ณ โยธินบูรณะ ห้องสอบที่ 434
“โอ๊ย! แมรี่ จะเอายากส์ไปไหนฟ่ะ แต่ประโยคอะไรเนี่ย โคตร ลิตเติ้ลแลมป์เลย” มีจูได้แต่พึมพำอยู่คนเดียวอย่างเหนื่อยหน่ายกับข้อสอบภาษาอังกฤษ ที่อ่านมาเท่าไรก็สอบไม่ผ่านซักที
ในห้องสอบที่เงียบสนิท ทันใดนั้น
“ส่งข้อสอบ คร้าบบบบบบบ”เสียงตะโกนของเด็กชายร่างอ้วนที่ชื่อtits นั่งอยู่ข้างๆมีจูดังขึ้น
“อะไรกันเนี่ยยังไม่ถึง 20นาทีเลยนะ”มีจูได้แต่พึมพำอยู่คนเดียว แต่ก็ยังก้มหน้างุดๆทำข้อสอบต่อไป
45 นาที ผ่านไป
“หมดเวลาทำข้อสอบ เตรียมส่งข้อสอบได้แล้วนะ”เสียงจารย์กบ ผู้คุมสอบดังขึ้น
ขณะที่มีจูเดินหัวฟูไปส่งข้อสอบ ที่ตอนนี้หน้าตาเหมือนเพิ่งผ่านสนามรบมา
“นี่ มีจู ทำไมห้องนี่มีแค่ 11 คนล่ะ ต้องมี 12 ไม่ใช่เหรอ หายไปไหนคนหนึ่งล่ะ”จารย์กบถามอย่างสงสัย
“อ๋อ! ก็ไอ้หน้าตุ๊ดนั้นไม่มาสอบนะสิ”มีจูตอบอย่างเบื่อหน่ายเพราะไม่อยากพูดถึง ‘คนหน้าตุ๊ด’ นั่นอีก
“อ๋อ! ฟู่เหยิน นะเหรอ อ้าว! แล้วทำไมเขาไม่มาโรงเรียนอีกล่ะ เธอไปแกล้งเขาอีกใช่ไหมเนี่ย”จารย์กบถามอย่างรู้ทันเพราะรู้ว่า ดีกรีเด็กห้องนี้ทุกคนแสบทรวงขนาดไหน
“ใครจะไปอยากยุ่งกับมัน ช่างมันเถอะ ให้มันไปๆนะดีแล้ว รำคาญจะแย่ ผู้ชายอะไรสำออยชะมัด ไปแล้วนะอาจารย์ สวัสดีคะ”มีจู พูดจบก็เดินออกจากห้องไปทันที ทิ้งให้อาจารย์กบๆได้แต่ส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายกับความไร้มารยาทของลูกศิษย์คนนี้เต็มทน
หน้าห้อง
“เฮ้ย! มีจู แกทำได้ไหมว่ะ อ๋อ! แต่คงไม่ต้องถามหรอกเด็กแลกปลี่ยนจากเกาหลีอย่างแก แค่นี่นะน่าจะ ง่ายๆอยู่แล้ว ใช่ไหม” ปิ๊ชัต เด็กสาวหน้าหวานที่ออกจะทอมบอย ถามขึ้น แล้วก็เสือกตอบเองซะงั้น มีจูได้แต่ทำสีหน้าเซ็งๆ
“แกว่ามันจะเป็นยังไงบ้างว่ะ”มีจูถามปิชัต แต่สีหน้าเหม่อลอยไปไกล
“ใคร?”ปิ๊ชัตมองมีจูอย่างงงๆ
“เฮ้ย!ทุกคน ปิดเทอมใหญ่ไปเที่ยวบ้าน ไอ้ติ๊ดดีกว่า”เสียงต่ำๆของนักรบดังขึ้น ทำให้ปิ๊ชัต ละความสนใจจากคำถามของมีจู เดินมาร่วมวงสนทนากับพวกนักรบ ทิ้งให้มีจูเหม่อลอยอยู่คนเดียว
ณ บ้านไอ้ติ๊ด
“เฮ้ย! บ้านใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย โห้!”Mook Black พูดขึ้นอย่างตื่นตะลึง
“พ่อกับแม่เราไม่อยู่นะเว่ย ทำอะไรระวังๆหน่อยละ พวกแกนี่จะมาก็มาไม่เคยถามความสมัครใจเจ้าของบ้านเลยนะเนี่ย” ติ๊ด บ่นอย่างเซ็งสุดแต่เขาก็รู้ดีว่าคงแก้นิสัยของเพื่อนๆเขาไม่ได้
“เฮ้ย! นี่ก็เย็นมากแล้วเลือกที่นอนกันตามสบายนะ ตรงไหนก็ได้ เดี๋ยวกินข้านเย็นกันก่อนแล้วก็ไปอาบน้ำ จะได้ลงมาเล่าเรื่องผีกันไง”โศรยาพูดขึ้นราวกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน จนไอ้ ติ๊ด ได้แต่ส่ายหน้าระอา ส่วนทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันไปหาที่อาบน้ำ และที่นอน
“เย้!กินข้าว ว้าวๆๆๆๆๆๆ”จากนั้นทุกคนก็วิ่งไปห้องอาหารทันที
เวลา 19.00 น.
