแดง-เจ้าฟ้ากุ้ง
พบร่องรอย
ข้าพเจ้าชะลอฝีเท้าลง ก่อนที่จะย่อตัว คุกเข่าข้างหนึ่ง และยกมือทำสัญญาณ ส่งผลให้ ขบวนทั้งขบวนหยุดเดิน อย่างกะทันหัน ข้างหน้าพรานเหลิงย่อตัวลงต่ำ เหมือนพิจารณาบางอย่างอยู่ ข้าพเจ้ากึ่งคลาน กึ่งวิ่ง ทำตัวให้มีเสียงดังน้อยที่สุด เข้าไปหาพรานเหลิง พลางใช้สายตาถามไถ่ ยอดพรานบุ้ยบ้ายปากให้ดูบางอย่าง
แดดยามบ่ายสาดส่องทะลุต้นตะเคียนคู่ เห็นทางด่านเป็นรอยไกลออกไป ป่ารกด้วยดงสาบเสือและเครือเถาวัลย์ ต้นเล็บครุฑหลบหนาม งอโง้ง ไว้ใต้เถากระเช้าสีดา ริมทางด่านมีแมลงกลุ่มหนึ่งบินว่อน ตอมมูลบางอย่างอยู่ จากลักษณะมูล ข้าพเจ้าพอมองออกว่าเป็นมูลช้าง
" รึ ว่า..."
"ไม่เกินครึ่งชั่วโมง " จอมพรานกระซิบสภาพมูลยังใหม่ เปียกชื้น
" ตัวมัน น่าจะยังอยู่ละแวกนี้ " พรานไพรจอมฉกาจกำฝุ่นโปรยตรวจสอบทิศทางลม ข้าพเจ้าคลานกลับอย่างเงียบกริบ มายังกลุ่มขบวน ที่หยุดยั้งรออยู่อย่างกระวนกระวายใจ
" เราเข้าใกล้มันมากแล้ว ต่อไปนี้ต้องระมัดระวังให้มากไว้ "
" เป็นเจ้างาช้างดำรึ " เฒ่าทารกถามเสียงตื่นเต้น ข้าพเจ้าทำสีหน้าปราม พรานเหลิงให้เราพักตั้งแคมป์พักแรมบริเวณนี้เพราะถ้าเราเข้าใกล้เกินไป จะทำให้มันรู้ตัวได้
แสงไฟวาววุบหวู่ ตามกระแสลมยามค่ำ คณะเดินทางบางคนแอบงีบหลับพักเอาแรง
อย่างอ่อนล้าจากการเดินทางเมื่อตอนกลางวัน ดร.โรมิโอ นั่งคีย์ ข้อมูล อินเตอร์เน็ท จาก แล็ปท็อป ( Laptop ) ภายในเต็นท์ แผงโซล่าเซลล์ พับวางอยู่ข้างๆ เพื่อใช้ชาร์ทแบตเตอร์รี่ยามกลางวัน
จิ้งจั้ง กระเหรี่ยงหนุ่มนอนกรนเบาๆ อยู่ข้างหลังข้าพเจ้า ด้วยต้องตื่นมารับยามกะดึก ดังนั้นจึงรีบนอนแต่หัวค่ำ ข้าพเจ้านั่งหารือเบาๆ กับพรานเหลิงถึงแผนการในวันพรุ่งนี้
" ฟืนอาจไม่พอถึงรุ่งเช้า " พรานเหลิงงึมงำเหมือนบอกข้าพเจ้าพลางคายกากกระท่อมทิ้ง
ก่อนเดิน ดุ่มๆ ไต่เนินเขาขึ้นไป บริเวณที่ตั้งแค้มป์พักแรม อยู่บนเนิน ห่างจากบริเวณที่พบร่องรอยพลายงาดำราวห้าเส้น ด้านหลังเป็นที่ลาดไปถึงชายเขา ด้านซ้ายเป็นตะพักยื่นออกไปเหนือลำธารเล็กๆ มีต้นยางใหญ่ขึ้นอยู่ จั้กจั่น ลองไน กรีดเสียงเซ็งแซ่แข่งกันอยู่ริมลำธาร นานๆได้ยินเสียงหมาไนหอนมาไกลๆ อากาศเย็นยะเยือกน้ำค้างแรง ดาวพราวเต็มท้องฟ้านานๆ เห็นผีพุ่งใต้กรีดประกายวูบผ่านท้องฟ้าไป
