ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ✖✖ ติสแตก ✖✖ : 2MIN

    ลำดับตอนที่ #7 : :: EP 6 :: แวนโก๊ะ เบาเบา

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 54


    EP 6 : แวนโก๊ะ เบาเบา





    ((ฟังเพลงไปด้วยนะ))














    “นายไม่เอาค่าเช่าจริงๆหรอ ชเวมินโฮ?”



    เสียงห้าวๆถามคำถามนี้กับผมเป็นรอบที่สิบของวันได้ ตั้งแต่ที่เมื่อคืนน้องเอ่ยปาก(ออกมาเอง)ว่าอยากจะขอย้ายเข้ามาอยู่กับผม ถึงแม้ว่าจะชั่วคราวก็เถอะ แว๊บแรก ค่อนข้างตกใจนะครับ(หัวเราะ) แต่น้องก็ให้เหตุผลตามมา









    ‘จะได้ไม่ต้องขนของวาดรูปไปๆมาๆ’



    ‘จะได้วาดสะดวกๆ ถ้าตรงไหนต้องแก้ จะได้แก้ตรงนั้นเลย’



    ‘จะได้ไม่หงุดหงิด’



    ‘จะได้เห็นหน้านายหลายๆแบบ เผื่อจะคิดออกว่าวาดยังไงถึงเหมาะ’



    ‘จะได้รู้จักนายมากขึ้น’











    ถึงแม้ที่น้องพูดมาทั้งหมด จะเกี่ยวกับ ‘งาน’ แต่2ข้อสุดท้ายขอยิ้มกว้างๆสักทีได้ไหมครับ เหตุผลน้องน่ารักป้าๆ!!




    วันนี้ผมมาเป็นเพื่อนน้องขนย้ายอุปกรณ์ต่างๆเข้ามาไว้ในห้องผม แรกๆก็คิดว่าคงไม่มาก เห็นน้องพูดแค่ว่า ขาตั้ง สี อุปกรณ์วาดภาพนิดหน่อย และเสื้อผ้า แต่ตอนนี้มือผมและมือน้องเต็มไปด้วยข้าวของมากมายจริงๆ เห็นคนตัวเล็กก้มๆเงยๆก็อดที่จะเข้าไปช่วยถือไม่ได้ ทั้งๆที่ในมือผมก็เต็มไปด้วยถังสี




    ถูกแล้วครับ ‘สี’ ที่น้องว่า อย่าได้คิดว่าเป็นถาดสีที่เป็นช่องๆแบบนักเรียนศิสปะเค้าใช้กัน สีของน้องคือ สีทาบ้านครับ มาเป็นถังแบบไม่ต้องกลัวว่าจะหมดแต่เป็นถังขนาดเล็กนะครับ และแน่นอนว่าแม่สี3สีคงไม่พอ พวกเราจึงต้องช่วยกันยกถังสีราวๆ15ถังใส่ท้ายบีเอ็มคันหรูของผมและกลับขึ้นไปขนของกันต่อ






    “ถ้านายไม่คิดค่าห้อง งั้นฉันนอนโซฟาข้างนอกก็ได้นะ”


    “ไม่เป็นไรหรอก นายใช้อีกห้องนึงเลยก็ได้ไม่ต้องเกรงใจ”


    “เกรงใจว่ะ”






    เหมือนประเด็นเรื่องห้องคนตัวเล็กจะไม่หยุดง่ายๆ ผมน่ะเต็มใจสุดๆถ้าจะให้น้องมาอยู่ฟรีๆแต่ถ้าแทมินจะยังดื้อดึงบางทีผมก็ควรจะหาข้ออ้างต่อรองกับน้องแทน




    “งั้น นายทำกับข้าวได้ไหมล่ะ”


    “ไม่ไหวอ่ะ ทำไม่เป็น อย่างอื่นได้ไหม” โอเคครับประเด็นเรื่องทำอาหารตัดไป


    “ทำความสะอาดห้องล่ะ” ถึงแม้ผมจะยื่นข้อเสนอทำความสะอาดไป แต่ใครจะใจดำปล่อยน้องทำคนเดียวล่ะครับ


    “ยิ่งแล้วเลย ฉันไม่ค่อยมีระเบียบน่ะ บางทีทำอะไรเสร็จก็กองๆไว้ก่อน”  ดูเหมือนทำความสะอาดก็คงไม่ไหว


    “ซักผ้า??”


