คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ลู่วิทยาฮุนวิศวะ : 03
หลายๆสัปดาห์มานี้คล้ายชีวิตของผมเริ่มหักเห เดินไปทางไหนก็เหมือนกับมีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องอยู่ จะว่าอึดอัดก็ไม่เชิง พวกเขาแค่มองผมแต่ไม่ได้เข้าหา บางครั้งพวกเขาก็มองแล้วหันไปพูดคุยกับคนข้างๆ...ผมกำลังพยายามทำใจให้ชิน หากแต่มันจะไปชินได้อย่างไรในเมื่อคนที่ทำให้ผมต้องเผชิญกับสายตาเหล่านั้นกำลังเดินอยู่ข้างๆ
“วันนี้หน้าซีดๆนะ ไม่สบายหรือเปล่า”
ผมส่ายหน้าให้เขาที่ถามเสียงแผ่ว ฝ่ามือใหญ่ๆของฮุนถือวิสาสะแตะลงบนหน้าผากผม แต่เป็นผมเองที่ยั้งมือนั้นไว้แล้วถอยหน้าหนี
“ไม่ได้เป็นอะไร แค่นอนน้อยเฉยๆ เมื่อคืนเราอ่านหนังสือดึก”
“พักผ่อนบ้าง ขอบตาคล้ำหมดแล้ว”
เขาก้มหน้าลงมองตาของผม และเพราะระยะห่างที่มันใกล้เกินไปผมจึงรีบดีดตัวออกจากเขา แล้วไม่รู้ทำไมอยู่ๆเขาก็หัวเราะขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีทั้งๆที่ผมเริ่มหงุดหงิดแววตาระยิบระยับของเขา
“ขอบตาคล้ำแล้วมันน่าขำมากหรือไง นายก็เป็นเหมือนกันนั่นแหละ นอนน้อยเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
“ก็ใช่...แต่เรานอนน้อยเพราะมัวแต่คิดถึงใครบางคน”
“อะไร!”
ผมสะดุ้งทันทีที่อยู่ๆเขาก็เอาหลังมือมาชนหลังมือผม ผิวกายร้อนๆนั่นทำให้ผมรู้สึกว่าความร้อนมันเริ่มลามขึ้นมาถึงใบหน้าให้ผมได้พยายามหันหน้าหนี ก่อนที่สุดท้ายแล้วผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆของเขาอีกรอบ ไม่รู้ว่าจะมีความสุขอะไรนักหนา
วันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่เขาจงใจมารอรับผมใต้คณะวิทยาศาสตร์ ทั้งๆที่ผมก็บอกไปแล้วว่าไม่จำเป็นต้องมารับ แรกๆเขาก็เหมือนจะฟัง แต่เขาก็แค่ฟังจริงๆเพราะการกระทำของเขาไม่เคยเปลี่ยน ฮุนมานั่งรอผมพร้อมทั้งหอบงานของตัวเองมาทำด้วย
“เราบอกแล้วไงว่าไม่เห็นต้องมารับเลย เรากลับเองได้ ลำบากนายเปล่าๆ”
“เราเต็มใจ”
“ดื้อว่ะ”
“ลู่ก็ดื้อเหมือนกันนั่นแหละ”
ผมมองคนที่ชวนเถียงอยู่ข้างๆพลางทำหน้าอูมใส่เขา วันนี้ผมและเขาเลิกเรียนเร็วทั้งคู่ ทีแรกผมตั้งใจจะชวนไอ้หัวเกรียนออกไปเดินห้างด้วยกัน แต่แผนของผมก็พังไม่เป็นท่าเมื่ออดีตเดือนมหาวิทยาลัยคนดังในเสื้อชอปสีน้ำเงินยืนสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์สีเข้มรออยู่ใต้คณะ และเพื่อนผู้แสนดีของผมก็หลีกทางให้เขาอย่างง่ายดาย
