คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : :: EP 16 :: ตอนจบ
EP 16
แสงแดดยามเย็นลอดผ่านช่องผ้าม่านสีฟ้าอ่อนเผยให้เห็นแสงสีส้ม กระทบลงบนเตียงผู้ป่วยที่เจ้าของเตียงนั่งยืดขาอยู่ แทมินนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองมาตลอดสามชั่วโมง ตั้งแต่ชเวมินโฮเดินออกจากห้องไป
“ฉันเหนื่อย...ขอโทษนะ”
ปัญหาคาใจที่ร่างสูงทิ้งไว้ก่อนเดินออกจากห้อง ทำให้คนตัวเล็กได้แต่นั่งมองมือข้างที่เข้าเฝือกของตัวเองอยู่สักพัก คิ้วเรียวสวยขมวดติดกันเมื่อยังไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนใจดีของเขา...ถ้าเป็นปัญหาเรื่องเรียน หรือเรื่องชมรมฟุตบอล คนมีเหตุผลอย่างชเวมินโฮ ก็ไม่น่าจะมาหงุดหงิดและพาลใส่เขาแน่นอน ถ้าหากเป็นเรื่องส่วนตัวก็อาจจะเป็นไปได้ แต่เขายังไม่ทันเข้าไปถามหรือยุ่งอะไรเลยนี่..ก็ไม่มีเหตุผลที่จะมาโมโหใส่เขาด้วยเช่นกัน
เมื่อคิดอะไรไม่ออกร่างบางก็ได้แต่กระแทกลมหายใจออกมา ก่อนจะทิ้งตัวพิงหลังลงเข้ากับเบาะของเตียงผู้ป่วยอย่างหน่ายๆ...ผมไม่ชอบอาการแบบนี้เลย เป็นอะไรทำไมไม่พูด แล้วใครจะไปสามารถเข้าใจได้กัน นี่ถ้าเป็นคนอื่นผมไม่มานั่งหาสาเหตุหรอกนะ แต่เพราะเป็นชเวมินโฮ...ผมก็ควรจะรู้สิ!
ใบหน้าหวานเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างสลับกับเหลือบหันไปมองที่ประตูห้องเป็นระยะๆ...เผื่อ ‘เขา’ จะกลับมา แต่ดูเหมือนจะไม่มีวี่แววเลยนี่สิ แค่คิดก็ได้แต่ทำหน้ายู่ถอนหายใจจนแทบจะบั่นทอนอายุตัวเองไปได้เป็นล้านๆปี แทมินเขยิบตัวหมายจะหยิบสมุดสเก็ตภาพที่พี่จงฮยอนเอามาทิ้งไว้ให้เมื่อตอนเที่ยง ก่อนจะคว้าเอาดินสอขึ้นมาจับไว้มั่นด้วยมือข้างซ้ายที่ตนเองแทบจะไม่ถนัดเลย
“เฮ้อ...ยากจังเว้ย”
ริมฝีปากสวยได้รูปบ่นกระปอดกระแปดเมื่อลงมือวาดตัวการ์ตูนตัวเล็กๆแต่บูดๆเบี้ยวๆอย่างไม่น่าพอใจก่อนะขีดทิ้งแล้วเริ่มต้นวาดใหม่ ถึงแม้รูปแรกๆจะดูน่าเกลียด แต่พอวาดไปเรื่อยๆกลับชินมือมากขึ้น ลายเส้นคงที่แต่ไม่ถึงกับดีเลิศเหมือนปกติที่วาดด้วยมือข้างขวา
ตัวการ์ตูนหัวกลม ตากลม ถูกวาดเส้นผมพลิ้วไหวทับลงไปบนหัว ปรากฏอยู่ในมุมหนึ่งของหน้ากระดาษแต่ละหน้าที่เต็มไปด้วยลายเส้นดินสอสีดำ นิ้วเรียวรวบกระดาษสมุดทั้งหมดขึ้นมาก่อนจะค่อยๆปล่อยลงทีละแผ่น แทมินอมยิ้มเล็กๆให้กับผลงานของตัวเองจนแก้มใสยกขึ้นก่อนจะยอมปิดสมุดลงแล้ววางไว้ข้างตัว
“เงียบเหงาเนอะแวนโก๊ะ...โรงพยาบาลโคตรน่าเบื่ออ่ะ”
ตุ๊กตาตัวโปรดคงเป็นเพื่อนผู้เข้าอกเข้าใจร่างบางเพียงสิ่งเดียวในตอนนี้ เพราะนอกจากจะไม่มีปากเสียงแล้ว เจ้าตุ๊กตานี่กลับทำให้ร่างบางหวนนึกถึงคนที่หยิบมันมาให้ไว้แก้เหงา แทมินวางมือข้างที่เข้าเฝือกลงบนหมอนอิงอีกใบก่อนจะทอดสายตาไปยังประตูห้องอีกครั้ง อยู่แบบนี้มันเหงาเกินไปจริงๆ..เมื่อไหร่จะกลับมาเสียที