" เป็นไงคุณแมว พรานเหลิงไปไหน " เฒ่าหัวงูเดินออกมาจากราวป่า ในมือหิ้วอะไรบางอย่างติดมือมาด้วย
" ไงเฒ่าทารก ได้อะไรมา พรานเหลิงขึ้นเขา ไปเก็บฟืนมาเพิ่มเติม " ข้าพเจ้าทักทาย
" บึ้ง " แกโยนพวงสัตว์บางอย่าง ที่ข้าพเจ้าเคยได้ยินแต่ชื่อ รูปร่างมันดูคล้ายๆ แมงมุม มีสีดำ แต่ตัวใหญ่กว่า
"ไข่เต็มท้องเชียว มันดีนักแล " แกใช้ไม้เขี่ยถ่านแดงๆ ออกจากกองไฟ แล้วโยนบึ้งพวงนั้นลงไป สักครู่ กลิ่นหอมของมันกระจายออกมาทันที
" นั้นกลิ่นอะไร " อาจารย์กู้ ร้องทักพร้อมแหวก เต็นท์ออกมา พร้อมกับวันเดอร์และโนเกีย
" ยังไม่หลับกันอีกรึ " เฒ่าหัวงูใจยังหนุ่มร้องทัก
" มาลองบึ้งแกล้มอ้ายนี่หน่อยเป็นไง " แกงัดอ้ายขวดเหลี่ยมตราดำออกมา ซดอึกๆ ก่อนส่งเวียนมาทางข้าพเจ้า เราคุยกันสัพเพเหระ และร่องรอยพลายงาดำที่เราพบเมื่อตอนบ่าย
"โขลงมันคงอยู่ไม่ไกลนะ " โนเกียรำพึงชวนคุย ไม่เจาะจงว่าจะถามใคร
" อ้ายงาดำ มันเป็นช้างโทน มันไม่อยู่รวมฝูงหรอกนะ " อาจารย์กู้ เอ่ยเชิงอธิบาย
" ธรรมชาติช้าง หนะนะ ตัวเมียจะเป็นจ่าฝูง เอ่อ จ่าโขลง เรียกว่าแม่แปรก ช้างตัวผู้จะอยู่รวมโขลง เฉพาะ ตอนเป็นช้างเด็กพอโตเป็นหนุ่ม ก็จะถูกตัวเมียจ่าโขลง ขับออกจากโขลง ส่วนใหญ่ มันก็จะหากินไม่ห่างจากโขลงเดิมหรอก " อาจารย์กู้ร่ายยาว
" มันเป็นกระบวนการคัดสรร ตามกฎวิวัฒนาการ เพื่อไม่ให้ช้างในโขลงสายเลือดชิด ทับกันเอง " ดร.โรมิโอ เอ่ยขึ้นมา ไม่รู้ว่าลุกออกมาร่วมวงตอนไหน
" อ้าว ดอกเตอร์ ยังไม่นอนกันอีกเหรอ ดอกเตอร์ เอาไอ้นี่หน่อยไม๊ แก้หนาว " เฒ่าทารกร้องทัก
" โอ..ม่ายหละ ไอไม่ดื่ม แต่ขอลองกับแกล้มยูหน่อยซี "
" เชิญเลย " เฒ่าทารกเขี่ยบึ้งส่งให้ ดร.หนุ่มเอื้อมมือมาหยิบ เคาะขี้เถ้า ก่อนส่งเข้าปากเล็กน้อย ทำท่าทดลองชิม ก่อนเคี้ยวตุ้ยๆ และส่งอีกตัวให้วันเดอร์ลองชิมบ้าง
" จริงรึเปล่า ที่ว่าไอ้งาดำมันเป็นช้างปีศาจ " โนเกียเอ่ยเชิงตั้งคำถามอีกหน โดยไม่เจาะจงใคร
" ชาวบ้านร่ำลือกันว่า มันยิงไม่เข้า ไม่ตาย ไปมาดุจล่องหน "
" ปู่ของปู่ข้า เคยเล่าให้ปู่ ปู่เล่าให้พ่อข้าฟัง เรื่องตำนานช้างอาถรรพ์ " กระเหรี่ยงหนุ่มตื่นนอนกระแซะเข้ามานั่งใกล้ข้าพเจ้า
" ลุงขออ้ายขวดเหลี่ยมข้าซักกลืนซิ " ปากมันเอ่ยขอ แต่เอื้อมดึง แบล็คเลเบิ้ลจากมือเฒ่า