    “นายไม่ได้ส่งซักหรอกหรอ”





    ผมก็จนปัญญาจะหาอะไรมาแทนค่าเช่าให้น้องหายดื้อแล้วล่ะครับ ผมมองคนตัวเล็กที่ยืนคิ้วขมวดชนกันแบบนั้นแล้วนึกอยากจะเอื้อมมือไปคลายปมที่หว่างคิ้วให้ แต่ก็คงจะช้าเกินไป เพราะแทมินเปิดรอยยิ้มกว้าพร้อมดีดนิ้วดังเป๊าะ น้องเงยหน้ามามองผมด้วยสายตาจริงจัง






    “ฉันรู้มาว่านายเป็นนักกีฬา”


    “อืม”


    “ฉันน่ะ นวดเก่งนะ ไว้ฉันนวดให้นายทุกวันเลยดีไหม คลายเส้นอะไรแบบนี้ โอเคนะ ฉันจะทำเต็มที่เลย”




    ดูเหมือนว่าที่น้องเสนอ ก็ไม่เลวนะครับว่าไหม นวดๆไปเคลิ้มๆไป ผมยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิด ไม่อย่างนั้นมันอาจจะเลยเถิดไปไกล ผมหอบลังสุดท้ายของน้องขึ้นมาถือ แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ





    “นายมีน้องเน่ากับเค้าด้วยหรอ?”


    “หือ? อะไรน้องเน่า??” แทมินทำหน้าสงสัย ก่อนจะทำปากเป็นรูปตัวโอ แล้วเอื้อมมือมาหยิบ ‘น้องเน่า’ออกจากลัง


    “เหยย นายเห็นเลยอ้ะ นี่ความลับสุดยอดของฉันเลยนะเว้ย ! พี่จงฮยอนมานอนที่ห้องฉันบ่อยๆยังไม่เคยเห็นมันเลยนะ”





    จงฮยอน งั้นเหรอ....บางทีผมก็เบื่อจะฟังชื่อนี้จากปากน้องนะครับ อะไรๆก็จงฮยอน จงฮยอน พูดถึงน้องก็น่าจะมีเพื่อนสนิทบ้าง แต่ทำไมอะไรๆก็พี่จงฮยอน ผมรู้ว่ามันไร้สาระที่มาคิดอะไรแบบนี้ แต่ถ้าคุณเป็นผม มันก็อดจะแอบคิดไม่ได้จริงๆ...สักนิดก็ต้องคิดบ้างแหละ




    สีหน้าผมคงจะหมองลงไป ทำให้แทมินเอื้อมมือมาโบกไปโบกมาอยู่ข้างหน้าผม





    “คิดอะไรน่ะ เมื่อกี๊ยังล้อฉันอยู่เลย อยู่ๆก็ทำหน้าจริงจัง”


    “ไม่มีอะไรหรอก”


    “นี่น่ะ ไม่ใช่น้องเน่านะ มันชื่อน้องแวนโก๊ะ” อื้อหือ...แม้กระทั่งตุ๊กตายังเป็นจิตรกรเลยนะครับ


    “นายห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะ ความลับสุดยอด โดยเฉพาะ...”







    “พี่จงฮยอน!” ยังไม่ทันที่น้องจะพูดชื่อออกมา ผมก็โพล่งตัดหน้าน้องไปแล้ว มันดูแย่มากไปไหมครับ แต่ผมน่ะไม่อยากให้น้องพูดถึงคนอื่นเวลาเราอยู่ด้วยกันจริงๆ ไม่มีใครรู้หรอกครับ บางทีน้องอาจจะคิดเกินเลยกับพี่จงฮยอนก็ได้






    “อื้อ ห้ามเลยนะเว่ย ไปเถอะ เดี๋ยวมันจะมืด ฉันถือขาตั้งเอง นายยกลังก็พอ”
    .


