ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : :: EP 5 :: ติสระดับพื้นฐาน
EP 5 : ติส ระดับพื้นฐาน
ท่ามกลางอากาศที่ ร้อนอบอ้าวช่วงเวลาเลิกเรียนนั้น เป็นสิ่งที่น่ารำคาญอย่างมาก เพราะนักศึกษาทุกคนจากทุกๆห้องเรียนจะต้องออกมาแย่งอากาศในการหายใจในเวลา เดียวกัน
ร่างบางหอบหนังสือเต็มสองอ้อมแขน ก่อนจะรีบเดินไปทางตึกคณะวิทยาศาสตร์ที่อยู่เลยไปอีกฝั่งถนน คนตัวเล็กรีบกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นที่นัดหมายกับติวเตอร์ไว้ นี่เขาเลยเวลาที่พี่อนยูนัดมาตั้งชั่วโมงแล้ว เพราะอาจารย์ดันเรียกคุยเรื่องโปรเจคแล้วก็รีบจนไม่ได้โทรไปบอก หวังว่าพี่อนยูจะยังรออยู่นะ
ขาเล็กหยุดอยู่หน้าห้องแลป ก่อนจะค่อยๆดันประตูเปิดเข้าไป สายตาคมมองกวาดไปรอบห้องก่อนจะสะดุดอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งที่วางระเกะระกะไป ด้วยกองหนังสือ และอุปกรณ์ทดลองต่างๆ ที่สำคัญมีคนตัวใหญ่ๆคนหนึ่งฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะแล้วถอดแว่นวางไว้ข้างๆ ร่างบางยกยิ้มให้ตัวเองแล้วเดินเข้าไปใกล้รุ่นพี่ติวเตอร์ของตัวเอง ก่อนจะก้มลงไปตะโกนข้างหู
“ตื่นได้แล้วครับ!! จะปิดตึกแล้วครับ!!!!!”
“ครับๆๆๆ!!! เหวออออออ~~” คนตัวสูงสะดุ้งตกใจกับเสียงตะโกนแกล้งของร่างบาง แต่ก็ยิ่งเสียหลักเมื่อพบว่าหน้าของคนตัวเล็กห่างกันเพียงแค่นิดเดียว
ตุ่บบ!!!
“โอ้ยยย”
“เฮ้ยย!”
รุ่น พี่ใจดีหงายหลังตกจากเก้าอี้ไป แต่ด้วยสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด ร่างสูงจึงคว้าเอาข้อมือเล็กของคีย์ติดมือมาด้วย คนตัวเล็กหลับตาปี๋เกยทับอยู่บนอกของติวเตอร์หนุ่ม
“เอ่อ พี่ขอโทษๆ ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ?”
ร่าง บางลืมตาขึ้นมาก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธจนผมกระจาย ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองยังทับอนยูอยู่ กลิ่นหอมจางๆจากร่างบางส่งผลให้รุ่นพี่หนุ่มต้องหลับตาเรียกสติอีกครั้ง
“หน้าผากพี่เป็นรอยแดงอ่ะ เอาหัวโหม่งโต๊ะตอนหลับหรอ” ไม่พูดเปล่าคนตัวเล็กเอื้อมมือไปแปะไว้บนหน้าผากร่างสูง แล้วคลึงให้เบาๆ
“ไม่เจ็บใช่ป่ะ??” ก็อดที่จะถามไม่ได้ แดงซะขนาดนั้น เหมือนมันจะยิ่งแดงหรือเปล่านะ
ร่าง สูงลืมตาขึ้นมาจ้องกริยาของคนตัวเล็กแล้วก็ส่ายหน้าให้ จนร่างบางรู้สึกตัวว่าเราไม่ได้อยู่ในท่าปกติกัน ก่อนจะลุกขึ้นมาปัดแขนปัดขาตัวเองแก้เก้อ
“พี่ตกใจได้รุนแรง จริงๆ” ร่างบางหัวเราะเบาๆให้กับติวเตอร์จำเป็น ก่อนจะยืนมองร่างสูงลุกขึ้นยืนขยับจับชุดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่เข้า ทางบ้าง จริงๆพี่อนยูไม่ใส่แว่นก็ดูหล่อดีนี่ ใส่แว่นแล้วเหมือนเด็กเรียนไปหน่อย
“โทษทีๆ พี่เพลียๆน่ะเลยเผลอหลับไป มานานหรือยัง”
“พี่จะขอโทษทำไม ผมต่างหากต้องขอโทษ ติดคุยโปรเจคกับจารย์น่ะ แล้วก็ไม่ว่างโทรบอกพี่เลย”
“อื้มๆ งั้นเรามาเริ่มเลยไหม”
ผม นั่งจดผลการทดลองสารเคมีต่างๆที่พี่อนยูทำให้ดู แล้วก็ลองทำเอง พี่อนยูสามารถอธิบายรายละเอียดต่างๆให้ผมเข้าใจได้จากการยกตัวอย่าง ทำให้ผมนึกภาพออก ซึ่งมันง่ายกว่าการฟังทฤษฎีมึนๆของอาจารย์ในคลาสอย่างมาก พี่อนยูมีลูกเล่นในการสอนนะผมว่า บางทีก็เล่นมุก แต่ผมว่ามันออกจะแป้กไปหน่อย .... เอาเถอะอย่างน้อยๆมันก็น่าจะเป็นจุดดึงดูด เช่น ถ้าผลลืมในจุดนี้ไป มุกแป้กๆของพี่อนยูก็คงจะลอยมาเข้ามากระทบความจำผมเป็นแน่
เรื่องการคำนวณผมคงไม่มีปัญหามาก เพราะผมน่ะเด็กวิศวะนะ ต้องคำนวณอะไรเยอะอยู่ เพราะฉะนั้นการแทนค่าหาสูตรจากตารางธาตุน่ะจิ๊บๆ
“คีย์แทนค่าผิดน่ะ” ตึ่งงงง!! ยังโม้ไม่ขาดคำ
“ผิดยังไง”
“นี่ไงตรงนี้ มันต้องเป็น 3 สิ แต่คีย์เขียน 8น่ะ”
“เออ จริงด้วย โอยยยยยยย”
“ไม่เป็นไรๆ ลองใหม่ๆ ดูดีดีสิ อย่าใจร้อน”
