ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ✖✖ ติสแตก ✖✖ : 2MIN

    ลำดับตอนที่ #21 : :: Special Tist # 1::

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 54


    Special Tist # 1




    แรงกอดรัดไม่แรงจากด้านหลังเรียกสายตาให้ผมต้องหันกลับไปมองเจ้าของอ้อมกอดที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ วันนี้ผมได้กลับมาบ้านแล้ว...บ้านของชเวมินโฮนั้นแหละ หลังจากนอนเพลียอยู่โรงพยาบาลมาสองวันเต็มๆ รู้สึกเหนื่อยกว่าซ้อมเต้นมาทั้งเดือนอีก นอนๆเดินๆอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม..น่าเบื่อสุดๆเถอะ
    !

     

    “นายจะกอดอีกนานไหมเนี่ย?”





     

    ดวงตากลมโตเหลือบมองไปทางด้านหลังที่ถูกใครบางคนกอดไว้ มือหนากระชับประสานกันอยู่บนหน้าท้องของแทมินกันคนตัวเล็กกว่าหนีรอดออกมา ปลายคางสากถูกจับวางลงบนไหล่บางพอให้ใบหน้าได้ใกล้ชิดกัน




     

    “นายไม่อยากให้กอดหรือ?”

     






    เสียงทุ้มตอบชิดริมใบหู แค่นี้ก็เรียกรอยแดงให้กับแก้มเนียนได้อย่างไม่ยาก...ก็ไม่อยากจะเถียงคนมือไวให้เหนื่อย ร่างบางจึงยอมยืนนิ่งๆให้พระเอกเขากอดอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะพอใจแล้วกัน

     






    “นายผอมลงหรือเปล่าเนี่ย?”

     
    “ตลกแล้ว แค่สองวัน ผอมเผิมอะไรเล่า ฉันกินข้าวปกตินะ”

     
    “แต่ทำไมเหมือนผอม..” มินโฮไม่พูดต่อ แต่กลับรั้งเอวบางเข้ามาประชิดอกทันที “จมเลยเห็นไหม?” ไอ้ที่จมน่ะ จมอกพ่อพระเอกเค้าเลยเห็นไหม...ไอ้หมอนี่! ชอบทำอะไรให้เลือดลมตีไปตีมาอยู่นั่นแหละ

     






    “แทมิน”

     

    “หืม??”

     







    “ย้ายมานอนห้องฉันไหม?”

     





    คำถามที่ไม่คาดคิดถูกเอ่ยถามออกมาจากริมฝีปากได้รูปไม่ดังมาก แต่ก็ชัดเจนและตรงไปตรงมาเกินกว่าจะแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ มินโฮยอมละอ้อมแขนออกจากเอวบางก่อนจะรีบพลิกตัวคนที่ยืนนิ่งให้หันกลับมาสบตากัน...แววตามั่นคงแน่วแน่ถูกมอบให้คนรับอย่างจริงใจจนแทมินแอบเผลอจะตอบกลับไปง่ายๆ แต่อะไรบางอย่างกลับฉุดรั้งไว้ก่อน

     






    “ตะ..แต่ฉันก็นอนคนดียวได้นะ”

     

    “ตอนนี้นายเจ็บมือ”

     




    “แล้วยังไง?” มุมปากระบายรอยยิ้มบาง เหมือนจะพอเข้าใจสิ่งที่ร่างสูงต้องการจะสื่อ

     






    “ถ้านายเกิดเป็นอะไรไป..ฉันจะได้ช่วยทัน”

     







    แทมินยิ้มให้กับข้ออ้างที่ชัดเจนของร่างสูงจนเผลอจะหลุดหัวเราะ...ผมไม่ใช่เด็กๆสักหน่อยนะ ที่จะนอนทับมือตัวเอง หรือจะนอนดิ้นจนกลิ้งตกเตียงน่ะ...แต่นี่เห็นแก่ที่ช่วยผมมาเยอะ ผมจะยอมย้ายไปนอนด้วยก็ได้...แต่ผมไม่ได้ใจง่ายนะ
    !!

     




    ร่างบางทำหน้าใช้ความคิดพลางเหลือบมองคนที่ชวน ชเวมินโฮก็มีมุมขาดความมั่นใจเหมือนกัน..แล้วผมจะดีใจได้ไหม ที่เขาขาดความมั่นใจเพราะเรื่องของผม

     






    “ก็ได้...”