แกร๊กก~
เสียงหมุนลูกบิดกระตูดังขึ้นเรียกสายตาของคนป่วยให้หันกลับไปมองที่ประตูอย่างตื่นเต้น แววตากลมโตไหวระริกอย่างดีใจเมื่อคาดว่าคนที่รอกลับมาแล้ว...แต่เพียงแค่แว๊บเดียวเมื่อใบหน้าหวานของรุ่นพี่คนสวยส่งยิ้มมาให้จากประตู สายตาคมกลับฉายแววแห่งความผิดหวังจนคนที่พึ่งมาใหม่รู้สึกได้ แต่ร่างบางก็รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าทันทีเพราะเขาก็ไม่อยากให้ใครเป็นห่วงไปมากกว่านี้
“แทมิน..เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงหวานใสของคีย์เอ่ยถามขึ้นเมื่อน้องชายคนโปรดดูซึมแปลกๆ ก็ไหนมินโฮบอกว่าน้องทำใจได้แล้วยังไง??
“เปล่าฮะ” เสียงตอบรับเบาหวิวจนอนยูที่เดินตามเข้ามาทีหลังถึงกับเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเดินมายืนซ้อนหลังคีย์ มือใหญ่โอบเข้าที่เอวบางก่อนจะมองหน้าคนในอ้อมกอดเชิงขอความคิดเห็น
“แล้วไอ้คุณชายไปไหนซะล่ะ..เงียบเชียว”
คีย์รู้สึกได้ถึงแรงสะดุ้งน้อยๆจากร่างบางเมื่อเขาเอ่ยปากถามหาเพื่อนสนิท ที่ควรจะอยู่นั่งเฝ้า นอนเฝ้าคนป่วยในเวลาเช่นนี้..นอกจากแทมินจะไม่ตอบแล้ว เด็กแก้มป่องกลับพองลมจนเต็มแก้มก่อนจะปล่อยออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“คุยกับน้องไปก่อนแล้วกัน..พี่จะไปดูเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้ พรุ่งนี้จะได้กลับบ้านกัน”
ร่างสูงของอนยูพูดขึ้น ก่อนจะค่อยๆละมือออกจากเอวบางเตรียมจะหันหลังก้าวออกจากห้อง แต่มือบางของคีย์ฉุดรั้งไว้เสียก่อน คนตัวเล็กขมุบขมิบปากพอจะให้คนเป็นพี่อ่านปากได้เข้าใจ
‘โทรไปบอกมินโฮด้วย’ อนยูยิ้มบางๆตอบรับแล้วผละออกมา
แทมินมองคีย์กับอนยูจับมือกัน ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีออกมา...เขากลายเป็นคนติดสัมผัสของหมอนั่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมตอนนี้ถึงอยากให้มือใหญ่ๆคู่นั้นเข้ามาประคองมือข้างที่เจ็บจัง
“เป็นอะไร..เล่าให้พี่ฟังได้ไหม เจ็บมือหรือแทมิน”
“เปล่าฮะ ไม่ได้เจ็บแล้ว”
“แล้วทำไมหน้าหมองแบบนี้ล่ะ...เอ่อ หรือยังเครียดเรื่องวาดรูป”
“ก็...ไม่ได้เครียดเรื่องนั้น” เสียงแหบแห้งเอ่ย ก่อนจะส่ายศีรษะให้เพื่อเป็นการยืนยัน
“งั้นแสดงว่าเรื่องอื่น...เรื่องอะไรไหนเล่ามาให้พี่ฟังเดี๋ยวนี้..เกี่ยวกับมินโฮใช่ไหม?”
ใบหน้าสวยของรุ่นพี่จับจ้องไปที่ร่างบางจนแทมินทนรับสายตากดดันไม่ไหว จำต้องหลบสายตาออกมาแล้วพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบคำถาม..เป็นไปตามคาดตัวปัญหาต้องเป็นเพื่อนเขาจริงๆ เด็กติสแตกอย่างแทมิน ไม่น่าจะมีเรื่องให้อ่อนไหวหลายประเด็นนัก และปัญหาตอนนี้คงเป็นเรื่องของหัวใจ
“เรื่องเป็นมายังไง ฮึ?”
