ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( exo ) The Demigod ปฏิบัติการป่วนโอลิมปัส chanbaek , kadi

    ลำดับตอนที่ #9 : THE DEMIGOD :: 6

    • อัปเดตล่าสุด 11 มิ.ย. 57




    #6

     
     

     


     

    ผมไม่รู้ว่าผมจะอยู่รอดหลังจากเกมส์ชิงธงนี้คืนนี้หรือเปล่า...

    ตอนนี้ชาวค่ายทั้งหมดมารวมตัวกันที่ชายป่าแล้ว ทุกคนอยู่ในชุดเกราะทำศึกเต็มยศ ซึ่งมันหนักไม่ใช่เล่น ยานาเข้ามาช่วยผมแต่งตัวอย่างถูกวิธี ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่วิเศษมาก ต้องขอบคุณเธอจริงๆ ไม่งั้นผมคงจะกลายเป็นตัวตลกในคืนนี้แน่ๆ

    เวนดี้อธิบายง่ายๆให้ผมฟังว่าเกมส์นี้จะแบ่งออกเป็นสองทีม มีอาณาเขตทีมละฝั่งของป่า มีธงของทีมตัวเองให้รักษา และมีธงของคู่แข่งให้ไปชิงมา ทีมไหนชนะทีมนั้นจะได้สิทธิพิเศษโดยการไม่ต้องไปทำงานของค่ายทั้งอาทิตย์ และทีมที่แพ้ก็นั่นแหละ ตรงข้ามกับทีมที่ชนะ

    พวกผมอยู่ทีมสีน้ำเงิน ทีมเดียวกับบ้านอะพอลฮุนซึ่งมีจำนวน 8 คน บ้านเจโฟรไดต์ (เทพีแห่งความงามและความรักซึ่งผมไม่คิดว่าพวกเธอและนายทั้งหลายนี้จะช่วยอะไรพวกเราได้มากนัก) 6 คน บ้านคีย์มิเทอร์อีก 3 คน และเฉินจากบ้านเคซุส(หนึ่งในชาวค่ายไม่กี่คนที่ผมรู้จักในตอนนี้) รวมกันแล้วทั้งทีมเราก็มีกัน 24 คนได้

    ส่วนอีกทีม ทีมสีแดงมีบ้านแทรีส บ้านดีโอนีซุส บ้านซูธีน่า(เทพีแห่งปัญญาและการศึก) และหนุ่มน้อยคนนึงที่ดูท่าทางเอาเรื่องจากบ้านโพซีวอน ทั้งหมด 22 คน ซึ่งถึงแม้ว่าทีมพวกผมจะเยอะกว่าแต่ทีมนั้นก็มีแต่บ้านเจ๋งๆทั้งนั้นเลยล่ะ

    "เขาชื่อว่า เคน ลีเดน เก่งมากเลยนะ แล้วก็ตลกด้วย ละ..."

    "แล้วก็หล่อด้วยซินะ" ผมส่งสายตาทะเล้นให้ยานา ชักสงสัยแล้วสิว่าน้องสาวคนสวยของพวกเราจะแอบชอบนายลีเดนคนนั้น

    "เอาล่ะทุกคน กฎของเกมส์นี้คือ ห้ามพยายามฆ่ากันโดยตั้งใจ อาวุธวิเศษสามารถใช้ได้  ธงจะต้องอยู่ในจุดที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ทีมใดได้ธงอีกฝ่ายมาครองและมาถึงอาณาเขตของตนได้ก่อนคือผู้ชนะ เอาล่ะ พวกเธอทุกคนประจำที่ได้แล้ว"

    สิ้นเสียงไครอนพวกเราทุกคนต่างโห่ร้องเสียงดังและกรูกันเข้าไปในป่า ทีมพวกเราอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนอีกทีมคือทิศตะวันตก มีลำธารสายหนึ่งเป็นอาณาเขตกั้นกลาง พวกเราปักธงไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดในป่า บนกองหินที่ชื่อว่ากำปั้นเคซุส ซึ่งสูงพอให้มองเห็นธงได้อย่างชัดเจน