    .


    .


    .





    หลังจากที่กลับมาจากหอของแทมิน เราก็ช่วยกันเคลียร์ของทั้งหมดจนแทบจะหมดแรง ผมลงไปนอนหงาย หลับตาอยู่ที่พื้น ก่อนที่จะรู้สึกถึงอะไรเย็นๆแปะอยู่ที่ข้างแก้ม แล้วก็ต้องลืมตาขึ้น เห็นคนตัวเล็กที่นั่งคุกเข้าอยู่ตรงหัวผม แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะเอาผ้าเย็นในมือยื่นให้





    “นอนกับพื้นแบบนี้ได้ยังไง”


    “ทำไมล่ะ?”


    “เลือดจะไม่ไหลเวียนน่ะ เอาหัวขึ้นมาบนตักฉันดิ”





    นอนกับพื้นเรียบๆ แล้วเลือดจะไม่ไหลเวียนหรอครับ?? อันนี้ผมก็ไม่รู้จริงๆ แต่น้องยื่นหน้าเข้ามาแบบนี้ พร้อมประโยคคำสั่งมึนๆที่จะให้ผมหนุนตัก เลือดในร่างกายผมนี่ล่ะไหลพร่านอย่างจริงจัง!!



    ผมยกหัวขึ้นนิดหน่อยแล้ววางแหมะลงไปบนตักคนตัวเล็ก ผมเห็นน้องขยุกขยิกอยู่ซักพัก แล้วเขาก็ยื่นน้องเน่ามาให้ผม





    “ให้ยืมแวนโก๊ะ นายจะหลับไปก่อนก็ได้ ฉันวาดรูปได้ ถ้าเมื่อยจะปลุกล้ะกัน”







    ผมก็อยากจะถามทุกคนตรงนี้ว่า ถ้าอยู่ในอิริยาบถแบบนี้ ใครจะหลับลงกัน







    ผมยิ้มให้น้องก่อนจะรับแวนโก๊ะมาวางไว้บนอก กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวน้องทำให้ผมเผลอหลับตาลง สงสัยผมคงจะมีความสุขมากไป มันเลยเคลิ้มแบบนี้ รู้สึกเหมือนสติตัวเองเริ่มหลุดลอย แว่วๆได้ยินเสียงน้องพึมพัมๆกับตัวเอง




















    “นี่ๆชเวมินโฮ ตื่นก่อน”



    ผมเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้าๆก่อนจะกระพริบตาถี่ๆปรับแสงไฟในห้อง นี่ผมเผลอหลับไปหรือเนี่ย ผมเงยหน้ามองคนที่ให้ยืมตักแล้วก็เด้งตัวขึ้นมา ป่านนี้น้องเหน็บกินแย่



    “โทษทีเผลอหลับไป หนักหรือเปล่า”


    “ฮือ ไม่อ่ะ” ร่างบางครางฮือ ก่อนจะส่ายหน้าจนผมกระจาย มือบางๆเอื้อมไปหยิบแวนโก๊ะที่ตกไปอยู่ข้างๆตัวผมขึ้นมา พร้อมหยิบสมุดสเก็ตภาพเล่มหนา แล้วก็ตั้งท่าว่าจะลุกขึ้น










    “เฮ้ยย”


    ฟุบบ!




    “เป็นอะไรหรือเปล่า?”



