คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : THE DEMIGOD :: 1
#1
ชื่อของผมคือ ปาร์คชานยอล
ผมอาศัยอยู่กับแม่ที่อู่ซ่อมรถที่ใหญ่ที่สุดในเมือง แน่นอนว่าแม่ของผมเป็นเจ้าของกิจการพวกนั้น
แม่เป็นผู้หญิงสวย ฉลาด มีความกล้าแบบแปลกๆอยู่ในตัว คุณลองจินตนาการถึงผู้หญิงสักคนที่สามารถถือประแจ ยกกล่องเครื่องมือหนักๆเดินไปเดินมาได้ทั้งวัน และแน่นอนว่าเธอยังคงดูดี ถึงแม่ว่าผมจะยุ่งและใบหน้าเลอะคราบเขม่าเป็นรอยดำ
ผมไม่รู้จักพ่อ หรือถ้าจะให้พูดกันตามจริง นอกจากแม่แล้วก็ไม่มีใครอีกเลยที่เคยพบกับพ่อ ทั้งหมดที่ผมรู้คือสิ่งที่แม่เอาแต่พร่ำบอกผมว่าพ่อไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งเราไป แม่บอกว่าเขามีสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำ แต่ก็นั่นแหละ...มีอะไรที่สำคัญกว่าภรรยาและลูกชายอีกหรือไง ?
อย่ามองแบบนั้น ผมไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องของพ่อแล้ว ทุกวันนี้การอยู่กับแม่มันก็มีความสุขดี แม่กับผมมีงานอดิเรกคล้ายๆกัน เราสองคนชอบขังตัวเองอยู่กับชิ้นงาน บางทีอาจจะสามวัน –หรือมากกว่านั้น ลุงยูชอนเคยบอกว่าผมกับแม่เป็นประเภทที่ถูกงานก่อสร้างดึงดูดอยู่ตลอดเวลา และนั่นก็เกือบจะเป็นเพียงเรื่องเดียวที่ผมกับลุงคิดเหมือนกัน เพราะปกติเราสองคนไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่
ผมหยิบหมวกกับแว่นตามาใส่ก่อนจะเปิดประตูกลข้างตู้หนังสือ บันไดลับที่พาผมลงไปยังห้องทดลองส่วนตัวปรากฏขึ้น ผมเรียกมันว่า CY27 มันเป็นสถานที่เดียวในโลกที่ผมอยู่แล้วมีความสุข ห้องโล่งๆที่ไม่ใหญ่และเล็กจนเกินไปถูกสร้างเอาไว้ใต้ห้องนอนของผม โดยมีเบตตี้เป็นผู้ดูแล
เบตตี้เป็นหุ่นยนต์แม่บ้านที่แม่กับผมช่วยกันประดิษฐ์ขึ้นมา เธอจะคอยดูแลความสะอาดใน CY27 ของผมอยู่เสมอ บางทีเธอก็แอบมาปลุกผมในตอนที่หลับคาชิ้นงานด้วย
ผมหยิบชิ้นงานที่ค่อนข้างจะดึงความสนใจของผมในช่วงนี้ออกมาดู ในช่วงแรกๆผมไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังประดิษฐ์อะไรอยู่ มันดูบิดๆเบี้ยวๆ ตอนที่ผมหยิบมันให้แม่ดู แม่ทำท่าตกใจเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผมเหมือนทุกครั้ง
‘อย่ากังวลไปเลยชานยอล สักวันลูกก็จะรู้ว่ามันคืออะไร’
ผมทำตามที่แม่บอก แค่ปล่อยให้ความรู้สึกลึกๆในตัวชักนำความคิด มือของผมขยับไปเองตามสัญชาติญาณ จนกระมั่งเมื่อวาน มันก็เริ่มดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ผมจ้องมองมันอีกครั้ง ทำได้แค่ภาวนาให้ผมมองผิด