    เราตกลงกันว่าจะให้นีโอ ยานาและเด็กบ้านเจโฟรไดต์อีกสองคน(ที่แน่นอนว่าผมไม่รู้จัก)เป็นคนเฝ้าธง ส่วนที่เหลือก็แบ่งเป็นกลุ่มละ 3- 4 คนกระจายออกไปทางทิศต่างๆ ของป่า ผมอยู่ในทีมบุกที่ประกอบไปด้วยฝาแฝดวอย เฉิน และแบคฮยอน แน่นอนว่ามันไม่ง่ายแบบนั้นในตอนแรกแบคฮยอนไม่โอเคกับผมเท่าไหร่(ซึ่งคุณน่าจะเดาได้) แต่เป็นเพราะเมลทัสบอกว่าถ้าเอาผมไปด้วยจะได้ฝึกประสบการณ์และคอยระวังไม่ให้ผมทำอะไรเสี่ยงๆ แบคฮยอนทำท่าเหมือนอยากจะแย้งแต่มันก็ไม่มีทางเลือก ฝาแฝดวอยสัญญาว่าจะดูแลผมอย่างดี เขาจึงตอบตกลงด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยชอบใจนัก ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกหดหู่ยังไงก็ไม่รู้ ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ผมก็เดินถือหอกซัดยาวห้าฟุตตามพวกเขาไป

     “ถ้ายืดยาดฉันฆ่านายตายแน่” เขาหันมากระซิบกับผมก่อนจะออกเดินนำไป

    ในขณะที่เรากำลังเดินกันอย่างช้าๆ อยู่นั้น จู่ๆ แบคฮยอนก็ทำสัญญาณให้ทุกคนนั่งลง พวกทีมสีแดงสี่ – ห้าคนก็วิ่งผ่านเราไป จากนั้นเราก็ออกวิ่งเข้าไปในป่าลึกของฝั่งตรงข้าม พวกเราข้ามลำธารและวิ่งไม่หยุด บ่อยครั้งที่ผมได้ยินเสียงอสุรกายในป่าคำรามขึ้น เราวิ่งมาสักพักก็ต้องประจันหน้ากับทีมสีแดงอีกทีมจนได้ อีกฝั่งมีแอมเบอร์เด็กบ้านแทรีสที่ท่าทางเหมือนทอมคนนั้นเป็นเหมือนหัวหน้าแก๊ง ผมจำได้ว่าโรนัลด์บอกว่าอย่าแหยมกับเธอจะดีที่สุด ซึ่งผมเห็นด้วยกับโรนัลด์อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง(เขาบอกผมว่าเธอโหดกว่าผู้ชายแท้อีกด้วย) พวกเรามองหน้ากันกับอีกกลุ่มอยู่ประมาณสามวิราวกับจะประเมินสถานการณ์

    จากนั้นเราพุ่งเข้าใส่กัน ด้วยจำนวนคนที่เท่ากันทำให้ไม่มีฝ่ายไหนได้เปรียบเลย ผมฟาดหอกใส่หัวเด็กผู้ชายคนนึงที่ตัวเล็กกว่าผมหน่อยๆจนเขาสลบไป