    ยังไม่ทันที่น้องจะลุกขึ้นยืนได้เต็มเท้า อยู่ๆน้องก็ทำท่าจะล้มลงไปอีกรอบ ผมจึงลุกขึ้นไปจับน้องไว้แต่ก็พลาดล้มไปด้วยกันทั้งคู่ น้องยกมือข้างนึงยันพื้นและนั่งจุ้มปุ๊กลงไปอีกครั้ง มือบางบีบๆต้นขาของตัวเองอย่างแรง ก่อนจะส่งยิ้มเจือนๆมาให้ผม




    “ขาชาอ่ะ”


    “ยื่นขาออกมาสิ” แทมินยื่นขาออกมาอย่างว่าง่าย ผมค่อยๆกดปลายนิ้วลงบนขาของน้องช้าๆ แต่เจ้าตัวกลับนิ่วหน้า






    “มันยิบๆๆๆอ้ะ”


    “สักพักก็หายแล้วล่ะ ถ้าเมื่อยก็น่าจะบอกกันตั้งแต่แรกนะ”


    “ก็นายดูเหนื่อยนิ่ อีกอย่างนายไปช่วยฉันขนของมา แล้วฉันยังมารบกวนห้องนายอีก นายเหนื่อยเพราะฉัน อะไรทำได้ก็ทำ ไม่อยากเอาเปรียบน่ะ”




    น้องมองผมด้วยสีหน้าจริงจังก่อนจะพูดประโยคยาวเหยียดนั่น ผมได้แต่มองกลีบปากบางสีชมพูขยับขึ้นลง พลังทำลายร้างสูงจริงๆ ผมละมือออกจากต้นขาน้อง แล้วลุกขึ้นยืน พร้อมส่งมือให้น้องจับไว้เพื่อพยุงตัวลุกขึ้น
















    “ชเวมินโฮ”


    “หืม?”








    “มีเพลงเบาเบาป่ะ?”


    “ไปเปิดดูในคอมสิ เยอะแยะเลย” โดยส่วนตัวผมก็ชอบฟังนะครับเพลงสไตล์เบาๆ ชิลๆ หรือไม่ก็ต้องเพลงฮิพฮอพ แร็พๆไปเลย




    “ไม่ใช่สิ เพลงเบาเบาน่ะ ชื่อเพลงเบาเบา ไม่ใช่เพลงแนวเบาเบา”






    อะไรคือเพลงเบาเบา ชื่อเพลงเบาเบาว้ะครับ!??  ผมหันไปมองหน้าน้อง ก่อนที่คนตัวเล็กจะส่ายหน้าให้กับอาการของผม น้องเดินผ่านคอมพ์ตั้งโต๊ะของผม เลยไปหยิบโน้ตบุคเครื่องจิ๋วที่เจ้าตัวพกมาเอง มือบางพิมพ์อะไรลงบนคีย์บอร์ด ไม่นานจอภาพ ก็เปลี่ยนเป็นไฟล์วีดีโอจาก youtube น้องกวักมือเรียกผมให้มาดูด้วยกัน ก่อนจะชี้ที่จอแล้วบอกผม





    “นี่ล่ะ เพลงเบาเบา” ผมฟังทำนอง เสียงกีตาร์ แล้วมองภาพในจอ ผู้ชายหน้าหวานผมยาว กำลังหลับตาพริ้ม ข้างๆกันมีผู้ชายอีกคนกำลังดีดกีตาร์โปร่ง เสียงนุ่มๆของคนผมยาวทำให้เพลงดูนุ่มนวล เหมือนมีละอองบางๆลอยอบอวลอยู่ในเพลง ถึงแม้ว่าจะฟังไม่ออก แต่ผมกลับรู้สึกได้ว่า เพลงนี้คงจะมีความหมายที่ดีแน่นอน




    น้องนั่งดูมิวสิควีดีโอของเพลงนี้จบก็หันมายิ้มกว้างให้ผม มือบางสะกิดไหล่ผมยิกๆ





    “เป็นยังไง เพราะล่ะสิ ไปโหลดมาเก็บไว้เลยนะ เพลงวงนี้เค้าฮิตจริง”


    “วงอะไรน่ะ?”


    “singular นักร้องเมืองไทยน่ะ เห็นว่าพึ่งเปิดตัวไม่นาน แต่นายดูสิ view ใน youtube น่ะ สามล้านเข้าไปล้ะนะ อีกอย่างพี่ซิน น่ารักโลกแตกอ้ะ!”