ผมเชื่อแล้วที่เขายืนยันจะจีบผมอย่างจริงจัง จากคนไม่เคยเห็นหน้า จากคนที่ไม่รู้จัก ตอนนี้ผมกลับเห็นเขาทุกวัน ซ้ำยังเจอบ่อยกว่าเพื่อนร่วมคณะเสียอีก เอาตามตรงผมเองก็ตกใจที่อยู่ๆมีคนมาบอกว่าจะจีบ แถมยังเป็นผู้ชายตัวโตอีกต่างหาก แต่ในเมื่อเขายังคงมีระยะห่างให้ผม และผมก็ไม่อึดอัดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ผมก็ยินดีจะรับความรู้สึกดีดีของเขาไว้...แต่กลับกัน ผมคิดว่าเขาควรจะต้องรอผมอีกนานเลยแหละ เพราะแต่ละอย่างที่เขาทำ ผมไม่เคยชินเลย
“นั่งนี่ก็ได้ แถวนี้เสียงไม่ดังเท่าไหร่”
ผมดึงชายเสื้อชอปของฮุนให้นั่งลงตรงม้าหินหลังคณะ หลังจากที่ผมแห้วกับการจะไปเดินเล่นในห้างใกล้ๆม.กับไอ้หัวเกรียน ผมจึงเปลี่ยนใจมานั่งทำรายงานที่เหลืออยู่อีกนิดให้เสร็จ พร้อมกับฮุนที่ยกแม็คบุ๊คของเขามาวางลงบนโต๊ะ ท่าทางอีกฝ่ายก็คงจะมีงานให้ทำเหมือนกัน
“เอาน้ำอะไรไหม เดี๋ยวไปซื้อให้”
“เอาโกโก้เย็นหรือชาเย็นก็ได้”
ผมล้วงแบ้งค์ยี่สิบให้เขา และดูเหมือนตั้งแต่วันที่ไปกินจิ้มจุ่มกันเขาก็เลิกไอ้นิสัยอยากเลี้ยงผมไปเลย เขารับเงินไปอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินหายไปทางโรงอาหารกลางที่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่
ผมนั่งเปิดหนังสือเล่มใหญ่ตรงหน้าพร้อมกับขีดปากกาไฮไลท์ตามใจความสำคัญ บางครั้งก็หยิบปากกาขึ้นมาเขียนลงในกระดาษรายงานคร่าวๆ ผมจดจ่ออยู่กับมันได้ไม่นานเสียงกลุ่มคนที่เดินเข้ามาก็เรียกความสนใจให้ผมเงยหน้าขึ้นมองได้ไม่ยาก เพราะตรงนี้เป็นหลังคณะที่ไม่ค่อยมีใครผ่าน ตอนนี้ก็มีแค่โต๊ะของผมกับอีกสองโต๊ะใกล้ๆเท่านั้น หากแต่นักศึกษากลุ่มใหม่ที่เดินเข้ามากลับไม่ใช่นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์
“พวกวิทย์ฯกีฬามาทำไรวะ”
ผมได้ยินโต๊ะข้างหลังเปรยขึ้นมาแบบนี้ เพราะนักศึกษาปีหนึ่งกลุ่มใหญ่กำลังเดินมาพร้อมป้ายห้อยคอที่บ่งบอกชื่อและชั้นปีของตัวเอง การแต่งตัวด้วยเสื้อพละกับกางเกงวอร์มก็คงทายได้ไม่ยากว่ามาจากคณะไหน ผมละสายตาออกจากรายงานตรงหน้าและมองว่าพวกเขาจะทำอะไร
เด็กวิทย์ฯกีฬาคนหนึ่งก้าวออกมาจากในกลุ่ม และผมจะไม่อะไรเลยถ้าเขาไม่สาวเท้ายาวๆเข้ามาหาผม ร่างสูงสมส่วนและผิวสีแทนอย่างคนออกกำลังกายกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผมพร้อมรอยยิ้ม ผมเห็นเขายกมือเกาศีรษะแก้เก้อนิดหน่อยเมื่อผมทำเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้น
“พี่ชื่ออะไรครับ”
“เสียงมีแค่นี้หรือไง!” เสียงจากคนในวงล้อมตรงนั้นดังขึ้นมาให้อีกคนต้องตะเบ็งเสียงถามมากกว่าเดิม
“พี่ชื่ออะไรครับ!!”