“ผมก็ไม่รู้อ่า ผมยังงงๆอยู่เลย”
“อ้าว..แล้วทำไมมานั่งหน้าจ๋อยแบบนี้เล่า?” คีย์ทำหน้ายุ่งเมื่อคำตอบที่ได้รับช่างเป็นอะไรที่ไม่เข้าใจเสียจริง
“คืออยู่ๆ พอชเวมินโฮกลับเข้ามาที่โรงพยาบาลตอนบ่าย..ก็แบบไม่พูดไม่จา หน้านิ่ง นั่งอ่านหนังสืออย่างเดียว พอผมเข้าไปถามว่าเป็นอะไรก็ไม่บอก แล้วก็บอกแค่ว่าเหนื่อย ขอโทษนะ แล้วก็หายไปจนตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”
เสียงแทมินพูดยาวเล่าเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายให้รุ่นพี่คนสวยได้ฟัง..ร่างบางเล่าจบก็ยู่ปากอย่างขัดใจ จนคีย์ต้องยื่นมือออกมาวางบนไหล่บางของคนป่วย พร้อมทั้งยิ้มหวานส่งไปให้
“แล้วก่อนหน้าที่มินโฮจะเข้ามา..นายทำอะไรอยู่?” แทมินทำหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ก็คุยกับพี่จงฮยอน...อืมม..ใช่ๆพี่จงฮยอนมาเยี่ยม แล้วก็คุยๆกันเรื่องทั่วๆไปนี่ล่ะ”
“หื้มมม~” เสียงหวานของคีย์ลากยาวจนแทมินต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคีย์ที่ยืนค้ำแขนทั้งสองข้างไว้ที่เตียง
“ทำไมหรือพี่คีย์??”
“พี่จงฮยอนงั้นหรือ?...ทำอะไรนอกจากคุยอีกหรือเปล่า”
“อื้อ! ก็เปล่าเลยคุยกันกอดกันตามประสานี่ล่ะ แล้วพอชเวมินโฮเข้ามาพี่จงฮยอนก็รีบกลับไปเลย อะไรไม่รู้”
ร่างบางพูดไปก็ขมวดคิ้วตามไป ใบหน้าหวานแสดงอาการจนคีย์ต้องลอบยิ้มอย่างเอ็นดู คีย์พอจะเข้าใจอารมณ์ของเพื่อนสนิทขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ติดที่ตรงเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนเตียงคนป่วยนี่ล่ะ...ช่างไม่รู้อะไรเลย
“เพื่อนพี่คีย์เป็นอะไร..พอจะรู้ไหมอ่า?”
“ก็เหมือนจะรู้นะ”
“จริงอ้ะ! บอกผมหน่อย..นะ..น้า~” พูดจบมือบางก็คว้าหมับเข้าที่แขนของคีย์ แทมินเขย่าๆแขนร่างบางจนคีย์ต้องหลุดขำออกมา
“พี่ว่าพระเอกของแทมินขี้หึงน่าดูนะ”
“หือ...หึง?? ตะ..แต่ว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
“คิดดูดีดีสิ..เอาเป็นว่าพี่มั่นใจว่าประเด็นนี้”
คีย์ส่งยิ้มบางๆให้ ก่อนจะเดินไปเลื่อนถาดอาหารมาวางให้คนป่วย มือบางรับช้อนกับตะเกียบมาเขี่ยอาหารตรงหน้าอย่างใช้ความคิด ชเวมินโฮสามารถหึงอะไรในโรงพยาบาลได้งั้นหรือ..
“แล้ว..ทำยังไงดีอ่า”
“ง้อมันสิครับ” คีย์มองเด็กตรงหน้าทำหน้าเหวอ แล้วก็อดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ ร่างบางของรุ่นพี่ก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างจนแทมินเบิกตากลมโตให้โตกว่าเดิม ก่อนที่ใบหน้าหวานจะค่อยๆซับสีเรื่อ
.
.