    “หือ ซิน??”


    “คนผมยาวไง” อ่อ นักร้องนำนี่เอง คงเพราะผมยาวพริ้วๆแบบนั้น เหมาะกับหน้าหวานๆ แล้วเสียงก็นุ่มแบบนี้ แฟนคลับคงจะเยอะน่าดู


    “พี่ซินวาดรูปเจ๋งมากนะ ฉันโคตรประทับใจอ่ะ นายอย่าลืมโหลดเก็บไว้ฟังนะ” พูดจบร่างบางก็เดินลิ่วๆเข้าห้องไป บางทีผมก็งงๆตามอารมณ์ไม่ทันจริงๆครับ ไอ้เรื่องเพลงนี่เหมือนกัน ผมก็ไม่รู้ว่าน้องต้องการจะสื่ออะไร แต่ถ้าถามว่ามีความสุขไหม ขอตอบเลยว่ามาก


    .



    .




    .



    .




    ผมนั่งแก้โปรเจคส่วนที่คีย์โทรมาบอกว่าอาจารย์ให้เปลี่ยนบางจุด เพื่อที่จะได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น บางรายละเอียดก็ต้องใช้ความอดทนพอสมควร แล้วแทมินก็พึ่งจะขอตัวเข้าไปนอนสักประมาณ 2ชั่วโมงที่แล้ว น้องก็คงจะเพลียไม่แพ้ผมเหมือนกัน



    ผมหาจุดบกพร่องในงานก่อนที่จะค่อยๆร่างออกมาเป็นส่วนๆเพื่อที่จะได้เอาไปให้คีย์แก้ต่อ จนตอนนี้ล่วงเลยเข้าวันใหม่ ผมยกนิ้วขึ้นมาคลึงบริเวณขมับก่อนจะเหลือบไปเห็นน้องเน่าวางอยู่บนโซฟา สงสัยแทมินจะลืมหยิบลูกรักเข้าไปนอนด้วย ผมตั้งใจจะหยิบน้องเน่าไปคืนเจ้าของ แต่ดูเหมือนน้องจะลืมสมุดไว้ด้วย มันคือสมุดสเก็ตภาพเล่มหนา ที่น้องพึ่งซื้อมา




    ผมพลิกปกของสมุดออก เห็นลายเส้นดินสอลากไปลากมาซ้อนๆกันจนเป็นรูปร่าง ดูเหมือนหน้าแรกๆจะเป็นวิวธรรมชาติ มีต้นกล้วยบ้างที่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นป่ากล้วยเลยทีเดียว รูปนกบินบนท้องฟ้าบ้าง หรือแม้กระทั่งรูปลูกหมานอนแผ่อยู่กับพื้น อดที่จะชื่นชมฝีมือของน้องไม่ได้จริงๆ





    ผมพลิกกระดาษในหน้าถัดไปก็ต้องตกใจ เพราะมันคือหน้าผมเอง โครงหน้าแบบนี้ จมูกแบบนี้ ผมชัดๆ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่เส้นดินสอร่างๆก็เถอะ น้องคงจะซ้อมมือไว้วาดลงในผ้าใบผืนใหญ่เพื่อส่งอาจารย์ ผมเปิดสมุดต่อไปก็ยังคงเป็นภาพผมเรื่อยๆ มีทั้งตอนที่หลับตา ลืมตา หรือแม้กระทั่งรูปที่ผมกำลังยิ้ม เห็นหน้าตัวเองแล้วก็ตกใจไม่คิดว่าผมจะยิ้มได้กว้างขนาดนี้......เพราะผมยิ้มให้น้องหรือเปล่านะ











    “เอ๊ะ?”








