ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( exo ) The Demigod ปฏิบัติการป่วนโอลิมปัส chanbaek , kadi

    ลำดับตอนที่ #6 : THE DEMIGOD :: 3

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 56


                 


     #3









     

                   ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้าย
    ​               ในฝันผมเห็นแม่ของผม ปาร์คยูรา กำลังกรีดร้องด้วยความตกใจ
    ​               มันอาจจะดีกว่านี้ ถ้าผมไม่บังเอิญสังเกตเห็นว่าแม่ไม่ได้อยู่คนเดียว
    ​               อสูรกายที่มีดวงตาเพียงดวงเดียวอยู่กลางหน้าผากกำลังพยายามวิ่งไล่จับแม่อยู่ โชคร้ายที่ผมจำมันได้จากชั้นเรียนของเฟร็ดตัวโต(คุณคงไม่คิดว่าผมจะลืมหรอกนะ หลังจากฟังมาถึงสิบเอ็ดรอบ) พวกมันคือไซคลอปส์
    ​               “ออกไป!!!!!! อย่าเข้ามานะแม่พูด ชานยอล ลูกอยู่ไหนดวงตาของแม่ฉายแววเหนื่อยล้า ในขณะที่กำลังวิ่งอยู่
    ​               ผมตะโกนตอบแม่ไปจนสุดเสียง แต่ก็พบว่าแม่ไม่ได้ยินเลย
    ​               ไซคลอปส์หนึ่งในนั้นจับตัวแม่เอาไว้ได้ในที่สุด มันใช้มือข้างหนึ่งจับแขนแม่ไว้ ก่อนที่แม่จะส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง
    ​               และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยิน



    ​               “แม่!!!!!!ผมตื่นขึ้นมาก่อนจะพบว่าร่างกายล้าจนแทบจะลุกไม่ขึ้น ข้างๆมีเจมิน เอ่อ ผมหมายถึงไคนั่งเฝ้าอยู่
    ​               เขารีบร้อนลุกขึ้นก่อนจะวิ่งด้วยท่าทีที่ประหลาดที่สุดไปหยิบแก้วทรงสูงมาให้
    ​               “ดื่มนี่ก่อนสิผมรับเครื่องดื่มจากไคมา รสชาติของมันดูเหมือนช็อกโกแลตร้อนๆสักแก้ว ทันทีที่ผมกลืนมันลงไปก็รู้สึกว่าอาการเหนื่อยล้าในตอนแรกมันทุเลาลงไปมาก
    ​               เมื่อกลับมามีสติอีกครั้งผมก็ลองสังเกตสิ่งรอบๆตัว ผมนอนอยู่บนเตียงสีขาวในห้องที่ดูเหมือนจะเป็นห้องพยาบาล

                   ห้องพยาบาลในไร่สตรอว์เบอร์รี่ ? จี้ดเป็นบ้า

                   "นายโอเคไหมชานยอล" ไคถาม ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาไม่ได้นั่ง โอเค นี่เริ่มไม่ตลกแล้ว 
    ร่างกายส่วนล่างของเขาเป็นแพะ 

                   "โว้ววว นี่มันหมายความว่าไงเนี่ย" ผมเริ่มจะสติแตกอีกครั้ง หลังจากที่พบว่าตัวเองเป็นลูกของเทพเจ้าแล้ว ยังพบว่าเพื่อนสนิทตัวเอง เอ่อ—มีกีบเท้า

                   "มีใครบอกนายไหมเนี่ยว่าการยืนมองขาคนอื่นแบบนั้นมันเสียมารยาท" ไคบ่น เขาเลิกคิ้วแบบเดิมเหมือนที่เราก็รู้ๆกันส่งมา

                   นาทีนั้นผมรู้สึกราวกับว่าได้กลับไปอยู่ที่เซนต์บูตัสอีกครั้ง ตอนที่ผมยังเป็นปาร์คชานยอลและเขายังเป็นคิมจีมิน

     

                   "โทษทีว่ะเพื่อน ฉันคงกำลังช็อกจนลืมนึกไป" ผมตอบ

                   "เผื่อนายจะไม่รู้นะ ฉันเป็นแซทเทอร์ที่เก่งที่สุดในค่ายนี้แล้ว นายควรจะภูมิใจสิ"

     

                   ไม่ว่าเขาจะเป็นคิมจีมินหรือไค เขาก็คือเขา เพื่อนสนิทคนเดียวของผม

                   "แล้วที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย ไร่สตรอว์เบอร์รี่หรอ" ผมถาม