ทางเดินทอดยาวภายในตึกแทบจะไม่มีคนเดิน..ก็แน่นอนล่ะนี่มันจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว จะมีคนป่วยคนไหนออกมาเดินเล่นกัน ร่างสูงก้าวขาผ่านห้องพักต่างๆจนพาตัวเองกลับมายืนอยู่หน้าห้องของแทมิน..ป่านนี้น้องคงหลับไปแล้ว
บางทีผมก็ไม่น่ากลับมาตอนนั้น..ไม่น่าเปิดประตูออกไปตอนนั้น..ไม่น่าเห็นอะไรแบบนั้นถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าน้องก็คงไม่ได้คิดอะไร แต่มันก็อดไม่ได้..ท่าทางหัวเสียของน้องตอนนั้นคงทำให้แทมินรู้สึกขัดใจแน่ๆ แล้วผมจะเอาหน้าที่ไหนไปง้อน้องกัน
ผมก็แค่อยากจะหลบมานั่งคิดอะไรเงียบๆสักพัก เพราะถ้าอยู่ใกล้กับน้องในอารมณ์ขุ่นมัวแบบนั้น ผมอาจจะบังคับตัวเองให้ทำเรื่องไม่ดีกับน้องเป็นแน่ แต่ใครจะไปคิดว่าน้องก็กังวลเรื่องผมเช่นกัน...
(แกอยู่ไหน!) เสียงแว๊ดดังลอยมาทันทีเมื่อผมกดรับโทรศัพท์ ก่อนจะยกหูออกห่างอ่านชื่อบนหน้าจอ..เบอร์พี่อนยู แล้วเสียงพลังแปดหลอดนี่คงเป็นเพื่อนสนิทเขาอย่างแน่นอน
‘สนามฟุตบอล’
(ไอ้บ้าเอ้ย..แกหนีน้องแทมินออกมาแบบนี้ น้องไปไม่เป็นเลยนะ)
‘แทมินไม่เป็นไรใช่ไหม’
(อยากรู้ทำไมไม่กลับมาดูเอง นี่ถ้าฉันไม่เข้ามาเยี่ยมเกิดน้องคิดมากเป็นอะไรไปขึ้นมาทำยังไง)
เสียงบ่นยาวเหยียดของคีย์ ทำให้ร่างสูงฉุกคิดก่อนจะนึกโทษตัวเอง เขาก็ไม่เคยเสียหลักขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยคิดว่าจะหวงน้องมากขนาดนี้ แต่สิ่งที่ได้เห็นมันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ
(กลับมาเลย น้องทานยาหลับไปแล้ว แกต้องเข้ามาเฝ้าน้องด้วยเข้าใจไหม?)
‘อืม..ขอบใจนะคีย์’
มือหนาคว้าลูกบิดประตู ก่อนจะค่อยๆแทรกตัวเข้าไปเพื่อไม่ให้เสียงดังรบกวนคนหลับ แสงไฟในห้องปิดสนิทเหลือเพียงแต่แสงจันทร์ที่ผ่านช่องหน้าต่างเล็ดลอดเข้ามา ใบหน้าหวานใสจมหายลงไปกับหมอนใบโต ในขณะที่มืออีกข้างก็กอดเจ้าตุ๊กตาหน้าตาตลกไว้แน่น
มินโฮทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเตียง มือหนาเลือกเกลี่ยเส้นผมนุ่มที่ปรกหน้าให้อย่างแผ่วเบา ก่อนจะกดริมฝีปากร้อนๆแนบลงไปบนหน้าผากคนป่วย แทมินขยับตัวเพียงเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอันคุ้นเคย มุมปากเล็กอมยิ้มน่ารักก่อนจะตัดสินใจลืมตาขึ้นมา
“กลับมาแล้วหรือ” ร่างสูงชะงักมือที่กำลังจะจัดผ้าห่มให้คนตัวเล็ก..คิดว่าหลับไปแล้วเสียอีก
“อืม..ทำไมยังไม่นอนอีก?”
“ก็..รอ”
เสียงแผ่วเบาตอบรับเหมือนไม่มั่นใจ ในเมื่อคนที่คุยด้วยดันทำหน้าเรียบนิ่งซะจนเดาใจไม่ถูก แต่ร่างสูงของอีกฝ่ายกลับรู้สึกผิดที่เอาเรื่องไร้สาระเข้ามาคิดมาก..นี่ถ้าเขาไม่กลับมาน้องคงไม่ได้พักผ่อน คิ้วเรียวขมวดขึ้นเมื่อนึกได้เช่นนั้น
“ยังโกรธอยู่ไหม?” เด็กน้อยบนเตียงผู้ป่วยถามด้วยแววตาจริงจัง
“ฉันไม่ได้โกรธอะไรนี่” แทมินเบะปากใส่มินโฮทันที ไม่โกรธแล้วจะมาหงุดหงิดทำไม
“ก็ดีถ้านายไม่โกรธ..ฉันจะได้ไปกอดพี่จงฮยอน ไปหอมแก้มพี่จงฮยอน ให้หนำใจเลย!” คำพูดประชดประชันเรียกสายตาให้มินโฮต้องจ้องหน้าคนพูด นี่แสดงว่าแทมินรู้ว่าเขาไม่พอใจเรื่องอะไร
“ถ้าทำแบบนั้น..นายก็ไม่โกรธใช่ไหมล่ะ!”
