คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : :: EP 13 :: คำถามของแทมิน
ฟังเพลงก่อนนะคะ เพลงมันโดนนน
เสียงหอบหายใจดังขึ้นทั่วภายในตู้ของชิงช้าสวรรค์ เมื่อมินโฮยอมละริมฝีปากออกจากแทมิน ร่างบางนั่งหอบหายใจเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำใสๆแต่กลับไม่ได้ไหลออกมา แทมินเพียงแค่ตกใจ ไม่ได้เตรียมใจมาสำหรับเรื่องนี้ แต่ร่างสูงที่นั่งมองอยู่กลับกระวนกระวายใจมากขึ้นไปอีกเมื่อแทมินเลือกที่จะนั่งเงียบ
มือหนายื่นออกไป หวังจะแตะไหล่บางเรียกสติ แต่เพียงแค่ร่างสูงขยับตัว แทมินกลับสะดุ้งอย่างตกใจ ใบหน้าหวานใสขึ้นสีแดงเรื่อง กลีบปากบางเจ่อช้ำวาววับเคลือบด้วยน้ำสีใส
“เอ่อ...แทมิน”
“อืมมม”
“คือ..คือ.....ฉัน..”
“ช่างมันเถอะ!”
แทมินหันกลับมามองร่างสูงที่นั่งข้างๆกัน ก่อนตัดสินใจปัดความคิดที่ยุ่งเหยิงของตัวเองออก มันยังไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดหาคำตอบของการกระทำนี้ เพราะแทมินยังไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าความรู้สึกทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ร่างบางปั้นหน้ายิ้มส่งกลับให้ร่างสูงที่นั่งเกร็งอยู่ข้างๆ
“ฉันไม่เป็นไร...จริงๆ เราทำตัวแบบปกติเถอะ”
“แต่..แทมิน”
“นี่ชเวมินโฮ...ฉันโอเค ก็แค่จูบแรก!ฉันเลยตกใจ..แต่ฉันโอเคไง นายเลิกทำหน้าหงอยได้แล้ว”
แทมินพูดเสียงดังใส่ร่างสูงแต่แววตากลับหลุบลงต่ำแกล้งไม่สนใจร่างสูงตรงหน้า อาการแบบนี้ใครๆก็ดูออกไม่ใช่หรือว่าน้องน่ะเขินอยู่ บวกกับแก้มแดงๆปากเจ่อๆนั่นอีก ถ้าลองฉวยโอกาสอีกสักรอบคนตัวเล็กจะไม่เป็นไรอีกครั้งหรือเปล่า
“จูบแรกหรอ?”
“ก็เออสิ! ถามอยู่ได้พอเลย”
“จริงอ่ะ”
“ย๊า! ชเวมินโฮ จูบแรกก็จูบแรกดิ...นายคงผ่านมาเยอะล่ะสิ ชิส์!”
แทมินเบือนหน้าออกไปมองด้านนอกเมื่อตู้โดยสารของทั้งสองคนเลื่อนลงมาถึงด้านล่างอย่างปลอดภัยได้ ร่างบางก็รีบก้าวฉับๆไม่รอคนตัวสูงด้านหลังที่เอาแต่เดินยิ้มตามหลังลงมาเลย
“แทมิน ระวัง!”
ไม่ทันจะได้ข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของถนน ร่างบางที่เดินดุ่มๆกลับชนเข้ากับขอบเสาต้นไม้ ทำให้เสียหลัก ดีที่ร่างสูงมารับไว้ได้ทัน พอจะช่วยพยุงออกมาด้านข้างได้ก่อน มือหนาเลื่อนมือลงไปบีบเบาๆบริเวณข้อเท้า แต่แทมินกลับครางลงคอจนทำให้เจ้าตัวจะล้มลงไปนั่งที่พื้น
“เหมือนขานายจะพลิก”
“เฮ้ยยย! ไม่ได้นะ ฉันจะแข่งเต้นแล้วอ้ะ T^T ทำยังไงดี”
“นายก็อย่าทำให้ขาระบมสักวันก็หาย”
“จริงอ่ะ ฮือออ ถ้าไม่หายพี่อูยองต้องฆ่าฉันแน่ๆ”
“เดี๋ยวกลับบ้านไปประคบแล้วกัน เอางี้..”
