คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : :: EP 15 :: พระเอก
ฟังเพลงไปด้วยยยยย
กลิ่นยาฉุนลอยฟุ้งไปทั่วโรงพยาบาล คีย์ทำหน้าบู้เมื่อนึกถึงสายน้ำเกลือจะมาเจาะหลังมือตัวเองก็ขนลุกแล้ว ดีนะที่ไม่ได้เป็นอะไร จงฮยอนชวนคีย์คุยขณะรอหมอทำความสะอาดแผลถลอกเล็กๆน้อยๆตอนที่เข้าไปช่วยฉุดแทมินขึ้นมา ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนตามไม่ทัน เพียงแค่จงฮยอนไล่แทมินให้กลับไปด้านใน พอหันกลับมาอีกทีแทมินก็ล้มไปกองอยู่ที่พื้นแล้ว นี่ถ้ามินโฮไม่ออกมาช่วยไว้ เขาจะสามารถช่วยแทมินได้ไหมนี่สิ
“ฉันโคตรตกใจอ่ะ ตอนหันมาเจอแทมินล้มลงไป”
“แล้วตกลงต่อยกันเรื่องไรวะพี่”
“ฮืออ ไม่รู้จริงๆว่ะ คงต้องรอถามแทมิน” จงฮยอนส่ายหน้าก่อนจะทำหน้ายุ่งเมื่อหาเหตุผลให้ต้องต่อยกันไม่ได้
ไม่นานร่างสูงของมินโฮก็เดินเข้ามาในโรงพยาบาล ใบหน้าหล่อมีรอยฟกช้ำแต่เพียงเล็กน้อย มุมปากมีเลือดซึมออกมาไม่มาก แต่ก็ไม่ทำให้ร่างสูงรู้สึกสนใจไปมากกว่าอาการของคนตัวเล็กที่เข้าไปด้านในห้องตรวจ แทมินหมดสติไปหลังจากที่ถูกพยุงตัวออกมาโรงพยาบาลจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา
“หมอยังไม่ออกมาหรือ?”
“ยังว่ะ..แกใส่ยาตรงปากหน่อยไหม?” จงฮยอนถามพลางยกขวดเบตาดีนสีเหลืองให้ร่างสูง มินโฮพยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงให้คุณพยาบาลใส่ยาให้
“เห็นไอ้พวกนั้นบอกว่าแทมินไปเดินชนมัน”
“แค่นั้นอ่ะนะ???”
“อืมม”
“เฮ้ออ..คนเรา ใช้กำลังตัดสินปัญหายิ่งทำให้มีแต่ปัญหา” จงฮยอนพูดออกมาอย่างปลงๆขณะที่มือก็ค่อยๆลูบพลาสเตอร์ยาของตัวเองเบาๆ
“หือออ.....พี่จงฮยอนพูดจางี้เป็นด้วยหรอ ฮ่าๆๆ”
คีย์ส่งเสียงแซวเบาๆเมื่อรุ่นพี่ที่รู้จักพูดจาเป็นผู้เป็นคนผิดปกติ มีแต่มินโฮที่นั่งขมวดคิ้วยุ่งอยู่คนเดียว จนกระทั่งอนยูเดินออกมาพร้อมคุณหมอ ทั้งสามคนจึงรีบลุกขึ้นยืน รอฟังอาการของคนตัวเล็กทันที
“ร่างกายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะครับ ไม่ช้ำใน ทุกอย่างปกติดี”
“เฮ้อ =3” จงฮยอนและคีย์ถึงกับถอนหายใจออกมาพร้อมๆกัน
“แต่...ไม่ทราบว่าคนป่วยถนัดมือข้างไหนครับ?”