“เราอย่าพึ่งคุยเลยดีไหม นายควรพักผ่อนก่อน...” ไม่ใช่ว่ามินโฮไม่อยากเคลียร์ แต่เวลานี้น้องควรจะนอนพักได้แล้ว ทว่าคนตัวเล็กกลับดื้อ ดึงดันที่จะเคลียร์กันให้จบ
“ไม่! เราต้องคุยกัน...ฉันไม่อยากให้นายเดินหนีไปอีกแล้ว” แทมินตะโกนสุดเสียงในครั้งแรก แต่ประโยคหลังกลับแผ่วเบาลงจนแทบจะไม่ได้ยิน ทว่าเมื่ออยู่กันสองคนในห้องเงียบๆแบบนี้แล้ว มีหรือร่างสูงจะไม่ได้ยิน
มือบางข้างที่ได้รับบาดเจ็บยื่นออกไปรั้งแขนคนตัวสูง ดวงตาหวานเคลือบคลอไปด้วยประกายน้ำจนคนมองสะดุดลมหายใจ...ถ้าหากน้ำตาจะไหล แทมินจะคิดเสียว่าเพราะป่วยแล้วกัน จิตใจมันอ่อนแอและเปราะบางเกินกว่าจะต้านทานไหว
“อย่าทิ้งฉันได้ไหม...ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว” แค่เกือบครึ่งวันที่ต้องนั่งอยู่คนเดียว จมอยู่กับความคิดที่หาทางออกไม่ได้มันก็เจ็บในอกไปหมด แล้วทำไมแทมินจะต้องมาทนกับอะไรแบบนั้นอีก ทั้งๆที่รู้สาเหตุและปัญหาของมันแล้ว
“ฉันขอโทษ”
สิ้นคำขอโทษ มินโฮไม่รอช้าที่จะคว้าตัวร่างบางขึ้นมากอด สัมผัสอบอุ่นแผ่ขยายไปจนแทมินต้องกลั้นเสียงสะอื้นไว้อีกครั้ง แขนเล็กยกขึ้นกอดตอบก่อนที่มินโฮจะกระชับวงแขนนั้น รั้งให้แทมินขยับเข้ามาชิดกันมากขึ้นไปอีกกอดรัดคนตัวเล็กเข้ามาแนบอก
“ไอ้บ้า..นายมันบ้า”
แรงทุบเบาๆที่หลังกับถ้อยคำตัดพ้อที่เจ้าตัวพูดอู้อี้อยู่กับอกเขา ทำให้มินโฮถึงกับหลุดยิ้ม แทมินก็มีมุมเป็นลูกแมวขี้อ้อนเหมือนกัน...มือหนายกขึ้นลูบผมนุ่มอย่างอ่อยโยน ก่อนจะดันคนตัวเล็กออกมา ทว่าดันตัวเท่าไหร่แทมินกลับไม่ยอมปล่อยตัวออกมาจากอ้อมกอดเขาเลย
“อย่าพึ่งเซ่”
“กอดนานๆเดี๋ยวหายใจไม่ออกหรอก”
ไม่ใช่ว่าไม่อยากกอดน้องต่อ แต่ผมก็แค่อยากแกล้ง อยากเห็นจมูกแดงๆของน้อง ตาหวานฉ่ำๆของน้อง ลูกแมวตัวนี้คงน่ารักน่าดู...ไม่นานแทมินก็ยอมผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่น มือบางรีบยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะชี้หน้าเจ้าของอกอุ่นๆที่ตัวเองใช้ซบเมื่อสักครู่ มินโฮมองคนตรงหน้าแล้วก็หลุดขำออกมา
“นายทำฉันร้องไห้!..แล้วยังจะกล้าขำอีกหรือไง”
“แล้วทำไมนายต้องร้องไห้เพราะฉัน?” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยท่าทางสบายๆจนแทมินอยากจะเอาเฝือกทุบเข้าสักที แขนยาวทว่าแข็งแกร่งเหนี่ยวรั้งเอวคนตัวเล็กกว่าให้เข้ามาใกล้จนมือบางต้องยันตัวเองกั้นไม่ให้มินโฮได้เข้ามาใกล้มากกว่านี้..ไม่อย่างนั้นเรื่องที่อยากจะพูด ก็คงไม่ได้พูดอีกแน่ๆถ้าคนที่รั้งเข้ามาเอาแต่จ้องปากเขาอยู่แบบนี้
“นายเข้าใจผิดเรื่องพี่จงฮยอนจริงๆหรือ?...ฉันกับพี่จงฮยอนไม่มีอะไรเลยนะ เราเป็นพี่น้องกัน เราสนิทกันเหมือนเป็นพี่น้องกันแท้ๆเลย ฉันไม่เคยคิดอะไรเกินไปกว่านั้นแล้วฉันก็เชื่อว่าพี่จงฮยอนก็ไม่เคยคิดกับฉันแบบนั้นเหมือนกัน”