ผม ก็นั่งทำแบบฝึกหัดไปอีก 3-4ข้อ ก็หมดแรง ทำไมมันถึงต้องใช้สมองเยอะแบบนี้วะครับ พี่อนยูส่งยิ้มมา แล้วก็ยกมือขึ้นมาขยี้ผมของผมเบาๆ ทำให้ผมต้องยู่ปากบ่นกระปอดกะแปดก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมา
“ไปกินข้าวด้วยกันไหมครับ”
ร่าง สูงของรุ่นพี่หนุ่มหันมาถามความคิดเห็นผม จริงอยู่ว่ามันก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วออกไปกินกับพี่อนยูเลยก็ไม่เสียหาย อะไร เราเดินออกมาจากห้องแลป ซึ่งคาดว่าคงจะไม่มีคนอยู่ในตึกแล้ว มันดูจะเงียบมากๆมีแต่เสียงฝีเท้าของผมกับพี่อนยูเท่านั้น ยังดีที่ยังเปิดไฟทางเดินไว้อยู่ ไม่อย่างนั้นรุ่นพี่ข้างๆผม คงได้เดินชนนู่นชนนี่อีกแน่ๆ คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มกับตัวเอง
ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองยิ้มบ่อยจัง
----------------------------------------------------------
ทาง เดินยาวตลอดทางหน้ามหาวิทยาลัยในเวลาเย็นๆเลิกเรียนแบบนี้ เต็มไปด้วยนักศึกษาจำนวนมาก บ้างเดินมาเป็นกลุ่มส่งเสียงดังโวยวายกันตามประสาวัยรุ่น หรือบางคนก็เดินมากับแฟน จับมือ คุยกันหยอกล้อกระหนุงกระหนิงจนน่าอิจฉา หรือจำพวกสุดท้ายคือเดินคนเดียวชิลๆอารมณ์กันไป และแน่นอนว่า หนึ่งในนั้นคือ อีแทมิน
ข้าวของที่หอบหิ้วมาทั้งหมด ถูกวางลงกับพื้น ไม่ว่าจะเป็นกระดานวาดรูปคู่ใจ กระเป๋าใบโตที่เต็มไปด้วยสี กระเป๋าเสื้อผ้าที่ข้างในมีชุดซ้อมเต้นและไหนจะรองเท้าผ้าใบอีก ร่างบางยกนาฬิกาสีม่วงเข้มเรือนโตที่ข้อมือขึ้นมาดู ก่อนจะส่งเสียง จิ๊จ๊ะในลำคอ
“5 โมงครึ่งแล้วนะเว้ย พี่จงฮยอนสายตลอดตลอด”
ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะหมดความอดทนในการยืนรอรุ่นพี่คนสนิทแล้วจึงควักโทรศัพท์มือถือออกมา นิ้วเล็กไล่ไปที่เบอร์โทรออกล่าสุด แต่ยังไม่ทันที่จะต่อสาย มือใหญ่ๆก็แตะเข้าที่ไหล่บางจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง
“เฮ้ยยย!!!”
“อ่า ขอโทษที ทำนายตกใจอีกแล้ว”
ผมหันกลับไปมอง เห็นคนตัวสูงคุ้นตาส่งยิ้มมาให้ จริงอย่างที่เค้าว่า ผมเจอเค้าทีไรตกใจตลอด ทำไมไม่โผล่มาแบบปกติๆบ้างนะ
“หวัดดีชเวมินโฮ” ถ้าผมไม่ทักทายก็คงจะดูเสียมารยาทที่คุณครูเคยสอนมาแน่ๆ ผมจึงส่งยิ้มทักทายเขาไปทันที
“นายมีไรเปล่า?”
“จะว่ามีก็มีนะ”
มิ นโฮตอบเสียงเบา ก่อนจะเปิดกระเป๋าค้นยุกยิกๆ ผมก็มองตามคนตัวสูง จะมีอะไรโผล่มาจากกระเป๋าอีกหรือเปล่าเนี่ย ครั้งที่แล้วแค่ไขควงยังเกือบบ้า แต่ถ้าคิดในแง่ดี ฟ้ายังสว่างอยู่นี่เนอะ ....... แล้วผมจะมาคิดถึงเรื่องหลอนๆทำไม มินโฮไม่ใช่ผีจริงๆสักหน่อย สงสัยผมจะฝังใจไปเอง
“อ้ะเจอแล้ว นี่ของนายใช่ไหม”
เขา ยื่นเอกสารใบสีเหลืองที่ผมคุ้นตา ผมอมยิ้มเต็มแก้ม ก่อนจะรับมันมาจากมือใหญ่ โชคดีที่มันไม่ได้หายไปไหน แล้วก็โชคดีจริงๆที่คนใจดีอย่างมินโฮเก็บไว้ให้ผม นายเนี่ยเป็นคนดีจริงๆเลย!!!
“ใช่ๆๆๆ ของฉันเอง นายเก็บไว้ให้หรอ ขอบใจนะ อ่อยยย นายโคตรเป็นคนดีอ้ะ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี” มือบางเอื้อมไปตบไหล่หนาปุๆเป็นการแสดงความจริงใจ
ผม มองเอกสารในมืออีกครั้ง ก่อนจะยิ้มแป้นให้แก้มแตกไปข้าง นึกว่าจะไม่ได้ออดิชั่นงานนี้ซะแล้ว ผมหวังไว้กับงานนี้มากๆเพราะเป็นเหมือนงานแรกของผมที่จะสามารถโชว์ศักยภาพ ของชมรมเรา ถึงแม้ผมจะเป็นเฟรชชี่ แต่ผมก็รู้ดีว่ารุ่นพี่ปีก่อนๆเขาทำมาดีแค่ไหน พรุ่งนี้ผมต้องรีบบอกทุกคน แล้วตั้งหน้าตั้งตาซ้อมอย่างจริงจังเสียที
“นายดูดีใจมากนะเนี่ย”
“โคตรๆอ้ะ!! ขอบใจอีกครั้งนะชเวมินโฮ ไว้ถ้าชนะแล้วฉันจะเลี้ยงนายมือใหญ่เลย” เขาส่งยิ้มมาให้ผมอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ไปไหน
“นายกำลังจะไปไหนอ่ะ แล้วพี่คีย์ไม่มาด้วยหรอ ยังไม่ได้ขอบคุณพี่คีย์ด้วยเลย”
“คีย์ไปติวหนังสือน่ะ ฉันไม่ได้จะไปไหน แต่มาหานายนั่นแหละ”
“อ่อ งั้นฝากนายไปขอบคุณพี่คีย์ด้วยแล้วกันนะ บอกว่าไว้ฉันจะซื้อหนมไปฝาก แล้วนายอ่ะ มีไรกับฉันอีก?”
“นายมายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ” ตอบไม่ตรงคำถามแถมยังมาถามผมกลับอีกน่ะ
“มารอพี่จงฮยอนน่ะ ว่าจะไปหาที่วาดรูป แต่ไม่มาซักทีเหมือนจะเบี้ยวนัดยังไงไม่รู้ พูดแล้วเซ็งจริงๆ เฮ้ยๆๆแป๊บนะโทรศัพท์อ่ะ”
ร่าง บางยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาโชว์ให้คนตัวสูงดู ก่อนจะทำปากขมุบขมิบที่อ่านได้ว่า ‘ตัวกวนโทรมาแล้ว’ นิ้วเล็กๆกดปุ่มรับสาย แล้วโวยวายใส่ปลายสายเสียงดังจนกลุ่มนักศึกษาที่เดินผ่านไปเหลียวหลังกลับมา มอง
“พี่อยูหน๊ายยยย!!!!! ผมยืนรอพี่นานแล้วนะ!!!!”
(เฮ้ย แทมินเสียงดังไปแล้วโว้ย หูจะแตก)
“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง อยู่ไหนแล้ว บอกมา!!!”
(อยู่บ้าน แหะๆ)
“ห๊ะ!!! อยู่บ้านเนี่ยนะ พี่แม่ง ฮึ้ยยย!!! จะเบี้ยวผมใช่มะ” นี่ถ้าตัวอยู่ใกล้ๆพี่ชายคนสนิทคงโดนกัดหูหลุดไปแล้ว
(เดี๋ยว สิๆใจเย็นๆๆ พี่ไม่ได้จะเบี้ยวนะเว้ย คือพี่ไม่ว่างจริงๆช่วงนี้ แต่เดี๋ยวเว้ยอย่าพึ่งโวยวาย พี่ส่งนายแบบไปให้แล้วไง ยังไม่เจอกันหรอ น่าจะเจอแล้วดิ)
“นายแบบที่ไหนอีกอ่ะ ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ ยืนรอมาจะชั่วโมงแล้วเนี่ย”
(เอ้า! คนที่เอาใบออดิชั่นไปให้แกไง ยังไม่เจออีกเหรอ??)
“หืม มม คนที่เอาใบออดิชั่นมาให้ผม?? ชเวมินโฮอ่ะหรอ!!!!???” ผมหันไปมองหน้าคนตัวสูงอีกครั้ง เขายิ้มแล้วพยักหน้ามาให้ผมเป็นสัญญาณบอกว่า ฉันนี่ล่ะ! ผมหันกลับไปโวยใส่ปลายสายอีกครั้ง
“พี่แม่งนิสัยไม่ดี ให้คนอื่นมาทำได้ยังไงกัน เขาว่างเปล่าก็ไม่รู้”
(ว่าง ดิ ถ้าไม่ว่างพี่ไม่ส่งมาหรอก ตกลงนะไปคุยกันเอาเอง บางทีวาดมินโฮอาจจะง่ายกว่าพี่ก็ได้ พี่จะวางและแม่เรียก แล้วอย่าลืมกรอกใบสมัครให้เสร็จแล้วเอาไปยื่นนะเว้ย ซียูๆ)
เสียง ปลายสายตัดไปแล้วแต่คนตัวเล็กยังยืนอยู่กับที่ เหมือนยังจูนสมองตามไม่ทัน มือเล็กยกขึ้นมาขยี้หัวตัวเองแรงๆก่อนจะสบตากับคนที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว
“ขยี้ ผมแบบนี้เสียทรงหมดนะ” ไม่พูดเปล่ามือใหญ่เอื้อมมาปัดๆผมให้คนตัวเล็ก แทมินเงยหน้ามองใบหน้าคมของฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ใกล้กัน ก่อนจะจับมือใหญ่นั่นให้หยุดปัดผมของตัวเอง
“ก็ไม่เลว”
“หืมม??”
“นายพอจะมีห้องที่วาดรูปได้ที่ไหนบ้างมะ”
“ห้องว่างอ่ะเหรอ ถ้าเป็นห้องว่างโล่งๆไม่มี แต่ถ้าที่คอนโดฉัน ห้องนั่งเล่น นายว่าโอเคไหมล่ะ”
ร่าง บางคิดอยู่สักพักถึงนั่งเล่นในคอนโดของมินโฮ จะว่าไปก็ใช้ได้ กว้างพอที่จะกางผ้าใบได้ ถ้าขยับโซฟาออกไปสักหน่อย แล้วก็ใกล้มหาลัย เดินทางไปกลับสะดวก ถือว่าโอเค
“อื้อ ใช้ได้ งั้นขอยืมห้องนั่งเล่นด้วยล้ะกันนะ ฝากตัวด้วย” แทมินโค้งให้หนุ่มวิศวะใจดีหนึ่งที ก่อนจะเอื้อมมือลงไปเก็บข้าวของที่ตนเองวางกองทิ้งไว้กับพื้น แต่ท่าทางจะรวบของทั้งหมดนั่นมาใส่มือได้ไม่หมด
“ฉันช่วยดีกว่า” ร่างสูงก้มลงไปเก็บกระดานวาดรูปขึ้นมา แล้วเอื้อมมือไปช่วยถือกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดเล็กของร่างบางพร้อมกระเป๋าใส่ รองเท้าผ้าใบ แทมินก็ยื่นให้ด้วยความเต็มใจ
ทั้ง สองคนข้ามถนนจากหน้าประตูมหาวิทยาลัย แวะซื้อขนมของว่างที่มินิมาร์ทเล็กๆข้างคอนโดน ก่อนที่จะเดินขึ้นลิฟต์ไป ห้องกว้างเหมะพอที่จะอยู่สำหรับ4คนด้วยซ้ำ แต่มินโฮเลือกที่จะอยู่คนเดียวเพื่อความสะดวกสบาย ไม่ต้องแบ่งความวุ่นวายกับใคร
ภายในห้อง ถูกจัดออกเป็นสัดส่วนอย่างเรียบร้อย ห้องนอน2ห้อง ที่ห้องหนึ่งถูกจับจองด้วยเจ้าของห้อง และอีกห้องหนึ่งเจ้าตัวบอกว่าไว้สำหรับเพื่อนๆที่มาสุมหัวทำโปรเจค ห้องน้ำ 1ห้อง ที่ดูกว้างขวางพอๆกับห้องเขาในหอเสียด้วยซ้ำ แล้วห้องนั่งเล่นที่เชื่อมยาวติดกับครัว มีโซฟาตัวยาววางอยู่ เบื้องหน้ามีทีวี พร้อมเครื่องเสียงและแผ่นDVDหนังฝรั่งกระจัดกระจายเต็มชั้นวาง ผมละสายตาจากห้องของมินโฮ ก่อนจะเอ่ยเสียงถาม
“ไม่รบกวนมากไปใช่เปล่า เกรงใจนายอ่ะ”
“ไม่กวนหรอก ตอนนี้ส่งโปรเจคให้เพื่อนคนอื่นทำต่อแล้วน่ะ”
“อื้มม”
“นายก็ทำตัวสบายๆคิดว่าเป็นห้องนายก็ได้ ยังไงก็ต้องทำงานนายจนกว่าจะเสร็จใช่ไหมล่ะ มีไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน”
“ถ้าเลื่อนโซฟาไปตรงนั้นหน่อยได้ไหม?”