     







    แค่คำตอบสองพยางค์จากผม คนที่ยืนหน้านิ่งก็ยิ้มออกมาทันควัน อะไรจะน่าดีใจขนาดนั้น..ผมเดินตามร่างสูงของเจ้าของห้องเข้าไปก่อนจะกวาดตามองรอบๆ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเหมือนกับวันที่ผมเข้ามาดูแลคนป่วย จะแปลกตาก็ตรงโต๊ะทำงานที่ตอนนี้เต็มไปด้วยกองหนังสือถูกวางกระจัดกระจาย สงสัยจะใกล้สอบเข้ามาแล้ว..แต่เดี๋ยวนะครับ

     






    ...ใกล้สอบ...





    ...สิ้นเทอม...







    ...ส่งงาน
    !!!...

     






    !!!!

     









    “เป็นอะไรไปหรือ?”

     

    “ฉันคิดว่า ฉันต้องจริงจังแล้วล่ะ!

     



    พูดไว้เพียงเท่านั้นแทมินก็รีบเดินออกจากห้องไปทิ้งร่างสูงให้ยืนงงอยู่กับที่อย่างช่วยไม่ได้ แต่ไม่นานแทมินก็เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมตุ๊กตาตัวโปรดและกระดานวาดภาพที่เจ้าตัวชอบพกไปไหนมาไหนเสมอ ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มอย่างถือวิสาสะ แต่มินโฮก็ไม่ห้ามอะไรอยู่แล้วไม่ว่าน้องจะทำอะไรก็ตาม

     


    มือบางรีบเปิดหน้ากระดาษย้อนกลับไป ก่อนจะมองผลงานตัวเองอย่างใช้ความคิด...เขายังไม่ได้ลงมือวาดชเวมินโฮลงบนแผ่นผ้าใบเลย แล้วมือเขาก็ยังมาใช้งานไม่ได้แบบนี้...อะไรก็แย่จริงๆ แค่คิดก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแรงๆแล้ว

     




    “อ้ะ”

     


    ร่างสูงหย่อยกายลงนั่งบนเตียงซ้อนหลังคนตัวเล็กกว่าไว้ มือหนาคว้าเอาฝ่ามือบางมากุมพร้อมบีบเบาๆ แค่นี้แทมินก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ร่างบางอมยิ้มให้กับความเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆนั่นก่อนจะทิ้งตัวพิงหลังเข้ากับอกกว้าง..

     






    “ขอบใจนะ”

     





    “ฉันก็ขอบใจ...ที่นายยอมอยู่ด้วยกัน”

     






    -----------------------------------------------





    ความรู้สึกง่วงชวนจะหลับคงเกิดขึ้นกับนักศึกษาทุกคน แม้ว่าคนๆนั้นจะอะเลิ๊ตขนาดไหนก็ตาม แต่ไอ้วิชาที่ไม่ถนัดเนี่ยความคึกคักก็คงจะหมดไปง่ายๆเช่นกัน เมื่อคาบเรียนวิชาเคมีที่บนจอโปรเจคเตอร์เครื่องใหญ่ในตอนนี้ ฉายภาพหนังแนวนักวิทยาศาสตร์ทดลองสารเคมีนั่นนู่นนี่ นักเรียนหลายคนดูไปก็จดโน้ตย่อเล็กๆไว้ให้ไม่ลืมว่า ฉากนี้เป็นยังไง แล้วสำคัญอย่างไร ผิดกับใครบางคนที่นั่งเลื้อยลงไป ใบหน้าหวานแทบจะชิดติดกับโต๊ะ เพียงแต่มีแขนเล็กนั้นกั้นอยู่

     




    “ทำไมไม่จดอะไรไว้บ้าง”

     


    “ง่วงอ่ะ”

     




    เสียงเพื่อนสนิทที่สุดในวิชานี้ถามขึ้นเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่หาวหวอดๆ จงฮุนเองก็นึกขำกับอาการแบบนี้ของคีย์ นี่ถ้าเป็นวิชาที่มีคำนวนดูเหมือนเจ้านี่จะคล่องแคล่วว่องไวกว่านี้เป็นสิบเท่าล่ะนะ แต่พูดถึงว่าไอ้การผสมสารนั้นเข้ากับสารนี้มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากจริงๆ

     



    ครืดดด
    ~

     




    เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งค่าระบบสั่น สั่นจนโต๊ะทั้งแถวเกือบสะเทือน คีย์ก้มลงมองโทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะกดรับ กรอกเสียงอย่างเหนื่อยหน่ายที่สุดส่งกลับไปทางต้นสาย

     



    “ว่าไงมินโฮ??”

     

    (เสียงดูไม่ได้สุดๆ เรียนอยู่หรือ?)