ทุกคนมานั่งรวมกันที่ห้องรับแขกที่มืดสนิทมีเทียนปักอยู่ตามจุดต่างๆในห้องอยู่ 2-3เล่ม บ้านไอ้ติ๊ด อย่างพร้อมเพรียง ยกเว้นแต่ปิ๊ชัตที่หายไปไหนก็ไม่รู้
“เฮ้ย! ไอ้ปิ๊หายไปไหนว่ะ”ป้าอ้อมที่แต่งหน้าได้เข้ากับบรรยากาศสุด เพราะเธอสยายผมที่เปียกน้ำนิดๆ กับใบหน้าที่ปะแป้งอย่างลวกๆ
“ไม่รู้สิ ช่างมันเหอะปานนี้นอนหลับที่ไหนสักแห่งไปแล้วมั้ง”Mook Black พูดขึ้นเพราะรอที่จะฟังเรื่องผีไม่ไหวแล้ว
“เอานะ! งั้นเราเริ่มก่อนละกัน เรื่องผีจากอินเดีย”Tinz Tinz เริ่มเราเป็นคนแรกเพราะเจ๊แกมีจินตนาการอันโลดแล่นสุดๆ
“เรื่องอยู่ว่า นานมาแล้วมีบ้านใหญ่อยู่หลังหนึ่งในอินเดีย บ้านหลังนี้เคยมีข่าวว่ามีเด็กมาพักอยู่ที่นี่กลุ่มหนึ่งโดนไฟคลอกตายกันจนหมด”
“ว๊าย!”เสียงแหลมเล็กของลีจินดังขึ้นมาขัดจังหวะการเล่าเรื่องผี
“555+ แค่นี่ก็กลัวไปได้ ปอดจริงๆ” ตัวต้นเหตุที่แกล้งคนอื่นโดยเอามือเปียกน้ำของตัวเองไปจับลีจินไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Mook Black
“เฮ้ย! ขัดจังหวะจริงปวดฉี่เลยเนี่ย ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”Tinz Tinz พูดอย่างอารมณ์เสียจากนั้นก็เดินหายไปเข้าห้องน้ำ
ผ่านไป 20 นาที
“เฮ้ย! ไอ้ตินส์ทำไมมันช้าจังหวะ ตกส้วมตายห่าแล้วมั้งเนี่ย ”ป้าอ้อมพูดขึ้นอย่างแปลกใจ
“งั้นเดี๋ยวเราไปดูให้ก็ได้”วัลภาที่นั่งเงียบมานานก็พูดขึ้นพร้อมเดินไปห้องน้ำที่อยู่เกือบจะอีกฟากของบ้าน
“เราว่านะ วัลภาน่ากลัวกว่าผีอีก”โศรยาพูดขึ้นอย่างติดตลก ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของทุกคน
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”เสียงกรีดร้องของวัลภาดังขึ้นจากห้องน้ำ
“เฮ้ย! อะไรอ่ะไปดูดิ”ป้าอ้อมพูดขึ้นพร้อมกับลุกแล้ววิ่งไปดูที่ห้องน้ำ ทิ่งให้ Mook Black นั่งอยู่คนเดียว
“สงสัยอำกันเล่นแหงๆ”Mook Blackคิดว่าวัลภาคงอำเล่น