มือ บางชี้ไปที่กำแพงมุมหนึ่งของห้อง อย่างน้อยๆถ้าเลื่อนโซฟาไปติดผนัง อาจจะมีพื้นที่กว้างกว่านี้ก็ได้ มินโฮพยักหน้าให้ แล้วเดินมาช่วยคนตัวเล็กดันโซฟาไปติดอีกฝั่งหนึ่ง
“นายจะเริ่มเลยหรือเปล่า แล้วฉันต้องเตรียมตัวอะไรไหม” ร่างสูงถามคำถามสำคัญ แทมินทำหน้าคิดสักพักก่อนจะพูดออกมา
“ตอน แรกจะวาดพี่จงฮยอน ตั้งใจว่าจะให้เป็นอารมณ์นักแต่งเพลง เพราะส่วนมากเห็นพี่จงฮยอนจะชอบใส่หูฟัง แล้วถือกระดาษปากกาอยู่ประจำน่ะ แล้วก็น่าจะมีกีตาร์ประกอบฉากสักหน่อย มันจะได้ฟีลที่แบบดูน่าสนใจ แต่พอเปลี่ยนแบบเป็นนายฉันยังคิดไม่ออกเลย เราน่าจะคุ้นเคยกันกว่านี้อ่ะ ไม่งั้นฉันไม่รู้หรอกว่าควรจะวาดนายแบบไหน”
“งั้น เราก็ควรจะรู้จักกันมากกว่านี้สินะ” มินโฮยิ้มให้ผมอีกครั้ง ยิ้มทั้งปากทั้งตา แล้วเขาก็ยกมือมายีหัวผมเบาๆ จนทำให้ผมเผลอยิ้มขำๆตอบ
ระยะ ห่างระหว่างผมกับมินโฮใกล้กันมาก ใบหน้าเขาดูดีแทบไม่มีที่ติเลยทีเดียว มือบางเอื้อมไปสัมผัสแก้มของร่างสูง ลูบไปตามโครงหน้า สันจมูก ก่อนที่นิ้วหัวแม่มือจะสัมผัสริมฝีปากอิ่มอย่างแผ่วเบา ร่างบางหลับตาลงอย่างใช้ความคิด และเผยรอยยิ้มพึงพอใจตามมา
มินโฮมองคนตัวเล็กที่หลับตาลง มือบางยังสัมผัสอยู่ที่หน้าเขา กลั้นใจจนจนกลัวว่าคนตัวเล็กจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจแล้วแทมินก็พยักหน้า ให้กับตัวเอง ก่อนจะเดินไปหยิบกระดานวาดรูปคู่ใจ พร้อมชี้นิ้วสั่งเจ้าของห้องให้ลงไปนั่งที่พื้น และตัวเองก็นั่งลงตรงข้ามกัน
ร่าง บางค้นหาของบางอย่างจากกระเป๋าเป้ แล้วก็หยิบกล่องเหล็กออกมา ด้านในเป็นดินสอจำนวนมากที่เหลาไว้แหลมแล้ว ไม่ว่าจะเป็น EE 2B HP ดินสอกด และยางลบอีกหลายก้อน มือเล็กเลือกที่จะหยิบดินสอไม้ธรรมดาๆขึ้นมาก่อนจะเริ่มลงมือร่างโครงหน้า ของคนตัวสูง เพียงไม่ถึง20นาที ร่างบางก็พลิกกระดานวาดรูปให้มินโฮดู
“นายว่าไง??”
“เหมือนฉันมาก! นายใช้เวลานิดเดียวเอง”
ภาพวาดที่เต็มไปด้วยเส้นดินสอ เขียนทับกันไปมาจนได้รูปร่างออกมาคล้ายกับนายแบบ โครงหน้าที่เหมือนกับถอดแบบจริงออกมาแบบนั้นทำให้เจ้าของห้องทึ่ง
แต่แทมินกลับไหวไหล่ ก่อนจะดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมาแล้วขยำวางไว้ที่พื้นข้างตัว
“ฉันว่ายังไม่ใช่ เหมือนขาดอะไรสักอย่าง” แล้วมือบางก็วาดดินสอลงบนกระดาษแผ่นใหม่อีกครั้ง
แทมินวาดแล้วทิ้ง วาดแล้วทิ้งอยู่ประมาณ5-6รอบ ก็ยังไม่พอใจในผลงานเสียที เจ้าตัวจึงหมดความตั้งใจจะวาดต่อแล้วทิ้งตัวนอนแผ่หลาหงายหลังไปกับพื้นเย็นๆของห้อง ร่างสูงมองตามอาการของคนตรงหน้าแล้วถามเสียงกลั้วหัวเราะ
“ฉันวาดยากขนาดนั้นเลย?”
“เปล่าหรอก แต่รู้สึกเหมือนขาดอะไรน่ะ วาดเท่าไหร่ก็ไม่ใช่อ่ะ นายเข้าใจป่ะ” มินโฮส่ายหน้าน้อยๆให้กับคำตอบ ก่อนจะลุกขึ้นเข้าไปในครัว
“ฉันว่านายพักก่อนแล้วกัน กินอะไรไหม” ไม่มีคำตอบตอบรับ มีแต่เสียงใสๆที่สวนเรียกชื่อเขาขึ้นมา
“นี่ๆๆ ชเวมินโฮ”
“ว่าไง”
“ถ้าฉันขอมาอยู่ห้องนาย จะรบกวนเกินไปเปล่าวะ?”