“นะ...นายทำไรน่ะ?” ร่างสูงย่อตัวลงนั่งยองๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้แทมินที่นวดข้อเท้าอยู่
“ขี่หลังไง...อีกไกลนะกว่าจะถึงรถน่ะ ถ้าอยากขาหายก็ขึ้นมา”
ร่างบางทำตาโตอย่างตกใจส่ายหน้าปฏิเสธอย่างจริงจัง แต่ติดอยู่ก็ตรงประโยคที่ว่าจะหายนี่ล่ะ ทำให้แทมินตัดสินใจพยุงตัวขึ้นอีกครั้ง ยอมพาดลำตัวผ่านแผ่นหลังกว้างของมินโฮ แขนเรียวยาวเกาะไหล่หนาไว้แน่น เมื่อมินโฮยืนเต็มความสูง มือหนาเกี่ยวขาของแทมินมาไว้ด้านหน้า
“นายสูงอ่ะ”
“นายก็สูง แต่นายผอมไปหน่อยรู้ไหม”
“อืออ..ทุกคนก็ว่างั้นโดยเฉพาะพี่จงฮยอน ชอบว่าฉันผอม ขาเล็ก แขนเล็ก เวลากอดแล้วไม่เต็มไม้เต็มมือ”
ดูเหมือนคำว่าจงฮยอนจะมีผลทำให้ร่างสูงคิ้วกระตุกได้ไม่ยาก แล้วยิ่งไอ้กอดไม่เต็มไม้เต็มมือนี่ยิ่งทำให้คิ้วเข้มแทบจะพันกันเป็นปมจนแทมินที่เกาะอยู่ด้านหลังรู้สึกถึงอาการผิดปกติได้ ร่างบางชะโงกหน้าออกมาจากด้านข้างมองร่างสูงทำหน้าเครียดก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะจิ้มลงไปบนหัวคิ้วคนตัวสูง
“คิดอะไร...หน้าเครียดเชียว”
“หืมม..เปล่าหรอก”
“เปล่า..แต่คิ้วนายจะติดกันอยู่แล้วนะ”
เสียงหวานใสดังอยู่ชิดริมใบหู ไม่ทันที่แทมินจะได้ชักมือกลับ มินโฮกลับยึดมือบางเอาไว้ก่อนหันหน้ากลับมาสบตากับร่างบาง ปลายจมูกทั้งสองเฉียดกันเพียงนิดเดียว ทำให้แทมินรีบขืนตัวออกโดยทันที จังหวะหัวใจยังคงเต้นเร็วและแรงจนเจ้าของแผ่นหลังยังรู้สึกได้ มุมปากร่างสูงยกยิ้มขึ้นกับความเป็นห่วงที่คนตัวเล็กมอบให้ แต่มันกลับดีใจมากขึ้นไปอีกเมื่อหัวใจของแทมิน เต้นรัวซะจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา
“นี่ชเวมินโฮ”
“หืมม?”
“นาย...มีแฟนไหม?”
“ตอนนี้ไม่มีหรอก”
“แสดงว่าแต่ก่อนมี?”
“ก็เคยมี...นายถามทำไม” แทมินลังเลใจอยู่สักพัก ก่อนจะยอมเอ่ยถามคำถามคาใจของตัวเองออกมา
“เวลาชอบใครสักคน...นายจะเป็นยังไง?”
“ก็ถ้าฉันชอบใครสักคน ฉันก็อยากจะรู้จักเขาให้มากๆ อยากอยู่ใกล้ๆ อยากช่วยเหลือทุกอย่างที่จะช่วยได้ อยากดูเท่ในสายตาเขาล่ะมั้ง..”