ผมเงยหน้ามองเด็กหนุ่มตัวสูงตรงหน้าเมื่ออยู่ๆก็ถูกตะโกนถามชื่อใส่ ท่าทางคล้ายจะประหม่าแต่ก็ไม่ ดวงตาคมจ้องมองผมอย่างแน่วแน่ซึ่งเป็นการระบุตัวตนที่ชัดเจนอย่างเลี่ยงไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องตอบคำถามนั้นเพื่อช่วยเหลือรุ่นน้องเอาไว้ก่อนจะถูกรุ่นพี่ของตัวเองซ่อมเอา
“ชื่อลู่”
ผมตอบรุ่นน้องคนนั้นเสียงไม่ดังมาก แต่ท่าทางแปลกๆกับอาการเกาจมูกเขินๆผิดกับรูปร่างหน้าตานั่น ทำให้ผมเผลอหลุดยิ้มออกมาได้ไม่ยาก
ไม่นานเสียงเครื่องเข้าจังหวะก็ดังขึ้นเมื่อเด็กวิทย์ฯกีฬาคนเดิมเริ่มร้องและเต้นเพลงสันทนาการอยู่ต่อหน้าผม ผิวสีเข้มติดจะแดงขึ้นมานิดหน่อยเมื่อรุ่นพี่ยังไม่เลิกที่จะแกล้งเขา หลังจากเสียงดังของกลองและเสียงร้องเพลงดังขึ้น ด้านหลังคณะของผมจึงเริ่มมีคนเดินเข้ามาดูกันมากมาย
“พอ!”
เสียงรุ่นพี่ที่ท่าทางจะเป็นแกนนำเอ่ยบอกให้เขาหยุดเต้นแร้งเต้นกา ก่อนจะสั่งให้รีบปฏิบัติตามที่เขาถูกสั่งมา เด็กหนุ่มตัวสูงดวงตาคมคนเดิมกระพือลมที่เสื้อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะมองตาของผมอย่างแน่วแน่ และผมเองก็สบสายตากลับอย่างอยากรู้อยากเห็นแล้วก็ต้องเป็นตัวเองที่เผลองับริมฝีปากแน่น
“พี่ลู่ครับ...”
“ครับ?”
“ผมชอบพี่ครับ!
...ผมชอบพี่ครับ!
...ผมชอบพี่ครับ!”
เสียงแซวและเสียงโห่ร้องดังมาเป็นระรอกคลื่นหลังเด็กหนุ่มวิทย์ฯกีฬาตะโกนเสียงดังขึ้นมาแบบนั้นทั้งสามครั้งก่อนที่คนถูกแซวก็ยกสมุดขึ้นมาให้ผมลงชื่อยืนยันว่าเขาได้ทำภารกิจสำเร็จแล้วจริงๆ
“เซ็นให้ผมหน่อยครับ”
ผมเองก็ยินดีเซ็นให้ด้วยรอยยิ้มที่ระบายออกมาอย่างขำๆ ความจริงผมก็เขินอยู่นิดหน่อยที่มาถูกเต้นใส่และบอกชอบอย่างนี้ ซ้ำยังมีคนอื่นที่ยืนรุมล้อมกันเต็มไปหมดอย่างตอนนี้ด้วย แต่เมื่อเทียบกันแล้วผมก็คงอายไม่ได้ครึ่งของเด็กหนุ่มตรงหน้าหรอก
“ขอบคุณ แล้วก็ขอโทษที่รบกวนครับ”
“เฮ้ยไอ้ไค...ก่อนกลับ เอ็งก็บอกพี่เขาไปอีกสักครั้งสิ”
“ฮิ้ววววววว”
เสียงรุ่นพี่และกลุ่มเพื่อนของเด็กวิทย์ฯกีฬาก็ยังคงแซวอย่างต่อเนื่องให้ผมได้แต่เอียงคอมองอย่างสงสัย...ดวงตาคมเข้มของเด็กหนุ่มตรงหน้ายังคงจ้องมองผม ก่อนที่มุมปากหยักจะยกยิ้มขึ้นพลางเบี่ยงตัวแล้วก้มลงกระซิบที่หูของผมแทน
“ผมชอบพี่”
“ฮิ้วววววววววววววววววววว”
เสียงแซวลากยาวกว่าเดิมแล้วขบวนกลองยาวของเด็กคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาก็ลาจากไป ปล่อยให้ผมยังมึนงงอยู่กับที่จนคนที่หายไปซื้อน้ำมาให้ต้องสะกิดเรียกผมให้มองไปทางเขา
ใบหน้าของฮุนดูจะบึ้งตึงอยู่นิดหน่อย...จริงๆก็ไม่นิดหน่อยเท่าไหร่ เพราะสีหน้าเขาดูไม่รับแขกเอาเสียเลย คิ้วเรียวของเขาขมวดมุ่น ดวงตาเฉยเมยของเขาดูจะมีอารมณ์คุกรุ่นอยู่และผมก็ไม่อยากทายเลยว่าสาเหตุที่เขากำลังหงุดหงิดอยู่นี้จะมาจากผม
“เป็นอะไรอ่ะ”
ผมดูดโกโก้เย็นที่เขาซื้อมาให้ ก่อนจะกัดหลอดรอคำตอบ แต่เขาก็ทำเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วให้ความสนใจกับหน้าจอแม๊คบุ๊คของเขาจนผมอดรู้สึกหงุดหงิดกับอาการเงียบลงของเขาไม่ได้
“ฮุน...”
