ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : :: EP 4 :: คิมจงฮยอน
EP 4 : คิมจงฮยอน
ผมก้มลงมองกระดาษสีเหลือง อ่อนในมือ กระดาษแผ่นนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่แทมินเข้าไปหยิบที่ตึกวิศวะ และท่าทางก็คงจะสำคัญสำหรับน้องมิใช่น้อย ไม่อย่างนั้น น้องคงไม่เข้ามาเอาตอนห้าทุ่มหรอก แต่ที่สะดุดใจผมนั้นคือโพสต์อิทสีฟ้าที่แปะไว้บนหัวกระดาษแผ่นนี้
‘จงฮยอน ปี 4 ศิลปกรรม’
“ใช่แน่ๆ ต้องเป็นคนเดียวกันแน่นอน” ผมพึมพำกับตัวเอง พี่จงฮยอน นายกสโมของศิลป์กรรม
ผม เคยมีเรื่องกับพี่จงฮยอนอยู่ครั้งหนึ่ง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆ เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ผมเห็นน้องญาญ่า น้องรหัสของผมวิ่งกระเซอะกระเซิงเข้ามาหาผม แล้วบอกว่าโดนเด็กสินกำแกล้งเนียนจับก้น สำหรับผมถึงญาญ่าจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ แล้วถึงญาญ่าจะแอบห้าวลึกๆ มันก็เป็นเรื่องปกติของเด็กวิศวะล่ะครับ ที่ผู้หญิงมักจะแมนกว่าผู้หญิงทั่วไป แต่อย่างน้อยๆญาญ่าก็ยังเป็นผู้หญิง เรื่องแบบนี้เราก็ควรที่ช่วยไม่ใช่หรือครับ
ในขณะที่ญา ญ่าวิ่งเข้ามาหาผม ก็มีเด็กสินกำคนหนึ่งวิ่งตามมา ด้วยความที่ไม่ทันได้คิด บวกกับเห็นญาญ่าวิ่งหนีมา ผมก็สวนหมัดไปที่หน้าเค้าเต็มๆ จนล้มไปนอนกับพื้น มุมปากมีเลือดซึมออกมา
“เฮ้ย อะไรวะ ต่อยกูทำไมเนี่ย” คนตัวเล็กลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นออกจากแขนและขา และเค้าก็เงยหน้ามองหน้าผมแบบหาเรื่อง
ผมทำท่าจะเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกรอบ แต่มือบางของญาญ่าก็หยุดผมไว้ก่อน
“พี่มินโฮๆๆ พี่คนนี้ไม่ได้จับก้นญ่า พี่เค้ามาช่วยตอนญ่าโดนจับแหละ”
“อ่าว แล้ววิ่งหนีเค้ามาทำไม?”
“ญ่านึกว่า เป็นพวกนั้นวิ่งตามมา ไม่ทันมองน่ะ แหะๆ” น้องรหัสผมได้แต่หัวเราะเจือนๆส่งไปให้รุ่นพี่ตัวเล็กคนนั้น
“งั้นก็ ขอโทษครับ” ผมน่ะแฟร์ๆอยู่แล้ว ทำผิดก็ยอมรับ
“ช่าง เหอะ จะตามมาบอกน้องญาญ่าว่า พี่ขอโทษแทนรุ่นน้องที่คณะด้วยแล้วเดี๋ยวพี่จะไปจัดการพวกมันเอง เอ่อ แล้วก็จะถามว่าน้องญาญ่าเป็นตัวแทนวิศวะใช่ไหม เรื่องงานสโมใหญ่น่ะ พี่ต้องขอรายละเอียดของวิศวะด้วย”
ไอ้ช่างเหอะเนี่ย พี่เค้าพูดกับผม แต่ไอ้ประโยคขอโทษ ประโยคคำถาม อะไรนั่นน่ะ ผูกขาดคุยแต่กับญาญ่า สายตาที่มองญาญ่างี้ มีซัมติงชัดๆ นี่น้องผมนะครับ ผมหวง กลัวน้องไม่ปลอดภัย
“อ่อ ได้ค่ะ ไว้ญ่าจะเอารายละเอียดกิจกรรมไปให้นะคะ เอ่อ พี่ชื่ออะไรอ่ะ?”
“คิมจงฮยอนครับ นายกสโมสินกำ”
“งั้นไว้ญ่าจะจัดการให้นะคะ”
“เดี๋ยว ญ่า ไม่ต้องๆงานนี้พี่ทำเอง” ไอ้ความที่เป็นห่วงน้อง ผมเลยตัดสินใจมันเดี๋ยวนั้นว่างานนี้ผมทำแทนเอง ดูจากสายตาที่มองน้องผมแล้ว ไว้ใจไม่ได้จริงๆ
“เอาจริงดิพี่มินโฮ ดีดี ทำไปเลยนะ ญ่าจะได้ไม่เหนื่อย งั้นเอาเอกสารปึกบนโต๊ะญ่าไปด้วยนะ ฝากด้วย แต๊งกิ้วนะคะ” แล้วน้องรหัสตัวดีก็เดินออกไป เฮ้อ ทำก็ทำครับ คิดซะว่าช่วยน้อง แล้วทำเพื่อคณะ
“ตกลงผมจะจัดการส่งรายละเอียดไปให้พี่เองครับ”
“เอ้า ไรวะเนี่ย” พี่จงฮยอนเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะมองตามหลังญาญ่าไปจนสุดสายตา
หลัง จากนั้นผมก็มีติดต่อเรื่องงานกับพี่จงฮยอนอยู่บ่อยๆ จะว่าไปความรับผิดชอบพี่เขาพอตัวเลยทีเดียว และยังจัดระเบียบตัวเองได้ดีอีกด้วย ก็ว่าทำไมคนทั้งคณะถึงไว้ใจ แต่ติดอย่างเดียว....ผมว่าพี่เขาขี้โวยวายไปหน่อย คิดไม่ถึงว่ารุ่นพี่คนสนิทของแทมิน จะเป็นพี่จงฮยอน งั้นแสดงว่าคนที่ไปด้วยกันกับน้องที่ผมเจอหน้าประตูนั้น คงจะเป็นพี่จงฮยอน คิดแล้วก็ปวดใจแปลบๆ ทำไมถึงเห็นผมเป็นผีกันหมดนะ
ผมยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนที่นิ้วเรียวจะไล่ปุ่มบนโทรศัพท์หาชื่อ
‘พี่จงฮยอน’
------------------------------
โรง อาหารกลางขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยนักศึกษาจำนวนมากที่เข้ามาพักรับประทานอาหารกลางวัน รวมถึงผมด้วย เที่ยงคงเป็นเวลาที่คนเยอะเป็นพิเศษ แล้วเสียงก็ดังเป็นพิเศษ ผมนั่งชิลๆในหูมีหูฟังจากไอพอดทัชเจน4รุ่นใหม่เสียบอยู่ ฟังเพลงสบายๆกลบเสียงจอแจในโรงอาหาร นิ้วเลื่อนสัมผัสหน้าจอบางเฉียบเลือกเพลงที่ต้องการ
ปั่กก!!
กระดานวาดรูปอันใหญ่ถูกวางลงอย่างรุนแรงด้านหน้า ผมเงยหน้ามองตัวต้นเหตุที่ทำลายบรรยากาศชิลๆก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆไปให้
“พี่จงฮยอน !!!! พี่หายไปไหนเมื่อคืน!!!!”
“เอ่อ แทมิน แบบว่า แบบว่า แบบว่า อ๋อ พอดีมีธุระด่วน”
“อย่ามาแก้ตัวเลย พี่กลัวอ่ะดิ เลยวิ่งหนีหางชี้ใช่ไหมล่ะ”
“ลามปามล้ะ หางช้งหางชี้อ่ะไร แล้วว่าไง ไหนเอกสารอ่ะ กรอกยัง??”
อั่ก!