ในมือของผมคือฟิกเกอร์รูปบัลลังก์
“ตกลงแล้วนายทำไอ้นี่ขึ้นมาแบบไม่รู้ตัวงั้นหรอ” เจมินถาม ในขณะที่ยกสิ่งประดิษฐ์ชิ้นล่าสุดของผมขึ้นมาสำรวจอย่างสนใจ เขาเป็นผู้ชายเอเชียหนึ่งในไม่กี่คนที่เซนต์บูตัส โรงเรียนที่ผมกำลังศึกษาอยู่
เจมินเป็นผู้ชายเงียบๆ เวลาว่างเขาก็มักจะนอนหลับ (เวลานอนของเขาส่วนมากคือในระหว่างคาบของเฟร็ดตัวโต) ผิวของเขาเป็นสีแทน ผมทรงหยิกๆนี่ทำให้เขาดูแตกต่างจากคนอื่นๆได้มากทีเดียว
“ใช่—ฉันว่ามันคุ้นๆนะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่นึกไม่ออกจริงๆ” ผมยกมือขึ้นขยี้จนผมที่ปกติก็ไม่เป็นทรงอยู่แล้วยุ่งขึ้นไปอีก
“เฮ้เพื่อน นายอาจจะคิดมากไปเอง อย่าไปใส่ใจเลยน่า เอาละ นายคงไม่อยากเลตหรอกใช่ไหม” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ยักคิ้วแบบที่รู้ๆกันส่งมาให้ เราสองคนออกเดินจากโรงอาหารกลับเข้าไปที่ห้องเรียน
เซนต์บูตัสไม่ใช่โรงเรียนที่คุณวาดฝันเอาไว้หรอก ผมพนันได้ มันเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษ(บางคนก็เรียกพวกเราว่าตัวสร้างปัญหา) ผมไม่ถูกกับตัวหนังสือขั้นรุนแรง ถึงจะอายุสิบหกแล้วผมก็ยังอ่านศัพท์ง่ายๆบางคำไม่ออก หมอบอกว่าผมเป็นดิสเลกเซีย แม่ดูจะไม่แปลกใจกับเรื่องนั้นเท่าไหร่นักตอนที่ผมบอกเธอ ปาร์คยูราทำแค่ยิ้มและปลอบใจผมอย่างที่เธอชอบทำบ่อยๆ เธอบอกว่าผมสามารถทำอย่างอื่นได้ดีกว่าการมานั่งกังวลว่าทำไมถึงสะกดคำไม่ได้ และให้ตายเหอะ ผมเห็นด้วยกับแม่เป็นบ้า
กว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าคาบเรียนต่อไปเป็นของเฟร็ดตัวโตผมก็พบว่าเจมินหลับไปแล้ว เขาเอาศอกวางบนโต๊ะและเอามือกุมหัวเอาไว้ ดูเหมือนว่ากำลังตั้งใจอ่านอะไรบางอย่างในหน้าหนังสือมากกว่าหลับ
อย่างน้อยเฟร็ดตัวโตก็คิดว่าเขากำลังอ่านหนังสือละนะ
ผมเปิดหนังสือไปยังหน้าที่เรียนค้างไว้ แต่อย่างที่ผมบอก ผมอ่านมันออกแค่ไม่ถึงครึ่งหน้า
“เอาละ เราเรียนกันไปถึงไหนแล้วนะ…” เขาขยับปากสอนต่อไปในขณะที่เปลือกตาของผมกำลังจะปิดอีกครั้ง
ผมพยายามให้ความสนใจกับรูปภาพในหนังสือเรียนแทนตัวหนังสือลายตาที่ผมอ่านไม่เข้าใจ พลิกเปิดกระดาษไปทีละหน้าทีละหน้า อย่างน้อยผมก็ยังมีสติดีและยังไม่หลับ (ถึงแม้จะแอบหาวมาสามรอบแล้วก็ตาม)
พระเจ้าช่วย ที่หน้าสามสิบเจ็ด คุณทายไม่ถูกหรอกว่าผมเจออะไร
ผมเขย่าเจมินด้วยแรงที่มากพอจะทำให้เขาตื่นก่อนจะยื่นหนังสือเรียนไปวางบนโต๊ะของเขา เจมินขยี้ตาแบบงัวเงียก่อนจะบ่นออกมาเหมือนคนนอนไม่พอ