ทารก
" เฮ้ย เบาๆ " เฒ่าหัวงูร้องเสียงหลง ( ด้วยความเสียดาย ) เมื่อเห็นมันดวดอึกๆ
" ก่อนที่ข้าจะออกป่า แม่มอบสิ่งนี้ให้ติดตัวมา มันเป็นมรดกตกทอดมาจากปู่ ปู่มอบให้พ่อพ่อมอบให้ข้า " จิ้งจั้งเลิกชายเสื้อขึ้นปลดของบางอย่างที่ห้อยอยู่ที่เอว
" มันคืองาขนาย ของช้างอาถรรพ์ "
" งาขนาย ? " ข้าพเจ้าทวนคำ
ข้าพเจ้าเอื้อมมือรับของที่กระเหรี่ยงจิ้งจั้งปลดจากเอวส่งให้ แสงวับแวมจากกองไฟส่องเห็นวัตถุบางอย่าง รูปร่างของชิ้นนั้นดูคล้ายๆ เขาสัตว์ ยาวประมาณสองนิ้ว ที่โคนเขามีร่องรอยถูกตัด เลี่ยมเงินไว้ เก่าจนเป็นคราบเหลือง ร้อยสายหนังถักไว้สำหรับห้อยเอว ส่วนปลายดูคล้ายปลัดขิก
" งาขนาย เป็นงาช้างตัวเมีย " อาจารย์กู้เอ่ยเหมือนกำลังอรรถาธิบาย
" เชื่อกันว่า เป็นของที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง ป้องกันภูตผีปีศาจ กันคุณไสย เมตตามหานิยมคุ้มครองเจ้าของผู้พกพา ยิ่งเป็นงาขนายจากช้างอาถรรพ์ หรือช้างสำคัญ เช่นช้างเผือก หรือแม่ช้างสำคัญ "
" ตะก่อนมันยาวกว่านี้อีก แต่ปู่ข้าตัดแบ่งให้พรานพวกกันไป " กระเหรี่ยงหนุ่มให้ข้อมูลเพิ่มเติม
" มันเหมือนเขากิ่ง อ่ะ " เฒ่าทารกรับงาขนายไปจากมือข้าพเจ้าพลิกไปพลิกมาพึมพำ
" ช่าย มันเป็นงากิ่งของช้างตัวเมีย เมื่อช้างพังเริ่มมีอารมณ์ทางเพศ ก็จะตกมัน เหมือนช้างพลาย มันคงคัน จึงนำงาไปถูไถตามต้นไม้ใหญ่แล้วหักออกมา ไม่มีโอกาสพบเห็นบ่อยนักหรอก ส่วนใหญ่ จะพบแต่งาช้างสีดอ เป็นเศษแตกหักอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ ที่เรียกว่า งากระเด็น หรือ งากำจัด แต่สรรพคุณทางฤทธิ์ เป็นรองงาช้างขนายนี่มาก ข้าเองได้ยินแต่คำเล่าลือ เพิ่งจะเห็นของจริงนี่แหละ " อาจารย์กู้ร่ายยาวสมกับเป็นผู้มีภูมิ จิ้งจั้งรับงาขนายไปคาดเอวเหมือนเดิม ก่อนที่พวกเราจะสนทนากันต่อ ก็ได้ยินเสียงเหมือนฟ้าร้องไกลๆ
" 375 วินเชสเตอร์ ของพรานเหลิงแน่ๆ วันนี้มีลาภปากอีกแล้ว " กระเหรี่ยงหนุ่มร้องออกมาอย่างดีใจ ก่อนผลุนผันวิ่งออกไปในความมืด