“โอยย ชกพี่ทำไมวะ?” ถึงมือจะเล็กแต่แทมินก็มือหนักไม่แพ้ใครนะครับ ชกเข้ามาที่แขนผมเต็มๆ ได้แต่เอามือลูบๆแขนให้หายระบม
“ก็ พี่อ่ะ มาพูดให้ผมกลัว แล้วพอออกมาจากห้องพี่ก็หายตัว แถมยังมีคนหลอนๆแบบที่พี่เล่าโผล่มาอีกอ้ะ ผมก็ช๊อคเดะ เลือดเลี้ยงสมองไม่ทัน เป็นลมไปเลย เอกสารไปไหนแล้วก็ไม่รู้ โว้ยๆๆๆ เพราะพี่เลย”
“เอ้า!! แล้วแกกลับมาได้ไง ฟื้นมาเอง???” ผมอยากจะขยี้หัวตัวเองแรงๆ
“มี รุ่นพี่ที่วิศวะมาช่วยไว้น่ะ แล้วเชื่อป่ะพี่ คนช่วยดันเป็นคนที่ผมนึกว่าผีอ้ะ!! โคตรขายหน้าเลย ผมไม่น่าเชื่อพี่เลยไอ้เรื่องบ้าๆแบบนั้นน่ะ” แทมินเอามือปิดหน้าตัวเองแล้วฟุบลงกับโต๊ะ รู้สึกเหมือนหมดพลังชีวิต ใบสมัครเต้นก็ไม่มีแล้วแบบนี้จะสมัครได้ยังไง แล้วไหนจะงานที่อาจารย์สั่งอีก ร่างบางได้แต่ครวญครางต่อว่าชีวิตตัวเอง
“ไม่ใช่เรื่องบ้าๆนะเว่ย เรื่องจริงสุดๆไอ้ตำนานตึกแดงนั่นน่ะ” มันเป็นเรื่องจริง จริงๆนะครับไม่เชื่อให้เตะเลยเอ้า
“แล้วแกเป็นไรวะ เข้าใจว่าเฮิร์ทเรื่องออดิชั่น แต่ดูเหมือนจะมากกว่านั้น”
“เครียด!!!”
“เรื่อง??”
“งาน”
“ทำไมวะ??”
“ใหญ่!!”
“พอๆๆๆๆๆ ช่วยพูดให้มันจบๆประโยคเลยได้มะ อยากจะบ้าตาม” ผมอยากจะบ้าจริงๆให้ตาย แทมิน นายเข้าใจยากสุดยอด จะมาถามคำตอบคำกับพี่เพื่อ?????
“จารย์สั่งงาน ให้วาดรูปเหมือน ให้ใช้คนเป็นแบบ ผู้ผญิงหรือผู้ชายก็ได้ ท่าไหนก็ได้”
“เอ้า ก็ไม่ยากนี่หว่า ท่าไหนก็ได้ด้วย อย่างแกสบายๆอยู่แล้ว”
“มันใหญ่อ้ะพี่ งานนี้มันยิ่งใหญ่จริงๆ”
“ใหญ่ขนาดไหนวะ?”
“เท่ากระดานไวท์บอร์ดหน้าห้อง ใหญ่ไหมล่ะ!!!”
“ห๊ะ!!!”
“จารย์ให้วาดใส่ผ้าใบ อย่างใหญ่ แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จว้ะเนี่ย ส่งก่อนไฟนอล”
“อีกตั้ง2เดือน ค่อยๆทำไปเดี๋ยวก็เสร็จ” ได้แต่ตบบ่าให้กำลังใจร่างบางที่ฟุบหน้าโอดครวญอยู่ที่โต๊ะกินข้าว
พรึ่บบ! อยู่ๆมันก็เงยหน้าขึ้นมาหาผม พร้อมรอยยิ้มพิฆาต
“พี่เป็นแบบให้ผมนะ”
“ไม่!!!!”
“ทำไม??? ไม่เชื่อฝีมือผมหรือไง”
“เปล่า แต่ว่าไม่!!!!”
ไม่ ใช่ว่าไม่เชื่อในฝีมือแทมิน ผมรู้ว่ามันขั้นเทพ แต่ไม่ไหวจริงๆครับ เป็นแบบวาดรูปให้แทมินเนี่ย ผมไม่สู้!!! ในฐานะที่ผมก็เป็นเด็กสินกำ เรารู้สกิลตัวเองดีครับว่ากว่าจะบิ้วท์อารมณ์ในการวาดรูปแต่ละทีมันไม่ใช่ ง่ายๆ ไม่ใช่หยิบดินสอร่างๆแล้วจะวาดได้เลย มันต้องมีฟีลลิ่งกันก่อน ไม่อย่างนั้นรูปจะออกมาดูแย่ ผมจะยกตัวอย่าง ถ้าเป็นผม ผมคงต้องหาที่เงียบๆแล้วเปิดเพลงฟัง หรืออย่างบางคนอาจจะบิ้วท์ตัวเองโดนการอ่านหนังสือสร้างอารมณ์ก่อน แปลกๆหน่อยก็กระโดดโลดเต้น แต่สำหรับแทมิน คงต้องเอาทั้งหมดที่ผมพูดมารวมกัน หรืออาจจะบิ้วท์นานกว่านั้นด้วยซ้ำ ผมไม่สู้จริงๆ
“ไม่ได้!!! ต้องเป็นพี่!!!”
“ทำไมต้องเป็นพี่วะ”
“เพราะพี่ทำผมเดือดร้อน ทิ้งผมไปเมื่อคืน ปล่อยให้ผมเป็นลม ไม่มีใบสมัครออดิชั่นด้วย พี่ต้องมาเป็นแบบให้ผมไถ่โทษ”
อ๊ากกก ผมชักอยากจะจิกทึ้งหัวตัวเองออกแรงๆ ผมพลาดไปแล้วววววววววววว ฮือ TT^TT ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม
“เออ ก็ได้วะ”
Rttttttttttttttttt~
‘มินโฮ’
“หืมม ขอรับโทรศัพท์แปบนะแทมิน”
“ผม ไปและ อย่าลืม พี่ต้องมาเป็นแบบให้ผม เจอกันพรุ่งนี้ห้าโมงเย็นหน้าประตู3” ร่างบางพูดแค่นั้นแล้วก็เดินไป ผมได้แต่ถอนหายใจปลงๆ ก่อจะกดรับโทรศัพท์
“ว่าไงมินโฮ”
“ผมมีเรื่องจะถามพี่ คือเมื่อคืนใช่พี่หรือเปล่าที่เข้ามาที่ตึกแดงตอนดึกๆน่ะ”
“ห๊ะ เออ รู้ได้ไงวะ”
“ผมเก็บใบสมัครออดิชั่นได้”
“เอ่าเฮ้ย จริงดิๆ งั้นแกเอามาให้พี่เลย โฮๆๆพี่จะได้รอดจากความซวย” ผมจะรอดแล้ว ผมจะรอดจากการเป็นนายแบบแล้ว ได้แต่โห่ร้องอยู่ในใจ
“ไม่ให้”
“อ่าว อะไรวะ” เสียงฟีบๆเหมือนถูกปล่อยลมออกมากหัวใจดวงน้อยๆ
“พี่คือคนที่มากับแทมินใช่ไหมครับ”
“อ่า อืม ใช่ๆพี่ไปกับแทมินเอง อ่าวเดี๋ยว นี่รู้จักแทมินรึ? เฮ้ยย อย่าบอกนะว่าแกคือคนที่ช่วยแทมินไว้น่ะ ที่แทมินคิดว่าเป็นผีอ่ะนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
“เพราะพี่นั่นแหละ! แทมินเลยคิดว่าผมเป็นผี ไปเล่าอะไรไว้ อย่าว่าแต่แทมิน พี่เองเห็นผมยังวิ่งหนีเลยให้ตาย!!”
“เอ่อ เมื่อคืนแกเองหรอวะ ฮ่ะๆๆ โทษทีๆตอนนั้นมันกลัวนี่หว่า”
“ผมไม่เอาเอกสารไปให้พี่ได้ไหม แต่ผม.......ผม.......ผมจะเอาไปให้แทมินเอง”
หืมมมมมมม คุณชาย ณ ตึกแดง อยากเอาเอกสารไปให้แทมินเอง ดูมีซัมติงแปลกๆ หึหึ ผมยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง
“เล่ามา!!!”