                   "ถูก แต่ไม่ทั้งหมด ที่นี่คือค่ายฮาล์ฟบลัด และใช่ เราปลูกสตอรว์เบอร์รี่ส่งออกเพื่อหารายได้" ไคตอบ "ที่สำคัญนะชานยอล ฉันไม่คิดว่าการดื่มนั่นมากๆจะเป็นความคิดที่ดี นายควรพอได้แล้ว"เขาดึงแก้วออกจากมือในขณะที่ผมกำลังจะยกมันดื่มอีกครั้ง

                   แย่ชะมัด ผมสาบานได้เลยว่ามันเป็นช็อกโกแลตร้อนที่รสชาติดีที่สุดเท่าที่เคยกินมา

                   "เอาล่ะ ตอนนี้มีคนรอพบนายอยู่"

                   ผมเดินตามไคออกมาก่อนจะพบว่าค่ายฮาล์ฟบลัดนี่มันกว้างกว่าที่ผมคิดไว้มาก ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่บนระเบียงบ้านใหญ่(ไคบอกผมแบบนั้น)ด้านหน้าของผมมองเห็นสถาปัตยกรรมแปลกๆมากมาย ทางด้านโน้นคือไรสตอร์วเบอร์รี่ขนาดใหญ่ติดริมน้ำ

                   กลิ่นหอมๆของดินกับความชื้นในอากาศช่วยให้ผมผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก พนันเอาอะไรก็ได้ว่าแม่จะต้องชอบที่นี่แน่ๆ

                   เสียดายที่แม่คงไม่มีโอกาสมาเห็นมันอีกแล้ว

                   ไคพาผมเข้ามาที่ห้องโถงห้องหนึ่ง ที่นั่นมีผู้ชายมีอายุสองคนนั่งอยู่

                   ไม่สิ ต้องบอกว่า คนหนึ่งนั่ง อีกคนหนึ่งยืน

                   "คุณดีครับ นี่คือสมาชิกค่ายคนล่าสุด มาถึงเมื่อสองวันก่อน" ไคพูด เขานั่งลงข้างๆผู้ชายตัวเล็กตาโตคันนั้น

                   สองวัน ผมสลบไปนานขนาดนั้นเลยหรอ

                   "นี่คือคุณดีผู้อำนวยการค่าย และนั่นคือไครอนผู้ดูแลฝ่ายกิจกรรม"

                   ผมมองตามก่อนจะพบว่าโลกนี้คงไม่มีอะไรน่าตกใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว

                   นอกจากจะมีเพื่อนสนิทเป็นแซทเทอร์แล้ว

                   ผมยังพบว่าตัวเองมีผู้ดูแลฝ่ายกิจกรรมเป็นเซนทอร์ด้วย

                   ใช่ ครึ่งตัวส่วนล่างของเขาเป็นม้า

                  

                   "ไวน์หน่อยไหม"คุณดีถามก่อนจะยกแก้วชี้มาทางผม

                   อา ผมว่าผมเริ่มเข้าใจแล้ว เขาคงเป็นดีโอนีซุส เทพเจ้าแห่งไวน์นั่นเอง

                   และถ้าผมจำไม่ผิด เขาเป็นเหมือนเจ้านายที่แซทเทอร์เคารพมากที่สุด

                   และเพื่อนผมก็คงจะไม่ใช่ข้อยกเว้น

     

     

     

                   "ไม่ครับ ผมดื่มไม่เป็น" ผมคิดว่าผมรับมือกับสถานการณ์ได้ดีพอสมควรเมื่อเทียบกับความจริงที่ว่าผมเพิ่งได้เห็น อย่างน้อยผมก็ไม่ได้โวยวายออกมา

                   หรือไม่ผมก็แค่ช็อกจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว

                   "นายไม่ควรปฏิเสธคำขอของเทพเจ้านะชานยอล แต่ก็นั่นแหละ เด็กอายุสิบหกแบบนายยังไม่ควรได้รับมัน"เขาพูดก่อนจะลดแก้วไวน์ในมือลง 

     

     

     

     

                   "เฉินบอกว่าคุณเรียกผม" เด็กผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งเดินเปิดประตูเข้ามาในขณะที่เรากำลังคุยกัน เส้นผมของเขาเป็นสีม่วงออกแดงๆ เขาสวมเสื้อยืดสีส้มสกรีนลายแคมป์ฮาล์ฟบลัดกับกางเกงขาสามส่วนและนั่นทำให้เขาดูขาวสว่างมากพอตัว

                   "อ่า มาพอดี นี่คือ บยอนแบคฮยอน สมาชิกค่ายเราคนหนึ่งที่อยู่มานานมากแล้ว เขาอาสาจะพานายเดินชมค่าย..."

                   "เดี๋ยวก่อน ผมบอกตอนไหนกันว่...."