คำยืนยันหนักแน่นของแทมินทำให้ผู้ชายตัวสูงข้างหน้าถึงกับต้องยิ้มออกมาอย่างจริงใจ นอกจากน้องจะยืนยันแล้วว่าไม่คิดอะไรกับพี่ชายคนสนิท ผมคงต้องดีใจอีกต่อ เมื่อรอยยิ้มหวานนั้นส่งกลับมาให้พร้อมคำพูดที่มีพลังทำลายล้างสูงไม่แพ้กัน
“นายนั่นแหละ...ทำฉันคิดเกินเลย”
สารภาพแบบนี้น่าอายเป็นบ้า! ร่างบางยื้อตัวออกจากอ้อมกอดของมินโฮทันที ก่อนจะล้มตัวลงนอนคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงจนเหลือแต่เส้นผมสีทองที่โผล่ออกมา มินโฮมองภาพตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดูกับทั้งคำพูดและการกระทำ มือหนายื่นออกไปหมายจะดึงผ้าห่มที่ปิดหน้าอยู่ลงมา แต่ก็ไม่ไวเท่าแทมิน ที่แอบลดผ้าลงมาเปิดส่วนที่เป็นดวงตาไว้มองจ้องกลับไปที่ดวงตาคู่คมของมินโฮ
“นี่...” เสียงหวานดังอู้อี้อยู่ใต้ผ้าห่ม
“หืม?” เสียงขานลงคอตอบรับจากร่างสูงทำให้แทมินเบือนสายตาหนีมินโฮอย่างลังเลใจ ก่อนจะยอมเอ่ยปากพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดไว้
“ใครๆก็มาบอก...ว่านายชอบฉัน..เอ่อ...แต่นายไม่เห็นจะเคยบอกฉันเลยนี่” ถึงแม้น้ำเสียงจะฟังดูปกติ แต่ให้ตายสิ...หัวใจเต้นจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
มินโฮกดยิ้มมุมปากก่อนจะก้มหน้าลงไปกระซิบข้างหูร่างบางที่ซ่อนใบหน้าเห่อร้อนจนแก้มแดงแทบระเบิดไว้หลังผ้าห่ม
“อยากฟังหรือ?”
“เอ่อ..ไม่ฟังแล้วก็ได้” แทมินกำผ้าห่มไว้แน่นเมื่อคนตัวสูงกว่าเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ อยากจะเบือนหน้าหนี แต่ก็ไม่ทันแล้วเมื่อปลายจมูกคมสัมผัสเข้ากับจมูกรั้นของตัวเองที่ถูกผ้าห่มกั้นไว้ เสียงทุ้มทว่าอ่อนโยนยอมเปิดปากเอ่ยออกมาตามคำขอของร่างบางจนสามารถสะกดทุกอย่างรอบตัว
“ฉันรักนาย”
นิ้วยาวเกี่ยวรั้งผ้าผืนบางออกจากใบหน้าหวาน มินโฮแนบริมฝีปากเข้ากับกลีบปากบางที่เผยอรอรับความหวานจากร่างสูง แทมินหลับตาลงรับสัมผัสอันคุ้นเคยก่อนจะยอมให้ลิ้นร้อนๆได้ทำตามหน้าที่ของมัน แขนเล็กเหนี่ยวรั้งลำคอหนาไว้เป็นที่ยึด ก่อนจะปล่อยตัวและหัวใจให้ซึมซับความอ่อนโยนนี้
นิ้วยาวเกลี่ยไปตามพวงแก้มใสอย่างหลงใหล แม้แต่ปลายจมูกก็ยังก้มลงสูดความหอมจากคนตัวเล็ก ฝ่ามือหนาเลื่อนเข้าไปภายใต้ชุดผู้ป่วยเนื้อบางก่อนจะลูบผิวเนื้อเนียนจนแทมินต้องขยับตัวเข้ามาแนบชิดร่างสูงเข้าไปอีก แทมินหอบหายใจหนักเมื่อท้องไส้เริ่มปั่นป่วนอย่างไม่เคยเป็น
มินโฮดึงเชือกด้านหน้าหมายจะปลดเสื้อให้คนป่วย ทว่ามือเล็กข้างที่ถูกเฝือกสีขาวหุ้มอยู่ กลับปัดไปโดนขอบเตียงจนต้องซี๊ดปากร้องโอยออกมา ทำให้ร่างสูงรีบหยุดแล้วหันกลับไปมองมือบาง
“เจ็บไหม?”