“ห๊ะ เล่าไรพี่??”
“เล่ามาให้หมดเว้ย ไม่งั้นไม่ให้ เหมือนที่แกกีดกันน้องญาญ่า แกต้องเล่ามาให้หมด”
คำ สารภาพแมนๆของมินโฮทำผมหลุดหัวเราะหลายครั้ง ไม่อยากจะคิด คนจริงจังๆอย่างมินโฮจะมีมุมนี้เหมือนกัน ตลกไปอีกแบบ แล้วผมก็คิดอะไรบางอย่างออก มันจะต้องดีสำหรับผม และมินโฮ เผลอๆอาจจะดีสำหรับแทมินด้วยก็ได้ หึหึ
“โอเค๊ๆ อยากจะเอาใจช่วยนะเว่ย แต่แทมินน่ะไม่เหมือนใครจริงๆ”
“ผมก็ไม่ได้อะไร ก็อยากลองจีบดู”
“มันแมนน่ะเว่ย โคตรห้าว” ต้องเตือนไว้ก่อน ผมก็ไม่ค่อยอยากให้น้องผมเสียใจเท่าไหร่หรอกนะ ถ้ามินโฮมันไปทำอะไรน้องผมเข้าน่ะ
“อือ ผมไม่ถือ”
“งั้นก็ได้ แกเอาเอกสารไปให้แทมินเองก็ได้ แล้วก็มีอีกอย่างที่แกคงอยากทำ”
“อะไรครับ??”
“เป็นนายแบบให้แทมินวาดรูป”
“เฮ้ยย จะดีหรอพี่”
“แหมมมม ทำเป็นตกใจ แต่เสียงแกเบิกบานไปนะ” =*=
“อะไรยังไงเนี่ย ล้อผมเล่นป่ะนี่”
“จริงๆ แทมินมันจะให้ฉันเป็น แต่ไม่ค่อยว่างว่ะ ไหนๆก็ไหนๆรบกวนแกหน่อยแล้วกัน นี่เปิดโอกาสให้ใกล้ชิดสุดๆนะเว่ย พรุ่งนี้ห้าโมงเย็น หน้าประตู3 แกก็เอาเอกสารไปให้มันแล้วก็บอกว่า พี่ให้แกมาเป็นแบบแทน โอเคไหม”
ไม่ อยากจะหลอกว่าไม่ว่างนะครับ แต่จะให้บอกว่าแทมินติสแตกกว่าจะวาดรูปแต่ละทีเหนื่อยหอบขนาดไหนก็กระไรอยู่ ปล่อยให้มันไปเจอกับตัวดีกว่า อีกอย่าง ถ้าชอบน้องผมจริงเรื่องแค่นี้คงไม่เหนือบ่ากว่าแรง
“ก็ได้ครับ งั้นแค่นี้นะพี่”
“เฮ้ย เดี๋ยวเด่!!! อะไรกันนี่ฉันช่วยแกเต็มที่เลยนะเว่ย ไม่มีของตอบแทนเลยหรอวะ”
“พี่จะเอาไรอ่ะ ให้ผมเลี้ยงข้าวมะ หรือ....”
ผมยิ้มให้กับปลายสายก่อนเอ่ยเสียงอย่างมั่นใจขัดคนที่กำลังพูดอยู่
“เบอร์น้องญาญ่า!”
--------------------------------------------------------------
“นาย คือพี่อนยูงั้นหรอ!!!???”
ผมยืนชี้นิ้วค้างอยู่อย่างนั้น จนรุ่นพี่แว่นหนาว่าที่ติวเตอร์ของผมจะเดินเข้ามาจับมือผมให้ลงมาอยู่ข้างตัวเหมือนเดิม ผมรู้สึกตัวก่อนจะเขยิบถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว
“อื้ม พี่เอง อนยู เป็นพี่ชายมินโฮอยู่วิทยาศาสตร์ปี4” พี่อนยูยกมือชี้ตัวเอง ก่อนจะส่งยิ้มตาปิดมาให้ผม
“พี่ขอโทษจริงๆนะครับ คือว่าพี่ก็ซุ่มซ่ามเดินชนนั่นชนนี่บ่อยๆ แต่ดูเหมือนวันนี้จะรุนแรงไปหน่อย”
รุ่นพี่ที่ว่าตัวเองว่าซุ่มซ่ามยกมือจับๆปัดๆที่เสื้อกาวน์สีขาวก่อนที่จะยื่นโทรศัพท์ของเขามาตรงหน้าผมพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง
“พี่เมมเบอร์น้องคีย์ไว้เลยนะครับ แล้วตกลงเราอยากจะเริ่มเรียนเมื่อไหร่ พี่จะได้หาหนังสือมาเตรียมให้”
“อ่ะ เอ่อ พี่สะดวกเมื่อไหร่” ผมยังคงอึ้งๆอึนๆมึนๆงงๆอยู่นะครับ ตกลงพี่เค้าไม่โกรธ ไม่ตกใจอะไรกับผมเลยใช่ไหม คนอะไรส่งยิ้มอย่างเดียว
“เทอม นี้พี่สะดวกทุกวันครับ น้องคีย์ไม่ต้องเกร็งหรอกครับ พี่ไม่โกรธไม่ถือสาอะไรอยู่แล้ว อย่างที่บอกพี่เป็นงี้บ่อยน่ะ” อีกครั้งที่รอยยิ้มนั้นถูกเผื่อแผ่มายังรุ่นน้อง
“อื่อ อื้มม งั้นเริ่มพรุ่งนี้ก็ได้”
“น้องคีย์จะเรียนเรื่องไหนบ้างจะทดลอง หรือคำนวณ อยากเน้นอะไรครับ?”
พี่เค้าดูเป็นคนสบายๆดีจัง เฮ้ออ ก็ยังดีวะที่เค้าไม่ถือสาอะไร แต่พูดถึงผมก็ทำตัวไม่ค่อยถูกเลย ไปด่าเค้าไว้ แต่เค้าจะสุภาพกับผมไปไหน
“ก็อยากทั้งสองอย่าง อืมม เวลาทดลองผมไม่ค่อยมีส่วนร่วมน่ะ ลอกๆเค้ามาอีกที”
“งั้นพรุ่งนี้มาทดลองกันดูไหมครับ”
“พี่ไม่ต้องพูดสุภาพกับผมก็ได้นะ มันแปลกๆอ่ะพูดปกติๆ เหมือนพี่พูดกับมินโฮก็ได้ อย่างงี้ผมว่าผมต้องเกร็งแน่ๆ” พี่อนยูหัวเราะเบาๆก่อนจะพยักหน้ารับรู้
“งั้นไว้พรุ่งนี้มาเจอพี่ที่ห้องแลป L-102แล้วกันนะ พี่อยู่ในนั้นทั้งวันล่ะ หรือจะโทรมาบอกก่อนก็ได้”
ปั่ก!!