    อา สงสัยผมคงจะหวดแรงไปนิด

    ผมบอกขอโทษเขาก่อนจะหันกลับไปสนใจการต่อสู้ของคนอื่นๆ ผมเห็นแบคฮยอนกำลังวุ่นอยู่จัดการอยู่กับผู้ชายตัวโตคนนึง อันที่จริงมันไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเลย การต่อสู้ของเขานั้นช่างดูเป็นธรรมชาติ พลิ้วไหว เหมือนผมกำลังดูฉากบู๊เจ๋งๆ ของหนังสักเรื่องอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เกือบจะพลาดท่าไปแล้วหลายที ผมมองดูคนอื่นๆ เมลทัสกับเวนดี้ฟัดอยู่กับแอมเบอร์ เฉินจัดการไปได้สองคนแล้ว(ฝีมือไม่เบาเลย คราวหน้าผมจะระวังเขาไว้)และกำลังจะวิ่งเข้าไปช่วยฝาแฝดทั้งสองที่ตอนนี้ใกล้จะเสียท่าให้แอมเบอร์แล้ว เห็นแบบนั้นผมก็เลยหันกลับมามองแบคฮยอนอีกที เขากำลังเอาดาบตั้งรับคู่ต่อสู้ไว้จนเกือบจะล้มลง ผมรีบวิ่งเข้าไปหา

    “ถอยไปเลยนะนายหูกาง! ฉันจัดการได้” เขาหันมาแยกเขี้ยวใส่ผม และทันใดนั้นเองเขาก็ล้มลงทันที ผมที่เห็นอีกฝ่ายกำลังจะเงื้อมือฟันดาบจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปกั้นแล้วเอาหอกยาวรับคมดาบไว้(โชคดีชะมัดที่ทัน)

    “นี่นายจะเอาดาบฟันคอเขาขาดรึไงกัน” ผมถามออกไป อา ถ้าผมจำไม่ผิดเขาก็คือ เคน ลีเดน บุตรแห่งโพซีวอนคนนั้น ลีเดนไม่ตอบแต่ดึงดาบกลับและฟันดาบเข้ามาใหม่ในอีกทิศทาง ผมเบี่ยงหลบและเอาหอกฟาดไปที่สีข้างเขาอย่างแรงจนเขาล้มคุกเข่าลงไป ในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นมาอีกแบคฮยอนที่ลุกขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้พุ่งเข้าใส่เขาและเอาโกร่งดาบฟาดหัวเขาอย่างแรงจนล้มหน้าคว่ำลงไป ผมมองดูการกระทำนั้นด้วยสายตาที่อึ้งๆ

    ยังไม่ทันที่จะทำอะไรอย่างอื่นแบคฮยอนก็คว้าแขนผมและกระชากให้วิ่งไปข้างหน้าด้วยกัน ผมวิ่งตามไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้เอ่ยถามอะไร พอวิ่งมาได้สักพักเราก็มาถึงจุดที่อีกทีมปักธงไว้ มันอยู่บนกองหินกองหนึ่ง ตรงนั้นมีคนเฝ้าอยู่สามคน เป็นผู้ชายทั้งหมด ตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น พวกผมหลบอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่ห่างออกมาประมาณสิบเมตร

     

    “พวกเมื่อกี้เป็นทีมบุกของฝ่ายศัตรู” แบคฮยอนพูดขึ้นเบาๆ

    “อา งั้นก็แสดงว่าเราทำลายกำลังฝ่ายบุกของพวกเขาได้แล้วใช่ไหม ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดเราก็มีโอกาสชนะ...ใช่หรือเปล่า”

    “ก็อาจจะใช่... แต่ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก แอมเบอร์น่ะอึดกว่าผู้ชายซะอีก เมลทัสกับเวนดี้แทบไม่ไหวแล้วตอนที่ฉันกับนายวิ่งออกมา แต่ฉันก็หวังว่าเฉินจะเอาอยู่” เขาพูดพลางทำหน้าครุ่นคิด “คราวนี้ถือว่าเราทำได้ดี เพราะครั้งก่อนๆ เราไม่เคยปะทะกันกับฝ่ายบุกทีมนั้นเลย พวกนั้นก็เลยรอดไปที่จุดปักธงของเราเร็วไงล่ะ”

    “อืม... แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงต่อล่ะ”

                แบคฮยอนส่งสายตาประมาณว่ามันก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วนายจะถามทำซากอะไร

                “ก็บุกสิ ถึงฉันจะยังไม่มั่นใจในตัวนายและก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้านายเท่าไหร่ แต่สิ่งที่นายทำลงไปเมื่อกี้ก็พอจะพิสูจน์ได้บ้างว่านายก็อาจจะมีฝีมือ...”