ร่างบางได้แต่ส่ายหน้าส่งยิ้มแหยๆไปให้ก่อนจะรีบชักมือกลับ รีบลูบหน้าลูบตา จัดเสื้อผ้าตัวเองยกใหญ่ จนมินโฮที่นั่งมองอยู่ถึงกับหลุดยิ้ม
“เอ่อ...ฉันว่าฉันต้องหลับซักงีบแล้วล่ะ..นายก็ฝันดีนะ” พูดไม่ทันจะจบประโยคผ้าห่มก็ถูกยกขึ้นคลุมมิดจนถึงคออีกครั้ง
“หึ...หายเจ็บเมื่อไหร่นายไม่รอดหรอกนะ” มินโฮพูดแกมขำก่อนจะยกมือขึ้นบีบจมูกคนที่แกล้งหลับตาทำเป็นหลับ แต่ริมฝีปากบางกลับระบายยิ้มเสียเต็มแก้ม
.
.
หลังจากผ่านมรสุมไปแน่นอนอากาศย่อมปลอดโปร่งเสมอ ก็เหมือนกับคนเราเมื่อผ่านเรื่องร้ายๆไปได้ความสุขก็จะตามมาทุกคนว่าแบบนั้นไหม หลังจากเมื่อคืน..แทมินคงไม่รู้ตัวว่าน้องทำให้ผมอยากจะหวงน้องเพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ถ้าถามผมตอนนี้ว่ามีความสุขไหม...คงตอบได้คำเดียวว่ามาก การที่มีใครสักคนแคร์เรามากขนาดนี้ ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าอย่างน้อยเราก็สำคัญ แล้วในเมื่อคนๆนั้นเป็นแทมิน ทุกสิ่งทุกอย่างก็แทบจะไม่มีความหมาย
“วันนี้อาบน้ำนานแฮะ” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆเมื่อตั้งแต่น้องตื่นมาก็หายเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวนานผิดปกติ หรือจะยังไม่ชินกับความสัมพันธ์แบบใหม่ของเราก็ไม่แน่ใจ..แต่ผมก็ไม่ซีเรียสอะไรในเมื่อทุกอย่างมันก็ต้องการเวลาปรับตัว แล้วเราก็มีเวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกันอีกนาน
มินโฮเก็บข้าวของเครื่องใช้จำเป็นต่างๆที่น้องติดตัวมาลงในกระเป๋าเกือบหมดก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงของคนป่วย รอแทมินออกจากห้องน้ำ มือหนาหันไปมองที่โต๊ะข้างเตียงที่ตั้งแจกันดอกไม้ของโรงพยาบาลไว้ก็ต้องสะดุดตากับเจ้าแวนโก๊ะที่ลืมเก็บใส่กระเป๋าไปให้ ไม่รอช้ามินโฮจึงหยิบตุ๊กตาคู่ใจของร่างบางขึ้นก่อนจะสังเกตเห็นสมุดสเก็ตภาพเล่มไม่ใหญ่ที่ตุ๊กตาหน้าแปลกนั่งทับไว้
ร่างสูงคว้าสมุดวาดภาพก่อนจะไล่เปิดทีละหน้า ลายเส้นบูดๆเบี้ยวๆในหน้าแรกๆแสดงให้เห็นว่าน้องคงกำลังลองฝึกวาดรูปด้วยมือข้างซ้ายที่ตนเองไม่ถนัด แต่ในหน้าต่อๆไปลายเส้นกลับพัฒนาจนคงที่..หากคนที่มองดูงานศิลปะไม่เป็นอย่างเขาก็คงเห็นว่ามันออกจะเพอร์เฟ็ค แต่ยังไงคนวาดเองคงไม่ได้รู้สึกไปแบบนั้น เพราะหลายภาพกลับถูกขีดทิ้งทั้งๆที่มันก็สวยงามไม่แพ้กัน
มินโฮนั่งดูรูปวาดไปเกือบค่อนเล่มจนสังเกตเห็นที่มุมสมุด ตัวการ์ตูนหน้าตาคุ้นตาเหมือนเคยเห็น เรียกรอยยิ้มให้ร่างสูงทันที เมื่อลองพลิกย้อนกลับไปหน้าก่อนๆยิ่งทำให้หัวใจเต้นแรงก่อนจะตัดสินใจรวบกระดาษทั้งหมดนั่นเข้าด้วยกัน มือหนาปล่อยกระดาษลงทีละแผ่นจนเห็นเป็นการ์ตูนแอนนิเมชั่นอีกครั้ง และไม่ลืมที่จะลองทำใหม่เพื่อให้แน่ใจกับรูปที่ได้เห็น
“เฮ้ยย!”