“อื้ม เฮ้ยย พี่อนยู!!” ไม่ทันที่จะพูดจบ รุ่นพี่ใจดีก็หันไปชนเข้ากับขอบม้าหิน
“ซี๊ดดดด”
“เจ็บป่าวพี่ หน้าแข้งเลยนะ” พี่อนยูเอามือท้าวไว้ที่ขอบโต๊ะ ก่อนจะพยักหน้าให้
ร่าง บางย่อตัวลง นั่งยองๆก่อนค่อยๆถกขากางเกงขายาวของรุ่นพี่ขึ้น มือบางลูบเบาๆบริเวณหน้าแข้งที่แดงเป็นรอยอย่างเห็นได้ชัด ดูๆไปแล้วมันเหมือนจะไม่ใช่แผลเดียวเลยนะ ใกล้ๆกันกับหัวเข่ามีรอยถลอกอย่างชัดเจน เลือดซึมๆออกมาเหมือนแผลที่พึ่งจะได้มา คีย์เงยหน้าขึ้นมองร่างโปร่งก่อนจะส่ายหน้าแล้วบ่นออกมา
“พี่นี่ซุ่มซ่ามขนาดหนักจริงๆนะเนี่ย เจ็บไหม?” มือบางหยิบกระดาษทิชชู่จากกระเป๋ามากดๆตรงรอยถลอกเพื่อเช็ดคราบเลือดออกให้
“ไม่หรอก ชินแล้ว”
“ชิน อะไรกัน อย่างงี้คงแผลเต็มตัวแน่ๆ แว่นพี่มัวหรือเปล่าเนี่ย หรือแบบสายตาพี่เพิ่มขึ้นไม่สัมพันธ์กับแว่นแล้ว เห็นชัดไหม นี่กี่นิ้ว” ร่างบางยื่นมือออกไปชูสองนิ้วให้คนตัวสูงดู แล้วก็ได้เสียงหัวเราะกลับมา
“สองนิ้ว”
“เฮ้อ พี่จะไปไหนต่อหรือเปล่า”
“ไม่แล้วล่ะ ก็คงกลับบ้านน่ะ”
“งั้น ไปบ้านผมก่อนแล้วกัน เลยมหาลัยไปนิดเดียวเอง พี่ควรจะไปทำแผลไม่อย่างงั้นมันจะอักเสบ แล้วพี่จะป่วยรู้หรือเปล่า แล้วผมว่าพี่คงไม่ได้มีแผลแค่ขาข้างนี้ข้างเดียวหรอก ห้ามปฏิเสธ ถือว่าเป็นการขอโทษที่ผมด่าพี่ไปด้วย โอเคนะ”
ผมพูดรวบรัด ครั้งเดียวจบก่อนที่พี่อนยูจะปฏิเสธออกมา แล้วเขาก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ ผมเดินนำพี่อนยูมาจนถึงบ้าน ยังดีนะที่พี่อนยูไม่เดินแฉลบตกฟุตบาตไปอีก ผมเอื้อมมือไขกุญแจเข้ามาในบ้าน ปล่อยให้พี่อนยูนั่งอยู่บนโซฟาแล้วผมก็แยกตัวขึ้นมาเอากล่องพยาบาล
ผม ถอดเสื้อชอปที่เลอะกาแฟออกเหลือแต่เสื้อกล้ามสีดำข้างใน แล้วใส่ตระกร้าไว้เตรียมซัก เปลี่ยนเป็นกางเกงสามส่วนใส่สบายๆอยู่บ้าน ก่อนจะหยิบกางเกงบอลขาสั้นอีกหนึ่งตัวไปเผื่อคนข้างล่าง
ร่างบางลงมาในชุดเสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงสามส่วน เรียกสายตาของคนที่นั่งอยู่มองตาไม่กระพริบ
“พี่ ไปเปลี่ยนกางเกงเลย” ผมยื่นกางเกงขาสั้นให้ว่าที่ติวเตอร์ พี่อนยูทำหน้าตกใจแล้วอยู่ๆแก้มพี่เค้าก็ขึ้นสีเรื่อ ลามไปจนถึงหู เป็นอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย ผมเอื้อมมือไปอังบนหน้าผาก
“พี่ตัวแอบอุ่นนะ หรือว่าพี่จะป่วยจริงๆแล้วเนี่ย”
“เอ่อ เปล่าๆ พี่แค่ร้อนน่ะไม่เป็นไรหรอก แล้วทำไมต้องเปลี่ยนกางเกงด้วย”
“พี่ รู้ไหมว่ากางเกงพี่ไม่ได้ถกขากันง่ายๆนะ มันไม่ใช่กางเกงขาบานซะหน่อย ไปเปลี่ยนเลยเอ้า” พี่อนยูพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
“โอ้ยยย เบาๆหน่อยสิครับ”
“เจ็บ หรอ ขอโทษทีๆ อ้ะๆเสร็จล้ะ” พลาสเตอร์ยาสีชมพูลายเสือดาวแปะลงบนแผลเหนือหัวเข่า ร่างบางยกยิ้มให้ตัวเองหนึ่งทีก่อนจะเงยหน้ามองคนเจ็บ
“พอพี่กลับบ้าน ก่อนนอนก็ล้างแผลด้วยนะ”
สั่ง กำชับเรียบร้อยก็ก้มลงไปเก็บข้าวของลงกล่องต่อ ไม่ได้สนใจสภาพตัวเองที่เมื่อก้มลงไปแล้วจะโชว์อกขาวเนียนกระจ่างตาแก่ผู้พบ เห็น ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตรงไปหยิบเสื้อแจ็คเก็ตตัวเองที่ถอดทิ้งไว้ กับเสื้อกาวน์ แล้วเดินมาคลุ่มให้ร่างบาง
“ทำไรเนี่ยพี่”
“พี่ว่าใส่ซะหน่อยก็ดีนะ แบบ.....เอ่อ........ เดี๋ยวตัวอะไรกัดเป็นรอยหรอก”
“แต่มันร้อน”
“ใส่เถอะ รูดซิบด้วย” ไม่พูดเปล่าแต่มือหนาจับซิบรูดให้ร่างบางทันที
“อื้อๆ รูดติดคอผมแล้ว เอาลงมาหน่อยสิ”
ในขณะที่รุ่นพี่หนุ่มกำลังปล้ำรูดซิบให้ร่างบาง ก้อนกลมๆทีเทาก็วิ่งตรงเข้ามาเอาจมูกชนๆกับขาเขา เหมือนจะเข้ามาช่วยเจ้านายมัน
“อ้าว จูเลียต หายไปไหนมา” คนตัวเล็กก้มลงไปอุ้มเจ้าก้อนกลมขนฟูสีเทาขึ้นมา ก่อนจะลูบๆขนมัน
“กระต่ายหรอ?”