ข้าพเจ้าตื่นแต่เช้าตรู่ หมอกขาวพราวพร่างอยู่ทั่วไป หลายคนยังนอนหลับอุตุอย่างมีความสุข จิ้งจั้งกับอาจารย์กู้ช่วยกันถลกหนังชำแหละฟานหรืออีเก้งที่พรานเหลิงยิงมาเมื่อคืน จอมพรานบอกว่าไม่จำเป็นไม่ต้องการล่า แต่เสบียงอาหารแห้งของเราร่อยหรอลงจากการรอนแรมตามล่าพลายงาช้างดำ ซึ่งไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด อีกอย่าง เสียงปืนจะทำให้โขลงพลายมหากาฬถอยเข้าป่าลึก ยากต่อการติดตามเป็นอย่างยิ่ง
เฒ่าทารก ริกิ่งไผ่ ผ่าซีกสานเป็นตะแกรงไว้รอตากเนื้อเก้งที่อาจารย์กู้แล่หมักเกลืออยู่กับกระเหรี่ยงหนุ่ม ขาหลังก็รมควันไว้เป็นของสด ส่วนที่เหลือก็จัดการเก็บกวาดแล้วกลบฝังอย่างมิดชิด ให้ปลอดภัยจาก หมาไนหรือไอ้ลาย ที่อาจได้กลิ่นคาวเลือด จะได้ไม่มารบกวน วันเดอร์กับโนเกีย กำลังช่วยกันกางแผงเซลล์ซูล่ารับแสงอาทิตย์ต่อกับเครื่องชาร์จแบตเตอรี่
ข้าพเจ้าเดินห่างออกมา น้ำค้างเปียกชื้นรองเท้าและขากางเกง ผ่านต้นกะบกใหญ่ เสียงนกแก๊กร้องตกใจ สะบัดกิ่งกะบกพรมน้ำค้างพร่างพรูลงมา มันคงมีโพรงรังอยู่ ละแวก นี้ ขนาด มโหฬารของมัน เมื่อบินมีเสียงเหมือนคนสะบัดผ้า ( นกแก๊ก Oriental Pied Hornbill ชื่อวิทยาศาสตร์ Anthracoceros albirostris มีขนาดประมาณ 70 ซม. เป็นนกเงือกขนาดเล็กที่สุด ขนตามลำตัวส่วนใหญ่เป็นสีดำ ใบหน้ามีแถบสีขาว อกตอนล่างและท้องสีขาว ปากและโหนกแข็งสีงาช้าง มีแต้มสีดำเล็กน้อย ขณะบินจะเห็นปลายปีกเป็นสีขาว อาหารได้แก่ แมลง กิ้งก่า งู สัตว์ขนาดเล็ก และผลไม้ขนาดเล็ก เช่นไทร หว้า-ผู้เขียน )
" พรานเหลิง ตื่นแต่เช้าเชียว " ข้าพเจ้าเอ่ยทัก เมื่อเดินอ้อมเนินไปยังต้นยางคู่ริมลำธารเห็นพรานเหลิงวักน้ำล้างหน้าอยู่ เมื่อคืนข้าพเจ้าขอตัวไปนอน หลังจากพรานเหลิงกับกระเหรี่ยงจิ้งจั้ง
หามอีเก้งมาถึงปางพักแรม จึงไม่ทราบว่า จอมพรานเข้านอนเมื่อใด ( ข้าพเจ้าส่งเวรให้เจ้า กระเหรี่ยงแล้วจึงไปนอน )
" เมื่อคืนผมออกไปหาฟืน ส่องไฟ เจอเก้งเข้า จึงเก็บมาเป็นเสบียง แต่เสียงปืนทำให้โขลงไอ้งาดำบ่ายหน้าขึ้นเหนือ ผมตามรอยมันไป รอยยังใหม่ๆ อยู่เลย แต่ไม่พบรอยไอ้งาดำ "
พรานเหลิงเคยบอกกับข้าพเจ้าว่าโดยสัญชาติตระญาณช้างพลายโทนมันจะทำสัญลักษณ์ประกาศถิ่น
สร้างอาณาเขตของมันไว้ โดยใช้งาแทงไม้ใหญ่ไว้เป็นรอย และรอยเท้าพลายงาดำก็มีขนาดใหญ่กว่าช้างทั่วๆ ไป หรือว่าพลายงาดำมันจะรู้ตัว ว่าเป้าประสงค์คณะเราอยู่ที่ตัวมัน มันจึงระมัดระวังตัว ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะเป็นการยากลำบากสำหรับพวกเราที่จะตามรอย