TBC
ทอล์ค
น้องเริ่มติสทีละนิดแล้ว ฮ่าๆๆๆ
เรามาดูกันว่าพี่มิน จะรับมือไหวไหม
คู่รองแผ่ว ฮืออออ รอตอนหน้านะคะ
ไรท์เตอร์อยู่ในโหมดเลื่อนลอย
ยังไงก็ อ่านกันมึนๆไปก่อนนะ
ท่ามกลางอากาศที่ ร้อนอบอ้าวช่วงเวลาเลิกเรียนนั้น เป็นสิ่งที่น่ารำคาญอย่างมาก เพราะนักศึกษาทุกคนจากทุกๆห้องเรียนจะต้องออกมาแย่งอากาศในการหายใจในเวลา เดียวกัน
ร่างบางหอบหนังสือเต็มสองอ้อมแขน ก่อนจะรีบเดินไปทางตึกคณะวิทยาศาสตร์ที่อยู่เลยไปอีกฝั่งถนน คนตัวเล็กรีบกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นที่นัดหมายกับติวเตอร์ไว้ นี่เขาเลยเวลาที่พี่อนยูนัดมาตั้งชั่วโมงแล้ว เพราะอาจารย์ดันเรียกคุยเรื่องโปรเจคแล้วก็รีบจนไม่ได้โทรไปบอก หวังว่าพี่อนยูจะยังรออยู่นะ
ขาเล็กหยุดอยู่หน้าห้องแลป ก่อนจะค่อยๆดันประตูเปิดเข้าไป สายตาคมมองกวาดไปรอบห้องก่อนจะสะดุดอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งที่วางระเกะระกะไป ด้วยกองหนังสือ และอุปกรณ์ทดลองต่างๆ ที่สำคัญมีคนตัวใหญ่ๆคนหนึ่งฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะแล้วถอดแว่นวางไว้ข้างๆ ร่างบางยกยิ้มให้ตัวเองแล้วเดินเข้าไปใกล้รุ่นพี่ติวเตอร์ของตัวเอง ก่อนจะก้มลงไปตะโกนข้างหู
“ตื่นได้แล้วครับ!! จะปิดตึกแล้วครับ!!!!!”
“ครับๆๆๆ!!! เหวออออออ~~” คนตัวสูงสะดุ้งตกใจกับเสียงตะโกนแกล้งของร่างบาง แต่ก็ยิ่งเสียหลักเมื่อพบว่าหน้าของคนตัวเล็กห่างกันเพียงแค่นิดเดียว
ตุ่บบ!!!
“โอ้ยยย”
“เฮ้ยย!”
รุ่น พี่ใจดีหงายหลังตกจากเก้าอี้ไป แต่ด้วยสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด ร่างสูงจึงคว้าเอาข้อมือเล็กของคีย์ติดมือมาด้วย คนตัวเล็กหลับตาปี๋เกยทับอยู่บนอกของติวเตอร์หนุ่ม
“เอ่อ พี่ขอโทษๆ ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ?”
ร่าง บางลืมตาขึ้นมาก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธจนผมกระจาย ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองยังทับอนยูอยู่ กลิ่นหอมจางๆจากร่างบางส่งผลให้รุ่นพี่หนุ่มต้องหลับตาเรียกสติอีกครั้ง
“หน้าผากพี่เป็นรอยแดงอ่ะ เอาหัวโหม่งโต๊ะตอนหลับหรอ” ไม่พูดเปล่าคนตัวเล็กเอื้อมมือไปแปะไว้บนหน้าผากร่างสูง แล้วคลึงให้เบาๆ
“ไม่เจ็บใช่ป่ะ??” ก็อดที่จะถามไม่ได้ แดงซะขนาดนั้น เหมือนมันจะยิ่งแดงหรือเปล่านะ
ร่าง สูงลืมตาขึ้นมาจ้องกริยาของคนตัวเล็กแล้วก็ส่ายหน้าให้ จนร่างบางรู้สึกตัวว่าเราไม่ได้อยู่ในท่าปกติกัน ก่อนจะลุกขึ้นมาปัดแขนปัดขาตัวเองแก้เก้อ
“พี่ตกใจได้รุนแรง จริงๆ” ร่างบางหัวเราะเบาๆให้กับติวเตอร์จำเป็น ก่อนจะยืนมองร่างสูงลุกขึ้นยืนขยับจับชุดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่เข้า ทางบ้าง จริงๆพี่อนยูไม่ใส่แว่นก็ดูหล่อดีนี่ ใส่แว่นแล้วเหมือนเด็กเรียนไปหน่อย
“โทษทีๆ พี่เพลียๆน่ะเลยเผลอหลับไป มานานหรือยัง”
“พี่จะขอโทษทำไม ผมต่างหากต้องขอโทษ ติดคุยโปรเจคกับจารย์น่ะ แล้วก็ไม่ว่างโทรบอกพี่เลย”
“อื้มๆ งั้นเรามาเริ่มเลยไหม”
ผม นั่งจดผลการทดลองสารเคมีต่างๆที่พี่อนยูทำให้ดู แล้วก็ลองทำเอง พี่อนยูสามารถอธิบายรายละเอียดต่างๆให้ผมเข้าใจได้จากการยกตัวอย่าง ทำให้ผมนึกภาพออก ซึ่งมันง่ายกว่าการฟังทฤษฎีมึนๆของอาจารย์ในคลาสอย่างมาก พี่อนยูมีลูกเล่นในการสอนนะผมว่า บางทีก็เล่นมุก แต่ผมว่ามันออกจะแป้กไปหน่อย .... เอาเถอะอย่างน้อยๆมันก็น่าจะเป็นจุดดึงดูด เช่น ถ้าผลลืมในจุดนี้ไป มุกแป้กๆของพี่อนยูก็คงจะลอยมาเข้ามากระทบความจำผมเป็นแน่
เรื่องการคำนวณผมคงไม่มีปัญหามาก เพราะผมน่ะเด็กวิศวะนะ ต้องคำนวณอะไรเยอะอยู่ เพราะฉะนั้นการแทนค่าหาสูตรจากตารางธาตุน่ะจิ๊บๆ
“คีย์แทนค่าผิดน่ะ” ตึ่งงงง!! ยังโม้ไม่ขาดคำ
“ผิดยังไง”
“นี่ไงตรงนี้ มันต้องเป็น 3 สิ แต่คีย์เขียน 8น่ะ”
“เออ จริงด้วย โอยยยยยยย”
“ไม่เป็นไรๆ ลองใหม่ๆ ดูดีดีสิ อย่าใจร้อน”