“ขวาครับ” เป็นมินโฮที่ตอบรับคุณหมอ
“หมอคิดว่าผู้ป่วยคงจะไม่สามารถใช้งานข้อมือข้างขวาได้นะครับ เพราะกระดูกที่ข้อมือข้างขวาร้าว ถ้าจะต้องรักษาคงใช้เวลานาน ทางที่ดีคนไข้ยังไม่ควรขยับและใช้งานข้อมือข้างนี้ครับ”
เพียงเสี้ยวอึดใจที่ทุกคนหยุดนิ่ง มินโฮรู้ดีว่ามือสำคัญกับแทมินมากแค่ไหน ร่างบางที่รักการวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจจะทำอย่างไรถ้ามือข้างนั้นไม่สามารถวาดรูปได้อีกต่อไป หรือถึงแม้จะวาดได้..ก็ไม่สามารถวาดได้คงที่เหมือนเดิม มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน นี่แค่ในความคิดของเขากลับเลวร้ายขนาดนี้ แล้วตัวแทมินเอง ถ้ารู้แล้วจะเป็นอย่างไร...คีย์ได้แต่ตบไหล่ให้กำลังใจมินโฮ เพราะรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วงความรู้สึกแทมินมากแค่ไหน
“ตอนนี้คนไข้ฟื้นแล้วนะครับ เข้าไปเยี่ยมกันได้ปกติ...เดี๋ยวหมอขอตัวก่อน”
“ขอบคุณครับ” อนยูดูจะเป็นคนที่มีสติที่สุดกล่าวขอบคุณคุณหมอแล้วเดินเข้ามาร่วมวง
“พี่ว่าเข้าไปดูแทมินดีไหม”
ทั้งสามคนหยุดอยู่ที่หน้าห้องคนไข้ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูเข้าไป แทมินกำลังนั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง มือบางกอบกุมข้อมือของตัวเองไว้ด้วยมืออีกข้าง ก่อนจะหันมาสบตากับทั้งสามคน รอยยิ้มจางๆที่ส่งมาดูยังไงก็รู้ว่าฝืนยิ้มแค่ไหน
“ยังไงเรา หิวไหม?” เป็นคีย์ที่ทำลายความเงียบขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปลูบผมนุ่มของแทมินอย่างเบามือ แทมินส่ายหัวไปมาตอบกลับ ก่อนจะขอบคุณสำหรับความหวังดีของรุ่นพี่คนสวย
“ต้องนอนกี่วันเนี่ย หืม”
“2มั้ง ไม่อยากอยู่นานๆหรอก” แทมินตอบจงฮยอนเสียงอ่อย แต่ก็ยอมนั่งนิ่งๆให้คนเป็นพี่ยีผมจนยุ่ง
“อยากรีบกลับก็กินข้าว กินยา นอนเยอะๆเข้าใจไหม แล้วพี่มาเยี่ยมใหม่ นี่ดึกแล้ว”
“อื้อ”
“งั้นฉันกลับด้วยเลยดีกว่า มินโฮอยู่เฝ้าได้ใช่ไหม?” คีย์หันไปถามเพื่อนสนิทที่ยืนมองอยู่ที่มุมห้อง
“อือ ฉันอยู่กับแทมินเอง”
“งั้นพวกฉันไปก่อนนะ...ไว้พี่มาใหม่นะแทมิน”
“ฮะ...ขอบคุณนะฮะ”
สิ้นเสียงประตูปิดลง ความเงียบก็เข้ามาแทนที่ มินโฮไม่รู้ว่าเวลานี้ควรจะพูดอะไรออกไป ได้แต่เดินเข้าไปยืนข้างเตียง ก่อนที่มือหนาจะวางลงบนหัวทุยๆของแทมินที่นั่งก้มหน้า เพียงแค่สัมผัสอ่อนโยนที่ร่างสูงสัมผัส ก็ทำให้ความเข้มแข็งทั้งหมดที่พยายามสร้างขึ้นมาของแทมินสลายไป
น้ำตาหยดเล็กๆ หยดลงบนผ้าห่ม เมื่อแทมินไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีก ร่างบางตัวสั่นจนมินโฮต้องเอื้อมมือประคองกอดคนตัวเล็กเข้ามาแนบอก แรงสะอื้นที่กลั้นไม่อยู่ถูกปล่อยออกมาอย่างไม่อาย แทมินกำจิกเข้าที่เสื้อของมินโฮอย่างระบายความอัดอั้นในใจ
“ฮึกก..ก”
ใบหน้าหวานใสเปรอะไปด้วยคราบน้ำตา เมื่อแนบอยู่ที่แผ่นอกกว้างของคนตรงหน้า ไม่มีเสียงของการพูดคุย มีเพียงแค่เสียงสะอื้นของแทมิน มือหนาลูบหลังร่างบางขึ้นลงอยู่อย่างนั้น มินโฮอยากจะรับความเจ็บปวดทั้งหมดของแทมินมาไว้เอง..ทำไมคนที่มีเรื่องต้องเป็นแทมิน ไม่ใช่เขา...