“อื้อ ชื่อจูเลียตน่ะ นี่ๆๆจูเลียตอย่าแกล้งติวเตอร์เซ่!!!” ผมแนะนำกระต่ายตัวโปรดให้กับพี่อนยู ก่อนจะบ่นมันเสียงดัง ก็จูเลียตดันตะกายๆมือใส่พี่อนยูซะอย่างงั้น พี่อนยูยิ้มอ่อนโยนให้กับมันก่อนจะเอื้อมมือมาลูบขนนุ่มเบาๆบนหัว มันจึงสงบลง แล้วดูเหมือนจะเอาจมูกไปดุนๆมือพี่เขาอีกน่ะ สงสัยจะชอบหนุ่มแว่นซึนๆ
“พี่ว่าพี่กลับก่อนดีกว่า ไว้จะมาเล่นด้วยนะจูเลียต” พี่อนยูหันมาพูดกับผม ก่อนจะก้มลงไปพูดกับกระต่ายที่ผมอุ้มอยู่
“ยัง ไงพรุ่งนี้โทรมาแล้วกันนะครับ เดี๋ยวพี่เอากางเกงมาคืนด้วย บายครับ” เมื่อพูดจบพี่เขาก็เดินออกจากบ้านไป ว่าจะชวนกินข้าวเย็นไถ่โทษอีกซักหน่อย อ๊า แล้วไหนจะเสื้อแจ็คเก็ตที่ผมใส่อยู่อีกล่ะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยคืนก็ได้ล่ะเนอะ
“จะเดินชนอะไรอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้เนอะ จูเลียต” ร่างบางบ่นงึมงำส่งรอยยิ้มจางๆให้กระต่ายน้อยตรงหน้า
TBC
ทอล์ค
ตอนนี้ยาวจริงๆกว่าจะเสร็จ ฮ่าๆๆ
ตอนหน้าแทมินจัดติสเต็มๆ
รู้สึกว่าทำไมคู่รองน่ารัก อ๊ายยยย ไปดีกว่า
ไว้ครั้งหน้าจะเอารูปจูเลียตมาแปะให้ดู
ปอลอ ติ่มซำตอน2ด้วย ไม่เกินวันอาทิตย์ค่า ^^ ใครยังไม่ได้อ่านติ่มซำ จิ้มๆไปอ่านดูนะคะ ลิ้งค์อยู่ที่หน้าหลัก
ผมก้มลงมองกระดาษสีเหลือง อ่อนในมือ กระดาษแผ่นนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่แทมินเข้าไปหยิบที่ตึกวิศวะ และท่าทางก็คงจะสำคัญสำหรับน้องมิใช่น้อย ไม่อย่างนั้น น้องคงไม่เข้ามาเอาตอนห้าทุ่มหรอก แต่ที่สะดุดใจผมนั้นคือโพสต์อิทสีฟ้าที่แปะไว้บนหัวกระดาษแผ่นนี้
‘จงฮยอน ปี 4 ศิลปกรรม’
“ใช่แน่ๆ ต้องเป็นคนเดียวกันแน่นอน” ผมพึมพำกับตัวเอง พี่จงฮยอน นายกสโมของศิลป์กรรม
ผม เคยมีเรื่องกับพี่จงฮยอนอยู่ครั้งหนึ่ง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆ เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ผมเห็นน้องญาญ่า น้องรหัสของผมวิ่งกระเซอะกระเซิงเข้ามาหาผม แล้วบอกว่าโดนเด็กสินกำแกล้งเนียนจับก้น สำหรับผมถึงญาญ่าจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ แล้วถึงญาญ่าจะแอบห้าวลึกๆ มันก็เป็นเรื่องปกติของเด็กวิศวะล่ะครับ ที่ผู้หญิงมักจะแมนกว่าผู้หญิงทั่วไป แต่อย่างน้อยๆญาญ่าก็ยังเป็นผู้หญิง เรื่องแบบนี้เราก็ควรที่ช่วยไม่ใช่หรือครับ
ในขณะที่ญา ญ่าวิ่งเข้ามาหาผม ก็มีเด็กสินกำคนหนึ่งวิ่งตามมา ด้วยความที่ไม่ทันได้คิด บวกกับเห็นญาญ่าวิ่งหนีมา ผมก็สวนหมัดไปที่หน้าเค้าเต็มๆ จนล้มไปนอนกับพื้น มุมปากมีเลือดซึมออกมา
“เฮ้ย อะไรวะ ต่อยกูทำไมเนี่ย” คนตัวเล็กลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นออกจากแขนและขา และเค้าก็เงยหน้ามองหน้าผมแบบหาเรื่อง
ผมทำท่าจะเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกรอบ แต่มือบางของญาญ่าก็หยุดผมไว้ก่อน
“พี่มินโฮๆๆ พี่คนนี้ไม่ได้จับก้นญ่า พี่เค้ามาช่วยตอนญ่าโดนจับแหละ”
“อ่าว แล้ววิ่งหนีเค้ามาทำไม?”
“ญ่านึกว่า เป็นพวกนั้นวิ่งตามมา ไม่ทันมองน่ะ แหะๆ” น้องรหัสผมได้แต่หัวเราะเจือนๆส่งไปให้รุ่นพี่ตัวเล็กคนนั้น
“งั้นก็ ขอโทษครับ” ผมน่ะแฟร์ๆอยู่แล้ว ทำผิดก็ยอมรับ
“ช่าง เหอะ จะตามมาบอกน้องญาญ่าว่า พี่ขอโทษแทนรุ่นน้องที่คณะด้วยแล้วเดี๋ยวพี่จะไปจัดการพวกมันเอง เอ่อ แล้วก็จะถามว่าน้องญาญ่าเป็นตัวแทนวิศวะใช่ไหม เรื่องงานสโมใหญ่น่ะ พี่ต้องขอรายละเอียดของวิศวะด้วย”
ไอ้ช่างเหอะเนี่ย พี่เค้าพูดกับผม แต่ไอ้ประโยคขอโทษ ประโยคคำถาม อะไรนั่นน่ะ ผูกขาดคุยแต่กับญาญ่า สายตาที่มองญาญ่างี้ มีซัมติงชัดๆ นี่น้องผมนะครับ ผมหวง กลัวน้องไม่ปลอดภัย
“อ่อ ได้ค่ะ ไว้ญ่าจะเอารายละเอียดกิจกรรมไปให้นะคะ เอ่อ พี่ชื่ออะไรอ่ะ?”
“คิมจงฮยอนครับ นายกสโมสินกำ”
“งั้นไว้ญ่าจะจัดการให้นะคะ”
“เดี๋ยว ญ่า ไม่ต้องๆงานนี้พี่ทำเอง” ไอ้ความที่เป็นห่วงน้อง ผมเลยตัดสินใจมันเดี๋ยวนั้นว่างานนี้ผมทำแทนเอง ดูจากสายตาที่มองน้องผมแล้ว ไว้ใจไม่ได้จริงๆ
“เอาจริงดิพี่มินโฮ ดีดี ทำไปเลยนะ ญ่าจะได้ไม่เหนื่อย งั้นเอาเอกสารปึกบนโต๊ะญ่าไปด้วยนะ ฝากด้วย แต๊งกิ้วนะคะ” แล้วน้องรหัสตัวดีก็เดินออกไป เฮ้อ ทำก็ทำครับ คิดซะว่าช่วยน้อง แล้วทำเพื่อคณะ
“ตกลงผมจะจัดการส่งรายละเอียดไปให้พี่เองครับ”
“เอ้า ไรวะเนี่ย” พี่จงฮยอนเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะมองตามหลังญาญ่าไปจนสุดสายตา
หลัง จากนั้นผมก็มีติดต่อเรื่องงานกับพี่จงฮยอนอยู่บ่อยๆ จะว่าไปความรับผิดชอบพี่เขาพอตัวเลยทีเดียว และยังจัดระเบียบตัวเองได้ดีอีกด้วย ก็ว่าทำไมคนทั้งคณะถึงไว้ใจ แต่ติดอย่างเดียว....ผมว่าพี่เขาขี้โวยวายไปหน่อย คิดไม่ถึงว่ารุ่นพี่คนสนิทของแทมิน จะเป็นพี่จงฮยอน งั้นแสดงว่าคนที่ไปด้วยกันกับน้องที่ผมเจอหน้าประตูนั้น คงจะเป็นพี่จงฮยอน คิดแล้วก็ปวดใจแปลบๆ ทำไมถึงเห็นผมเป็นผีกันหมดนะ
ผมยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนที่นิ้วเรียวจะไล่ปุ่มบนโทรศัพท์หาชื่อ
‘พี่จงฮยอน’
------------------------------
โรง อาหารกลางขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยนักศึกษาจำนวนมากที่เข้ามาพักรับประทานอาหารกลางวัน รวมถึงผมด้วย เที่ยงคงเป็นเวลาที่คนเยอะเป็นพิเศษ แล้วเสียงก็ดังเป็นพิเศษ ผมนั่งชิลๆในหูมีหูฟังจากไอพอดทัชเจน4รุ่นใหม่เสียบอยู่ ฟังเพลงสบายๆกลบเสียงจอแจในโรงอาหาร นิ้วเลื่อนสัมผัสหน้าจอบางเฉียบเลือกเพลงที่ต้องการ
ปั่กก!!
กระดานวาดรูปอันใหญ่ถูกวางลงอย่างรุนแรงด้านหน้า ผมเงยหน้ามองตัวต้นเหตุที่ทำลายบรรยากาศชิลๆก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆไปให้
“พี่จงฮยอน !!!! พี่หายไปไหนเมื่อคืน!!!!”
“เอ่อ แทมิน แบบว่า แบบว่า แบบว่า อ๋อ พอดีมีธุระด่วน”
“อย่ามาแก้ตัวเลย พี่กลัวอ่ะดิ เลยวิ่งหนีหางชี้ใช่ไหมล่ะ”
“ลามปามล้ะ หางช้งหางชี้อ่ะไร แล้วว่าไง ไหนเอกสารอ่ะ กรอกยัง??”
อั่ก!