                ผมยิ้ม

                “นี่ฉันแค่บอกว่า อาจจะ นายเข้าใจคำว่า อาจจะ ใช่ไหม” เขาแยกเขี้ยวอีกแล้วเมื่อเห็นผมยิ้ม “เอาเป็นว่านายพอจะจัดการไหวไหม” ผมมองดูคู่ต่อสู้หุ่นล่ำทั้งสามคนแล้วพยักหน้าตอบอย่างหวั่นๆ(ถ้าส่ายหน้าผมอาจจะโดนเขาเอาเกราะฟาดหัวแบบลีเดนก็ได้จริงไหมล่ะ)

                “มาลองดูกัน”

     

                ผมพุ่งเข้าใส่ผู้ชายคนแรก เขาหันหน้ามาและมองผมด้วยตาที่เบิกกว้าง ยังไม่ทันได้ตั้งตัวผมก็วาดหอกขัดขาจนเขาล้มหงายลง จากนั้นก็วิ่งไปจัดการกับอีกคน ผมฟาดที่หัวเขาไปทีนึงแล้วใช้ปลายหอกกระแทกไปที่ท้องของเขาหลายทีจนเขาล้มคว่ำไป ส่วนอีกคนที่แบคอยอนกำลังจัดการอยู่ก็ใกล้จะเสียทีแล้ว ผมเห็นดังนั้นจึงวิ่งตรงไปยังกองหินและปีนขึ้นไปคว้าธงลงมาจนสำเร็จจนได้ แต่นั่นยังไม่จบหรอก ผมต้องรีบนำธงกลับไปยังเขตของทีมตัวเองก่อนที่ทีมคู่แข่งจะนำธงของฝั่งผมกลับมาที่นี่ซะก่อน

                ผมหันไปมองแบคฮยอนที่ตอนนี้เป็นฝ่ายพลาดท่า เขาโดนอีกฝ่ายใช้ด้ามดาบกระแทกขมับอย่างแรงจนล้มฟุบลง ผมเห็นอย่างนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปช่วยทันที ผมฟาดหอกไปที่แขนของอีกฝั่งและวาดขาเขาล้มลง ก่อนที่หมอนั่นจะรู้สึกตัวและลุกขึ้นได้ผมก็รีบพยุงแบคฮยอนให้ออกมาจากตรงนั้นก่อน

                “แบคฮยอน!!” เด็กผู้ชายคนนึงที่ดูเหมือนแบคฮยอนมากจนผมตกใจวิ่งเข้ามา เขาดูเหมือนจะอายุน้อยกว่า เป็นแบคฮยอนเวอร์ชั่นจิ๋วอะไรแบบนั้น

    “พี่เป็นไงบ้าง” เขาพุ่งเข้ามาประคองตัวแบคฮยอนอีกข้าง สีหน้าดูเป็นห่วง

    “มะ ไม่เป็นไรมาก เจ็บ.. นิดหน่อย... ชานยอลนายได้ธงมาแล้วใช่มั้ย ส่งมันให้เขาที” ผมเข้าใจความหมายของเขา สงสัยว่านี่อาจจะเป็นน้องชายของแบคฮยอนละมั้ง ผมจึงส่งธงให้เขา

    “วี นายรีบเอาธงนี่ไปที่เขตของเราให้เร็วที่สุดจะได้มั้ย?”

    “แต่พี่...”