“ฮึกก..มินโฮ...”
“ครับ”
เสียงอ่อนโยนของมินโฮ ทำให้แทมินยอมเงยหน้า ปาดน้ำตาออก แต่ก็ไม่ไวเท่าคนตัวสูง ที่ตั้งใจเกลี่ยนิ้วเช็ดคราบน้ำตาให้อย่างเบามือ ร่างสูงประคองใบหน้าสวยไว้ ก่อนจะกดจูบลงไปที่เปลือกตาทั้งสองข้างของแทมิน มินโฮจูบซับน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากบาง
ร่างสูงเพียงแค่แตะปากลงไปบนกลีบปากบางไม่นานก็ละออกมา ฝ่ามือหนาวางทับมือเล็กที่วางอยู่บนตัก มินโฮประคองมือสวยของแทมินไว้ ก่อนจะกดจูบลงไปซ้ำๆอย่างหวงแหน จนแทมินต้องกัดปากกลั้นก้อนสะอื้นไว้อีกครั้ง
“ถ้าอยากร้องก็ร้องไห้พอเลย...ฉันจะอยู่ข้างๆนาย”
แค่เพียงเท่านั้น น้ำตามากมายก็ไหลกลับออกมาอีกครั้ง มินโฮกอดปลอบลูบหลังอยู่พักใหญ่จนแทมินหลับไป ร่างบางกอดแขนคนตัวสูงเอาไว้แน่นยามหลับ ก็ไม่ได้ทำให้มินโฮรู้สึกรำคาญอะไร ยอมลดตัวลงนั่งอยู่ข้างๆเตียง นิ้วเรียวเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าออกให้อย่างเบามือ
.
.
แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างปลุกคนป่วยให้รู้สึกตัว เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะขมวดคิ้วมองแสงแดดที่แยงตา เมื่อร่างบางปรับสายตาได้ก็หันกลับไปมองข้างเตียง มินโฮยังคงฟุบหลับอยู่ แทมินนั่งมองหน้าคนหลับอยู่สักพัก ก่อนจะยื่นมือออกไปแตะที่แก้มของร่างสูง...ถ้าไม่มีมินโฮ เขาคงไม่แสดงความอ่อนแอแบบเมื่อคืนออกมาอย่างแน่นอน..เพราะเขาไว้ใจ และเชื่อใจ ว่ามินโฮจะรับและปลอบโยนได้
ร่างสูงขยับตัวเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัสจนแทมินต้องชักมือกลับกลัวรบกวนการนอนของคนตัวสูง ทว่าไม่ทันได้ชักมือกลับมือหนากลับคว้ามือเล็กนั่นแนบที่แก้มทั้งๆที่ยังหลับตา มุมปากร่างสูงยกยิ้มขึ้นจนแทมินสังเกตได้
“ตื่นแล้วก็ลุกดิ!”
“.......”
“ชเวมินโฮ!”
“ชู่วววว..อย่าเสียงดังสิ” มินโฮเงยหน้าหรี่ตามองคนน่ารักดึงมือของตัวเองกลับอย่างพอใจ
“เป็นยังไงบ้าง...เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่เจ็บแล้ว”
“วันนี้นายต้องไปสมานกระดูก แล้วก็เข้าเฝือก...นายโอเคนะ”
“อื้มมม”
“แทมิน..”
