ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : :: EP 3 :: ความเวิ่นเว้อของคุณชาย
EP 3 : ความเวิ่นเว้อของคุณชาย
อากาศ ดีดียามเช้าแบบนี้ คงไม่มีใครมีความสุขเท่าผมแล้วล่ะครับ ทุกคนว่าไหม? ผมนั่งยิ้มค้างมาได้หลายชั่วโมงแล้วตั้งแต่ส่งแทมินกลับหอของน้องไป
ใช่ ครับ ผมคือ ชเว มินโฮ คนที่น้องคิดว่าเป็นผีที่สิงอยู่ ณ ตึกแดงนั่นล่ะครับ แต่ผมก็สงสัยนะครับ ผีที่ไหนจะหน้าตาดีได้ขนาดนี้ (หัวเราะ) โอเคครับ เอาเป็นว่าผมจะเล่าให้ฟังว่าอะไรดลใจผม ผมถึงได้นั่งยิ้มค้างมาแบบนี้ ซึ่งตัวต้นเหตุก็คงหนีไม่พ้นคนที่ผมเพิ่งจากมาไม่ถึง 3 ชั่วโมงด้วยซ้ำไป
ผมขอยอมรับอย่างแมนๆว่า แทมิน . . . น่ารักมากจริงๆครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ หรือจะทำอะไร น้องก็ดูน่ารักไปหมด
เอ๊ะ! สงสัยกันหรอครับว่าทั้งๆที่เรา..เอ่อ ขอกรุบกริบเรียกว่า’เรา’เลยนะครับ(ยิ้ม ^____^) ทั้งๆที่เราเพิ่งเจอกัน น้องก็เพิ่งฟื้น มีไม่กี่อิริยาบถให้ได้เห็น แต่ทำไมผมดูเหมือนคุ้นเคยกับน้องซะอย่างนั้นหรอครับ ผมขอบอกตรงนี้เลยครับว่า ผมแอบมองน้องมาตั้งแต่ต้นปีแล้วล่ะครับ
ครั้งแรกที่ผมเห็นเด็กผู้ชายผมสั้นสีน้ำตาล ที่ทรงผมดูคล้ายเห็ดจนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหน้าตาไม่ดีคงทำไม่ได้ วันนั้นน้องอยู่ในเสื้อเชิ๊ตสีขาว ชายเสื้อหลุดออกมาจากกางเกงยีนส์ขาเดฟสีน้ำเงินเข้ม ในมือขวาถือกระดานวาดรูปขนาดใหญ่ ส่วนมืออีกข้างถือถุงพลาสติกที่ผมมองยังไงก็คิดว่าเป็นขยะ
ผม เห็นน้องเดินผ่านหน้าคอนโดของผมไปแล้วเลี้ยวเข้าตรอกข้างๆ ซึ่งมันทำให้ผมติดใจ คิดที่จะตามไปดูว่าน้องกำลังจะไปไหนกันแน่ เพราะในตรอกนั้นเป็นทางตัน
แล้วผมก็ถึงบางอ้อ เมื่อน้องนั่งยองๆวางกระดานวาดรูปไว้ข้างตัวพร้อมแกะถุงพลาสติกที่ติดมือมา ข้างในมีเศษอาหารจำนวนหนึ่ง ซึ่งน้องก็ค่อยๆพับปากถุงแล้ววางไว้ที่พื้น ไม่นานนักก็มีลูกสมุนของน้องวิ่งมารุมอยู่ตรงนั้นเต็มไปหมด ลูกสุนัขจรจัดเข้ามาแย่งอาหารกันด้วยความดีใจ
แล้วผม...ก็ได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของน้อง เชื่อไหมครับว่า ผมทำใจละสายตาไม่ได้เลยเชียว
แล้ว ใครจะคิดว่า ผมจะเจอน้องแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ผมยอมรับนะครับว่ามหาลัยของเราน่ะกว้างมาก หอพักและคอนโดมีเป็นล้าน! แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่ผมดันเห็นน้องขี่จักรยานผ่านหน้าคอนโดแทบจะทุกเช้า แรกๆผมก็ว่ามันบังเอิญนะที่ผมกำลังจะออกจากคอนโดทีไร ต้องเจอน้องขี่จักรยานผ่านหน้าไปทุกที
แต่เชื่อไหมครับว่า ผ่านไปสักพัก ดันเป็นผมเองที่กลับต้องรีบตื่นทุกเช้า เพื่อลงไปให้ทัน ก่อนที่น้องจะขี่จักรยานผ่านไป
ผม พอจะรู้มาว่าน้องเรียนอยู่ศิลปกรรม ซึ่งตึกเรียนของน้องก็ใกล้วิศวะนิดเดียว แค่เดินข้ามถนนมา ก็จะเจอตึกแดงเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างหน้าแล้วล่ะครับ
และ แน่นอนแทบจะไม่มีใคร ไม่รู้จัก อีแทมิน น้องเป็นถึงเดือนคณะและแน่นอนว่า คณะข้างเคียงอย่างผมก็ต้องรู้ข่าวนี้ด้วยอยู่แล้ว น้องเป็นเด็กติส ใครๆก็พูดอย่างนั้นนะผมว่า น้องเป็นเด็กห้าว ห้าวมากและห้าวสุดๆ เรียกว่าสุดโต่งกันล่ะครับจุดนี้ น้องอยู่ชมรมเต้น อันนี้ผมก็รู้ ก็บอกแล้วว่าอีแทมิน ค่อนข้างที่จะดัง แต่น้องจะรู้ตัวหรือไม่อันนี้ก็อีกเรื่องนะครับ
ผมมองน้องมานานก็จริงนะครับ แต่ผมก็แค่มอง ผมแค่รู้สึกว่า เด็กคนนี้....น่ารักจัง เท่านั้นเองครับ
แต่ ก็เหมือนโชคเข้าข้างผมหรือยังไง ในช่วงหัวค่ำเมื่อวาน ผม คีย์ แล้วก็เพื่อนในเอก นั่งรวมหัวปั่นโปรเจคกันอยู่ มันเป็นงานที่หนักจริงๆครับ ถ้าคิดจะส่งโปรเจคนี้ให้ทันก่อนสอบไฟนอล เพราะมันก็แค่อีก 2 เดือนเท่านั้น พวกผมก็นั่งทำกันไปจนห้าทุ่มกว่าๆ
ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่นะครับ ว่าตึกแดงน่ะ เฮี้ยนมาก แน่นอนว่าพวกเราเป็นถึงเด็กวิศวะ อยู่มาก็ตั้ง3ปี เรื่องเล่าเพียบครับยอมรับกันตรงนี้เลยว่ากลัวมาก! ดีนะครับที่งานมันรัดตัว ไม่อย่างนั้นคงมีใครพิเรนอยากจะเล่าเรื่องผีขึ้นมาแน่นอน แต่ตอนที่พวกเรากำลังร่วมมือร่วมใจกันทำงานนั้น อยู่ๆก็มีเสียงเหมือนคนเดินขึ้นตึกมา แล้วหยุดอยู่หน้าห้องพวกผม ขนลุกกันทั้งห้องล่ะครับ ผมได้ยินเสียงกึกๆดังตามมา ก่อนที่จะหันไปส่งสายตากับเพื่อนในห้อง
แล้วมติเอกฉันท์คือ(ถีบ)ส่งผมออกไปดูว่าเสียงอะไร......โอเคครับ ผมก็เสียสละรีบเดินออกมาดูกะว่าถ้ามีอะไรผิดปกติผมก็จะรีบชิ่งก่อน
แต่ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องเลคเชอร์ใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าเค้าคงไม่ใช่ผี เพราะผมว่าเค้าหน้าคุ้นมากถ้ามองจากตรงนี้
มือ ผมเอื้อมไปแตะไหล่เค้าเบาๆ แต่เค้าดันร้องอ๊ากแล้ววิ่งหนีผมไป ยังไม่ทันได้เห็นหน้าชัดๆ ผมจึงยืนงงๆอยู่ได้ไม่นาน ก็เห็นร่างบางๆวิ่งออกจากห้องเลคเชอร์ตามมา ผมเห็นเค้ามองซ้าย มองขวา ก่อนที่จะมองตรงมาที่ผม ในช่วงที่เราสบตากัน อยู่ๆเค้าก็สลบไป ผมตกใจมากจริงๆ ยิ่งพอมองเห็นชัดๆว่าเค้าคือแทมิน ผมจึงรีบอุ้มน้องพาขึ้นรถทันทีเลยครับ ใจก็กลัวว่าน้องจะเป็นอะไรไป ผมจึงรีบโทรไปหาคีย์ ให้ตามมาที่ห้องผมอย่างไวที่สุด
แล้วใครจะไปรู้ว่าน้อง
จะเห็นผมเป็นผี !!
“ปากเลอะน่ะ”
นี่ เป็นครั้งแรกที่ผมมือสั่นเลยนะครับขอบอก เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แค่เห็นน้องก้มหน้าก้มตากินมาม่าไม่สนใจผมที่นั่งอยู่ด้วยเลยสักนิด มันก็เกิดอาการอยากมีตัวตนบ้างก็เท่านั้น แล้วผมก็ตัดสินใจยื่นมือออกไปเกลี่ยเศษอาหารที่มุมปากของน้องออกให้
วูบหนึ่งที่แก้มน้องขึ้นสีเรื่อ แล้วน้องก็ยิ่งก้มหน้าลงไปคางแทบจะชิดอกแบบนั้น มันน่ารักมากจริงๆ
แล้วอยู่ๆน้องก็เงยหน้าขึ้นมา จุดนั้นขอยอมรับตรงๆอีกครั้งว่า หัวใจผมสะดุดไปหลายจังหวะเลยล่ะ
ผมตัดสินใจมาส่งน้องที่หอ อย่างน้อยๆผมก็จะได้รู้ว่าน้องพักอยู่ตรงไหน.....ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝงอะไรเลยน
ะครับ ผมก็แค่อยากรู้เฉยๆจริงๆ
แล้วนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมยิ้มค้าง
ที่แน่ๆตอนนี้
ผมจะบอกพวกคุณทุกคนว่า
น้องจำชื่อผมได้!
“มินโฮ!! มินโฮเว้ย! ไอ้คุณชาย!!!!”
ปั่กก~ แรงหนังสืออัดเข้าเต็มหลังผมเลยครับ ผมหันไปมองคนที่ทำร้ายร่างกายผม แล้วเลิกคิ้ว
“อ่าวคีย์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”
“มาเห็นแกนั่งยิ้มอยู่นั่นอ่ะ เรียกก็ไม่สนใจ เป็นไรวะ”
“คิดอะไรเพลินๆน่ะ”
“เพลินมากสินะ ไม่อยากจะทายว่าคิดเรื่องน้องแทมิน”
ก็ถูกน่ะสิครับ คีย์น่ะเป็นเพื่อนสนิทผมนะครับ เรามองกันออก รู้แกวกันมาตลอด และแน่นอน เรื่องของแทมินก็ด้วย ที่คีย์คงไม่มีทางเดาผิด
“อืมม...เอาเถอะ แล้วแกมีอะไรโผล่มาแต่เช้า”
“ฉัน เครียดว่ะมินโฮ แกก็รู้ว่าฉันดรอปเคมีไปเมื่อปีที่แล้วเพราะคะแนนมิดเทอมห่วยบรม แล้วฉันก็ตั้งใจว่าปีนี้จะลงเรียนใหม่ แต่แกรู้ไหมว่าเค้าดันเปลี่ยนอาจารย์ ฉันซวยโคตรๆมันแย่กว่าเก่าอีกว้ะ ฉันดรอปอีกครั้งไม่ได้แล้วนะเว้ย มินโฮอ่า ฉันทำไงดีวะๆๆๆ ฮืออ”
ไม่พูดเปล่า มันยังมีน้ำใจยื่นมือมาเขย่าแขนผมเหมือนว่า มึง ต้องช่วยกูววววววววววววววววววว์นะ
“ไหน ขอดูคะแนนหน่อย” ผมยื่นมือออกไปรับใบคะแนนมิดเทอมของมันมาดู
“ก็เลยมีนนิ่”
“เลยมา 0.5 น่าดีใจตายล่ะ มันคาบมีนเลยนะเว้ย ฉันไม่อยากแดกหมา แดกแมวอ้ะ มินโฮแกต้องช่วยชั้นนะ ต้องช่วยนะๆๆ”
แล้วผม จะช่วยมันยังไงล่ะครับ
“อ่ะจริงสิ ฉันมีลูกพี่ลูกน้องเรียนอยู่วิทยาฯ ปี4แล้วล่ะ แกอยากได้ติวเตอร์ป่ะล่ะ?”