                   "...แล้วก็จะพานายไปส่งที่บ้านพักหมายเลขสิบเอ็ดก่อนด้วย ไม่มีปัญหาใช่ไหมแบคฮยอน"แล้วคุณดีก็หันไปถามแบคฮยอนที่ดูจะอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ ท่าทางของเขาดูกระฟัดกระเฟียดจนขนาดที่ว่าผมยังดูออก

     

                   "ครับ สบายมาก ไม่มีปัญหาเลยสักนิดนึง" 

     

     

     

     

     

     

                   ผมเดินตามแบคฮยอนอออกมา ผมสีม่วงของเขาปลิวสะบัดไปตามลมที่พัดผ่าน

                   อืม ผมว่าผมชอบเขาเวลาที่ไม่มีปากมีเสียงแบบนี้แหะ

                   "เดินให้มันไวๆหน่อยสินาย อืดอาดชะมัด" เขาหยุดแล้วหันหลังกลับมาพูด "ที่ค่ายนี้ถ้าไม่ตื่นตัวนายก็มีสิทธิจะถูกอะไรสักอย่างฆ่าตายอยู่ตลอดเวลาเลยนะ" 

                   "นั่นฟังดูดีพิลึก" ผมตอบ ขยับขาให้ไวขึ้นหลายเท่าเพราะยังไม่อยากพบกับอะไรบางอย่างที่เขาพูดถึง

                   "ที่นี่เราฝึกให้เหล่าเดมิกอดทุกคนโตเป็นผู้ใหญ่ และมีความสามารถมากพอที่จะออกไปใช้ชีวิตอยู่ภายนอก แต่พูดก็พูดเถอะนะ พวกเราส่วนมากไม่ค่อยได้โตหรอก" เขาหันมาพูดก่อนจะเริ่มออกเดินอีกครั้ง

                   ผมพยายามประมวลผลคำพูดของแบคฮยอนอยู่สักพัก ก่อนจะพบว่าความหมายของมันไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่ 

                   เขากำลังพูดว่าพวกเราส่วนมากจะตายก่อนที่จะโตเป็นผู้ใหญ่...อะไรประมาณนั้นสินะ

     

     

     

     

     

                   "ฉันชื่อปาร์คชานยอลนะ" ผมเริ่มบทสนทนา "นาย เอ่อ เป็นลูกของใคร"ผมถามเขาด้วยคำถามที่อยากถามตัวเองมากที่สุด

                   พ่อของผมคือหนึ่งในเหล่าเทพเจ้าพวกนั้น

                   แต่ผมยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร

                   "อะพอลฮุน เทพแห่งดวงอาทิตย์และแสงสว่าง" เขาหันมาตอบ ยิ้มให้ผมเล็กน้อย

                   ตอนนั้นเองที่ผมคิดว่าเขาได้รับพลังอำนาจจากพ่อเขามามากพอสมควร

                   รอยยิ้มของเขาดูเหมือนกับแสงสว่างจริงๆ

                   "เอาล่ะ ที่นี่คือบ้านพักหมายเลขสิบเอ็ด นายคงต้องทนอยู่ที่นี่ไปก่อนจนกว่าเราจะได้รับการยืนยันว่าพ่อนายเป็นใครละนะ" 

                   ผมมองตามนิ้วของแบคฮยอนเข้าไปในบ้านพักก่อนจะพบว่ามันดูแออัดกว่าที่คิด

                   พระเจ้าช่วย ผมควรจะต้องยัดตัวเองลงในซอกหลืบพวกนั้นสักระยะหนึ่งใช่ไหม

                   "แล้วอย่าช้าล่ะนายยืดยาด เรายังต้องไปเดินดูรอบๆค่ายกันอีก" 

                   ผมพยักหน้าให้แบคฮยอนก่อนจะรีบเดินเข้าไปในบ้านพักเพราะไม่อยากฟังเขาบ่นอีกครั้ง

     

     

     

                   เอาล่ะ การพบปะญาติที่ผมเพิ่งค้นพบว่ามีอยู่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว





     

    ------------------------------------------------------------
    สั้นแบบไม่รู้จะด่ายังไงให้สาสม 555555555
    เราสั้นตลอดเลยแหะ ตรงข้ามกับหมึกน้อยเลย แง้
    ก็นิดนึงเนอะ เอาตัวละครออกมาให้เห็นกันเพิ่มแล้ว
    แล้วก็มีอาเฉินที่มาแต่ชื่อด้วย โอ๋ๆน้า เดี๋ยวก็ออกน้า
    ขอบคุณมากๆ ตื้นตันมากๆ ดีใจมากๆ 
    ทุกคนที่คอมเม้นต์และแท็ก #ฟิคเดมิกอด ไม่รู้จะขอบคุณยังไง
    แชปหน้าก็รอหมึกน้อยไปพลางๆเนอะ เจอกันเมื่อเทพเจ้าสั่งการเนอะ 

    #หมึกเล็กคนงามผู้ไม่เคยเขียนยาวสักที

     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×