“อะไร?”
“อย่าทำหน้าเศร้าได้ไหมครับ...หืมม” สองมือใหญ่ประคองใบหน้าหวานไว้ ก่อนกดปลายจมูกลงบนหน้าผากเนียน
“มินโฮ...ฉันจะหายไหม ฉันจะวาดรูปได้อีกหรือเปล่า” เสียงหวานแหบแห้งเอ่ยออกมาอย่างเศร้าๆจนมินโฮต้องชูมือซ้ายของร่างบางขึ้นมา
“ถ้ามือนั้นใช้ไม่ได้...ก็ใช้มือนี้สิ ไม่เห็นยากเลย”
“แต่....”
“ชีวิตคนเราน่ะ ไม่มีคำว่าแต่หรอกนะ...ไอ้คำว่าแต่น่ะ มันก็เหมือนข้ออ้างเท่านั้นล่ะ นายเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม..”
“อื้มม”
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าทำหน้าเศร้า นายทำได้อยู่แล้ว”
แทมินยิ้มรับกำลังใจที่ร่างสูงมอบให้ ก่อนประตูห้องจะถูกเปิดออกด้วยฝีมือคุณหมอ ที่เข้ามาตรวจอาการ
“ทุกอย่างไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวคุณอีแทมิน ไปเข้าเฝือกได้เลยนะครับ”
“นายอยู่ได้ไหม ถ้าฉันกลับห้องไปเอาของก่อน แล้วจะรีบกลับมา”
“อื้มได้ๆๆ” ร่างบางพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามคุณหมอออกไปด้านนอก
มินโฮเดินออกจากห้องพักเพื่อกลับไปเอาของ ร่างสูงไม่ลืมที่จะหยิบตุ๊กตาตัวโปรดของแทมินมาให้ ก่อนจะแวะซื้อข้าวเข้าไปนั่งกินกันกับร่างบางด้วย ไม่นานโทรศัพท์จากคีย์ก็โทรมาถามอาการน้อง ซึ่งเจ้าตัวก็บอกอาจจะเข้ามาเยี่ยมตอนเย็นๆ ร่างสูงจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยก็รีบกลับมาที่โรงพยาบาลอีกทันที
.
.
“ไอ้เด็กบ้า พี่โคตรตกใจว่ะแกเล่นล้มไปต่อหน้าต่อตาตอนพี่หันกลับมา” จงฮยอนที่นั่งคุยอยู่กับแทมินได้สักพักเริ่มเปิดประเด็นการต่อสู้เมื่อคืน
“มันน่าโมโหมากเว่ย..พี่รู้ป่ะผมขอโทษมันไปแล้วนะ กวนตีนจริงๆ”
“แต่มันก็น่วมคาตีนทีมฟุตบอลของมินโฮไปแล้วนะ ฮ่าๆๆๆ พี่ล่ะอยากเห็นสภาพ”
คนเป็นพี่เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงสภาพไอ้คนที่โดนยำตีนที่ใครบางคนเล่าให้ฟัง คงทนดูไม่ได้แน่ๆ แล้วก็หันกลับไปมองหน้าแทมิน ร่างบางเอาแต่ยิ้มก้มลงมองมือตัวเองจนจงฮยอนชักแปลกใจ ไอ้มือข้างที่เข้าเฝือกนี่มันไม่ดีไม่ใช่หรือ..แล้วจะยิ้มทำไม แค่คิดรุ่นพี่หนุ่มก็ทำหน้าปุเลี่ยนๆออกมา หวังว่าคงไม่คิดจะเพ้นท์เฝือกตัวเองเล่นหรอกนะ!
“ยิ้มไรวะ??”