" แต่คิดว่ามันคงไม่ทิ้งโขลงของมันไปไกล เราจะพักที่นี่เพื่อเตรียมเสบียง พอเนื้อเริ่มหมาดแดด ก็จะออกเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้นทันที "
ข้าพเจ้าแจ้งให้ทุกคนทราบตามที่พรานเหลิงสั่ง พวกเราพากันอาบน้ำชำระร่างกายกันที่ลำธาร จิ้งจั้งให้ลูกหาบใช้ไฟสุม โพรงต้นยางเห็งริมลำธารที่มีร่องรอยชาวป่ารนไว้ก่อนแล้ว ใช้กระลาตักน้ำมันยางเก็บไว้ เพื่อไว้ใช้ก่อไฟ เตรียมน้ำไว้ให้เพียงพอเพราะอาจไม่พบแหล่งน้ำอีก การเดินทางในป่าจะประมาทหวังพึ่ง น้ำบ่อหน้า ไม่ได้
เราตระเตรียมเสบียง ชาร์ทไฟแบตเตอรี่กันอย่างเต็มที่หลังจากเดินทางกันตลอดเวลาไม่ได้หยุดพักกลางวันกันเลย เพื่อการเดินทางในวันพรุ่งนี้จะได้ไม่ขลุกคลัก เราตามรอยมันมาจนใกล้แค่เอื้อมถ้ามีอะไรผิดพลาดเราอาจต้องตามรอยมันเป็นเดือนๆ ซึ่งเสียเวลามากหากเข้าฤดูฝนก็ต้องยกเลิกภารกิจด้วยการเดินทางในป่าดงดิบในฤดูฝนเป็นไปไม่ได้เลย ขนาดปลายเดือนพฤศจิกายนยังมีฝนตกชุกอยู่
เมื่อจัดเก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อย รอบบริเวณแค้มป์พักแรมขยะถูกจัดเก็บกลบฝังดับกองไฟ คณะของเราก็เริ่มออกเดินทาง โดยพรานเหลิงแบ่งขบวนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกพรานเหลิง ข้าพเจ้า กระเหรี่ยงจิ้งจั้ง มุ่งหน้าไปก่อน กลุ่มที่สอง เฒ่าทารก วันเดอร์ โนเกีย ดร.โรมิโอ ลูกหาบและอาจารย์กู้รั้งท้าย ด้วยม้าต่างและลูกหาบต้องขนสัมภาระ เดินทางได้ช้า จึงไม่ต้องการให้เป็นตัวถ่วง ในการติดตามโขลงพลายงาช้างดำ ที่ล่วงหน้าคณะเราไปหนึ่งวัน เฒ่าทารกและอาจารย์กู้ ก็ไว้ใจได้ว่าสามารถดูแลลูกหาบและม้าต่างได้เป็นอย่างดี หากเกิดปัญหาขึ้นมา
พรานเหลิงปล่อยกระเหรี่ยงหนุ่มนำทาง ส่วนจอมพรานบางครั้งก็นำหน้า บางครั้งก็อยู่รั้งท้ายขบวน บางครั้งก็แยกจากขบวนเดินทางหายไป จู่ๆก็โผล่ออกมากลางขบวนดุจเงาปีศาจ เส้นทางที่แกะรอยโขลงพลายงาดำ ลัดเลาะ ตามลำธารที่คณะเราตั้งค่ายพักแรม บางครั้งก็แยกห่างออกไปก่อนที่จะเลี้ยววกมุ่งหน้าขึ้นเหนือ ตลอดรายทางรอยโขลงช้างสังเกตได้ง่าย ด้วยพวกมันหักกิ่งไม้ น้าวยอดไผ่เป็นแนวทางขนานไปกับทางด่าน แว่วเสียงน้ำลำธารไหลริน