     

    “อื้อ...อีกชั่วโมงนึงเลิก...น่าเบื่อชิบอ่ะ” อดจะบ่นให้เพื่อนสนิทฟังไม่ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคีย์ก็ต้องยกมือบางขึ้นมาป้องปากอย่างเสียมิได้

     

    “อาจารย์จางให้ดูหนัง แล้วให้ทำรายงานส่งว่ะ ฉันจะบ้า แล้วแกรู้ไหมงานเยอะมาก ส่งเมล์มาให้ตลอดจนทำแทบไม่ไหวแล้วเนี่ย” ไหนๆก็ได้บ่น ก็ขอบ่นให้มันยาวๆไปเลยแล้วกัน จนเสียงปลายสายถึงกับต้องหัวเราะล้อเลียนออกมา

     

    (ก็ใครให้เรียนใหม่..จริงๆก็น่าจะถูๆไถๆเทอมที่แล้วมาด้วยกัน)

     

    “ก็อยากได้เอเว้ย”

     




    จงฮุนสะกิดเพื่อนตัวดีทันทีเมื่อเสียงคุยโทรศัพท์ชักจะดังรบกวนรุ่นน้องแถวหน้า จนอาจารย์จางกึนซอกต้องเดินเข้ามาใกล้พร้อมเค้านิ้วลงบนศีรษะของคีย์

     



    “ขอโทษครับอาจารย์”

     






    อาจารย์จางไม่ได้ถือโทษเอาความอะไร แต่คีย์ก็รู้ด้วยตัวเองว่า ควรจะออกไปคุยกับเพื่อนสนิทนอกห้องดีกว่า คีย์พยักเพยิดให้กับจงฮุน ฝากฝังสมุดเลคเชอร์ทั้งหลายแหล่ ก่อนจะรีบออกมายืนด้านหน้าห้องเรียน

     




    “ฉันโดนอาจารย์เคาะหัวเลย...ตกลงโทรมามีอะไร”

     

    (ฉันจะแข่งบอลเย็นนี้ มาดูดิ บัตรอยู่กับพี่อนยูแล้ว)

     

    “อ่าวหรอ?? เออๆ นี่แกเห็นฉันชอบดูบอลหรือไง ที่ไปดูทุกครั้งนี่เพราะเห็นมีแต่เพื่อนกันแข่งหรอกนะ จริงๆก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง”

     

    (ตกลงมาใช่ไหม?...ฝากดูแลแทมินด้วยโอเคนะ)

     

    “หือ..นี่ตกลงที่โทรมาชวนเพราะจะให้มาเป็นไม้กันคนอื่นไม่ให้มาตอแยแฟนแกน่ะนะ” เฮอะ! ไอ้ชเวมินโฮนี่ชักจะอาการหนักขึ้นทุกวัน..แต่เอาเถอะถือว่าจะยอมช่วยก็ได้

     



    เราคุยอะไรกันอีกไม่กี่ประโยคก็วาง ก่อนที่ผมจะเดินเข้ามานั่งในห้องเรียนตามเดิม จงฮุนวางปากกาในมือลง ก่อนจะหันมายิ้มให้คีย์ ... ไอ้นี่ก็หล่อเจิดจ้าจริงๆ ยิ้มทีเล่นเอาตาลาย

     





    “วันนี้มินโฮแข่งบอล..ฮงกิก็ด้วยไหม?”

     


    ร่างบางถามเพื่อนร่วมชั้น เห็นจงฮุนทำท่านึกไม่นานร่างสูงก็พยักหน้าตอบ..ไม่ต้องสงสัยว่าไปรู้จักมักจี่อะไรกันได้ยังไง ก็ไอ้เพื่อนหน้าหล่อที่นั่งอยู่ข้างๆนี่เทียวรับเทียวส่งนักฟุตบอลหน้าตาทะเล้นเพื่อนร่วมทีมของมินโฮมาสักพักแล้ว เวลาแวะไปหามินโฮทีไรก็เจอจงฮุนขับรถมารับฮงกิตอนเลิกซ้อมทุกทีล่ะนะ

     




    “นายไปหรือ?..ไปพร้อมฉันไหมล่ะ”

     

    “ไม่เป็นไร พี่อนยูมารับน่ะ”

     

    “แหมมมมม~ ลากเสียงยาวทำเพื่อ?? เมื่อจงฮุนเห็นผมทำหน้าประหลาดมากกว่าจะเขินที่โดนแซวหมอนั่นก็เอาแต่หัวเราะแล้วหันไปให้ความสนใจกับหนังน่าเบื่อเรื่องนั้นต่อ

     




    สี่โมงเย็นไม่ขาดไม่เกิน อาจารย์จางผู้เข้มงวดก็สั่งงานตบท้ายเป็นรางวัลสำหรับนักศึกษาทุกคน ร่างบางเลื้อยตัวลงกับโต๊ะอีกครั้งเมื่อนักศึกษาต่างทยอยเดินออกจากห้องบ้างแล้ว แต่ไม่นานยังโยซอบ รุ่นน้องแก้มป่องก็วกกลับเข้ามาในห้องก่อนจะเดินมาหาคีย์

     






    “พี่คีย์...แฟนมารับแล้ว”

     

    “หือ? พี่อนยูมาแล้วหรอ”

     

    “แฟนพี่นี่คนเดิมกับคนนั้นที่มารับเมื่อต้นๆเทอมป่ะ?”