    “ไม่มีแต่.. เราต้องชนะในคืนนี้ ฉันเชื่อใจนาย น้องชาย” เขามีสีหน้าลังเลแต่ก็พยักหน้าตกลง วีรับธงสีแดงจากผมแล้วก็รีบออกวิ่งออกไป

    ผมหวังว่าเขาจะทำสำเร็จนะ

     

    “นายแน่ใจเหรอ”

    “แน่สิ เขาเป็นน้องชายฉันนะ เขาต้องทำได้ วันนี้เราจะต้องชนะ มันเป็นโชคดีของเรา”

    “อืม ฉันเชื่อนาย ตอนนี้นายเป็นยังไงบ้าง” ผมมองดูแผลที่แตกและมีเลือดซิบนิดๆ ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม

    “ขอบใจนะ ที่ช่วยฉัน ฉันโอเคแล้ว เรารีบตามวีไปเถอะ ขืนชักช้าจะไม่ทัน พวกนี้จะไม่ล้มอยู่นานหรอกนะ” เขาผละออกจากผมก่อนจะวิ่งเหยาะๆ นำหน้าไป ผมจึงออกวิ่งตาม

    นั่นเขายังเหลือแรงจะวิ่งอีกหรือไงกัน

     

     

     

     

     

     

     

     “ผู้ที่ชนะในเกมส์ชิงธงคืนนี้ได้แก่ ทีมสีน้ำเงิน!” เสียงไครอนประกาศดังก้องไปทั่ว

    พวกเราโห่ร้องกันอย่างบ้าคลั่ง เพราะมันก็นานมากแล้วที่ธีมสีน้ำเงินไม่ได้ชนะ ส่วนอีกทีมก็ก่นด่าและโอดครวญกันไปคนละเสียง ผมยืนอยู่ในกลุ่มพี่น้องของผม ทุกคนต่างกอดแสดงความยินดีกัน น้องสาวคนเล็กยานาโผเข้ากอดผมอย่างแรงจนเซ หลังจากที่รู้ว่าผมเป็นคนที่ชิงธงมากับมือ ถึงจะไม่ได้เป็นคนนำธงกลับมาที่เขตด้วยตัวเองก็ตาม... ผมบอกเธอว่าผมหวดเคน ลีเดนไปด้วยทีนึง เธอมีสีหน้าตกใจนิดหน่อย ก่อนจะบอกว่าช่างเถอะ

     

    “ไงนาย ทำดีมากนะ ในฐานะเด็กใหม่คนนึง” เป็นแบคฮยอนที่เดินเข้ามาพร้อมกับตบไหล่ผมทีนึง ผมยิ้มให้

    “ดีใจที่นายเลิกเกลียดขี้หน้าฉันแล้วนะ”

    “ใครบอกนายกันว่าฉันเลิกเกลียดขี้หน้านายแล้ว นายหูกาง” พูดจบพร้อมกับหวดหมัดมาที่จุดเดียวกับเมื่อวานนี้เป๊ะๆ จนผมร้องโอยออกมาเสียงดัง

    “โทษที.... เอ่อ ขอบใจอีกทีนะ เรื่องที่ช่วยฉัน และอาจจะเป็นเพราะนายทีมเราก็เลยชนะวันนี้  ฉันจะลองเก็บไปพิจารณาอีกทีละกันว่าเราพอจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้หรือเปล่า” เขายิ้มบางๆ ให้ผมก่อนจะเดินจากไป

     

    ผมว่า เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่นา

     

     

    TBC


     

    ----------------------------------------------------------



     

    อันยองงองแงงมาแว้วๆแชปนี้ -...- ต่อกันทันทีหลังจากที่หายไปนาน(มากกกกกกกกก) 55555 หวังว่าทุกท่านจะฟินกับแชปนี้ไม่มากก็น้อยนะคะ 55555555555 เอาเป็นว่าฟินกันพอประมาณ เพราะงานบู๊มันแยะค่ะเลยหวานมากมิดั้ย เป็นฟิคแนวหวานน้อยแต่ละมุนนะคะ โอเคกันมั้ย 5555555

    รักคนอ่านนะจุ้บๆ #หมึกน้อย

     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×