สักพัก Mook Black ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนเดินเข้ามาเมื่อเงยหน้าขึ้นไปดวงตาของMook Black ก็เบิกโพลงขึ้น
ณ ห้องน้ำ
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”ลีจินพูขึ้นเสียงสั้นในขณะที่ทุกคนช๊อกกับเหตุการณ์ตรงหน้า เพราะในห้องน้ำนั้นเหมือนถูกละเลงไปด้วยเลือด มีร่างที่ดูเหมือนคงไร้วิญญาณไปแล้วของคนสามคนเพราะร่างของทั้งสามอาบไปด้วยเลืดสีแดงฉาน ดวงตาเบิกโพลง ใบหน้าบิดเบียวไปด้วยความเจ็บปวดก่อนตาย
“ม....ไม่ตลกเลยนะ นี่ Tinz วัลภา ปิ๊ชัต เราไม่ขำนะ ลุกขึ้นมา”นักรบเดินไปเขย่าร่างที่ไร้วิญญาณของคนสามคนเพราะหวังจะเป็นแค่การแกล้งกัน
“ต....ตายแล้ว สามคนนี่ตายแล้วจริงๆ”นักรบพูดขึ้นเสียงสั่นดวงตาจ้องไปยังมือที่เปื้อนเลือดของตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
จากนั้นทุกคนก็วิ่งกลับๆไปที่ห้องนั่งเล่น ส่วนโศรยาที่ดูเหมือนจะมีสติที่สุดก็พานักรบเดินไปยกสวิตท์ไฟในบ้านที่ถูกปิดเพราะจะสร้างบรรยากาศเล่าเรื่องผี เมื่อสองคนนั้นเดินไปถึงห้องไฟ โศรยาก็เดินนำไปเปิดสวิทช์ไฟแต่มันมีมากมายเลยหันมาถามนักรบ
“ทำไมมันมีเยอะอย่างนี้เนี่ย เฮ้ย นักร...”เมื่อโศรยาหันมากลับเจอแต่ความว่างเปล่า
“นักรบแกอยู่ไหนอ่ะ ไม่ฮาแล้วนะเว้ย”โศรยาตะโกนไปในความมืด แต่เสียงที่ตอบกลับมากลับเป็นแค่เสียงฝีเท้าของใครสักคน
“นั่นแกใช่ไหมนักรบ”โศรยาถามขึ้นเสียงสั่น ดวงตาเบิกโพลงด้วยความผวา เหงื่อผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้าที่เริ่มขาวซีด
“ไม่ใช่”เสียงนั่นตอบกลับมาอย่างเย็นยะเยือก
ทันใดนั่นโศรยาก็เริ่มวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต โดยมีเสียงฝีเท้าก้าวมาตามข้างหลังติดๆ โศรยาจึงหันหลังไปล้มถังขยะเพื่อขวางทางฆาตกรไว้ จากนั้นเธอก็วิ่งตรงไปที่ห้องนอนชั้นบนแล้วมุดเข้าไปใต้เตียงทันที แต่เวรกรรมเธอลืมปิดประตู!