     





    คำถามขี้สงสัยทำให้คีย์ต้องนึกตาม เขาก็ไม่เคยคบกับใครนอกจากพี่อนยูนิ่ แล้วก็เหมือนจะมีแต่พี่อนยูเท่านั้นที่เคยมารับหน้าห้องแบบนี้ ดูเหมือนคิ้วเรียวสวยจะขมวดมุ่นใช้เวลานึกนานไป รุ่นน้องตัวแสบเลยเอ่ยข้อสงสัยเจาะจงมากขึ้น

     




    “ตอนนั้นพี่เค้าใส่แว่นน่ะ แต่วันนี้ไม่ได้ใส่ ดูหล่อขึ้นนะพี่...คนเดียวกันใช่ไหม?”

     




    คีย์ทำปากเป็นรูปตัวโอร้องอ๋อ ก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้ารับ ร่างบางตบไหล่ขอบใจก่อนจะกวาดของบนโต๊ะทั้งหมดลงกระเป๋าเพื่อไม่ให้คนมายืนรอต้องรอนาน

     




    “หุบยิ้มบ้างอะไรบ้าง”

     


    จงฮุนลอบสังเกตเพื่อตัวเล็กแล้วก็อดแซวไม่ได้ ร่าเริงกว่าตอนเรียนสิบเท่า
    ! นี่ถ้าพี่อนยูเป็นอาจารย์สอนวิชานี้ เจ้านี่คงจะมีพลังใจเรียนเต็มเปี่ยม งานจะเยอะแค่ไหนก็คงไม่บ่นเป็นแน่ คีย์หุบยิ้มลงอย่างเก้อๆ ก่อนจะลากแขนเพื่อนสนิทออกมาด้านนอกด้วยกัน



     

    “พี่อนยูตรงเวลามาก!” ร่างบางเอ่ยทักคนรักเมื่ออนยูเดินเข้ามาหา พร้อมช่วยรับหนังสือเข้าไปถือไว้ให้ทันที

     

    “ไง..วันนี้เรียนหรือนั่งหลับอีก”

     

    “อย่ามารู้ทันได้ไหมเล่า”

     



    คีย์กระเง้ากระงอดใส่จนคนเป็นพี่นึกเอ็นดู พลันสายตาอนยูก็มองเลยไปด้านหลังของร่างบาง
    คีย์มองตามสายตาของอนยูไป ก่อนจะลากแขนเพื่อนร่วมชั้นเข้ามายืนใกล้ๆ จงฮุนโค้งให้อนยูอย่างนอบน้อมจนคีย์นึกหมั่นไส้

     



    “นี่จงฮุน เพื่อนผมเอง เรียนใหม่เหมือนกันน่ะ..แล้วก็นี่พี่อนยู” พูดจบร่างบางก็หันไปยักคิ้วให้เพื่อนพร้อมรอยยิ้มสดใส

     



    “เราจะไปเลยไหม”

     

    “พี่ไม่ได้เอามินิมา นั่งรถเมล์ไหม” คีย์ยิ้มรับไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่ทว่าเพื่อนผู้ใจดีกลับขัดขึ้นเสียก่อน

     

    “ไปด้วยกันไหมครับ..ผมก็จะไปสนามฟุตบอล”

     




    ร่างบางหันไปมองเพื่อนก่อนจะหันมาขอความคิดเห็นจากคนรัก แต่ดูเหมือนร่างสูงของอนยูจะนิ่งเงียบไป เมื่อหันกลับไปสบกับดวงตาคม อนยูปรับสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะให้คีย์เป็นคนตัดสิน

     


    .

     

     



    .