    ผมเหลือบตามองลงไปที่ด้านล่างของหน้ากระดาษ เห็นเป็นตัวการ์ตูนตาโตๆ ตัวไม่ใหญ่ ถ้ามองดีดี มันก็น่าจะเป็นผมไหมนะ ทรงผมก็ใช่ หน้าตาก็คล้ายแต่จะออกไปในแนวตัวการ์ตูนซะมากกว่า ผมลองพลิกสมุดไปที่หน้าก่อนหน้านี้ ทุกๆหน้าจะมีเจ้าตัวนี้อยู่เหมือนกันหมด เพียงแต่ตำแหน่งมันจะห่างกันเล็กน้อย






    ผมยิ้มให้กับตัวเองแล้วรวบจับที่ขอบกระดาษทั้งหมดของสมุด ค่อยๆปล่อยกระดาษลงมาทีละหน้า.......ผมยิ้มเต็มแก้มอีกครั้งก่อนจะทำแบบเดิม ภาพที่ผมเห็นคือตัวผมในเวอร์ชั่นการ์ตูนกำลังเดินไปข้างหน้า ในมือถือกระดาษแผ่นหนึ่ง แล้วยื่นให้ตัวการ์ตูนอีกตัวที่มีทรงผมเป็นเห็ด........มองแว๊บเดียวก็น่าจะรู้ว่าเป็นใคร











    ให้ตายเถอะครับ!! น้องรุกรานหัวใจผมเกินไปแล้ว กับแค่แอนิเมชั่นเล็กๆทำผมถึงกับหุบยิ้มไม่ลงเลยทีเดียว











    ---------------------------------






    การติวเคมีกับพี่อนยูทำให้การเรียนในห้องของผมรู้เรื่องมากขึ้น อย่างน้อยๆผมก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าสารนี้เจอสารนี้แล้วจะเป็นอย่างไร มันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอกวิชานี้เนี่ย ผมรับเอกสารจากรุ่นน้องในกลุ่มก่อนจะสอดมันไว้ในหนังสือเล่มใหญ่เตรียมเก็บของกลับบ้าน




    “พี่คีย์ พี่คีย์ แฟนมารอหน้าห้องอ่ะ”


    “ห๊ะ!!?? แฟนพี่??”





    รุ่นน้องคนนึงวิ่งจากประตูหน้าห้องเข้ามาหาผม บอกว่าแฟนมา แฟนที่ไหน ผมไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน






    “แหมๆๆ มีแฟนเป็นเด็กวิทยา ไม่บอกน้องบ้างเลยนะ”


    “พี่อนยูมาหรอ!” ถ้าพูดถึงเด็กวิทยา ก็คงมีคนเดียวล่ะครับที่ผมรู้จัก ว่าแต่พี่อนยูรู้ได้ยังไงว่าผมเรียนที่ห้องนี้


    “นั่นไง ตาโตเชียว แฟนจริงดิพี่คีย์”


    “ตลกแล้ว แฟนอะไร พี่อนยูเป็นพี่ชายมินโฮน่ะ”


    “พี่ชายพี่มินโฮ แล้วทำไมพี่คีย์ต้องหน้าแดงด้วยเล่า!!”






    ผมยกมือขึ้นมาจับแก้มทันที หน้าแดงจริงหรอ ไม่มั้ง โดนอำอีกตามเคย ผมรีบรวบรวมหนังสือมาไว้ในมือแล้วหยิบเป้สะพายเดินออกมาหน้าห้องทันที แต่ผมก็ไม่ลืมหันไปส่งสายตาคาดโทษรุ่นน้องตัวแสบที่ส่งเสียงเป่าปากอยู่ด้านหลัง










    “พี่อนยูมาได้ยังไง”




    ผมทักพี่อนยูก่อนที่พี่เขาจะยิ้มตาปิดมาให้ผม วันนี้พี่อนยูอยู่ในชุดสบายๆเสื้อโปโลสีเขียวอ่อน กับกางเกงยีนส์ขายาวพับขาเล็กน้อย ติดก็ตรงแว่นกรอบดำนี่ล่ะ




    “ถามมินโฮมาน่ะ น้องคีย์เลิกเรียนแล้วใช่ไหมครับ? เอ่อ ไปดูหนังกับพี่ไหม”


    “..............”