ผม ก็นั่งทำแบบฝึกหัดไปอีก 3-4ข้อ ก็หมดแรง ทำไมมันถึงต้องใช้สมองเยอะแบบนี้วะครับ พี่อนยูส่งยิ้มมา แล้วก็ยกมือขึ้นมาขยี้ผมของผมเบาๆ ทำให้ผมต้องยู่ปากบ่นกระปอดกะแปดก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมา
“ไปกินข้าวด้วยกันไหมครับ”
ร่าง สูงของรุ่นพี่หนุ่มหันมาถามความคิดเห็นผม จริงอยู่ว่ามันก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วออกไปกินกับพี่อนยูเลยก็ไม่เสียหาย อะไร เราเดินออกมาจากห้องแลป ซึ่งคาดว่าคงจะไม่มีคนอยู่ในตึกแล้ว มันดูจะเงียบมากๆมีแต่เสียงฝีเท้าของผมกับพี่อนยูเท่านั้น ยังดีที่ยังเปิดไฟทางเดินไว้อยู่ ไม่อย่างนั้นรุ่นพี่ข้างๆผม คงได้เดินชนนู่นชนนี่อีกแน่ๆ คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มกับตัวเอง
ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองยิ้มบ่อยจัง
----------------------------------------------------------
ทาง เดินยาวตลอดทางหน้ามหาวิทยาลัยในเวลาเย็นๆเลิกเรียนแบบนี้ เต็มไปด้วยนักศึกษาจำนวนมาก บ้างเดินมาเป็นกลุ่มส่งเสียงดังโวยวายกันตามประสาวัยรุ่น หรือบางคนก็เดินมากับแฟน จับมือ คุยกันหยอกล้อกระหนุงกระหนิงจนน่าอิจฉา หรือจำพวกสุดท้ายคือเดินคนเดียวชิลๆอารมณ์กันไป และแน่นอนว่า หนึ่งในนั้นคือ อีแทมิน
ข้าวของที่หอบหิ้วมาทั้งหมด ถูกวางลงกับพื้น ไม่ว่าจะเป็นกระดานวาดรูปคู่ใจ กระเป๋าใบโตที่เต็มไปด้วยสี กระเป๋าเสื้อผ้าที่ข้างในมีชุดซ้อมเต้นและไหนจะรองเท้าผ้าใบอีก ร่างบางยกนาฬิกาสีม่วงเข้มเรือนโตที่ข้อมือขึ้นมาดู ก่อนจะส่งเสียง จิ๊จ๊ะในลำคอ
“5 โมงครึ่งแล้วนะเว้ย พี่จงฮยอนสายตลอดตลอด”
ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะหมดความอดทนในการยืนรอรุ่นพี่คนสนิทแล้วจึงควักโทรศัพท์มือถือออกมา นิ้วเล็กไล่ไปที่เบอร์โทรออกล่าสุด แต่ยังไม่ทันที่จะต่อสาย มือใหญ่ๆก็แตะเข้าที่ไหล่บางจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง
“เฮ้ยยย!!!”
“อ่า ขอโทษที ทำนายตกใจอีกแล้ว”
ผมหันกลับไปมอง เห็นคนตัวสูงคุ้นตาส่งยิ้มมาให้ จริงอย่างที่เค้าว่า ผมเจอเค้าทีไรตกใจตลอด ทำไมไม่โผล่มาแบบปกติๆบ้างนะ
“หวัดดีชเวมินโฮ” ถ้าผมไม่ทักทายก็คงจะดูเสียมารยาทที่คุณครูเคยสอนมาแน่ๆ ผมจึงส่งยิ้มทักทายเขาไปทันที
“นายมีไรเปล่า?”
“จะว่ามีก็มีนะ”
มิ นโฮตอบเสียงเบา ก่อนจะเปิดกระเป๋าค้นยุกยิกๆ ผมก็มองตามคนตัวสูง จะมีอะไรโผล่มาจากกระเป๋าอีกหรือเปล่าเนี่ย ครั้งที่แล้วแค่ไขควงยังเกือบบ้า แต่ถ้าคิดในแง่ดี ฟ้ายังสว่างอยู่นี่เนอะ ....... แล้วผมจะมาคิดถึงเรื่องหลอนๆทำไม มินโฮไม่ใช่ผีจริงๆสักหน่อย สงสัยผมจะฝังใจไปเอง
“อ้ะเจอแล้ว นี่ของนายใช่ไหม”
เขา ยื่นเอกสารใบสีเหลืองที่ผมคุ้นตา ผมอมยิ้มเต็มแก้ม ก่อนจะรับมันมาจากมือใหญ่ โชคดีที่มันไม่ได้หายไปไหน แล้วก็โชคดีจริงๆที่คนใจดีอย่างมินโฮเก็บไว้ให้ผม นายเนี่ยเป็นคนดีจริงๆเลย!!!
“ใช่ๆๆๆ ของฉันเอง นายเก็บไว้ให้หรอ ขอบใจนะ อ่อยยย นายโคตรเป็นคนดีอ้ะ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี” มือบางเอื้อมไปตบไหล่หนาปุๆเป็นการแสดงความจริงใจ
ผม มองเอกสารในมืออีกครั้ง ก่อนจะยิ้มแป้นให้แก้มแตกไปข้าง นึกว่าจะไม่ได้ออดิชั่นงานนี้ซะแล้ว ผมหวังไว้กับงานนี้มากๆเพราะเป็นเหมือนงานแรกของผมที่จะสามารถโชว์ศักยภาพ ของชมรมเรา ถึงแม้ผมจะเป็นเฟรชชี่ แต่ผมก็รู้ดีว่ารุ่นพี่ปีก่อนๆเขาทำมาดีแค่ไหน พรุ่งนี้ผมต้องรีบบอกทุกคน แล้วตั้งหน้าตั้งตาซ้อมอย่างจริงจังเสียที
“นายดูดีใจมากนะเนี่ย”
“โคตรๆอ้ะ!! ขอบใจอีกครั้งนะชเวมินโฮ ไว้ถ้าชนะแล้วฉันจะเลี้ยงนายมือใหญ่เลย” เขาส่งยิ้มมาให้ผมอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ไปไหน
“นายกำลังจะไปไหนอ่ะ แล้วพี่คีย์ไม่มาด้วยหรอ ยังไม่ได้ขอบคุณพี่คีย์ด้วยเลย”
“คีย์ไปติวหนังสือน่ะ ฉันไม่ได้จะไปไหน แต่มาหานายนั่นแหละ”
“อ่อ งั้นฝากนายไปขอบคุณพี่คีย์ด้วยแล้วกันนะ บอกว่าไว้ฉันจะซื้อหนมไปฝาก แล้วนายอ่ะ มีไรกับฉันอีก?”
“นายมายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ” ตอบไม่ตรงคำถามแถมยังมาถามผมกลับอีกน่ะ
“มารอพี่จงฮยอนน่ะ ว่าจะไปหาที่วาดรูป แต่ไม่มาซักทีเหมือนจะเบี้ยวนัดยังไงไม่รู้ พูดแล้วเซ็งจริงๆ เฮ้ยๆๆแป๊บนะโทรศัพท์อ่ะ”
ร่าง บางยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาโชว์ให้คนตัวสูงดู ก่อนจะทำปากขมุบขมิบที่อ่านได้ว่า ‘ตัวกวนโทรมาแล้ว’ นิ้วเล็กๆกดปุ่มรับสาย แล้วโวยวายใส่ปลายสายเสียงดังจนกลุ่มนักศึกษาที่เดินผ่านไปเหลียวหลังกลับมา มอง
“พี่อยูหน๊ายยยย!!!!! ผมยืนรอพี่นานแล้วนะ!!!!”
(เฮ้ย แทมินเสียงดังไปแล้วโว้ย หูจะแตก)
“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง อยู่ไหนแล้ว บอกมา!!!”
(อยู่บ้าน แหะๆ)
“ห๊ะ!!! อยู่บ้านเนี่ยนะ พี่แม่ง ฮึ้ยยย!!! จะเบี้ยวผมใช่มะ” นี่ถ้าตัวอยู่ใกล้ๆพี่ชายคนสนิทคงโดนกัดหูหลุดไปแล้ว
(เดี๋ยว สิๆใจเย็นๆๆ พี่ไม่ได้จะเบี้ยวนะเว้ย คือพี่ไม่ว่างจริงๆช่วงนี้ แต่เดี๋ยวเว้ยอย่าพึ่งโวยวาย พี่ส่งนายแบบไปให้แล้วไง ยังไม่เจอกันหรอ น่าจะเจอแล้วดิ)
“นายแบบที่ไหนอีกอ่ะ ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ ยืนรอมาจะชั่วโมงแล้วเนี่ย”
(เอ้า! คนที่เอาใบออดิชั่นไปให้แกไง ยังไม่เจออีกเหรอ??)
“หืม มม คนที่เอาใบออดิชั่นมาให้ผม?? ชเวมินโฮอ่ะหรอ!!!!???” ผมหันไปมองหน้าคนตัวสูงอีกครั้ง เขายิ้มแล้วพยักหน้ามาให้ผมเป็นสัญญาณบอกว่า ฉันนี่ล่ะ! ผมหันกลับไปโวยใส่ปลายสายอีกครั้ง
“พี่แม่งนิสัยไม่ดี ให้คนอื่นมาทำได้ยังไงกัน เขาว่างเปล่าก็ไม่รู้”
(ว่าง ดิ ถ้าไม่ว่างพี่ไม่ส่งมาหรอก ตกลงนะไปคุยกันเอาเอง บางทีวาดมินโฮอาจจะง่ายกว่าพี่ก็ได้ พี่จะวางและแม่เรียก แล้วอย่าลืมกรอกใบสมัครให้เสร็จแล้วเอาไปยื่นนะเว้ย ซียูๆ)
เสียง ปลายสายตัดไปแล้วแต่คนตัวเล็กยังยืนอยู่กับที่ เหมือนยังจูนสมองตามไม่ทัน มือเล็กยกขึ้นมาขยี้หัวตัวเองแรงๆก่อนจะสบตากับคนที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว
“ขยี้ ผมแบบนี้เสียทรงหมดนะ” ไม่พูดเปล่ามือใหญ่เอื้อมมาปัดๆผมให้คนตัวเล็ก แทมินเงยหน้ามองใบหน้าคมของฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ใกล้กัน ก่อนจะจับมือใหญ่นั่นให้หยุดปัดผมของตัวเอง
“ก็ไม่เลว”
“หืมม??”
“นายพอจะมีห้องที่วาดรูปได้ที่ไหนบ้างมะ”
“ห้องว่างอ่ะเหรอ ถ้าเป็นห้องว่างโล่งๆไม่มี แต่ถ้าที่คอนโดฉัน ห้องนั่งเล่น นายว่าโอเคไหมล่ะ”
ร่าง บางคิดอยู่สักพักถึงนั่งเล่นในคอนโดของมินโฮ จะว่าไปก็ใช้ได้ กว้างพอที่จะกางผ้าใบได้ ถ้าขยับโซฟาออกไปสักหน่อย แล้วก็ใกล้มหาลัย เดินทางไปกลับสะดวก ถือว่าโอเค
“อื้อ ใช้ได้ งั้นขอยืมห้องนั่งเล่นด้วยล้ะกันนะ ฝากตัวด้วย” แทมินโค้งให้หนุ่มวิศวะใจดีหนึ่งที ก่อนจะเอื้อมมือลงไปเก็บข้าวของที่ตนเองวางกองทิ้งไว้กับพื้น แต่ท่าทางจะรวบของทั้งหมดนั่นมาใส่มือได้ไม่หมด
“ฉันช่วยดีกว่า” ร่างสูงก้มลงไปเก็บกระดานวาดรูปขึ้นมา แล้วเอื้อมมือไปช่วยถือกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดเล็กของร่างบางพร้อมกระเป๋าใส่ รองเท้าผ้าใบ แทมินก็ยื่นให้ด้วยความเต็มใจ
ทั้ง สองคนข้ามถนนจากหน้าประตูมหาวิทยาลัย แวะซื้อขนมของว่างที่มินิมาร์ทเล็กๆข้างคอนโดน ก่อนที่จะเดินขึ้นลิฟต์ไป ห้องกว้างเหมะพอที่จะอยู่สำหรับ4คนด้วยซ้ำ แต่มินโฮเลือกที่จะอยู่คนเดียวเพื่อความสะดวกสบาย ไม่ต้องแบ่งความวุ่นวายกับใคร
ภายในห้อง ถูกจัดออกเป็นสัดส่วนอย่างเรียบร้อย ห้องนอน2ห้อง ที่ห้องหนึ่งถูกจับจองด้วยเจ้าของห้อง และอีกห้องหนึ่งเจ้าตัวบอกว่าไว้สำหรับเพื่อนๆที่มาสุมหัวทำโปรเจค ห้องน้ำ 1ห้อง ที่ดูกว้างขวางพอๆกับห้องเขาในหอเสียด้วยซ้ำ แล้วห้องนั่งเล่นที่เชื่อมยาวติดกับครัว มีโซฟาตัวยาววางอยู่ เบื้องหน้ามีทีวี พร้อมเครื่องเสียงและแผ่นDVDหนังฝรั่งกระจัดกระจายเต็มชั้นวาง ผมละสายตาจากห้องของมินโฮ ก่อนจะเอ่ยเสียงถาม
“ไม่รบกวนมากไปใช่เปล่า เกรงใจนายอ่ะ”
“ไม่กวนหรอก ตอนนี้ส่งโปรเจคให้เพื่อนคนอื่นทำต่อแล้วน่ะ”
“อื้มม”
“นายก็ทำตัวสบายๆคิดว่าเป็นห้องนายก็ได้ ยังไงก็ต้องทำงานนายจนกว่าจะเสร็จใช่ไหมล่ะ มีไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน”
“ถ้าเลื่อนโซฟาไปตรงนั้นหน่อยได้ไหม?”