ไม่ทันได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ ร่างบางในชุดเสื้อยืดสีชมพูกับกางเกงยีนส์สีเข้มตัวเล็กเข้ารูปก็ร้องเสียงหลงเมื่อสมุดวาดภาพได้ตกอยู่ในมือร่างสูง แทมินรีบเดินเข้ามาด้านหน้า ก่อนจะยื่นมือคว้าเอาสมุดภาพนั้นแต่กลับไม่ได้อย่างที่ต้องการเมื่อมินโฮเก็บมันไปไว้ด้านหลัง
“เอาคืนมาเด้!”
แทมินขยับตัวเข้าไปใกล้คนตัวสูงที่นั่งอยู่บนเตียงหมายจะคว้าเอาสมุดเล่มนั้นกลับมาให้ได้ แต่กลับถูกแขนหนาเกี่ยวเอวบางเข้ามาประชิดตัว แต่มีหรือคนตัวเล็กจะยอม เมื่อแทมินเอาแต่ดิ้นไปดิ้นมาจนมินโฮต้องยอมคลายวงแขนออกแต่ก็ไม่ยอมยื่นสมุดกลับคืนให้
มินโฮรั้งเอวคนตัวเล็กกว่าให้เข้ามายืนอยู่ช่วงหว่างขาของตัวเอง ก่อนจะยิ้มมีเลศนัยหยิบสมุดที่ซ่อนอยู่ออกมาชูให้แทมินดู มือหนาเปิดสมุดขึ้นมาแล้วชี้นิ้วไปที่มุมหนึ่งของหน้ากระดาษ ตัวการ์ตูนหัวกลมตัวนี้ดูยังไงก็เป็นเขา กับอีกตัวที่ตัวเล็กกว่าแต่ทรงผมเป็นเอกลักษณ์แบบนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแทมิน
ร่างสูงรวบปลายกระดาษทั้งหมดก่อนจะปล่อยลงมาอย่างช้าๆให้คนตัวเล็กดู จนแทมินที่ยืนอยู่ด้านหน้าถึงกับแก้มเห่อร้อน เมื่อตัวการ์ตูนสองตัวกำลังค่อยๆเคลื่อนหัวกลมๆนั้นเข้ามาใกล้กัน ก่อนจะจบลงที่ริมฝีปากทั้งสองแนบกันสนิท
เหมือนกับที่ตอนนี้ใบหน้าคมเคลื่อนเข้ามาใกล้ และแนบริมฝีปากลงไปบนกลีบปากนุ่ม ไม่ล่วงเกินไปมากกว่านั้นแต่ก็เรียกละอองความอ่อนหวานได้ไม่แพ้กัน
“อะ..ไอ้บ้า...เอาคืนมาเลย”
มินโฮยักไหล่สบายๆก่อนจะส่งสมุดเล่มนั้นคืนให้แก่เจ้าของ แต่ไม่วายจะโดนมือเล็กนั่นหมายจะทุบเข้าให้อีกครั้ง ร่างสูงรวบมือคนที่ทำร้ายร่างกายไว้ และแนบลงมาที่ตำแหน่งหัวใจของตัวเอง แววตาคมถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มีส่งให้ จนแทมินต้องส่งรอยยิ้มน่ารักกลับมา
“ฉันรู้...”
คำพูดสั้นๆพร้อมรอยยิ้มจากร่างบาง แค่นี้ก็ทำให้มินโฮอยากจะอิจฉาตัวเองอยู่แล้ว
“ฉันก็รักนาย”
END
TALK
กรี๊ดดด จบแล้ว ซอรี่ที่มาช้านะคะ
แต่งไม่ออกและงานเยอะมาก TT^TT
ไม่รู้จะถูกใจไหม ฮืออออ
เอาเป็นว่า ไว้จะโผล่มาสเปเชียลให้สักตอน สองตอน ^^
ความคิดเห็น