“อ๊ากก จริงป่ะ! จัดมาเลย อย่างด่วนๆ” ตอบไม่มีคิดสักนิดอ่ะครับ
“งั้นฉันโทรไปถามพี่เค้าก่อนว่าว่างหรือเปล่า”
ผมเอื้อมมือไปกดโทรศัพท์มือถือไล่หาเบอร์คนในครอบครัว ก่อนจะกดโทรออก แล้วก็ไม่ต้องรอสัญญาณให้นาน เสียงทุ้มๆก็ลอยผ่านสายโทรศัพท์มา
“หวัดดีครับพี่”
(อ่า มินโฮหรือ? ว่ายังไง)
“คือช่วงนี้พี่ว่างหรือเปล่าครับ เรียนหนักไหม”
(ว่างนะ พี่เหลือทำวิจัยอย่างเดียวก็จบแล้ว สบายๆแล้วล่ะ)
“พี่สนใจเป็นติวเตอร์ไหม คือเพื่อนผมโง่เคมีมากอ่ะพี่ ถ้าพี่ว่างช่วยติวให้มันหน่อยได้ไหมครับ?”
(เคมีหรอ เคมีพื้นฐานหรือเปล่า ถ้าพื้นฐานก็โอเคนะ)
“งั้นผมให้เบอร์พี่ไปกับมันแล้วกันนะครับ ไว้ให้มันติดต่อไปเองแล้วกัน”
(อื้อ ได้ๆไม่มีปัญหา)
“ขอบคุณครับพี่ ไว้ว่างๆเราค่อยเจอกัน อ่อ เพื่อนผมชื่อคีย์นะ ฝากมันด้วย หวัดดีครับ”
ผมหันไปหยิบเศษกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์พร้อมชื่อพี่เค้า แล้วยื่นให้คีย์
“ขอบใจว่ะคุณชาย ฉันต้องเข้าคลาสล้ะ แกมันโชคดีจริงๆผ่านเคมีมาได้ ไปนะๆ”
ผมยิ้มจางๆให้เพื่อนตัวเล็กที่ดูร่าเริงขึ้นมาทันที มันคงรู้สึกว่ามีกำลังใจมากขึ้นล่ะมั้ง
ผม ก้มลงเก็บชีท และกระดาษรายงานต่างๆที่ว่างกองอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะรวบมันเข้าไว้ด้วยกัน แต่สายตาดันไปสะดุดอยู่ที่กระดาษสีเหลืองอ่อนที่หัวกระดาษเขียนว่า ‘ใบสมัครออดิชั่น Dance Battle ระหว่างมหาวิทยาลัย’ พร้อมโพสท์อิทสีฟ้าแปะทับอยู่ที่หัวกระดาษ
‘จงฮยอน ปี4 ศิลปกรรม’
-------------------------------------------------------------------------
“อากาศร้อนสุดๆไปเลยเว้ย”
ผม เดินออกจากคอนโดมินโฮแล้วบ่นงุ้งงิ้งๆอยู่คนเดียวตามประสา เพราะวันนี้ผมมีเรียนเคมีคนเดียว มินโฮมันเรียนจบไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ผมไม่ค่อยปลื้มคะแนนตัวเองเท่าไหร่จึงตัดสินใจดรอปไว้ เฮ้อ พูดแล้วมันเศร้าจริงๆที่พอลงเรียนใหม่แล้ว มันก็ยังเหมือนเดิม ผมมันโง่เคมีจริงๆสินะ
ผมหยิบกระดาษที่มินโฮเขียนเบอร์โทรศัพท์ของ ’ว่าที่ติวเตอร์’ ขึ้นมาดู
‘พี่อนยู’
แล้ว ผมก็เก็บกระดาษแผ่นนั้นเข้ากระเป๋าเสื้อชอป ผมคงยังโทรไปตอนนี้ไม่ได้หรอก เพราะผมต้องรีบไปเรียนก่อน เอาไว้เลิกเรียนแล้วผมค่อยโทรแล้วกัน
ร่าง บางก้าวฉับๆเพื่อเดินไปให้ถึงตึกแดงก่อนเวลาเข้าเรียน อย่างน้อยก็จะได้ไม่เป็นจุดเด่นเข้าห้องช้าให้อาจารย์จับผิด แต่ด้วยความที่รีบมากไป ทำให้ร่างบางชนเข้ากับนักศึกษาอีกคนที่เดินมาจากฝั่งตรงข้ามล้มไปกับพื้น ทั้งคู่
“โอ้ยยย ไรวะเนี่ย” อดที่จะบ่นไม่ได้ ร่างบางตวัดสายตาไปมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วดันหันไปเห็นนักศึกษาคนนั้นกำลังจะหยิบใบคะแนนเคมีที่มองแว๊บเดียวก็รู้ ว่าเป็นข
องตัวเองขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่ามันปลิวไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
มือบางคว้าหมับ เข้าที่ใบคะแนนก่อนลุกขึ้นยืนมองชายหนุ่มอีกคน
“นี่นาย เดินภาษาอะไรน่ะ ใส่แว่นซะเปล่า แล้วมาหยิบของคนอื่นเค้าแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีมารยาทเอาซะเลย”
คนตัวเล็กกว่าต่อว่าบุคคลที่เดินมาชน แต่คนที่ถูกว่านี่สิ กลับยิ้มซื่อๆให้แล้วดันยกมือเกาท้ายทอยตัวเอง งงๆ
“ขอ โทษครับ พอดีผมรีบ ขอโทษจริงๆนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะหยิบขึ้นมาดู แต่แค่จะช่วยเก็บให้เฉยๆ” แล้วเขาก็โค้งให้ร่างบางหนึ่งทีก่อนจะเดินจากไป
“โฮๆๆ เกือบไปแล้วไหมล้ะ ถ้าคนอื่นมาเห็นคะแนน คิมคีย์จะต้องขายหน้ามากแน่ๆ”
ช่วง เวลาในการมานั่งเรียนกับพวกรุ่นน้องนี่มันน่าเบื่อจริงๆ ผมก็ได้แต่นั่งเขี่ยดินสอไปมา ไม่รู้จะจดอะไร ไม่รู้จะทำอะไรเพราะเหมือนอาจารย์จะชอบให้จับกลุ่มทดลอง และแน่นอน น้องๆผู้ฝักใฝ่ในวิชาเคมี ก็มักจะจับจองตำแหน่งต่างๆในการทดลองไปจนหมด ผมก็ได้แต่นั่งรอดูผลการทดลง แล้วก็จดๆตามน้องที่ร่วมกลุ่มด้วยเท่านั้น
ผม เก็บหลอดทดลองต่างๆเข้าที่ แล้วจึงเดินหอบกระเป๋าออกมาจากห้อง นี่ก็เที่ยงพอดี ผมตัดสินใจเดินไปซื้อกาแฟที่ร้านสะดวกซื้อข้างหลังคณะ ผมเดินคนแก้วกาแฟที่อยู่ในมือ แต่อยู่ดีดี
พลั่กก~
พรวดดด~
“เฮ้ยยยย แม่งงงงงง เลอะหมดเลยเว้ย!!”