สภาพเส้นทางค่อนข้างเดินสบาย ด้วยเป็นทางด่านช้าง ต้นพยุง ตะเคียน เหียงขึ้นเป็นดง อากาศร้อนอบอ้าว ต่างจากตอนกลางคืนซึ่งหนาวจัด ริ้น แมลงวันเล็ก และเหลือบ บินตอม หัว หู สร้างความรำคาญ โชคดีเป็นช่วงปลายฤดูฝน อากาศแห้งแล้ง ไม่มีทาก หากเป็นฤดูฝนคงต้องผจญกับฝูงทากอีกเป็นแน่
เราออกเดินโดยไม่พูดคุยกัน ตั้งแต่เช้าตรู่จนขณะนี้ นาฬิกา มิโด้คอมมานเดอร์ ที่ข้อมือข้าพเจ้าบอกเวลาเที่ยงตรง แต่พรานเหลิงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะให้ขบวนของเราหยุดพัก ทางเดินเริ่มลาดต่ำลงเรื่อยๆ หลังจากเราเดินขึ้นที่สูงมานานต้นมะเดื่อ ต้นไทรขึ้นเป็นกลุ่มห้อยระยางระย้า ลำต้นปกคลุมไปด้วยมอส ผักกูด เฟิร์นป่าขึ้นเป็นดง เสียงน้ำไหลได้ยินดังยิ่งขึ้น
พรานเหลิงยกมือส่งสัญญาณเหมือนพบเห็นอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะซุบซิบกับกระเหรี่ยง จิ้งจั้งที่คลานเข้าไปหา ก่อนย่อตัวหมอบคลานไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พลอยทำให้ข้าพเจ้าต้องหมอบคลานตาม เราคืบคลานไปราวห้าสิบหกสิบเมตรเห็นจะได้ พอพ้นดงเฟิร์นออกมาก็พบตลิ่งสูงชัน เบื้องล่าง ลำธารแผ่กว้างออก ฝั่งตรงข้ามกับที่เราหมอบซุ่มอยู่เห็นโขลงช้างกำลังขึ้นจากน้ำ ไม้ไร่หักโค่นโครมครามตามหลังพวกมัน ริมตลิ่ง มีแม่ช้างกับลูกช้างสองตัว ยังไม่ตามโขลงไป ( ช้างป่าเรียกลักษณะนามเป็นตัว ช้างบ้านเรียกเป็นเชือก-ผู้เขียน ) ด้วยความสูงชันของตลิ่งทำให้ลูกช้างไต่ขึ้นไม่ได้ ดูท่าขาหลังของมันคงติดหล่ม แม่ช้างดูละล้าละลังในขณะที่โขลงส่วนใหญ่ล่วงหน้าไปแล้ว ลูกช้างยิ่งดิ้นและร้องด้วยความตกใจที่ขึ้นตลิ่งไม่ได้
ทันใดนั้นเอง บนตลิ่งเหนือลูกช้างที่กำลังติดหล่มอยู่ มีเงาเหลืองลายวูบผ่าน จากแสงแดดที่ลอดกิ่งไทรลงมา ทำให้ข้าพเจ้าตลึงงันลืมหายใจ เสือโคร่งลายพาดกลอนขนาดน้องม้า ย่อตัวแกว่งหางช้าๆ เตรียมกระโจนลงมา แม่ช้างยืนจังก้าขวางระหว่างเสือร้ายกับลูกน้อย แผดเสียงขับไล่พยัคฆ์ ร้าย พลางกระตุ้นเตือนให้ลูก ช้างรีบขึ้นตลิ่งไป พยัคฆ์ร้ายครางเสียงต่ำ มันคงติดตามฝูงช้างมา หากมีโอกาสจะได้ฉกฉวยเข้าโจมตี เป้าหมายของมันไม่ใช่ช้างตัวโตๆ หากแต่เป็นช้างแม่ลูกอ่อนหรือช้างพิการที่เดินไม่ทันโขลง โดยเฉพาะลูกช้าง ซึ่งมันก็ติดตามจนพบโอกาสอันดีสำหรับโจมตี