ไม่นานเจ้าฆาตกรก็เดินเข้ามาสำรวจในห้องนี้ โศรยาที่อยู่ใต้เตียงที่มืดมิดเห็นเท้าของมันเดินวนไปรอบๆเตียง น้ำตาเธอไหลออกมาช้าๆแต่เธอทำได้แค่สะกดกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้มันรู้ตัว ไม่นานเธอก็เห็นฆาตกรเดินออกไปเธอจึงหลับตาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“อย่าคิดว่าฉันจะหาแกไม่เจอสิ”เสียงฆาตกรดังขึ้น โศรยาจึงลืมตาขึ้นมา
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
ส่วนคนอื่นๆเมื่อไปถึงที่ห้องนั่งเล่นก็พบว่า Mook Black ได้กลายเป็นศพไปอีกคน โดยมีสภาพไม่ต่างจาก Tinz ปิ๊ชัต กับ วัลภาเท่าไร
“ไม่เอาแล้ว ไม่ตลกแล้วนะ นี่มันอะไรกันเนี่ย ฉันจะกลับบ้าน”ลีจินที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเสียสติไปแล้ววิ่งไปเขย่าประตูบ้านแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เปิดตามที่ต้องการ
“ฉันว่าเราต้องโทรหาตำรวจ”ป้าอ้อม คล้ำหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า แต่ก็ไม่พบ
“โทรศัพท์มือถือไม่มีอ่ะ”ทุกคนอุทานเป็นเสียงเดียวกัน
“หาไม่เจอหรอก ยังไงก็หาไม่เจอ”เสียงปริศนาหนึ่งดังขึ้น
เมื่อทุกคนหันหลังไปมองก็มีใครสักคนโยนร่างไร้วิญญาณของโศรยากับนักรบเข้าใส่พวกเขา
“กรี๊ดดดดด”เสียงกรีดร้องของรักมป้าอ้อมและลีจินก็ดังขึ้นเมื่อศพของโศรยากับนักรบถูกโยนไปโดนตัวพวกเขา
ทุกคนก็ร่วมใจกันผลักมีจูไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นว่า
“นี่ไง soul mateแกเลยเนี่ย ส่งตรงจากเกาหลีด้วย”
“เฮ้ย! ไอ้เพื่อนเวร”มีจูได้แต่หันกลับไปด่าเพื่อนๆ
“กูไม่เอากูชอบขาวอวบแบบไอ้นั่น”จากนั่นฆาตกรก็ชี้มือไปที่ไอ้ติ๊ด ในจังหวะเดียวกันมีจูก็วิ่งกลับไปเกาะกลุ่มนั่งตัวสั่นกับทุกคน
“เวร! ง....งานเข้า”ติ๊ดพูดออกมาเสียงสั่นด้วยความกลัวสุดใจ
“แกเป็นใคร แล้วทำแบบนี้ทำไม”มีจูถามขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ
“แกนะออกไปจากนี้ไม่ได้หรอก แล้วข้าวเย็นอร่อยดีไหมล่ะ”ฆาตกรถามขึ้นอย่างเย็นชา
“อร่อย เอ้ย! ไอ้โรคจิตแล้วแกจะถามทำไมเนี่ย ฉันถามว่าแกเป็นใครต่างหาก ”พอลล่าตะโกนอย่างเหลืออด
“อะ โอ๊ย ขาฉันขาฉันมันชาไปหมดแล้ว”
“ฉันด้วย”
“ข้าวเย็นของแกฉันอุตส่าห์ใส่ยาที่จะทำให้พวกแกเป็นอัมพาตไปทั้งตัวไว้ด้วย ระหว่างที่ร่างกายของพวกแกเริ่มชาฉันจะบอกแกว่าฉันคือใคร”ฆาตกรพูดขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อ3เดือนก่อน
“เฮ้ย! กูหมั่นไส้นักเรียนใหม่ที่ชื่อว่าฟู่เหยินว่ะ ดูดิทำเป็นประจบอาจารย์”Tinzมองฟู่เหยินที่กำลังคุยกับอาจารย์อันวาอย่างอิจฉา
“เอางี้ป่ะ เรามียาตัวใหม่มาเข้าบอกว่ากินไปแล้วหน้าจะสวยขึ้นเอาลองกับไอ้ฟู่เหยินเนี่ยแหละ”พอลล่าออกไอเดีย