     

    สนามฟุตบอลขนาดใหญ่ แต่กลับเต็มไปด้วยนักศึกษาและกองเชียร์มากมายรายล้อมจับจองที่นั่งจนแทบจะเต็มอัฒจรรย์และหนึ่งในนั้นคือเด็กน้อยผมสีทองที่โบกไม้โบกมือเรียกพวกเขาจากด้านบน อนยูหันกลับไปมองร่างบางเมื่อคีย์ยังคงคุยกับเพื่อนสนิทอยู่ ร่างสูงเพียงแค่แตะเบาๆไปที่หลังมือบางบอกเป็นเชิงว่าขึ้นไปหาแทมินก่อน

     


    ขายาวก้าวข้ามแต่ละขั้นของบันไดเพื่อขึ้นไปหาแทมินที่นั่งอยู่คนเดียว สงสัยน้องชายเขาคงเตรียมตัวอยู่ด้านในของสนาม แทมินในชุดเสื้อยืดสีฟ้ากับกางเกงห้าส่วนถูกพับขาขึ้นมาเล็กน้อยบวกกับรองเท้าหนังสีน้ำตาลเรียกให้คนตัวเล็กดูโดดเด่นขึ้นมา...ไม่ต้องสงสัยเลยทำไมมินโฮจึงหวงนัก

     




    “มาช้าจังเลยฮะ”

     

    “พี่รอคีย์เลิกเรียนน่ะ..แล้วทำไมเรามาเร็วจัง แล้วนั่นอะไรเต็มไปหมด”

     



    ร่างสูงถามแทมินในขณะที่มือหนาก็หยิบป้ายเชียร์ที่ทำจากกระดาษ ไม่ว่าจะเป็น
    มินโฮ ไฟท์ติ้งหรือแม้กระทั่งรูปวาดล้อเลียนหน้ามินโฮถูกเสียบไม้อยู่ เล่นเอาคนเป็นพี่ถึงกับหลุดขำ ไม่รู้ว่ามินโฮรู้ไหมเจ้าเด็กนี่ลูกบ้าเยอะจริงๆ แต่ก็น่าเอ็นดูไปในคราวเดียวกัน

     




    “เอามาเชียร์ไงพี่อนยู ไม่สวยหรอ?ผมทำเองหมดนั่นเลยนะ”

     

    “อิจฉามินโฮมันนะ..”

     



    “อิจฉาทำไมฮะ?? พี่อนยูน่าอิจฉากว่าอีก พี่คีย์นะทั้งน่ารักทั้งน่าเอาใจ..อยู่กับชเวมินโฮมีแต่โดนตามใจซะมากกว่า” เด็กน้อยบ่นอุบอิบแต่ก็ไม่ได้มีแววไม่ชอบใจอะไร

     

    “แล้วพี่คีย์ไปไหนฮะ เมื่อกี๊เดินเข้ามาด้วยกันนี่?”

     





    ผมมองลงไปด้านล่างสนามกวาดสายตามองหาตำแหน่งที่พึ่งเดินจากมาเมื่อสักครู่ เมื่อเห็นคนรักเดินเคียงข้างมากับเพื่อนร่วมชั้น แทมินมองตามสายตาของคนเป็นพี่แล้วก็รีบกวักมือเรียกคีย์ยกใหญ่จนคนตัวเล็กที่โบกมือส่งกลับและกำลังเดินขึ้นมาถึงกับสะดุดขั้นบันได โชคดีได้มือหนาของจงฮุนที่เดินมาด้วยกันเข้าประคองไว้ได้ทันก่อนที่คีย์จะหันไปส่งยิ้มเจือนๆให้เพื่อน
    จงฮุนขำให้กับความเปิ่นของคีย์จนต้องยกมือขึ้นมาขยี้ผมนุ่ม

     


    อนยูมองการกระทำของทั้งสองคนแล้วก็อยากจะลงไปดึงคีย์ให้ขึ้นมาไวไวไม่ใช่มัวแต่ยืนประคอง เล่นหัว หรือหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่ตรงนั้น

     





    “นั่นใครหรือฮะ?” แทมินเอ่ยเรียกสติเมื่อเห็นว่าพี่ชายอีกคนนิ่งเงียบไป

     

    “เพื่อนคีย์...”

     

    “หน้าตาดีโคตรๆอ้ะ...แต่ทำไมต้องเดินเบียดพี่คีย์ขนาดนั้นนะ”

     




    ที่แทมินสงสัย พี่เองก็สงสัยเหมือนกัน แค่สะดุดนิดเดียวคีย์ไม่เป็นอะไรมากถึงขั้นต้องโอบเอว โอบไหล่ขนาดนั้นนี่ แค่คิดร่างสูงยิ่งขมวดคิ้วให้ชิดติดกันจนทั้งสองคนเดินขึ้นมาถึงที่นั่งในที่สุด

     





    “พี่อนยูดูดิ โชคดีมากบัตรที่ฮงกิให้จงฮุนมาเลขติดกับพวกเราพอดีเลย”

     