เสือร้ายจ้องแม่ช้างตาเขม็ง หางกวัดไกวอย่างแช่มช้า โดยไม่คาดฝัน ฝั่งซ้ายของลำธารกิ่งมะเดื่อไหวเยือก เสือโคร่งลายพาดกลอนตัวโตกว่าตัวแรก กระโจนพรวดออกมาโจมตีลูกช้างที่กำลังติดหล่ม ก่อนที่จะทันเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงร้อง แปร๋น กึกก้องไพรพนา ภูเขาลูกย่อมๆ เคลื่อนผ่านหน้าพวกเราไปดุจภูผาถล่ม พร้อมร่างเสือร้ายปลิวคว้างหล่นตูมลงกลางลำธาร น้ำกระจายกระเซ็นมาถึงพวกเราที่หมอบซุ่มดูอยู่
ร่างสูงทะมึนยืนขวางลำธารตื้นแห่งนั้นเหมือนภูเขาลูกหนึ่ง งวงของมันกวัดแกว่งชูสูง หูสองข้างกางออกโบกกระพือ ส่งเสียงเกรี้ยวกราดอย่างโกรธแค้น งาทั้งคู่งอนงามยาวไม่ต่ำกว่าสามเมตรเป็นสีดำสนิทประดุจนิล ตาทั้งคู่เบิกโพล่งแดงกล่ำจ้องไปที่เสือร้ายตัวที่ประจัญหน้ากับแม่ช้างอย่างประสงค์ร้าย พลางย่างสามขุมพาเรือนกายมหึมาสูงไม่ต่ำกว่าห้าเมตรเข้าหาเจ้าลายพาดกลอนอย่างช้าๆ เจ้าเสือตัวที่หล่นลงกลางลำธารลุกขึ้นสะบัดน้ำออกจากตัวดูท่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บ นอกจากความตระหนก คงเป็นเพราะน้ำในลำธารนั่นเอง ไม่เช่นนั้นกระดูกกระเดี้ยว คงทะลุออกมา แม่ช้างใช้งวงดุนลูกน้อยจนพ้นจากติดหล่มปีนขึ้นตลิ่งจนได้ ท่ามกลางการคุ้มกันของพลายงาดำ ซึ่งถอยช้าๆ
พุ่มไม้ด้านขวามือที่เราซุ่มอยู่ ไหวเยือก กลิ่นสาบฉุนกึก โชยเข้าจมูกแทบสำลัก เสือโคร่งอีกตัว ซุ่มอยู่ใกล้ๆ พวกเรานี่เอง ขนหัวข้าพเจ้าลุกชัน หัวใจแทบหยุดเต้น ด้วยอาการ อดรีนาลีน (Adrenalin hormone) ที่หลั่งออกมา ก่อนที่พวกเราจะทำประการใด เฒ่าทารกก็โพล่พรวดพราดเข้ามาพร้อมรอยยิ้มร่า พวกเราคงหมอบซุ่มดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าโดยลืมขบวนที่ตามหลังมาเสียสนิท ด้วยความตื่นเต้น จึงไม่ทันส่งสัญญาณให้ขบวนที่ตามมาทราบทันท่วงที
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเฒ่าทารก ทำให้พยัคฆ์ร้ายไหวตัวหันขวับมาทางเฒ่าทารก
เฒ่าทารกตกตะลึงพรึงเพริดหน้าซีดเผือก รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป แกตกใจด้วยไม่นึกไม่ฝันว่า
จะเผชิญหน้าเสือลายพาดกลอนตัวมหึมาอย่างกระชันชิดเช่นนั้น
ข้าพเจ้าวาดปืนขึ้นประทับบ่า พร้อมเฒ่าทารก แต่ช้ากว่าพยัคฆ์ร้าย%
ความคิดเห็น