“พี่จงฮยอน~” แทมินเงยหน้าขึ้นสบตาพี่ชายคนสนิท ดวงตากลมโตเป็นประกาย แต่ก็เจือความประหม่าไว้ไม่น้อย
“พี่เคย...มีความรักมะ!????” ร่างบางกดยิ้มจนแก้มตุ่ยเมื่อต้องถามคำถามน่าอายแบบนี้ แต่ดูเหมือนจงฮยอนจะรู้ทันความคิดของแทมิน ถ้าถามแบบนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องผู้ชายใจดีที่ชอบทำตัวเป็นพระเอกคนนั้นสินะ! ดูเหมือนแทมินจะเพิ่มความหวานแหววขึ้นมาอีกบุคลิกหนึ่งแล้วสิ
“มีดิ..พี่ก็รักพ่อรักแม่ รักเพื่อนๆ รักแกด้วยไง” จงฮยอนขยี้ผมน้องอย่างเอ็นดู แต่แทมินกลับทำหน้าขัดใจ จนคนเป็นพี่ต้องยอมแพ้เลิกแกล้ง
“ถามทำไมล่ะ...อินเลิฟอยู่หรือไง??”
“คิดว่านะ” แทมินพูดออกมาลอยๆจนจงฮยอนรู้สึกหมั่นไส้
“ชเวมินโฮ???”
“พี่รู้หรือ????????” แทมินหันกลับมาทำตาโตอ้าปากด้วยความตกใจ เมื่อจงฮยอนแอบรู้ว่าคนๆนั้นคือใคร
“แหม! เค้ารู้กันทั้งเมืองแล้วมั้ง ดูไม่ออกเลย!!! นี่พี่ก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่แกสองคนลีลาเยอะเหลือเกิน คนนอกเค้ามองก็รู้กันหมดแล้วว่าแกสองคนน่ะชอบกัน!”
ร่างบางทำปากยื่นน้อยๆก่อนจะตัดพ้อพี่ชายตัวเอง หรือไม่รู้ตัดพ้อใครอีกคนหรือเปล่า
“แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าชเวมินโฮชอบผม...หมอนั่นอาจจะไม่ได้คิดอะไรก็ได้”
“ไม่ชอบไม่รัก เค้าไม่จูบกันหรอกนะ!!” จงฮยอนพูดสบายๆแหย่เด็กเข้าใจยากเล่น แต่เด็กน้อยของเขากลับหน้าแดงเถือกลามไปถึงหูเลยทีเดียว นี่ถ้าคีย์ไม่แอบมาเล่า ก็คงไม่ได้รับรู้ความคืบหน้าเลยสินะ ว่ามินโฮมันทำอะไรน้องผมไว้บ้าง แล้วดูเหมือนเจ้าเด็กนี่ทำอะไรไม่เคยรู้ตัวเล้ย...
“!!!!!!!”
“ฮ่าๆๆๆ ชอบเขาก็ไปบอกสิ รออะไรหืม?? หรือรอให้มันมาบอกก่อน”
“ก็...เปล่า ก็พึ่งจะรู้ตัวว่าชอบเองนี่ รู้สึกว่าอยากอยู่ใกล้ๆกัน อยากให้เอาใจ อยากให้ปลอบใจ...ทุกๆอย่างอ่ะ พี่เข้าใจใช่ไหม..อธิบายไม่ถูกอ่ะ”
แทมินอมยิ้มเต็มแก้มเมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อๆของใครบางคน อ้อมกอดอบอุ่นที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยและสบายใจ มือใหญ่ที่แข็งแกร่งที่พร้อมจะช่วยเหลือในทุกๆอย่าง รอยยิ้มอ่อนโยนที่เคยได้รับมาตลอด และสัมผัสแผ่วเบาที่แนบแตะสัมผัสทุกครั้ง ความหอมหวานยังไม่เคยเลือนราง ถ้าทั้งหมดนี่เป็นความรัก...ชเวมินโฮก็คงเป็นคนนั้นจริงๆ
จงฮยอนขยี้ผมเด็กน้อยอย่างทำประจำเมื่อเห็นแทมินนั่งยิ้มใช้ความคิดกับตัวเอง พี่ชายคนสนิทจึงแกล้งบีบแก้มแทมินจนปากจู๋ ก่อนที่สองพี่น้องจะกลับมาหัวเราะคิกคักอีกครั้ง
“พี่จะดีใจมาก ถ้าแกมีความสุขนะ”
“อื้มม....กอดหน่อย” แทมินยกแขนขึ้นเหมือนเด็กๆให้จงฮยอนได้สวมกอด
“ผมโคตรรักพี่เลย!!”