“นายควรจะรู้ไว้นะชานยอล ว่าการปลุกเพื่อนที่กำลังหลับฝันดีมันไม่จี้ดเอาซะเลย”
“นั่นแหละที่ฉันอยากพูด นี่มันไม่จี้ดเอาซะเลย” ผมเอาปากกาจิ้มลงไปที่รูปที่ผมเพิ่งพบก่อนจะหยิบฟิกเกอร์ในกระเป๋าออกมาวางไว้ใกล้
เจมินมองหน้าผมก่อนจะทำตาโต
รูปภาพในหนังสือกับตัวฟิกเกอร์ไม่ได้แตกต่างกันเลย
‘ภาพประกอบ:บัลลังก์ของเหล่าเทพเจ้าโอลิมเปียน’
เย็นวันนั้นผมรีบกลับบ้านเพื่อนรอคุยกับแม่ ผู้หญิงที่สามารถตอบทุกคำถามที่ผมสงสัยได้
ผมขลุกตัวอยู่ที่ CY27 โดยไม่ออกมาเจอหน้าใคร แน่นอนว่าผมยังไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับลุงในตอนนี้
ฟิกเกอร์ประหลาดนั่นวางอยู่บนโต๊ะของผม
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน เบตตต เบตตตต” เบตตี้พูดด้วยเสียงแบบหุ่นยนต์ก่อนจะเคลื่อนตัวไปที่ฟิกเกอร์นั่น เธอมองมันอย่างสงสัยว่ามันอาจจะเป็นสิ่งของที่ควรจะถูกกำจัดหรือไม่
“นั่นไม่ใช่ขยะ ปล่อยมันไว้แบบนั้นแหละ มัน เอ่อ ปลอดภัย” ผมพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ทั้งๆที่รู้ว่าฟิกเกอร์คงไม่สามารถทำอันตรายอะไรได้แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันคุกคามจิตใจผมอยู่ดี
“รับทราบ เบตตต เบตตต” ก่อนที่หุ่นยนต์แม่บ้านของผมจะเคลื่อนตัวไปทำงานอย่างอื่น
เกือบสามทุ่มแล้วตอนที่แม่เปิดประตูกลเข้ามาใน CY27 นอกจากแม่และเบตตี้แล้วไม่เคยมีใครได้เข้ามาที่นี่อีก มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของผมอย่างแท้จริง
“มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าชานยอล พี่ยูชอนบอกแม่ว่าลูกไม่ยอมไปกินข้าว”
“ครับ ผมมีอะไรอยากจะถาม”
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะยื่นมือที่กำฟิกเกอร์ออกไปตรงหน้า แม่เอียงคออย่างสงสัย
“หืม กำปั้น แปลว่าอะไรงั้นหรอชานยอล”
“แม่จำได้ไหมครับ เมื่อไม่กี่วันก่อนที่จู่ๆผมก็ทำอะไรแปลกๆขึ้นมา ตอนนี้มันเสร็จเป็นรูปร่างแล้ว”
“จริงหรอ มันออกมาดูดีใช่ไหม” แม่ถาม น้ำเสียงของเธอดูสนใจในสิ่งที่ผมบอก
“ก็...ครับ ดูดี”
ผมค่อยๆแบมือออกช้าๆ ฟิกเกอร์รูปบัลลังก์ยังคงวางนิ่งสนิทอยู่บนมือของผม แม่ดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด สายตาของเธอไม่ได้หยุดอยู่ที่สิ่งประดิษฐ์อีกแล้ว
ผมมองหน้าแม่ที่กำลังมองหน้าผมอยู่ เธอดูอึกอักและกระอักกระอ่วนใจ นั่นแหละที่ทำให้ผมสงสัยมากขึ้นไปอีก
“แม่รู้ใช่ไหมครับว่านี่หมายความว่ายังไง”
“เอ่อ คือ แม่..”