“ทำงานต่อเถอะ”
“เป็นอะไร คุยกันก่อน”
“เปล่า”
“ถ้าไม่บอกว่าหงุดหงิดอะไรเรากลับนะ”
ผมปิดหนังสือของตัวเองลง จากที่คิดว่าจะใจเย็นๆแล้วถามคนตัวโตข้างๆว่าเป็นอะไร แต่พออีกฝ่ายเอาแต่บอกปัด ผมกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแทนเสียเอง
“โอเค...บอกก็บอก”
เขายอมแพ้ในที่สุด ฝ่ามือใหญ่ของเขารั้งข้อมือของผมเอาไว้ เขายึดข้อมือผมไปไว้ในอุ้งมืออุ่นๆนั่นก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“หวง”
คำเดียวสั้นๆที่มาพร้อมกับแววตาคมที่อ่อนลง และนั่นก็ทำให้ผมยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีกว่าเขาจะมาหวงอะไรผม...คนที่เพื่อนน้อยและไม่เคยเป็นจุดสนใจอย่างผมมีอะไรให้น่าหวง
“ถึงเราจะจีบลู่อยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะโอเคกับคนอื่นที่มาบอกชอบคนที่เราชอบอยู่หรอกนะ”
“หมายถึงน้องวิทย์ฯกีฬานั่นอ่ะหรอ? บ้าน่ะฮุน น้องมันแค่โดนรับน้อง”
“แต่ท่าทางของไอ้เด็กนั่นมันไม่ใช่”
“เลอะเทอะว่ะ”
ผมแกะข้อมือของตัวเองออกจากมืออุ่นๆของเขา ไม่ใช่ว่าผมเคืองคำพูดของฮุนหรืออะไร แต่ผมคิดว่าเขาคิดมากเกินไปต่างหาก มันก็แค่กิจกรรมรับน้องตลกๆที่รุ่นพี่สรรหามาแกล้งรุ่นน้อง ผมเองก็เคยถูกรุ่นพี่ให้ทำอะไรแปลกๆเหมือนกันเมื่อตอนอยู่ปีหนึ่ง แต่ดูท่าทางฮุนจะไม่โอเคกับคำพูดของผมเพราะเขายิ่งทำหน้าน่ากลัวมากขึ้นไปอีก
“น้องมันก็แค่ถูกรุ่นพี่สั่งให้ทำ ไม่มีอะไรสักหน่อย อย่าคิดมากดิ”
ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ฮุนมากขึ้น ผมไม่ชอบใบหน้าเฉยเมยของเขาเพราะมันน่ากลัวและไม่เป็นมิตรสักนิด ท่าทางเขาที่เอาแต่จ้องหน้าจอแม็คบุ๊คทำให้ผมเลือกเอื้อมมือออกไปแล้วจัดการยืดแก้มเขาออกทั้งสองข้างทันที จะหาว่าผมเรียกร้องความสนใจก็ได้
“ไม่มีใครเขาบ้าแบบนายหรอก ที่คิดมาจีบเราอ่ะ มีแต่คนตาถั่วเท่านั้นแหละ”
“หึ...”