“ฮ่าๆๆ พี่ก็รักแกเว้ย...แต่แกเอาไว้ไปพูดกับพระเอกของแกดีกว่านะ”
แทมินขืนตัวออกจากอ้อมกอดของพี่ชายเล็กน้อย ก่อนจะกดปลายจมูกรั้นลงบนแก้มของจงฮยอนอย่างรักใคร่...ถ้าไม่มีพี่จงฮยอนเขาคงไม่ได้มีชีวิตที่สดใสแบบวันนี้หรอก รุ่นพี่คนสนิทหัวเราะลงคอเมื่อถูกขโมยหอมแก้ม แต่ก็ไม่ยอมแพ้ จงฮยอนเลื่อนริมฝีปากได้รูป แนบลงไปบนหน้าผากของแทมินที่หัวเราะคิกคักอย่างแผ่วเบา
ทว่า...เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างสูงของใครบางคนผลักประตูเข้ามา...
ร่างสูงคุ้นเคยโค้งทักทายจงฮยอนด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนคนป่วยรู้สึกแปลกใจ จงฮยอนผละตัวออกจากแทมินทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงรังสีอำหิตแปลกๆ
“ผมเอาของมาวางเฉยๆ ถ้ายังคุยธุระกันไม่เสร็จผมจะออกไปก่อน”
“เฮ้ยๆๆๆไม่ๆๆ เสร็จแล้วว่ะ เอ่อ...พี่ว่าพี่กลับก่อนดีกว่า” จงฮยอนแทบจะคว้าเอากระเป๋าที่วางอยู่ด้านข้างไม่ทันก่อนจะขอตัวกลับบ้านก่อน
หลังจากจงฮยอนออกไป ภายในห้องก็เงียบลงอีกครั้ง ชเวมินโฮนั่งทำหน้าเครียดอ่านหนังสือพิมพ์กีฬาและไม่เอ่ยปากพูดอะไรเป็นเวลานาน จนร่างบางถึงกับหงุดหงิด...เป็นบ้าอะไรของเขาเมื่อเช้ายังดีดีอยู่เลย แทมินตัดสินใจเดินลงมาจากเตียงหยุดปลายเท้าลงที่โซฟาด้านหน้าที่ร่างสูงจับจองพื้นที่อยู่
“นายเป็นอะไร?”
“เปล่า”
“เปล่าบ้าอะไร..ดูก็รู้ว่านายหงุดหงิด”
“แล้วนายรู้ไหมล่ะ ว่าฉันหงุดหงิดอะไร??”
มินโฮยอมพับหนังสือพิมพ์แล้ววางลงข้างตัว ก่อนจะยืนขึ้นสบตากับดวงตากลมโตที่มองมา ใบหน้าหวานใสเชิดขึ้นเมื่อไม่ได้รับคำตอบ
“ถ้านายไม่บอกฉันจะรู้ได้ยังไง!...”