ผมจ้องหน้าแม่อย่างคาดคั้น นอกจากคำถามว่าพ่อเป็นใคร แม่ไม่เคยมีความลับกับผมมาก่อน
“เบตตต เบตตต มีแขก มีแขก” เบตตี้เคลื่อนที่กลับมาอีกครั้ง แม่ละสายตาออกไปจากผมก่อนจะเดินไปที่ประตูกล ผมเดินตามแม่อย่างไม่คิดจะยอมแพ้
นาทีนั้นผมหัวเสียกับทุกๆอย่างที่มาขัดจังหวะ พนันได้เลยว่าต้องเป็นลุงยูชอนมาตามผมกับแม่ไปกินข้าวแน่ๆ
ผมตกใจนิดหน่อยที่ผมว่าข้างบนอากาศชื้นกว่าใน CY27 ฝนกำลังตกอยู่ข้างนอก แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากที่สุดคงเป็นแขกที่มาเยือนในยามวิกาล
เจมินที่ผมลู่ไปกับใบหน้า เขาเปียกไปเกือบทั้งตัว ท่าทางเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการวิ่งมา
“มันเจอชานยอลแล้ว”
“อะไรของนายเจมิน หมายความว่าไง ใครเจอฉันแล้ว” ผมสลัดความคิดเกี่ยวฟิกเกอร์ออกไปเมื่อพบว่าเรื่องตรงหน้านี่สำคัญกว่า
“คุณนายปาร์ค เร็วเข้า เราไม่มีเวลามากหรอกนะ”
แต่เจมินเมินผม เขาเอาแต่มองหน้าแม่ที่กำลังลนลานจนทำอะไรไม่ถูก
“ชานยอลลูกกับ เอ่อ…”
“ไค เป็นผู้ดูแล”
ผมถามตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยของวันว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย จู่ๆเพื่อนที่ผมรู้จักมาตลอดหนึ่งเดือนก็บอกว่าตัวเองชื่อไค ผมว่าผมไม่ได้ความจำเสื่อมแน่ๆ ก่อนหน้านั้นเขายังเป็นจีมิน คิม-จี-มินนักเรียนเอเชียที่นั่งข้างๆผมอยู่เลย
“โอเค ลูกกับไคออกไปรอที่หน้าบ้านนะ แม่จะไปเอารถ” แม่วิ่งออกไปโดยที่ยังไม่ได้ตอบคำถามอะไรของผม
“เอาล่ะชานยอล ถ้านายมีเรื่องสงสัย เรามีเวลามากพอจะคุยกันบนรถนะ โอเคไหม”
และผมก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะไม่ได้กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกนานทีเดียว
--------------------------------------------------------------------
* ดิสเลกเซีย (dyslexia) ภาวะบกพร่องทางการอ่านและการสะกดตัวอักษรอันเนื่องมาจากความผิดปกติของสมอง
-----------------------------------------------
ทอล์กดีไหม แฮ่ๆๆๆๆๆๆๆ
สวัสดีค่ะ หมึกเล็กอีกแล้ว อย่าเพิ่งเบื่อหน้ากัน คิคิ
ขอบคุณมากมากมากมากมาก เราไม่คิดว่าจะมีคนแท็ก #ฟิคเดมิกอด ด้วย
พังกันทั้งเหล่าไรท์เตอร์เลยค่ะ ตอนแรกนึกว่าไม่มีคนอ่าน ฮ่า
สำหรับตอนนี้ก็เปิดมาแบบเบาๆเนอะ ขอโทษทุกท่านที่เราให้พี่ยูรามาเป็นแม่ชานยอลนะคะ
แต่หน้าเขาเหมือนกันจริงอะไรจริง แถมพ่อชานยอลยังเป็น....ด้วย ฮี่
ไม่อยากคอมเม้นต์ก็แท็กในทวิตได้นะคะ คือมันเป็นกำลังใจจริงๆ u_u
ตอนหน้าเป็นหมึกน้อยแล้ว ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า
@thesquidtwins
ความคิดเห็น