    คีย์รีบฉวยบัตรในมือของเพื่อนส่งให้ร่างสูงดูทันทีพร้อมรอยยิ้มสดใสถูกส่งมาให้จนแก้มใสยกขึ้นส่งผลให้ความขุ่นเคืองเมื่อครู่ลดลงไปได้เกือบครึ่งถ้าไม่ติดว่ามีมือใหญ่ที่เกาะไหล่ร่างบางของเขาอยู่...ดูเหมือนแทมินจะเข้าใจสถานการณ์ หรือเพราะความหวงพี่ชายหน้าสวยเป็นการส่วนตัวก็ไม่รู้ น้องเล็กจึงไม่รอช้ากระโดดข้ามเก้าอี้ของอนยูไปแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างคีย์กับจงฮุนทันที

     




    “คิดถึงพี่คีย์” เด็กน้อยเอ่ยเสียงอ้อนจนคีย์ที่ยิ้มอยู่แล้วถึงกับต้องหัวเราะออกมาเมื่อแทมินชูมือขึ้นโอบกอด

     

    “มานานแล้วหรอ”

     

    “ถามเหมือนพี่อนยูเลย...แหน่ะๆๆ” แทมินยอมปล่อยพี่ชายก่อนจะถอยขยับออกมาพร้อมทั้งแซวเจ้าของรอยยิ้มเสียยกใหญ่

     

    “ไม่ต้องแซวเลยไอ้หนู...ไปนั่งเชียร์แฟนดีกว่าไหม ฮึ?” ได้ทีแซวกลับแทมินถึงกลับรีบเบะปากใส่ทันทีก่อนจะยอมเดินกลับมานั่งที่เดิมของตัวเอง

     




    คีย์มองตามน้องคนเล็กยิ้มๆก่อนจะหันกลับไปมองหน้าร่างสูง พี่อนยูยืนหน้านิ่งผิดปกติไปแล้ว แต่อาจจะเพราะร้อนก็ได้คนรักของเขาถึงดูไม่ค่อยอยากพูดจามากเท่าไหร่ เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างบางก็จะทรุดนั่งลงไปที่เก้าอี้ แต่มือหนากลับรั้งไว้เสียก่อน ร่างบางเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

     




    “คีย์ไปนั่งข้างแทมินเถอะ”

     





    อนยูจับมือของคนตัวเล็กให้สลับที่นั่งกับของตน จนแทมินที่มองอยู่ถึงกับต้องลอบยิ้มให้กับความเนียนของพี่อนยู ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าคนที่นั่งติดกับจงฮุนกลายเป็นอนยูซะเอง

     


    อีกไม่ถึงชั่วโมงการแข่งขันฟุตบอลถึงจะเริ่ม บรรยากาศก็คึกคักจากผู้คนรอบสนามดูน่าสนุกสนาน แต่ทำไมร่างสูงกลับไม่รู้สึกสนุกด้วยเลย เมื่อคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆกันเอาแต่ชะโงกใบหน้าน่ารักไปด้านหลังเพื่อคุยกับเพื่อนสนิท โดยไม่อยากที่จะคุยผ่านตัดหน้าเขา...แต่แบบนี้มันก็น่าหงุดหงิดจริงๆไหมล่ะครับ แทนที่ผมนั่งอยู่ข้างๆแต่กลับคุยเลยผมไปเสียอย่างนั้น

     




    ในเมื่อทั้งสองคนยังคุยกันไม่เลิกแบบนี้ผมก็คงต้องสั่งตัวเองให้นั่งหลังพิงกับพนักเสียแล้ว

     





    “อ้าว”

     

    เสียงเล็กเปรยออกมาเบาๆเมื่อผมปิดกั้นและตัดการสนทนาของทั้งคู่ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับจงฮุนเพื่อนสนิทของคนรัก ที่ไม่รู้ว่าคิดไม่ซื่อหรือเปล่า คีย์ตีแขนผมเบาๆพลางบ่นพอให้ได้ยินว่ากำลังเม้าท์เรื่องงานกับเรื่องรุ่นน้องที่ชื่อโยซอบอยู่เชียว

     


    “คุยกับพี่บ้างก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยปนน้อยใจจนร่างบางถึงกับทำตาโตแล้วหันไปมองหน้าแทมินที่สะกิดเรียกอยู่ น้องพยักหน้าให้พร้อมขยับปากบอกแบบไม่มีเสียงให้คีย์ได้อ่าน

     







    หึงแล้ว

     





    คีย์ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นทำหน้าสงสัย จนแทมินต้องแอบชี้นิ้วเลยข้ามไปที่เพื่อนร่วมชั้นของเขา ก่อนที่ริมฝีปากบางจะห่อเข้าหากันอย่างไม่อยากเชื่อ...หึงเขากับจงฮุน...ตลกใหญ่แล้ว ก็ว่าทำไมถึงดึงให้มานั่งอยู่ตรงนี้ แล้วไหนจะมือหนาที่เอื้อมมากุมมือเขาไว้หลวมๆแบบนี้อีก