เขาหลุดยิ้มออกมาจนได้ และนั่นก็ทำให้ผมยิ้มตาม เขาจับมือผมที่หยิกแก้มเขาอยู่ ก่อนจะแกะออกแล้วเปลี่ยนเป็นแนบแก้มสากๆของเขาลงที่ฝ่ามือผมแทน ผมทำตาโตกับท่าทางออดอ้อนของเขาก่อนจะมองไปรอบๆตัวอย่างระแวง และถึงแม้ว่าจะพยายามดึงมือออกมาเท่าไหร่ผมก็แพ้แรงเขาอยู่ดี
“นี่ขนาดแค่จีบเรายังหวงขนาดนี้ ถ้าเป็นแฟนกันแล้วจะขนาดไหน”
“เหอะ...จีบให้ได้ก่อนเถอะ แล้วก็ปล่อยมือเราเดี๋ยวนี้”
เขายอมปล่อยมือผมในที่สุด แล้วเราสองคนก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ สีหน้าของเขากลับไปเป็นฮุนคนเดิมที่มีแววตาระยิบระยับอีกครั้ง และผมก็รู้สึกสบายใจกว่าเมื่อสักครู่เยอะเลย อย่างน้อยเราก็ไม่มีอะไรติดค้างคาใจกันอีก และผมก็ลืมเรื่องการรับน้องของเด็กวิทยฯกีฬากลุ่มนั้นไปอย่างง่ายดาย
ผมนั่งอ่านหนังสือและเขียนรายงานส่งอาจารย์ไปเรื่อย ในขณะที่ฮุนก็เคร่งเครียดกับหน้าจอแม็คบุ๊คของเขา จะมีบ้างที่เราเถียงกัน แต่มันก็ไม่ได้น่าเบื่อ เขาชอบว่าผมดื้อ...แต่เขานั่นแหละ ดื้อมากกว่าผมเสียอีก
“วันนี้ขอไปส่งถึงหน้าห้องได้ไหม”
“อะไรเนี่ย อยู่ๆก็พูดขึ้นมา”
ผมกับเขากลับคอนโดพร้อมกันแทบทุกวันก็จริง แต่ต่างคนก็ต่างกดชั้นของตัวเองทุกครั้ง เขาไม่เคยมีท่าทีจะตามผมออกมาส่งถึงห้องเลย เขาไม่เคยถามเลขห้อง แม้แต่เบอร์โทรศัพท์ตอนนี้พวกเราก็ยังไม่มีเบอร์ของกันและกัน ผมเชื่อว่าเขาเองก็ไม่อยากทำให้ผมอึดอัด แต่วันนี้เขากลับมาแปลก อยู่ๆก็เอ่ยขอกันซึ่งๆหน้า
“เป็นห่วงว่ะ...พวกวิทย์ฯกีฬาไว้ใจไม่ได้ เถื่อน”
“ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะออกมาเมื่อฟังเหตุผล เขายังคงยึดติดอยู่กับเรื่องเดิมที่ผมลืมไปแล้ว และผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเขาดีที่ดันไปกล่าวหาคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาแบบนี้
“แล้วพวกวิศวะไว้ใจได้มากหรือไง ไม่เถื่อนเลยเนอะ” ผมย้อนเขากลับไปทันทีและนั่นก็ทำให้เขายืดอกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มขำๆ
“ไว้ใจได้ดิ ใครว่าเถื่อน...วิศวะเราสุภาพจะตาย”
“เหรออออ”
“สุภาพกับคนที่ใช่”
“แหวะ” ผมไม่คิดว่าเขาจะมีมุกตลกอะไรแบบนี้ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าบางมุม ฮุนก็เป็นคนตลกจริงๆ
“ตกลงให้เราไปส่งถึงหน้าห้องนะ”
“ก็ตามใจ” แล้วก็เป็นผมที่ยอมตามใจเขา ถือว่าให้รางวัลกับความพยายามมาตลอดหลายสัปดาห์ก็แล้วกัน
พวกเรานั่งทำงานกันต่อ ผมคิดว่ารายงานของผมใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือแต่กลับไปพิมพ์ลงในคอมพิวเตอร์แล้วปริ้นท์ออกไปส่งอาจารย์เท่านั้น แต่ดูท่างานของคนข้างๆจะยังไปไม่ถึงไหนเพราะฮุนยังคงนั่งคลิ๊กเม้าส์อยู่เลย เมื่อเห็นว่าเขาตั้งใจทำงาน ผมจึงตัดสินใจเลื้อยตัวลงกับโต๊ะทันที ไว้จะกลับกันเมื่อไหร่เขาก็คงจะปลุกผมเอง
ผมทิ้งตัวลงหลับตาพักผ่อนจากการนอนน้อยเมื่อคืน ไม่นานผมก็หลับไปโดยไม่ทันรู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าโทรศัพท์มือถือกำลังสั่นจากการแจ้งเตือนของเฟสบุ๊คที่มีใครบางคนแท็กรูปมาให้
ใครบางคนที่นั่งยิ้มอยู่ตรงนี้
TBC
เรื่อยๆเนาะ ค่อยๆซึมซับกันไป
เราว่าช่วงตอนจีบกันนี่แหละ น่ารักแล้วก็อิ่มใจสุดๆแล้ว 55555555555
เม้นท์หรือติดแท็กมาคุยกันนะคะ #ลู่วิทยาฮุนวิศวะ
สกอป
ความคิดเห็น