“โอยย ชกพี่ทำไมวะ?” ถึงมือจะเล็กแต่แทมินก็มือหนักไม่แพ้ใครนะครับ ชกเข้ามาที่แขนผมเต็มๆ ได้แต่เอามือลูบๆแขนให้หายระบม
“ก็ พี่อ่ะ มาพูดให้ผมกลัว แล้วพอออกมาจากห้องพี่ก็หายตัว แถมยังมีคนหลอนๆแบบที่พี่เล่าโผล่มาอีกอ้ะ ผมก็ช๊อคเดะ เลือดเลี้ยงสมองไม่ทัน เป็นลมไปเลย เอกสารไปไหนแล้วก็ไม่รู้ โว้ยๆๆๆ เพราะพี่เลย”
“เอ้า!! แล้วแกกลับมาได้ไง ฟื้นมาเอง???” ผมอยากจะขยี้หัวตัวเองแรงๆ
“มี รุ่นพี่ที่วิศวะมาช่วยไว้น่ะ แล้วเชื่อป่ะพี่ คนช่วยดันเป็นคนที่ผมนึกว่าผีอ้ะ!! โคตรขายหน้าเลย ผมไม่น่าเชื่อพี่เลยไอ้เรื่องบ้าๆแบบนั้นน่ะ” แทมินเอามือปิดหน้าตัวเองแล้วฟุบลงกับโต๊ะ รู้สึกเหมือนหมดพลังชีวิต ใบสมัครเต้นก็ไม่มีแล้วแบบนี้จะสมัครได้ยังไง แล้วไหนจะงานที่อาจารย์สั่งอีก ร่างบางได้แต่ครวญครางต่อว่าชีวิตตัวเอง
“ไม่ใช่เรื่องบ้าๆนะเว่ย เรื่องจริงสุดๆไอ้ตำนานตึกแดงนั่นน่ะ” มันเป็นเรื่องจริง จริงๆนะครับไม่เชื่อให้เตะเลยเอ้า
“แล้วแกเป็นไรวะ เข้าใจว่าเฮิร์ทเรื่องออดิชั่น แต่ดูเหมือนจะมากกว่านั้น”
“เครียด!!!”
“เรื่อง??”
“งาน”
“ทำไมวะ??”
“ใหญ่!!”
“พอๆๆๆๆๆ ช่วยพูดให้มันจบๆประโยคเลยได้มะ อยากจะบ้าตาม” ผมอยากจะบ้าจริงๆให้ตาย แทมิน นายเข้าใจยากสุดยอด จะมาถามคำตอบคำกับพี่เพื่อ?????
“จารย์สั่งงาน ให้วาดรูปเหมือน ให้ใช้คนเป็นแบบ ผู้ผญิงหรือผู้ชายก็ได้ ท่าไหนก็ได้”
“เอ้า ก็ไม่ยากนี่หว่า ท่าไหนก็ได้ด้วย อย่างแกสบายๆอยู่แล้ว”
“มันใหญ่อ้ะพี่ งานนี้มันยิ่งใหญ่จริงๆ”
“ใหญ่ขนาดไหนวะ?”
“เท่ากระดานไวท์บอร์ดหน้าห้อง ใหญ่ไหมล่ะ!!!”
“ห๊ะ!!!”
“จารย์ให้วาดใส่ผ้าใบ อย่างใหญ่ แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จว้ะเนี่ย ส่งก่อนไฟนอล”
“อีกตั้ง2เดือน ค่อยๆทำไปเดี๋ยวก็เสร็จ” ได้แต่ตบบ่าให้กำลังใจร่างบางที่ฟุบหน้าโอดครวญอยู่ที่โต๊ะกินข้าว
พรึ่บบ! อยู่ๆมันก็เงยหน้าขึ้นมาหาผม พร้อมรอยยิ้มพิฆาต
“พี่เป็นแบบให้ผมนะ”
“ไม่!!!!”
“ทำไม??? ไม่เชื่อฝีมือผมหรือไง”
“เปล่า แต่ว่าไม่!!!!”
ไม่ ใช่ว่าไม่เชื่อในฝีมือแทมิน ผมรู้ว่ามันขั้นเทพ แต่ไม่ไหวจริงๆครับ เป็นแบบวาดรูปให้แทมินเนี่ย ผมไม่สู้!!! ในฐานะที่ผมก็เป็นเด็กสินกำ เรารู้สกิลตัวเองดีครับว่ากว่าจะบิ้วท์อารมณ์ในการวาดรูปแต่ละทีมันไม่ใช่ ง่ายๆ ไม่ใช่หยิบดินสอร่างๆแล้วจะวาดได้เลย มันต้องมีฟีลลิ่งกันก่อน ไม่อย่างนั้นรูปจะออกมาดูแย่ ผมจะยกตัวอย่าง ถ้าเป็นผม ผมคงต้องหาที่เงียบๆแล้วเปิดเพลงฟัง หรืออย่างบางคนอาจจะบิ้วท์ตัวเองโดนการอ่านหนังสือสร้างอารมณ์ก่อน แปลกๆหน่อยก็กระโดดโลดเต้น แต่สำหรับแทมิน คงต้องเอาทั้งหมดที่ผมพูดมารวมกัน หรืออาจจะบิ้วท์นานกว่านั้นด้วยซ้ำ ผมไม่สู้จริงๆ
“ไม่ได้!!! ต้องเป็นพี่!!!”
“ทำไมต้องเป็นพี่วะ”
“เพราะพี่ทำผมเดือดร้อน ทิ้งผมไปเมื่อคืน ปล่อยให้ผมเป็นลม ไม่มีใบสมัครออดิชั่นด้วย พี่ต้องมาเป็นแบบให้ผมไถ่โทษ”
อ๊ากกก ผมชักอยากจะจิกทึ้งหัวตัวเองออกแรงๆ ผมพลาดไปแล้วววววววววววว ฮือ TT^TT ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม
“เออ ก็ได้วะ”
Rttttttttttttttttt~
‘มินโฮ’
“หืมม ขอรับโทรศัพท์แปบนะแทมิน”
“ผม ไปและ อย่าลืม พี่ต้องมาเป็นแบบให้ผม เจอกันพรุ่งนี้ห้าโมงเย็นหน้าประตู3” ร่างบางพูดแค่นั้นแล้วก็เดินไป ผมได้แต่ถอนหายใจปลงๆ ก่อจะกดรับโทรศัพท์
“ว่าไงมินโฮ”
“ผมมีเรื่องจะถามพี่ คือเมื่อคืนใช่พี่หรือเปล่าที่เข้ามาที่ตึกแดงตอนดึกๆน่ะ”
“ห๊ะ เออ รู้ได้ไงวะ”
“ผมเก็บใบสมัครออดิชั่นได้”
“เอ่าเฮ้ย จริงดิๆ งั้นแกเอามาให้พี่เลย โฮๆๆพี่จะได้รอดจากความซวย” ผมจะรอดแล้ว ผมจะรอดจากการเป็นนายแบบแล้ว ได้แต่โห่ร้องอยู่ในใจ
“ไม่ให้”
“อ่าว อะไรวะ” เสียงฟีบๆเหมือนถูกปล่อยลมออกมากหัวใจดวงน้อยๆ
“พี่คือคนที่มากับแทมินใช่ไหมครับ”
“อ่า อืม ใช่ๆพี่ไปกับแทมินเอง อ่าวเดี๋ยว นี่รู้จักแทมินรึ? เฮ้ยย อย่าบอกนะว่าแกคือคนที่ช่วยแทมินไว้น่ะ ที่แทมินคิดว่าเป็นผีอ่ะนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
“เพราะพี่นั่นแหละ! แทมินเลยคิดว่าผมเป็นผี ไปเล่าอะไรไว้ อย่าว่าแต่แทมิน พี่เองเห็นผมยังวิ่งหนีเลยให้ตาย!!”
“เอ่อ เมื่อคืนแกเองหรอวะ ฮ่ะๆๆ โทษทีๆตอนนั้นมันกลัวนี่หว่า”
“ผมไม่เอาเอกสารไปให้พี่ได้ไหม แต่ผม.......ผม.......ผมจะเอาไปให้แทมินเอง”
หืมมมมมมม คุณชาย ณ ตึกแดง อยากเอาเอกสารไปให้แทมินเอง ดูมีซัมติงแปลกๆ หึหึ ผมยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง
“เล่ามา!!!”