     



    คีย์ปล่อยความคิดก่อนจะแอบลอบยิ้มพร้อมกระชับมือกลับไปที่มืออุ่นคู่เดิม...ดูเหมือนต้องหาโอกาสสะสางเรื่องจงฮุนเสียหน่อย..ไม่อย่างนั้นคนขี้หึงอาจต้องคิดมากโดยใช่เหตุก็เป็นได้

     




    เสียงบรรยายของเกมฟุตบอลเริ่มขึ้น เรียกสายตาให้แทมินรีบมองกลับไปที่สนามทันทีก่อนจะเห็นน้องส่งยิ้มไปให้ใครบางคนบนสนามที่มองมาทางด้านนี้พอดี มินโฮชูนิ้วโป้งขึ้นมาให้แล้วเดินเข้าสนามไป การแข่งขันดำเนินไปเรื่อย แต่คนที่ไม่ค่อยชอบฟุตบอลอย่างเขาถึงกับนั่งหลับไปตั้งแต่ยังไม่ทันถึง
    20 นาทีแรกด้วยซ้ำ

     




    อนยูมองหัวทุยๆที่ซบอยู่ตรงไหล่แล้วก็ลอบถอนหายใจ เพราะปล่อยตัวแบบนี้อยู่ตลอดใครๆก็อยากที่จะเข้าหา เพราะสดใสร่าเริงแล้วก็ใจดี ใครๆก็อยากที่จะคุยด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้หวงยังไงไหว


    .






     

    .






    “คีย์ครับ..ตื่นได้แล้ว”

     

    “อือออ” มือบางยกขึ้นป้องแสงไฟจากสนามไม่ให้เขาตาตัวเองมากไปกว่านั้น ก่อนจะยอมยกหัวขึ้นจากไหล่หนา พร้อมบ่นอู้อี้

     

    “จบแล้วหรอ...”

     

    “จบนานแล่ว พี่คีย์หลับเพลินไปนะ” เป็นแทมินที่ตอบคำถามให้ ก่อนที่ร่างบางจะรีบลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมาขับไล่ความเมื่อยล้า เมื่อเห็นว่าผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังลุกออกจากที่นั่งกันแล้ว

     

    “ชนะไหม?”

     

    “ชนะสิ...เพื่อนพี่ยิงเข้าคนเดียวสองลูกเลย เดี๋ยวผมลงไปหาชเวมินโฮก่อนนะ”

     




    พูดจบแทมินก็วิ่งลัดเลาะไปตามที่นั่งก่อนจะหายตัวไปกับฝูงชน คีย์หันไปมองข้างๆอนยูก็ไม่เห็นจงฮุนอยู่ด้วยแล้วแต่ไม่ทันได้คิดหรือสงสัย ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆก็หันหน้าหนีไปอีกทางทันที

     




    “พอเกมจบก็ลงไปที่สนามแล้วล่ะ”

     





    เสียงเรียบนิ่งพูดลอยๆออกมาทำเอาคีย์ถึงกับหลุดหัวเราะ ยังไม่ทันถามเสียหน่อย...พี่อนยูไม่เหมาะกับบทหมางเมินแบบนี้เลยจริงๆ แต่จะว่าไปไอ้ตาเรียวที่มันตกๆนี่กับปากเกือบเชิดแบบนั้นมันก็น่ารักน่าแกล้งไม่แพ้กันหรอกนะ คิดได้แบบนั้นคีย์จึงกวาดตามองลงไปที่สนามอีกครั้ง ก่อนจะเจอกับจงฮุนที่กำลังยืนคุยกับนักฟุตบอลตัวเล็กคนนึง

     




    “จงฮุน
    !!” ร่างบางตะโกนเรียกอย่างจงใจให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆได้ยิน แล้วก็ไม่ลืมที่จะโบกมือลงไปให้เพื่อนด้วยเช่นกัน

     





    อนยูบิดริมฝีปาก ก่อนจะร้องเหอะออกมาเบาๆ อาการแบบนั้นยิ่งเรียกให้คนตัวเล็กยิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อคีย์เห็นว่าผู้คนรอบข้างทยอยออกจากที่นั่งไปกันเกือบหมดแล้ว ร่างบางจึงยื่นมือแตะลงไปที่แก้มกลมๆของคนรักให้หันกลับมามองกันทันที ฝ่ามือเล็กแต่อุ่นจัดแนบลงประกบเข้าที่แก้มของอนยู ก่อนจะบีบมันด้วยแรงไม่มาก แต่ก็ทำให้ปากร่างสูงต้องยู่เข้าหากัน

     





    “นั่งหน้ามุ่ยแบบนี้คิดว่าเท่หรือไง?”
    นิ้วชี้แตะลงไปเบาๆบนริมฝีปากหนาอย่างหยอกล้อ

     


    “.......”