อั่กก!
“โอ้ยยย”
เสียง แรกน่ะของผมเองครับ กาแฟในแก้ว กระฉอกรวดเดียวใส่เสื้อชอปผมเต็มๆ และแน่นอน ผมจึงหันไปมองคู่กรณี ชายหนุ่มที่สวมเสื้อกาวน์อยู่หันหน้ามามองผมช้าๆ แล้วก้มหัวขอโทษขอโพยยกใหญ่
แต่
เดี๋ยวนะ หน้าโคตรคุ้นอ่ะ
“ขอโทษครับ ขอโทษนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คือผมมองไม่เห็นคุณจริงๆ ขอโทษนะครับ”
“เฮ้ยยยยยยย !! นายอีกแล้วหรอวะ แม่ง! โคตรซวย”
“เอ่อ ขอโทษจริงๆนะผมซื้อกาแฟให้ใหม่ไหม”
“ไม่ ต้องอ่ะ ไม่อยากกินแล้ว แม่ง เลอะหมดเลย วันหลังนายก็หัดเดินดูทางซะบ้างนะ ใส่แว่นซะเปล่าจริงๆเลย ถ้ารู้ว่าตาตี่ก็หัดทำตาโตๆซะบ้างสิ จะได้เห็นคนอื่นเค้าน่ะ จิ๊ส์!”
“งั้นเอาผ้าผมไปเช็ดก่อนแล้วกันนะ ครับ ขอโทษจริงๆนะ” ร่างโปร่งทำท่าจะเช็ดเสื้อให้คนตัวเล็กกว่า แต่คีย์กลับปัดมือออกแล้วส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
“ไม่ต้องอ่ะ นายไปไหนก็ไปเหอะ ทำเองได้” แล้วคนตัวเล็กก็ยึดผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาเช็ดคราบกาแฟที่เสื้อต่อ ในขณะที่คนตัวสูงกว่ายังยืนมองด้วยความสำนึกผิด
“ฮึ้ยย นี่มันวันอะไรวะ คะแนนเคมีออก แล้วคะแนนแม่งก็ห่วย ตอนเช้าเกือบเข้าคลาสไม่ทันเพราะเดินชนกับไอ้แว่น แล้วเรียนเสร็จยังมาชนกับไอ้แว่นคนเดิมอีก กาแฟก็ไม่ได้กิน แม่งๆๆๆๆ” บ่นไปเช็ดไประบายอารมณ์ดีแท้นะคิมคีย์
ขณะที่กำลังจะเช็ดต่อ สายตาร่างบางดันเหลือบไปเห็นเศษกระดาษที่โผล่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ อ่อ จริงสิ เบอร์ของว่าที่ติวเตอร์นี่เอง
“โอย เปียกหมดแล้ว โทรเลยดีกว่าเดี๋ยวตัวเลขจะหายไป”
มือบางล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วสีชมพู ก่อนจะกดหมายเลขโทรออก ตามในกระดาษที่มินโฮจดให้
ตื๊ด~ ตื๊ด~ ตื๊ด~
“รับช้าจัง”
Rttttttttttttttt~
ร่างบางหันไปตามเสียงโทรศัพท์ของคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ที่มันดังออกมารบกวน ก่อนจะทำหน้าเซ็งแล้วหันกลับมา
(สวัสดีครับ)
“สวัสดีครับ พี่อนยูใช่ไหม?”
(ครับ ใช่ครับ)
“คีย์นะฮะ ที่เป็นเพื่อนมินโฮน่ะ ที่มันคุยกับพี่ให้ผมเมื่อเช้าเรื่องที่ผมอยากเรียนเคมีกับพี่อ่ะฮะ”
(นะ...น้องคีย์ หรือครับ??)
“อื้อ ทำไมเสียงพี่ มันชัดจังอ่ะครับ”
(น้องคีย์.....)
ไม่ทันที่คนในสายจะพูดจบ ร่างบางหันขวับไปด้านหลัง แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง เอามือขึ้นชี้หน้าคนตัวสูงกว่าที่เดินชนกันเมื่อกี๊นี้
อย่าบอกนะว่า
“นาย คือพี่อนยูงั้นหรอ!!!???”