    “พี่ได้ตั๋วมา2ใบพอดีน่ะ ว่างหรือเปล่า ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ”


    “ว่างสิ” ผมยิ้มกว้างให้กับคนตรงหน้า ที่ดูเหมือนคล้ายจะโล่งใจอะไรบางอย่างเพราะหลังจากผมตอบ ติวเตอร์คนพิเศษของผมก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ












    ผมเดินมาขึ้นรถมินิสีดำ-ขาวของพี่อนยู ก่อนที่คนขับจะขับพาเข้าไปในเมืองย่านศูนย์การค้าใหญ่ๆ บรรยากาศช่วงเย็นๆค่อนข้างที่จะคนเยอะ ไม่ว่าจะเป็นคนวัยทำงาน นักเรียน นักศึกษา หรือแม้กระทั่งคุณปู่คุณย่าก็มี





    “พี่ดูคุณยายกับคุณตาคู่นั้นสิ น่ารักจังเลยอ้า” ผมชี้ไปที่คู่รักวัยชราแข็งแรงคู่หนึ่ง กำลังเดินจับมือกันอยู่ข้างหน้า ชวนให้รู้สึกดีจริงๆ



    “ถ้าแก่ไปพี่จะมีคนจับมือแบบนี้บ้างไหมนะ”



    “ตอนนี้พี่ก็แก่แล้วนะ” ผมหัวเราะเบาๆให้กับคนข้างตัวที่หันมาทำปากเบะใส่ผม อยู่กับพี่อนยูไปเรื่อยๆก็ได้เห็นพี่อนยูในลุคใหม่ๆเรื่อยๆเหมือนกัน














    “ดูแบบ 3D ไหมครับคีย์”


    “อื้อ เอาๆ ซื้อป๊อปคอร์นด้วยนะ” พี่อนยูพยักหน้าให้ผม ก่อนจะรับแว่นสามมิติมาจากพนักงาน






    เราสองคนเดินเข้าโรงหนังพร้อมถังป๊อปคอร์นใบใหญ่ในมือ เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมดูหนังแล้วต้องกินป๊อปคอร์น ผมเคยถามมินโฮมา มันตอบได้อย่างจริงจังเล่าเป็นฉากๆตั้งแต่ในยุคสมัยของอินเดียแดง แต่สุดท้ายก็สรุปสั้นๆว่า มันเป็นของว่างที่เพลินดีของพวกชาวตะวันตกเค้า




    ผมจัดแจงใส่แว่นเตรียมตัวดูหนัง เหลือบไปเห็นคนข้างๆกันก็ทำแบบเดียวกัน พี่อนยูดูผ่อนคลายกว่าครั้งแรกๆที่เราเจอกันเยอะ อีกอย่างผมก็สบายใจด้วยเวลาอยู่ด้วยกัน อยากจะเล่า อยากจะเม้าท์ให้พี่อนยูฟังในหลายๆเรื่องที่ผมเจอมา จะว่าผมขี้เหงาก็ได้ ก็ผมต้องมาอยู่คนเดียวในเมืองแบบนี้ มีแค่จูเลียตเป็นเพื่อนนี่






    หนัง sci-fi สามมิตินี่มันโคลงเคลงๆกระตุ้นได้ตลอดเวลาจริงๆ เราสองคนนั่งดูหนังกันเงียบๆไม่ได้คุยกันรบกวนคนอื่น ผมเอื้อมมือลงไปในถังป๊อปคอร์นในมือพี่อนยูที่ตอนนี้เหลือไม่ถึงครึ่ง กวาดมือเลือกชิ้นที่ใหญ่ที่สุดแต่ก็ต้องชะงัก เมื่อสิ่งที่ผมจับได้ ส่งผลให้หน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เคยเห็นแต่ในละคร ใครจะไปคิดเล่า ว่าเรื่องแบบนี้จะมีจริงๆ มือพี่อนยูอยู่ในถังตั้งแต่เมื่อไหร่กัน