“ห๊ะ เล่าไรพี่??”
“เล่ามาให้หมดเว้ย ไม่งั้นไม่ให้ เหมือนที่แกกีดกันน้องญาญ่า แกต้องเล่ามาให้หมด”
คำ สารภาพแมนๆของมินโฮทำผมหลุดหัวเราะหลายครั้ง ไม่อยากจะคิด คนจริงจังๆอย่างมินโฮจะมีมุมนี้เหมือนกัน ตลกไปอีกแบบ แล้วผมก็คิดอะไรบางอย่างออก มันจะต้องดีสำหรับผม และมินโฮ เผลอๆอาจจะดีสำหรับแทมินด้วยก็ได้ หึหึ
“โอเค๊ๆ อยากจะเอาใจช่วยนะเว่ย แต่แทมินน่ะไม่เหมือนใครจริงๆ”
“ผมก็ไม่ได้อะไร ก็อยากลองจีบดู”
“มันแมนน่ะเว่ย โคตรห้าว” ต้องเตือนไว้ก่อน ผมก็ไม่ค่อยอยากให้น้องผมเสียใจเท่าไหร่หรอกนะ ถ้ามินโฮมันไปทำอะไรน้องผมเข้าน่ะ
“อือ ผมไม่ถือ”
“งั้นก็ได้ แกเอาเอกสารไปให้แทมินเองก็ได้ แล้วก็มีอีกอย่างที่แกคงอยากทำ”
“อะไรครับ??”
“เป็นนายแบบให้แทมินวาดรูป”
“เฮ้ยย จะดีหรอพี่”
“แหมมมม ทำเป็นตกใจ แต่เสียงแกเบิกบานไปนะ” =*=
“อะไรยังไงเนี่ย ล้อผมเล่นป่ะนี่”
“จริงๆ แทมินมันจะให้ฉันเป็น แต่ไม่ค่อยว่างว่ะ ไหนๆก็ไหนๆรบกวนแกหน่อยแล้วกัน นี่เปิดโอกาสให้ใกล้ชิดสุดๆนะเว่ย พรุ่งนี้ห้าโมงเย็น หน้าประตู3 แกก็เอาเอกสารไปให้มันแล้วก็บอกว่า พี่ให้แกมาเป็นแบบแทน โอเคไหม”
ไม่ อยากจะหลอกว่าไม่ว่างนะครับ แต่จะให้บอกว่าแทมินติสแตกกว่าจะวาดรูปแต่ละทีเหนื่อยหอบขนาดไหนก็กระไรอยู่ ปล่อยให้มันไปเจอกับตัวดีกว่า อีกอย่าง ถ้าชอบน้องผมจริงเรื่องแค่นี้คงไม่เหนือบ่ากว่าแรง
“ก็ได้ครับ งั้นแค่นี้นะพี่”
“เฮ้ย เดี๋ยวเด่!!! อะไรกันนี่ฉันช่วยแกเต็มที่เลยนะเว่ย ไม่มีของตอบแทนเลยหรอวะ”
“พี่จะเอาไรอ่ะ ให้ผมเลี้ยงข้าวมะ หรือ....”
ผมยิ้มให้กับปลายสายก่อนเอ่ยเสียงอย่างมั่นใจขัดคนที่กำลังพูดอยู่
“เบอร์น้องญาญ่า!”
--------------------------------------------------------------
“นาย คือพี่อนยูงั้นหรอ!!!???”
ผมยืนชี้นิ้วค้างอยู่อย่างนั้น จนรุ่นพี่แว่นหนาว่าที่ติวเตอร์ของผมจะเดินเข้ามาจับมือผมให้ลงมาอยู่ข้างตัวเหมือนเดิม ผมรู้สึกตัวก่อนจะเขยิบถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว
“อื้ม พี่เอง อนยู เป็นพี่ชายมินโฮอยู่วิทยาศาสตร์ปี4” พี่อนยูยกมือชี้ตัวเอง ก่อนจะส่งยิ้มตาปิดมาให้ผม
“พี่ขอโทษจริงๆนะครับ คือว่าพี่ก็ซุ่มซ่ามเดินชนนั่นชนนี่บ่อยๆ แต่ดูเหมือนวันนี้จะรุนแรงไปหน่อย”
รุ่นพี่ที่ว่าตัวเองว่าซุ่มซ่ามยกมือจับๆปัดๆที่เสื้อกาวน์สีขาวก่อนที่จะยื่นโทรศัพท์ของเขามาตรงหน้าผมพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง
“พี่เมมเบอร์น้องคีย์ไว้เลยนะครับ แล้วตกลงเราอยากจะเริ่มเรียนเมื่อไหร่ พี่จะได้หาหนังสือมาเตรียมให้”
“อ่ะ เอ่อ พี่สะดวกเมื่อไหร่” ผมยังคงอึ้งๆอึนๆมึนๆงงๆอยู่นะครับ ตกลงพี่เค้าไม่โกรธ ไม่ตกใจอะไรกับผมเลยใช่ไหม คนอะไรส่งยิ้มอย่างเดียว
“เทอม นี้พี่สะดวกทุกวันครับ น้องคีย์ไม่ต้องเกร็งหรอกครับ พี่ไม่โกรธไม่ถือสาอะไรอยู่แล้ว อย่างที่บอกพี่เป็นงี้บ่อยน่ะ” อีกครั้งที่รอยยิ้มนั้นถูกเผื่อแผ่มายังรุ่นน้อง
“อื่อ อื้มม งั้นเริ่มพรุ่งนี้ก็ได้”
“น้องคีย์จะเรียนเรื่องไหนบ้างจะทดลอง หรือคำนวณ อยากเน้นอะไรครับ?”
พี่เค้าดูเป็นคนสบายๆดีจัง เฮ้ออ ก็ยังดีวะที่เค้าไม่ถือสาอะไร แต่พูดถึงผมก็ทำตัวไม่ค่อยถูกเลย ไปด่าเค้าไว้ แต่เค้าจะสุภาพกับผมไปไหน
“ก็อยากทั้งสองอย่าง อืมม เวลาทดลองผมไม่ค่อยมีส่วนร่วมน่ะ ลอกๆเค้ามาอีกที”
“งั้นพรุ่งนี้มาทดลองกันดูไหมครับ”
“พี่ไม่ต้องพูดสุภาพกับผมก็ได้นะ มันแปลกๆอ่ะพูดปกติๆ เหมือนพี่พูดกับมินโฮก็ได้ อย่างงี้ผมว่าผมต้องเกร็งแน่ๆ” พี่อนยูหัวเราะเบาๆก่อนจะพยักหน้ารับรู้
“งั้นไว้พรุ่งนี้มาเจอพี่ที่ห้องแลป L-102แล้วกันนะ พี่อยู่ในนั้นทั้งวันล่ะ หรือจะโทรมาบอกก่อนก็ได้”
ปั่ก!!