TBC
:: TALK ::
ตอนนี้เหมือนจะยาว(ไหม?) ฮ่าๆๆ
คุณชายออกมาเวิ่นเว้อถึงน้องกันเต็มๆ
ตอนหน้า จงฮยอน ออกมาอีกแน่นอนค่า
คู่รองก็ออกมาแล้ว ฝากให้กำลังใจพี่แว่นกันด้วยนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้า หลังสงกรานต์ค่า
สวัสดีปีใหม่ไทยจ้า (สาดน้ำๆๆๆ)
อากาศ ดีดียามเช้าแบบนี้ คงไม่มีใครมีความสุขเท่าผมแล้วล่ะครับ ทุกคนว่าไหม? ผมนั่งยิ้มค้างมาได้หลายชั่วโมงแล้วตั้งแต่ส่งแทมินกลับหอของน้องไป
ใช่ ครับ ผมคือ ชเว มินโฮ คนที่น้องคิดว่าเป็นผีที่สิงอยู่ ณ ตึกแดงนั่นล่ะครับ แต่ผมก็สงสัยนะครับ ผีที่ไหนจะหน้าตาดีได้ขนาดนี้ (หัวเราะ) โอเคครับ เอาเป็นว่าผมจะเล่าให้ฟังว่าอะไรดลใจผม ผมถึงได้นั่งยิ้มค้างมาแบบนี้ ซึ่งตัวต้นเหตุก็คงหนีไม่พ้นคนที่ผมเพิ่งจากมาไม่ถึง 3 ชั่วโมงด้วยซ้ำไป
ผมขอยอมรับอย่างแมนๆว่า แทมิน . . . น่ารักมากจริงๆครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ หรือจะทำอะไร น้องก็ดูน่ารักไปหมด
เอ๊ะ! สงสัยกันหรอครับว่าทั้งๆที่เรา..เอ่อ ขอกรุบกริบเรียกว่า’เรา’เลยนะครับ(ยิ้ม ^____^) ทั้งๆที่เราเพิ่งเจอกัน น้องก็เพิ่งฟื้น มีไม่กี่อิริยาบถให้ได้เห็น แต่ทำไมผมดูเหมือนคุ้นเคยกับน้องซะอย่างนั้นหรอครับ ผมขอบอกตรงนี้เลยครับว่า ผมแอบมองน้องมาตั้งแต่ต้นปีแล้วล่ะครับ
ครั้งแรกที่ผมเห็นเด็กผู้ชายผมสั้นสีน้ำตาล ที่ทรงผมดูคล้ายเห็ดจนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหน้าตาไม่ดีคงทำไม่ได้ วันนั้นน้องอยู่ในเสื้อเชิ๊ตสีขาว ชายเสื้อหลุดออกมาจากกางเกงยีนส์ขาเดฟสีน้ำเงินเข้ม ในมือขวาถือกระดานวาดรูปขนาดใหญ่ ส่วนมืออีกข้างถือถุงพลาสติกที่ผมมองยังไงก็คิดว่าเป็นขยะ
ผม เห็นน้องเดินผ่านหน้าคอนโดของผมไปแล้วเลี้ยวเข้าตรอกข้างๆ ซึ่งมันทำให้ผมติดใจ คิดที่จะตามไปดูว่าน้องกำลังจะไปไหนกันแน่ เพราะในตรอกนั้นเป็นทางตัน
แล้วผมก็ถึงบางอ้อ เมื่อน้องนั่งยองๆวางกระดานวาดรูปไว้ข้างตัวพร้อมแกะถุงพลาสติกที่ติดมือมา ข้างในมีเศษอาหารจำนวนหนึ่ง ซึ่งน้องก็ค่อยๆพับปากถุงแล้ววางไว้ที่พื้น ไม่นานนักก็มีลูกสมุนของน้องวิ่งมารุมอยู่ตรงนั้นเต็มไปหมด ลูกสุนัขจรจัดเข้ามาแย่งอาหารกันด้วยความดีใจ
แล้วผม...ก็ได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของน้อง เชื่อไหมครับว่า ผมทำใจละสายตาไม่ได้เลยเชียว
แล้ว ใครจะคิดว่า ผมจะเจอน้องแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ผมยอมรับนะครับว่ามหาลัยของเราน่ะกว้างมาก หอพักและคอนโดมีเป็นล้าน! แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่ผมดันเห็นน้องขี่จักรยานผ่านหน้าคอนโดแทบจะทุกเช้า แรกๆผมก็ว่ามันบังเอิญนะที่ผมกำลังจะออกจากคอนโดทีไร ต้องเจอน้องขี่จักรยานผ่านหน้าไปทุกที
แต่เชื่อไหมครับว่า ผ่านไปสักพัก ดันเป็นผมเองที่กลับต้องรีบตื่นทุกเช้า เพื่อลงไปให้ทัน ก่อนที่น้องจะขี่จักรยานผ่านไป
ผม พอจะรู้มาว่าน้องเรียนอยู่ศิลปกรรม ซึ่งตึกเรียนของน้องก็ใกล้วิศวะนิดเดียว แค่เดินข้ามถนนมา ก็จะเจอตึกแดงเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างหน้าแล้วล่ะครับ
และ แน่นอนแทบจะไม่มีใคร ไม่รู้จัก อีแทมิน น้องเป็นถึงเดือนคณะและแน่นอนว่า คณะข้างเคียงอย่างผมก็ต้องรู้ข่าวนี้ด้วยอยู่แล้ว น้องเป็นเด็กติส ใครๆก็พูดอย่างนั้นนะผมว่า น้องเป็นเด็กห้าว ห้าวมากและห้าวสุดๆ เรียกว่าสุดโต่งกันล่ะครับจุดนี้ น้องอยู่ชมรมเต้น อันนี้ผมก็รู้ ก็บอกแล้วว่าอีแทมิน ค่อนข้างที่จะดัง แต่น้องจะรู้ตัวหรือไม่อันนี้ก็อีกเรื่องนะครับ
ผมมองน้องมานานก็จริงนะครับ แต่ผมก็แค่มอง ผมแค่รู้สึกว่า เด็กคนนี้....น่ารักจัง เท่านั้นเองครับ
แต่ ก็เหมือนโชคเข้าข้างผมหรือยังไง ในช่วงหัวค่ำเมื่อวาน ผม คีย์ แล้วก็เพื่อนในเอก นั่งรวมหัวปั่นโปรเจคกันอยู่ มันเป็นงานที่หนักจริงๆครับ ถ้าคิดจะส่งโปรเจคนี้ให้ทันก่อนสอบไฟนอล เพราะมันก็แค่อีก 2 เดือนเท่านั้น พวกผมก็นั่งทำกันไปจนห้าทุ่มกว่าๆ
ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่นะครับ ว่าตึกแดงน่ะ เฮี้ยนมาก แน่นอนว่าพวกเราเป็นถึงเด็กวิศวะ อยู่มาก็ตั้ง3ปี เรื่องเล่าเพียบครับยอมรับกันตรงนี้เลยว่ากลัวมาก! ดีนะครับที่งานมันรัดตัว ไม่อย่างนั้นคงมีใครพิเรนอยากจะเล่าเรื่องผีขึ้นมาแน่นอน แต่ตอนที่พวกเรากำลังร่วมมือร่วมใจกันทำงานนั้น อยู่ๆก็มีเสียงเหมือนคนเดินขึ้นตึกมา แล้วหยุดอยู่หน้าห้องพวกผม ขนลุกกันทั้งห้องล่ะครับ ผมได้ยินเสียงกึกๆดังตามมา ก่อนที่จะหันไปส่งสายตากับเพื่อนในห้อง
แล้วมติเอกฉันท์คือ(ถีบ)ส่งผมออกไปดูว่าเสียงอะไร......โอเคครับ ผมก็เสียสละรีบเดินออกมาดูกะว่าถ้ามีอะไรผิดปกติผมก็จะรีบชิ่งก่อน
แต่ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องเลคเชอร์ใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าเค้าคงไม่ใช่ผี เพราะผมว่าเค้าหน้าคุ้นมากถ้ามองจากตรงนี้
มือ ผมเอื้อมไปแตะไหล่เค้าเบาๆ แต่เค้าดันร้องอ๊ากแล้ววิ่งหนีผมไป ยังไม่ทันได้เห็นหน้าชัดๆ ผมจึงยืนงงๆอยู่ได้ไม่นาน ก็เห็นร่างบางๆวิ่งออกจากห้องเลคเชอร์ตามมา ผมเห็นเค้ามองซ้าย มองขวา ก่อนที่จะมองตรงมาที่ผม ในช่วงที่เราสบตากัน อยู่ๆเค้าก็สลบไป ผมตกใจมากจริงๆ ยิ่งพอมองเห็นชัดๆว่าเค้าคือแทมิน ผมจึงรีบอุ้มน้องพาขึ้นรถทันทีเลยครับ ใจก็กลัวว่าน้องจะเป็นอะไรไป ผมจึงรีบโทรไปหาคีย์ ให้ตามมาที่ห้องผมอย่างไวที่สุด
แล้วใครจะไปรู้ว่าน้อง
จะเห็นผมเป็นผี !!
“ปากเลอะน่ะ”
นี่ เป็นครั้งแรกที่ผมมือสั่นเลยนะครับขอบอก เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แค่เห็นน้องก้มหน้าก้มตากินมาม่าไม่สนใจผมที่นั่งอยู่ด้วยเลยสักนิด มันก็เกิดอาการอยากมีตัวตนบ้างก็เท่านั้น แล้วผมก็ตัดสินใจยื่นมือออกไปเกลี่ยเศษอาหารที่มุมปากของน้องออกให้
วูบหนึ่งที่แก้มน้องขึ้นสีเรื่อ แล้วน้องก็ยิ่งก้มหน้าลงไปคางแทบจะชิดอกแบบนั้น มันน่ารักมากจริงๆ
แล้วอยู่ๆน้องก็เงยหน้าขึ้นมา จุดนั้นขอยอมรับตรงๆอีกครั้งว่า หัวใจผมสะดุดไปหลายจังหวะเลยล่ะ
ผมตัดสินใจมาส่งน้องที่หอ อย่างน้อยๆผมก็จะได้รู้ว่าน้องพักอยู่ตรงไหน.....ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝงอะไรเลยน
ะครับ ผมก็แค่อยากรู้เฉยๆจริงๆ
แล้วนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมยิ้มค้าง
ที่แน่ๆตอนนี้
ผมจะบอกพวกคุณทุกคนว่า
น้องจำชื่อผมได้!
“มินโฮ!! มินโฮเว้ย! ไอ้คุณชาย!!!!”
ปั่กก~ แรงหนังสืออัดเข้าเต็มหลังผมเลยครับ ผมหันไปมองคนที่ทำร้ายร่างกายผม แล้วเลิกคิ้ว
“อ่าวคีย์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”
“มาเห็นแกนั่งยิ้มอยู่นั่นอ่ะ เรียกก็ไม่สนใจ เป็นไรวะ”
“คิดอะไรเพลินๆน่ะ”
“เพลินมากสินะ ไม่อยากจะทายว่าคิดเรื่องน้องแทมิน”
ก็ถูกน่ะสิครับ คีย์น่ะเป็นเพื่อนสนิทผมนะครับ เรามองกันออก รู้แกวกันมาตลอด และแน่นอน เรื่องของแทมินก็ด้วย ที่คีย์คงไม่มีทางเดาผิด
“อืมม...เอาเถอะ แล้วแกมีอะไรโผล่มาแต่เช้า”
“ฉัน เครียดว่ะมินโฮ แกก็รู้ว่าฉันดรอปเคมีไปเมื่อปีที่แล้วเพราะคะแนนมิดเทอมห่วยบรม แล้วฉันก็ตั้งใจว่าปีนี้จะลงเรียนใหม่ แต่แกรู้ไหมว่าเค้าดันเปลี่ยนอาจารย์ ฉันซวยโคตรๆมันแย่กว่าเก่าอีกว้ะ ฉันดรอปอีกครั้งไม่ได้แล้วนะเว้ย มินโฮอ่า ฉันทำไงดีวะๆๆๆ ฮืออ”
ไม่พูดเปล่า มันยังมีน้ำใจยื่นมือมาเขย่าแขนผมเหมือนว่า มึง ต้องช่วยกูววววววววววววววววววว์นะ
“ไหน ขอดูคะแนนหน่อย” ผมยื่นมือออกไปรับใบคะแนนมิดเทอมของมันมาดู
“ก็เลยมีนนิ่”
“เลยมา 0.5 น่าดีใจตายล่ะ มันคาบมีนเลยนะเว้ย ฉันไม่อยากแดกหมา แดกแมวอ้ะ มินโฮแกต้องช่วยชั้นนะ ต้องช่วยนะๆๆ”
แล้วผม จะช่วยมันยังไงล่ะครับ
“อ่ะจริงสิ ฉันมีลูกพี่ลูกน้องเรียนอยู่วิทยาฯ ปี4แล้วล่ะ แกอยากได้ติวเตอร์ป่ะล่ะ?”