“ฉันเหนื่อย...ขอโทษนะ” พูดจบร่างสูงก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป ไม่ทันให้คนตัวเล็กที่ยืนงงได้เอ่ยพูดอะไรอีก
-------------------
“น้องคีย์ พี่ขอโทษนะที่ทำให้วุ่นวายน่ะ...อนยูนี่ไม่ไหวจริงๆ” เจสสิก้าพูดกับร่างบาง เมื่อทั้งสองคนมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง
วันนี้คีย์อาสามาช่วยงานวิจัยของอนยูที่บอกว่าเหลืออีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น แล้วก็ได้มาเจอกับเจสสิก้า ที่ตั้งแต่หลังจากมีเรื่องเข้าใจผิดกันคราวนั้น ก็ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันเลยจนหญิงสาวรู้สึกผิดคาใจ
“โอ้ย ไม่เป็นไรฮะ ผมก็บ้าไปเอง”
“น้องคีย์นี่น่ารักจังน้า..” มือเรียวสวยยกขึ้นดึงแก้มร่างบางเบาๆ จนร่างสูงที่นั่งทำงานอยู่ด้านหลังถึงกับกระแอมเสียงดังขึ้นมา
“อะไรติดคอหรอพี่อนยู” คีย์มองหน้าคนขี้หึงก่อนจะจับมือเจสสิก้าให้ประกบลงมาที่แก้มของตัวเอง
“พอเลยๆๆๆ นี่ตกลงเราจะมาช่วยหรือมาทำให้พี่เสียสมาธิเนี่ย...เธอด้วยนะเจส พอน้องเล่นด้วยก็ไม่ปล่อยเลย เอามือลงมาจากแก้มคีย์เลย ฉันหวงๆ”
“เวอร์มาก! เชอะ” หญิงสาวยอมปล่อยมือลงก่อนจะขยับตัวออกห่างตามที่คนขี้หวงเขาขีดเส้นข้ามแดนไว้
“ไว้รอพี่อนยูเผลอนะครับ” คีย์แกล้งแหย่คนรักด้วยการทำตาเยิ้ม ส่งยิ้มให้เจสสิก้าที่นั่งเตรียมจะระเบิดขำครั้งยิ่งใหญ่ออกมา
“คิบอมอ่า~~” เสียงง๊องแง๊งแบบนี้ทำเอาทั้งสองคนที่นั่งมองถึงกับหลุดขำออกมา...อย่างนี้สินะ ที่ทำให้ร่างบางอยากจะแกล้งอนยูอยู่ตลอดเวลา
“ถ้าเสร็จแล้วฉันจะเอากลับไปให้เอ็ดเวิร์ดตรวจดูแล้วนะอนยู”
เจสสิก้าเดินมารวบปึกงานวิจัยของร่างสูงทั้งหมดไว้ ก่อนจะขอตัวกลับบ้าน ไม่อยากจะอยู่เป็น ก ข ค หรอก แต่ก่อนจะกลับก็ขอคิสน้องคีย์ที่แก้มเบาๆพอให้อนยูได้นอนดิ้นไปดิ้นมาก่อนแล้วกัน
“ยัยเจส!!!”
“ไว้เจอกันๆๆ ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะลอยดังออกมาจากหน้าประตูหลังจากที่สาวร่างเพรียวก้าวออกไป
“พี่ทำงานเสร็จแล้ว เหนื่อยจังครับ”
ร่างสูงกอดเอวคนตัวเล็กไว้หลวมๆ ก่อนจะเอาหัวถูไถไปมาที่หน้าท้องแบนเรียบของคีย์อย่างออดอ้อน มือบางยกขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มของคนรัก ไม่นานอนยูก็ดันตัวขึ้นมาสบตาด้วย
“อยากกินสปาเก็ตตี้”
“ผมขี้เกียจทำน่ะ”
“งั้นไปทานข้างนอกกัน”
ร่างสูงฉุดแขนคนตัวเล็กกว่าให้ลุกขึ้นและตั้งท่าจะเดินออกไปด้านนอก แต่คีย์กลับรั้งตัวเองไว้ก่อน มองร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมทั้งส่ายหน้า จนอนยูถึงกลับต้องยอมหันกลับมามองตัวเอง
“พี่จะออกไปสภาพแบบนี้ได้ยังไง..ไม่เดินด้วยหรอก”
คีย์กล่าวขำๆก่อนจะเป็นคนฉุดมือคนตัวสูงให้ขึ้นมาที่ห้องแทน คนตัวเล็กชี้นิ้วพลางสั่งให้อนยูนั่งลงไปบนเตียงนุ่ม จนร่างสูงได้แต่มองตามคนตัวเล็กที่เดินไปหยิบนู่นหยิบนี่ กะจะจับเขาแต่งตัวว่างั้นเลย แค่คิดก็ได้แต่ยิ้มให้กับความน่ารักและเอาใจใส่ของคีย์
“ใส่คอนแทกก่อน ไหนๆๆ ทำตาโตๆดิ!”