“อื้ม เฮ้ยย พี่อนยู!!” ไม่ทันที่จะพูดจบ รุ่นพี่ใจดีก็หันไปชนเข้ากับขอบม้าหิน
“ซี๊ดดดด”
“เจ็บป่าวพี่ หน้าแข้งเลยนะ” พี่อนยูเอามือท้าวไว้ที่ขอบโต๊ะ ก่อนจะพยักหน้าให้
ร่าง บางย่อตัวลง นั่งยองๆก่อนค่อยๆถกขากางเกงขายาวของรุ่นพี่ขึ้น มือบางลูบเบาๆบริเวณหน้าแข้งที่แดงเป็นรอยอย่างเห็นได้ชัด ดูๆไปแล้วมันเหมือนจะไม่ใช่แผลเดียวเลยนะ ใกล้ๆกันกับหัวเข่ามีรอยถลอกอย่างชัดเจน เลือดซึมๆออกมาเหมือนแผลที่พึ่งจะได้มา คีย์เงยหน้าขึ้นมองร่างโปร่งก่อนจะส่ายหน้าแล้วบ่นออกมา
“พี่นี่ซุ่มซ่ามขนาดหนักจริงๆนะเนี่ย เจ็บไหม?” มือบางหยิบกระดาษทิชชู่จากกระเป๋ามากดๆตรงรอยถลอกเพื่อเช็ดคราบเลือดออกให้
“ไม่หรอก ชินแล้ว”
“ชิน อะไรกัน อย่างงี้คงแผลเต็มตัวแน่ๆ แว่นพี่มัวหรือเปล่าเนี่ย หรือแบบสายตาพี่เพิ่มขึ้นไม่สัมพันธ์กับแว่นแล้ว เห็นชัดไหม นี่กี่นิ้ว” ร่างบางยื่นมือออกไปชูสองนิ้วให้คนตัวสูงดู แล้วก็ได้เสียงหัวเราะกลับมา
“สองนิ้ว”
“เฮ้อ พี่จะไปไหนต่อหรือเปล่า”
“ไม่แล้วล่ะ ก็คงกลับบ้านน่ะ”
“งั้น ไปบ้านผมก่อนแล้วกัน เลยมหาลัยไปนิดเดียวเอง พี่ควรจะไปทำแผลไม่อย่างงั้นมันจะอักเสบ แล้วพี่จะป่วยรู้หรือเปล่า แล้วผมว่าพี่คงไม่ได้มีแผลแค่ขาข้างนี้ข้างเดียวหรอก ห้ามปฏิเสธ ถือว่าเป็นการขอโทษที่ผมด่าพี่ไปด้วย โอเคนะ”
ผมพูดรวบรัด ครั้งเดียวจบก่อนที่พี่อนยูจะปฏิเสธออกมา แล้วเขาก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ ผมเดินนำพี่อนยูมาจนถึงบ้าน ยังดีนะที่พี่อนยูไม่เดินแฉลบตกฟุตบาตไปอีก ผมเอื้อมมือไขกุญแจเข้ามาในบ้าน ปล่อยให้พี่อนยูนั่งอยู่บนโซฟาแล้วผมก็แยกตัวขึ้นมาเอากล่องพยาบาล
ผม ถอดเสื้อชอปที่เลอะกาแฟออกเหลือแต่เสื้อกล้ามสีดำข้างใน แล้วใส่ตระกร้าไว้เตรียมซัก เปลี่ยนเป็นกางเกงสามส่วนใส่สบายๆอยู่บ้าน ก่อนจะหยิบกางเกงบอลขาสั้นอีกหนึ่งตัวไปเผื่อคนข้างล่าง
ร่างบางลงมาในชุดเสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงสามส่วน เรียกสายตาของคนที่นั่งอยู่มองตาไม่กระพริบ
“พี่ ไปเปลี่ยนกางเกงเลย” ผมยื่นกางเกงขาสั้นให้ว่าที่ติวเตอร์ พี่อนยูทำหน้าตกใจแล้วอยู่ๆแก้มพี่เค้าก็ขึ้นสีเรื่อ ลามไปจนถึงหู เป็นอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย ผมเอื้อมมือไปอังบนหน้าผาก
“พี่ตัวแอบอุ่นนะ หรือว่าพี่จะป่วยจริงๆแล้วเนี่ย”
“เอ่อ เปล่าๆ พี่แค่ร้อนน่ะไม่เป็นไรหรอก แล้วทำไมต้องเปลี่ยนกางเกงด้วย”
“พี่ รู้ไหมว่ากางเกงพี่ไม่ได้ถกขากันง่ายๆนะ มันไม่ใช่กางเกงขาบานซะหน่อย ไปเปลี่ยนเลยเอ้า” พี่อนยูพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
“โอ้ยยย เบาๆหน่อยสิครับ”
“เจ็บ หรอ ขอโทษทีๆ อ้ะๆเสร็จล้ะ” พลาสเตอร์ยาสีชมพูลายเสือดาวแปะลงบนแผลเหนือหัวเข่า ร่างบางยกยิ้มให้ตัวเองหนึ่งทีก่อนจะเงยหน้ามองคนเจ็บ
“พอพี่กลับบ้าน ก่อนนอนก็ล้างแผลด้วยนะ”
สั่ง กำชับเรียบร้อยก็ก้มลงไปเก็บข้าวของลงกล่องต่อ ไม่ได้สนใจสภาพตัวเองที่เมื่อก้มลงไปแล้วจะโชว์อกขาวเนียนกระจ่างตาแก่ผู้พบ เห็น ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตรงไปหยิบเสื้อแจ็คเก็ตตัวเองที่ถอดทิ้งไว้ กับเสื้อกาวน์ แล้วเดินมาคลุ่มให้ร่างบาง
“ทำไรเนี่ยพี่”
“พี่ว่าใส่ซะหน่อยก็ดีนะ แบบ.....เอ่อ........ เดี๋ยวตัวอะไรกัดเป็นรอยหรอก”
“แต่มันร้อน”
“ใส่เถอะ รูดซิบด้วย” ไม่พูดเปล่าแต่มือหนาจับซิบรูดให้ร่างบางทันที
“อื้อๆ รูดติดคอผมแล้ว เอาลงมาหน่อยสิ”
ในขณะที่รุ่นพี่หนุ่มกำลังปล้ำรูดซิบให้ร่างบาง ก้อนกลมๆทีเทาก็วิ่งตรงเข้ามาเอาจมูกชนๆกับขาเขา เหมือนจะเข้ามาช่วยเจ้านายมัน
“อ้าว จูเลียต หายไปไหนมา” คนตัวเล็กก้มลงไปอุ้มเจ้าก้อนกลมขนฟูสีเทาขึ้นมา ก่อนจะลูบๆขนมัน
“กระต่ายหรอ?”
“อื้อ ชื่อจูเลียตน่ะ นี่ๆๆจูเลียตอย่าแกล้งติวเตอร์เซ่!!!” ผมแนะนำกระต่ายตัวโปรดให้กับพี่อนยู ก่อนจะบ่นมันเสียงดัง ก็จูเลียตดันตะกายๆมือใส่พี่อนยูซะอย่างงั้น พี่อนยูยิ้มอ่อนโยนให้กับมันก่อนจะเอื้อมมือมาลูบขนนุ่มเบาๆบนหัว มันจึงสงบลง แล้วดูเหมือนจะเอาจมูกไปดุนๆมือพี่เขาอีกน่ะ สงสัยจะชอบหนุ่มแว่นซึนๆ
“พี่ว่าพี่กลับก่อนดีกว่า ไว้จะมาเล่นด้วยนะจูเลียต” พี่อนยูหันมาพูดกับผม ก่อนจะก้มลงไปพูดกับกระต่ายที่ผมอุ้มอยู่
“ยัง ไงพรุ่งนี้โทรมาแล้วกันนะครับ เดี๋ยวพี่เอากางเกงมาคืนด้วย บายครับ” เมื่อพูดจบพี่เขาก็เดินออกจากบ้านไป ว่าจะชวนกินข้าวเย็นไถ่โทษอีกซักหน่อย อ๊า แล้วไหนจะเสื้อแจ็คเก็ตที่ผมใส่อยู่อีกล่ะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยคืนก็ได้ล่ะเนอะ
“จะเดินชนอะไรอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้เนอะ จูเลียต” ร่างบางบ่นงึมงำส่งรอยยิ้มจางๆให้กระต่ายน้อยตรงหน้า
TBC
ทอล์ค
ตอนนี้ยาวจริงๆกว่าจะเสร็จ ฮ่าๆๆ
ตอนหน้าแทมินจัดติสเต็มๆ
รู้สึกว่าทำไมคู่รองน่ารัก อ๊ายยยย ไปดีกว่า
ไว้ครั้งหน้าจะเอารูปจูเลียตมาแปะให้ดู
ปอลอ ติ่มซำตอน2ด้วย ไม่เกินวันอาทิตย์ค่า ^^ ใครยังไม่ได้อ่านติ่มซำ จิ้มๆไปอ่านดูนะคะ ลิ้งค์อยู่ที่หน้าหลัก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น