“อ๊ากก จริงป่ะ! จัดมาเลย อย่างด่วนๆ” ตอบไม่มีคิดสักนิดอ่ะครับ
“งั้นฉันโทรไปถามพี่เค้าก่อนว่าว่างหรือเปล่า”
ผมเอื้อมมือไปกดโทรศัพท์มือถือไล่หาเบอร์คนในครอบครัว ก่อนจะกดโทรออก แล้วก็ไม่ต้องรอสัญญาณให้นาน เสียงทุ้มๆก็ลอยผ่านสายโทรศัพท์มา
“หวัดดีครับพี่”
(อ่า มินโฮหรือ? ว่ายังไง)
“คือช่วงนี้พี่ว่างหรือเปล่าครับ เรียนหนักไหม”
(ว่างนะ พี่เหลือทำวิจัยอย่างเดียวก็จบแล้ว สบายๆแล้วล่ะ)
“พี่สนใจเป็นติวเตอร์ไหม คือเพื่อนผมโง่เคมีมากอ่ะพี่ ถ้าพี่ว่างช่วยติวให้มันหน่อยได้ไหมครับ?”
(เคมีหรอ เคมีพื้นฐานหรือเปล่า ถ้าพื้นฐานก็โอเคนะ)
“งั้นผมให้เบอร์พี่ไปกับมันแล้วกันนะครับ ไว้ให้มันติดต่อไปเองแล้วกัน”
(อื้อ ได้ๆไม่มีปัญหา)
“ขอบคุณครับพี่ ไว้ว่างๆเราค่อยเจอกัน อ่อ เพื่อนผมชื่อคีย์นะ ฝากมันด้วย หวัดดีครับ”
ผมหันไปหยิบเศษกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์พร้อมชื่อพี่เค้า แล้วยื่นให้คีย์
“ขอบใจว่ะคุณชาย ฉันต้องเข้าคลาสล้ะ แกมันโชคดีจริงๆผ่านเคมีมาได้ ไปนะๆ”
ผมยิ้มจางๆให้เพื่อนตัวเล็กที่ดูร่าเริงขึ้นมาทันที มันคงรู้สึกว่ามีกำลังใจมากขึ้นล่ะมั้ง
ผม ก้มลงเก็บชีท และกระดาษรายงานต่างๆที่ว่างกองอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะรวบมันเข้าไว้ด้วยกัน แต่สายตาดันไปสะดุดอยู่ที่กระดาษสีเหลืองอ่อนที่หัวกระดาษเขียนว่า ‘ใบสมัครออดิชั่น Dance Battle ระหว่างมหาวิทยาลัย’ พร้อมโพสท์อิทสีฟ้าแปะทับอยู่ที่หัวกระดาษ
‘จงฮยอน ปี4 ศิลปกรรม’
-------------------------------------------------------------------------
“อากาศร้อนสุดๆไปเลยเว้ย”
ผม เดินออกจากคอนโดมินโฮแล้วบ่นงุ้งงิ้งๆอยู่คนเดียวตามประสา เพราะวันนี้ผมมีเรียนเคมีคนเดียว มินโฮมันเรียนจบไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ผมไม่ค่อยปลื้มคะแนนตัวเองเท่าไหร่จึงตัดสินใจดรอปไว้ เฮ้อ พูดแล้วมันเศร้าจริงๆที่พอลงเรียนใหม่แล้ว มันก็ยังเหมือนเดิม ผมมันโง่เคมีจริงๆสินะ
ผมหยิบกระดาษที่มินโฮเขียนเบอร์โทรศัพท์ของ ’ว่าที่ติวเตอร์’ ขึ้นมาดู
‘พี่อนยู’
แล้ว ผมก็เก็บกระดาษแผ่นนั้นเข้ากระเป๋าเสื้อชอป ผมคงยังโทรไปตอนนี้ไม่ได้หรอก เพราะผมต้องรีบไปเรียนก่อน เอาไว้เลิกเรียนแล้วผมค่อยโทรแล้วกัน
ร่าง บางก้าวฉับๆเพื่อเดินไปให้ถึงตึกแดงก่อนเวลาเข้าเรียน อย่างน้อยก็จะได้ไม่เป็นจุดเด่นเข้าห้องช้าให้อาจารย์จับผิด แต่ด้วยความที่รีบมากไป ทำให้ร่างบางชนเข้ากับนักศึกษาอีกคนที่เดินมาจากฝั่งตรงข้ามล้มไปกับพื้น ทั้งคู่
“โอ้ยยย ไรวะเนี่ย” อดที่จะบ่นไม่ได้ ร่างบางตวัดสายตาไปมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วดันหันไปเห็นนักศึกษาคนนั้นกำลังจะหยิบใบคะแนนเคมีที่มองแว๊บเดียวก็รู้ ว่าเป็นข
องตัวเองขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่ามันปลิวไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
มือบางคว้าหมับ เข้าที่ใบคะแนนก่อนลุกขึ้นยืนมองชายหนุ่มอีกคน
“นี่นาย เดินภาษาอะไรน่ะ ใส่แว่นซะเปล่า แล้วมาหยิบของคนอื่นเค้าแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีมารยาทเอาซะเลย”
คนตัวเล็กกว่าต่อว่าบุคคลที่เดินมาชน แต่คนที่ถูกว่านี่สิ กลับยิ้มซื่อๆให้แล้วดันยกมือเกาท้ายทอยตัวเอง งงๆ
“ขอ โทษครับ พอดีผมรีบ ขอโทษจริงๆนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะหยิบขึ้นมาดู แต่แค่จะช่วยเก็บให้เฉยๆ” แล้วเขาก็โค้งให้ร่างบางหนึ่งทีก่อนจะเดินจากไป
“โฮๆๆ เกือบไปแล้วไหมล้ะ ถ้าคนอื่นมาเห็นคะแนน คิมคีย์จะต้องขายหน้ามากแน่ๆ”
ช่วง เวลาในการมานั่งเรียนกับพวกรุ่นน้องนี่มันน่าเบื่อจริงๆ ผมก็ได้แต่นั่งเขี่ยดินสอไปมา ไม่รู้จะจดอะไร ไม่รู้จะทำอะไรเพราะเหมือนอาจารย์จะชอบให้จับกลุ่มทดลอง และแน่นอน น้องๆผู้ฝักใฝ่ในวิชาเคมี ก็มักจะจับจองตำแหน่งต่างๆในการทดลองไปจนหมด ผมก็ได้แต่นั่งรอดูผลการทดลง แล้วก็จดๆตามน้องที่ร่วมกลุ่มด้วยเท่านั้น
ผม เก็บหลอดทดลองต่างๆเข้าที่ แล้วจึงเดินหอบกระเป๋าออกมาจากห้อง นี่ก็เที่ยงพอดี ผมตัดสินใจเดินไปซื้อกาแฟที่ร้านสะดวกซื้อข้างหลังคณะ ผมเดินคนแก้วกาแฟที่อยู่ในมือ แต่อยู่ดีดี
พลั่กก~
พรวดดด~
“เฮ้ยยยย แม่งงงงงง เลอะหมดเลยเว้ย!!”