คีย์วางแผ่นเลนส์สีใสไว้บนปลายนิ้ว ก่อนจะโน้มใบหน้าสวยเข้าไปใกล้คนตัวสูงที่ถูกดันเปลือกตาข้างหนึ่งไว้ นิ้วยาวเรียวค่อยๆบรรจงแนบแผ่นเลนส์ลงที่ดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้าอย่างตั้งใจ กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวคีย์ ยากเกินที่อนยูจะห้ามใจ ปลายจมูกโด่งกดลงไปที่แก้มใส ทำเอาคนตัวเล็กที่เผลอถึงกับสะดุ้ง
“พี่อนยู! ทำไรเนี่ย..อยู่เฉยๆเด้”
คีย์ยังคงตั้งใจใส่คอนแทกเลนส์อีกข้างให้กับร่างสูงอย่างชำนาน แต่ดูเหมือนมือใหญ่ของคนตรงหน้ากลับอยู่ไม่สุขเอาเสียเลย คอยแต่จะลูบเอวเขาอยู่นั่นแหละ เมื่อใส่แผ่นเลนส์สีใสทั้งสองข้างสำเร็จ คีย์จึงค้อนให้เบาๆโทษฐานก่อกวนเล่นเป็นเด็กๆ
“พี่ชักไม่อยากกินสปาเก็ตตี้แล้วล่ะ”
“อะไรของพี่ ไปเลยๆๆไปแต่งตัว.. อุ๊บบ..”
ริมฝีปากสีชมพูหยักขึ้นยามคนตัวเล็กพูด แต่กลับเหมือนแรงดึงดูดอันยิ่งใหญ่ ชวนให้เข้าไปลิ้มลองความหวานเสียมากกว่า ร่างสูงแนบริมฝีปากประกบเข้ากับกลีบปากบางของคนตัวเล็ก อนยูกดจูบตอบรับความหวานของร่างบาง ลิ้นเรียวแทรกเข้าไปในโพรงปากร้อนของคนตรงหน้าก่อนสลับแลกเปลี่ยนความหวานจนลืมเวลา...
TBC
TALK >> อ่าน อ่าน อ่าน
ป้าดดด เหมือนมาทิ้งระเบิดไว้อีกแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ
ตอนหน้าจบจริงไม่ได้โม้ >[]<
ตอนนี้อนคีย์จุ๊กจิ๊กๆมากๆ ขัดฟีลลิ่งพระเอกเค้าเลย
ฝากให้กำลังใจน้องติสกันด้วย
เม้าท์มอยอีกเรื่อง พอดีเปิดหน้า short fic ไว้
มี WORLD TOUR KISS HOLIDAY SERIES ลงไว้สองประเทศแล้ว
(ญี่ปุ่นกับไต้หวัน) เป็น ONEW X KEY ใครยังไม่ได้อ่าน อยากอ่าน NC เบาๆแก้เครียด ตามไปได้นิ
แล้วก็ล่าสุด PAST CONTINUOUS TENSE {TAEMIN X KEY} ก็ฝากด้วย ฮ่าาา
จิ้มๆๆ >> http://writer.dek-d.com/thescott/writer/view.php?id=727073
เม้นมั่งไรมั่งเนอะทั้งติส ทั้ง ช้อทฟิคเลย
เดี๋ยวไม่ต่อตอนจบซะเลย ก๊ากกกก
ความคิดเห็น