     


    “พี่ดูให้ดีดีนะ”

     





    ร่างบางยอมปล่อยแก้มกลมทันที ก่อนจะฉุดคนตัวสูงให้เดินลงมาชั้นล่างของสแตนด์เชียร์ด้วยกัน คีย์ยืนพิงรั้วที่ขอบสนามอย่างสบายๆก่อนจะชี้นิ้วไปที่เพื่อนร่วมชั้นของตัวเอง ไม่ลืมที่จะสั่งให้คนตาเล็กทำตาโตๆเสียด้วย




     


    “เห็นไหม..จงฮุนกับฮงกิน่ะ”

     





    อนยูมองตามไปทางนิ้วเรียวที่ชี้ให้ดู ก่อนจะเห็นเพื่อนสนิทของคนรักยกผ้าขนหนูสีขาวสะอาดซับไปบนหน้าผากของนักฟุตบอลตัวเล็กพร้อมรอยยิ้มเอ็นดูที่ฉาบขึ้นทั่วใบหน้า ไม่นานคนตัวสูงกว่าก็รวบกระเป๋าสัมภาระทั้งหมดขึ้นมาถือด้วยตัวเองก่อนที่มือใหญ่จะเอื้อมไปกอบกุมมือคนที่ยืนอยู่ข้างๆให้เดินไปด้วยกัน เสียงตะโกนโวยวายแซวนักกีฬาตัวเล็กให้รึ่มเมื่อทั้งสองคนขอตัวกลับ และแน่นอนจงฮุนไม่ลืมที่จะหันกลับขึ้นมาโบกมือตอบรับคีย์ที่ยิ้มอย่างสบายใจ

     






    “ชัดไหม?...ไม่ต้องหึงหรอกน่า”

     




    เสียงพูดปนหัวเราะทำให้อนยูนึกมันเขี้ยวขึ้นมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากคว้าเอวคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ก่อนจะกดจูบลงไปบนแก้มเนียนทั้งซ้ายทั้งขวาจนเสียงหัวเราะสดใสดังขึ้น ถึงแม้จะโดนฝ่ามือเล็กตีกลับมาหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับความหอมหวานที่ได้รับมา













    FIN




    TALK อ่านหน่อยยยยยย

    ไม่อยากให้น้องติสจบเลย เอ็นดูมากๆฮ่าๆๆ
    แต่ว่าจบเถอะ Y_Y

    สเปเชียลตอนนี้อนคีย์จัดเต็ม จุ๊กจิ๊กๆกันพอกรุบกริบเนาะ

    คือจริงๆมุกตัดออกมาจากที่แต่งไว้ คือเรื่องของทูมินมันมีต่อมากกว่าข้างบนที่ลง
    แต่ว่า อยากเก็บเอาไว้ก่อน คือใจจริงอยากลงหมดเลยนะ
    แต่ว่าก็อยากเก็บไว้เซอร์ไพส์ให้คนที่อยากได้หนังสือด้วย

    เรื่อง NC มันก็มีล่ะนะ(หัวเราะ) ไว้รอในเล่มนะ ^^

    ตอนพิเศษ ที่จะลงในนี้คงมีอีก 1 ตอนเท่านั้น

    แล้วไปเจอกันอีก 2-3ตอนในเล่มนะคะ

    เรื่องของรวมเล่ม เดี๋ยวได้จำนวนหน้าชัวร์ๆจะมาบอกอีกที แต่ตอนนี้คร่าวๆคิดว่า
    หนังสือน่าจะเล่มละ 280 บาท ไม่เกินนี้นะคะ (แค่น่าจะนะ)
    ไว้ชัวร์แล้วมาบอก อยากให้เกิน 20 เล่ม!!!จะได้ไม่แพงเนาะ ไปช่วยหาเพื่อนมานะ ก๊ากกก

    สุดท้ายไปเม้าท์มอยกับน้องติสได้ที่ @taemin_tist ณ ทวิตเตอร์นะคะ
    น้องน่ารัก เป็นกันเอง และเกรียนบ้างบางเวลา ดีไม่ดี คุณชายอาจจะโผล่มาคุยด้วยก็เป็นได้ ^^

    เอออออ พล่ามยาวกว่าฟิคแล้วเนี่ย ฮ่าๆๆๆ


    พีเอสสึ :) น้องคีย์น่ารักจริงๆ อ๊างงง



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×