“เฮ้ย!ของแบบนี้มันมีด้วยเหรอว่ะ”ป้าอ้อมถามอย่างสงสัย
“มีดิอย่าลืมพ่อเราทำงานเป็นนักเคมีอันดับ 1 เลยนะของแบบนี้ใครๆเขาก็คิดจะทำกันขึ้นมาทั้งนั้นแต่มันไม่ค่อยจะสำเร็จ ของพ่อเราก็อยู่ในขั้นทดลอง อุตส่าห์แอบขโมยมาเลยนะเนี่ย”รักพูดอย่างโอ้อวด
“เราว่าบดให้เป็นผงแล้วโรยใส่กล่องกับข้าวมันเลย”ลีจินออกไอเดีย จากนั้นมีจูก็หยิบกล่องข้าวไอ้เหยินที่มันเก็บไว้ใต้โต๊ะขึ้นมา แล้วก็เริ่มบดผงยาพร้อมโรยเข้าไปในกับข้าวเหยิน
พักกลางวัน
“เอ๊ะ! ทำไมข้าวมันขมๆล่ะเนี่ย”ฟู่เหยินพูดอย่างสงสัย จนตาเหลือบไปเห็นผงขาวๆกองเล็กๆที่อยู่บนกับข้าวจึงได้รู้ว่าโดนแกล้งซะแล้ว
“นี่! ใครเป็นคนทำอ่ะ อะไรกันนี่ถึงกับวางยากันเลยเหรอ”ฟู่เหยินตบโต๊ะแล้วยืนขึ้นอย่างโกรธๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคนในห้องดังขึ้น ทำให้เหยินต้องรีบเก็บของแล้ววิ่งกลับบ้านทันที
กลับมาที่ห้องนั่งเล่นบ้านไอ้ติ๊ด
“พวกแกรู้ไหมแล้วจากนั้นเกิดอะไรขึ้น พอฉันกลับไปบ้านฉันก็เริ่มรู้สึกเจ็บไปทั้งตัวเลือดค่อยๆไหลออกมาจากร่างกายที่เริ่มปริแตก จนในที่สุดฉันต้องลงเอยด้วยการมีสภาพแบบนี้ ทุกคนในบ้านรับฉันไม่ได้จนไล่ฉันออกจากบ้านอย่างกับหมูกับหมา พวกแกดูหน้าฉันให้ดี นี่ไงใบหน้าที่พวกแกมอบให้กับฉันดูสิ ดู๊ แกจะต้องเจ็บกว่าที่ฉันเจ็บ”ฟู่เหยินร่างอ้วน พูดอย่างโมโห บ้าคลั่งและเสียสติ พร้อมกับน้ำตาแห่งความเคียดแค้น
“ตอนนี้ตัวพวกแกคงเริ่มชาหมดแล้วสินะ”ฆาตกรพูดขึ้นเมื่อรู้ว่าเด็กที่เหลือขยับตัวไม่ได้หมดแล้ว
จากนั้นมันก็ลากทุกคนทั้งที่ตายแล้วแล้วก็ขยับไม่ได้ไปไว้บนเก้าอี้ แล้วมันก็เริ่มราดน้ำมันใส่ตัวทุกๆคน คนที่ขยับไม่ได้ก็เริ่มร้องไห้ออกมามีแค่ดวงตาเท่านั้นที่ขยับได้ แล้วฆาตกรก็เดินไปตั้งกล้อง แล้วก็เดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงกลาง
“เรามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันเถอะ ในที่สุดฉันก็มีเพื่อนแล้ว 55555+” แชะ! เมื่อเสียงกล้องถ่ายรูปดังขึ้นมันก็แสยะยิ้มอย่างโรคจิต
“งั้น เราก็มาตายด้วยกันเถอะเพื่อนรัก”แล้วมันก็หยิบไม้ขีดขึ้นมาจุดแล้วก็โยนลงไปที่น้ำมันทันที
2 เดือนต่อมา
“นี่พวกแก ได้ยินข่าวปะ ที่เขาบอกว่านักเรียนโรงเรียนเราตายยกห้อง”เด็กนักเรียนหญิงผอมพูดขึ้น
“ที่ถูกไฟคลอกป่ะ แต่ยังตายไม่หมดนี่ เห็นเขาบอกว่า มีคนรอดคนหนึ่ง” เด็กนักเรียนหญิงคนอ้วนพูดขึ้น
“แต่ก็บาดเจ็บมากเลยนิ เห็นเขาบอกว่าชื่อ อืม! ชื่ออะไรนะ”เด็กผู้หญิงคนผอมพูดอย่างครุ่นคิน
จากนั้นเด็กผู้หญิงคนอ้วนก็ตอบว่า“ฟู่เหยิน”
The End
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น