อั่กก!
“โอ้ยยย”
เสียง แรกน่ะของผมเองครับ กาแฟในแก้ว กระฉอกรวดเดียวใส่เสื้อชอปผมเต็มๆ และแน่นอน ผมจึงหันไปมองคู่กรณี ชายหนุ่มที่สวมเสื้อกาวน์อยู่หันหน้ามามองผมช้าๆ แล้วก้มหัวขอโทษขอโพยยกใหญ่
แต่
เดี๋ยวนะ หน้าโคตรคุ้นอ่ะ
“ขอโทษครับ ขอโทษนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คือผมมองไม่เห็นคุณจริงๆ ขอโทษนะครับ”
“เฮ้ยยยยยยย !! นายอีกแล้วหรอวะ แม่ง! โคตรซวย”
“เอ่อ ขอโทษจริงๆนะผมซื้อกาแฟให้ใหม่ไหม”
“ไม่ ต้องอ่ะ ไม่อยากกินแล้ว แม่ง เลอะหมดเลย วันหลังนายก็หัดเดินดูทางซะบ้างนะ ใส่แว่นซะเปล่าจริงๆเลย ถ้ารู้ว่าตาตี่ก็หัดทำตาโตๆซะบ้างสิ จะได้เห็นคนอื่นเค้าน่ะ จิ๊ส์!”
“งั้นเอาผ้าผมไปเช็ดก่อนแล้วกันนะ ครับ ขอโทษจริงๆนะ” ร่างโปร่งทำท่าจะเช็ดเสื้อให้คนตัวเล็กกว่า แต่คีย์กลับปัดมือออกแล้วส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
“ไม่ต้องอ่ะ นายไปไหนก็ไปเหอะ ทำเองได้” แล้วคนตัวเล็กก็ยึดผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาเช็ดคราบกาแฟที่เสื้อต่อ ในขณะที่คนตัวสูงกว่ายังยืนมองด้วยความสำนึกผิด
“ฮึ้ยย นี่มันวันอะไรวะ คะแนนเคมีออก แล้วคะแนนแม่งก็ห่วย ตอนเช้าเกือบเข้าคลาสไม่ทันเพราะเดินชนกับไอ้แว่น แล้วเรียนเสร็จยังมาชนกับไอ้แว่นคนเดิมอีก กาแฟก็ไม่ได้กิน แม่งๆๆๆๆ” บ่นไปเช็ดไประบายอารมณ์ดีแท้นะคิมคีย์
ขณะที่กำลังจะเช็ดต่อ สายตาร่างบางดันเหลือบไปเห็นเศษกระดาษที่โผล่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ อ่อ จริงสิ เบอร์ของว่าที่ติวเตอร์นี่เอง
“โอย เปียกหมดแล้ว โทรเลยดีกว่าเดี๋ยวตัวเลขจะหายไป”
มือบางล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วสีชมพู ก่อนจะกดหมายเลขโทรออก ตามในกระดาษที่มินโฮจดให้
ตื๊ด~ ตื๊ด~ ตื๊ด~
“รับช้าจัง”
Rttttttttttttttt~
ร่างบางหันไปตามเสียงโทรศัพท์ของคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ที่มันดังออกมารบกวน ก่อนจะทำหน้าเซ็งแล้วหันกลับมา
(สวัสดีครับ)
“สวัสดีครับ พี่อนยูใช่ไหม?”
(ครับ ใช่ครับ)
“คีย์นะฮะ ที่เป็นเพื่อนมินโฮน่ะ ที่มันคุยกับพี่ให้ผมเมื่อเช้าเรื่องที่ผมอยากเรียนเคมีกับพี่อ่ะฮะ”
(นะ...น้องคีย์ หรือครับ??)
“อื้อ ทำไมเสียงพี่ มันชัดจังอ่ะครับ”
(น้องคีย์.....)
ไม่ทันที่คนในสายจะพูดจบ ร่างบางหันขวับไปด้านหลัง แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง เอามือขึ้นชี้หน้าคนตัวสูงกว่าที่เดินชนกันเมื่อกี๊นี้
อย่าบอกนะว่า
“นาย คือพี่อนยูงั้นหรอ!!!???”
TBC
:: TALK ::
ตอนนี้เหมือนจะยาว(ไหม?) ฮ่าๆๆ
คุณชายออกมาเวิ่นเว้อถึงน้องกันเต็มๆ
ตอนหน้า จงฮยอน ออกมาอีกแน่นอนค่า
คู่รองก็ออกมาแล้ว ฝากให้กำลังใจพี่แว่นกันด้วยนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้า หลังสงกรานต์ค่า
สวัสดีปีใหม่ไทยจ้า (สาดน้ำๆๆๆ)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น