    ผมแกล้งเนียนๆหยิบข้าวโพดมั่วๆขึ้นมาใส่ปาก ก่อนจะทำตัวเป็นว่าดูหนังปกติ แต่หัวใจนี่เต้นโครมครามนำไปก่อนแล้ว จากนั้นจนจบเรื่อง ผมก็ดูไม่รู้เรื่องอีกเลย มันใช่ความผิดของผมที่ไหนกัน











    “สนุกไหม”


    “ก็ดีอ้ะ ถ้านางเอกสวยกว่านี้จะดีมาก” ก็หนังเขาไม่ได้เน้นที่นางเอกนี่เนอะ เค้าเน้นเอ็ฟเฟคกับพระเอกก็ขายได้ล้ะ








    “พี่อนยู อย่าเหยียบ!!” ผมตะโกนลั่นบอกคนข้างๆ เพราะอีกแค่ก้าวเดียวพี่อนยูจะเหยียบน้ำหวานที่มันหกอยู่ที่พื้นแล้ว ดีไม่ดีอาจจะแถมล้มโชว์กลางห้างก็เป็นได้




    ผมรั้งแขนของพี่อนยูไว้ ก่อนจะลากแขนนั้นเดินไปอีกทาง พี่อนยูเดินตามผมมา ผมก็ไม่มีจุดประสงค์จะไปใหนต่อหรอกครับ เพียงแต่....ยังไม่อยากกลับเท่านั้นเอง








    “ออกไปเดินดูเสื้อผ้าข้างนอกกันไหมพี่อนยู”


    “เอาสิ”









    ผมรั้งแขนอีกฝ่ายไว้อีกครั้ง ให้เดินมาทางนี้ด้วยกัน ก่อนจะละแขนลง เราสองคนเดินออกไปด้านนอกห้างสรรพสินค้า ที่ตอนนี้เปิดไฟสว่างไสว คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ร้านค้าต่างๆมากมายดูคึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง











    อากาศอบอุ่นส่งผลให้หน้าผมร้อน รู้สึกได้ถึงมือขวาของตัวเองค่อยๆถูกใครอีกคนเอื้อมมาจับไว้หลวมๆ












    ผมไม่กล้าหันหน้าไปมองคนจับหรอก

















    แต่ผมเลือกที่จะจับมือหนานั้นตอบแล้วกระชับให้แน่นขึ้น














    จังหวะหัวใจของเรา........คงจะเต้นแรงไม่ต่างกัน













    TBC




    :: TALK ::

    อยากให้รู้ว่าทุกอย่างที่แทมินทำลงไป น้องทำลงไปแบบหน้ามึน
    ไม่มีใครเดาแทมินได้ แม้กระทั่งคนแขียน ก๊ากกกกกกกกก
    แต่มันก็เริ่มแล้วนะ ถึงแม้จะเริ่มแบบมึนๆ
    เอาใจช่วยมินโฮรุกหนักๆกันเถ๊อะ!!!!!

    คู่รองมาสั้นๆ แต่ใกล้ล้ะ อัํยย่ะ
    ส่วนตัวอยากให้คู่รองเปิดใจให้กันไวไว
    มินโฮจะได้หัดเอาเป็นเยี่ยงอย่าง(เกี่ยว???)
    จริงๆไรท์เตอร์จะได้โล่งใจที่ผ่านไปได้ ฮ่าๆๆๆๆ


    ขอบคุณสำหรับการติดตาม กอดๆๆๆ



    ได้ข่าวว่าวันนี้ประกาศผลเอนท์ น้องคนไหนติดอะไร ดีใจด้วยนะคะ(จุดพลุๆๆๆ)



    ปอลอ ค.ถ.ฉ.ส.ค.ม.ม.ด.ค.ถ.ค.

    (ใครรู้ว่าตรงป.ล.คืออะไร ตอบถูกจะให้รางวัล(???).......ง่ายๆ)






    มีคนถาม ไรท์เตอร์อายุเท่าไหร่ โฮววววว
    ไม่อยากจะตอบ เอาเป็นว่า เปิดเทอมนี้ขึ้นปี4 จบไหม! 555555555



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×