มือ บางชี้ไปที่กำแพงมุมหนึ่งของห้อง อย่างน้อยๆถ้าเลื่อนโซฟาไปติดผนัง อาจจะมีพื้นที่กว้างกว่านี้ก็ได้ มินโฮพยักหน้าให้ แล้วเดินมาช่วยคนตัวเล็กดันโซฟาไปติดอีกฝั่งหนึ่ง
“นายจะเริ่มเลยหรือเปล่า แล้วฉันต้องเตรียมตัวอะไรไหม” ร่างสูงถามคำถามสำคัญ แทมินทำหน้าคิดสักพักก่อนจะพูดออกมา
“ตอน แรกจะวาดพี่จงฮยอน ตั้งใจว่าจะให้เป็นอารมณ์นักแต่งเพลง เพราะส่วนมากเห็นพี่จงฮยอนจะชอบใส่หูฟัง แล้วถือกระดาษปากกาอยู่ประจำน่ะ แล้วก็น่าจะมีกีตาร์ประกอบฉากสักหน่อย มันจะได้ฟีลที่แบบดูน่าสนใจ แต่พอเปลี่ยนแบบเป็นนายฉันยังคิดไม่ออกเลย เราน่าจะคุ้นเคยกันกว่านี้อ่ะ ไม่งั้นฉันไม่รู้หรอกว่าควรจะวาดนายแบบไหน”
“งั้น เราก็ควรจะรู้จักกันมากกว่านี้สินะ” มินโฮยิ้มให้ผมอีกครั้ง ยิ้มทั้งปากทั้งตา แล้วเขาก็ยกมือมายีหัวผมเบาๆ จนทำให้ผมเผลอยิ้มขำๆตอบ
ระยะ ห่างระหว่างผมกับมินโฮใกล้กันมาก ใบหน้าเขาดูดีแทบไม่มีที่ติเลยทีเดียว มือบางเอื้อมไปสัมผัสแก้มของร่างสูง ลูบไปตามโครงหน้า สันจมูก ก่อนที่นิ้วหัวแม่มือจะสัมผัสริมฝีปากอิ่มอย่างแผ่วเบา ร่างบางหลับตาลงอย่างใช้ความคิด และเผยรอยยิ้มพึงพอใจตามมา
มินโฮมองคนตัวเล็กที่หลับตาลง มือบางยังสัมผัสอยู่ที่หน้าเขา กลั้นใจจนจนกลัวว่าคนตัวเล็กจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจแล้วแทมินก็พยักหน้า ให้กับตัวเอง ก่อนจะเดินไปหยิบกระดานวาดรูปคู่ใจ พร้อมชี้นิ้วสั่งเจ้าของห้องให้ลงไปนั่งที่พื้น และตัวเองก็นั่งลงตรงข้ามกัน
ร่าง บางค้นหาของบางอย่างจากกระเป๋าเป้ แล้วก็หยิบกล่องเหล็กออกมา ด้านในเป็นดินสอจำนวนมากที่เหลาไว้แหลมแล้ว ไม่ว่าจะเป็น EE 2B HP ดินสอกด และยางลบอีกหลายก้อน มือเล็กเลือกที่จะหยิบดินสอไม้ธรรมดาๆขึ้นมาก่อนจะเริ่มลงมือร่างโครงหน้า ของคนตัวสูง เพียงไม่ถึง20นาที ร่างบางก็พลิกกระดานวาดรูปให้มินโฮดู
“นายว่าไง??”
“เหมือนฉันมาก! นายใช้เวลานิดเดียวเอง”
ภาพวาดที่เต็มไปด้วยเส้นดินสอ เขียนทับกันไปมาจนได้รูปร่างออกมาคล้ายกับนายแบบ โครงหน้าที่เหมือนกับถอดแบบจริงออกมาแบบนั้นทำให้เจ้าของห้องทึ่ง
แต่แทมินกลับไหวไหล่ ก่อนจะดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมาแล้วขยำวางไว้ที่พื้นข้างตัว
“ฉันว่ายังไม่ใช่ เหมือนขาดอะไรสักอย่าง” แล้วมือบางก็วาดดินสอลงบนกระดาษแผ่นใหม่อีกครั้ง
แทมินวาดแล้วทิ้ง วาดแล้วทิ้งอยู่ประมาณ5-6รอบ ก็ยังไม่พอใจในผลงานเสียที เจ้าตัวจึงหมดความตั้งใจจะวาดต่อแล้วทิ้งตัวนอนแผ่หลาหงายหลังไปกับพื้นเย็นๆของห้อง ร่างสูงมองตามอาการของคนตรงหน้าแล้วถามเสียงกลั้วหัวเราะ
“ฉันวาดยากขนาดนั้นเลย?”
“เปล่าหรอก แต่รู้สึกเหมือนขาดอะไรน่ะ วาดเท่าไหร่ก็ไม่ใช่อ่ะ นายเข้าใจป่ะ” มินโฮส่ายหน้าน้อยๆให้กับคำตอบ ก่อนจะลุกขึ้นเข้าไปในครัว
“ฉันว่านายพักก่อนแล้วกัน กินอะไรไหม” ไม่มีคำตอบตอบรับ มีแต่เสียงใสๆที่สวนเรียกชื่อเขาขึ้นมา
“นี่ๆๆ ชเวมินโฮ”
“ว่าไง”
“ถ้าฉันขอมาอยู่ห้องนาย จะรบกวนเกินไปเปล่าวะ?”
TBC
ทอล์ค
น้องเริ่มติสทีละนิดแล้ว ฮ่าๆๆๆ
เรามาดูกันว่าพี่มิน จะรับมือไหวไหม
คู่รองแผ่ว ฮืออออ รอตอนหน้านะคะ
ไรท์เตอร์อยู่ในโหมดเลื่อนลอย
ยังไงก็ อ่านกันมึนๆไปก่อนนะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น