“แล้วถ้านายได้อยู่ใกล้ๆกับคนที่ชอบ นายจะรู้สึกยังไง?”
“รู้สึกดีสิ มีความสุขจนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ ฉันคงจะใจเต้นจนเก็บมันไว้ไม่อยู่ ฉันคงอยากจับมือเขา อยากกอดเขา อยากจูบ...”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ แทมินกลับเลือกที่จะวางคางมนลงบนไหล่หนา แนบแก้มข้างหนึ่งไว้ที่แก้มของร่างสูง แขนเรียวยาวยื่นออกไปโอบรอบคอคนตัวสูงไว้เบาๆ ...อาการแบบนี้หรือเปล่า ที่รู้สึกอยากทำเมื่ออยู่กับคนที่...ชอบ
ความอบอุ่น ความสนิทสนม ความไว้วางใจ และทุกๆอย่างที่ร่างสูงพูด แทมินรู้สึกได้ว่าเขาก็เป็นแบบนั้นเมื่อคนๆนั้นคือชเวมินโฮ
“มินโฮ”
“ครับ”
“ไปเชียร์ฉันด้วยนะ”
ไม่รู้ว่าเสียงที่พูดออกไปเขาเรียกว่าอ้อนได้ไหม แต่ร่างสูงกลับรู้สึกได้ถึงกระแสความอ่อนหวานในนั้น แทมินที่ขี้อ้อนก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่เขาอยากจะเก็บไว้ได้ยิน ได้ฟังแต่เพียงผู้เดียว
---------------------
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่าง สิ่งมีชีวิตหน้าขนตัวเล็กนอนขดกลมอยู่ที่พื้น ปลายหูยาวที่ลู่ลงกระดิกเบาๆก่อนที่มันจะลุกขึ้นวิ่งไปรอบๆห้อง จูเลียตเดินไปหยุดอยู่ที่ปลายเตียงมองเจ้านายกับติวเตอร์ส่วนตัวที่นอนกอดกันอยู่บนที่นอน เผยไหล่ขาวเนียนของคีย์โผล่พ้นผ้าห่มผืนหนา เมื่อกระต่ายตัวเล็กหันไปสบตากับร่างสูงที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อน
“ชู่วววว อย่าเสียงดังนะจูเลียต”
อนยูทำเสียงชู่ว์ใส่สัตว์เลี้ยงตัวเล็กก่อนจะจับมันขึ้นมาวางอยู่ด้านบนเตียงด้วยกัน มือยาววางพาดลงไปบนเอวเล็ก ลูบขึ้น ลูบลงอย่างหลงใหลจนคนที่หลับอยู่ขมวดคิ้วครางฮือออกมาเมื่อถูกรบกวน
“อื้อออ พี่อนยู...~”
เสียงหวานท้วงหนักขึ้นเมื่อริมฝีปากร้อนๆกดจูบเข้าที่หัวไหล่มนซ้ำไปซ้ำมา จนเจ้าตัวจำต้องลืมตาตื่นอย่างเสียมิได้ ก่อนจะส่งสายตาเหวี่ยงคนช่างแกล้งแต่เช้า
“นอนต่อก็ได้นะครับ” ร่างสูงเอ่ยเสียงอ่อนโยนพลางลูบผมให้คีย์อย่างเบามือ
“นอนไม่หลับแล้วล่ะ..พี่เล่นอยู่ไม่สุขเลย” ใบหน้างอง้ำเรียกเสียงหัวเราะให้ร่างสูงจนจูเลียตต้องตะกายมืออนยูอย่างสงสัย
“เป็นห่วงเจ้านายหรือ...ฮึ??”
มือหนาจับอุ้มเจ้าจูเลียตขึ้นมาไว้ในมือ ก่อนจะกดจูบลงไปที่สัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ไม่นานอนยูกลับยื่นกระต่ายตัวน้อยไปด้านหน้าคีย์อย่างจงใจ
“มอร์นิ่งคิสพี่หน่อยสิครับ”
จากใบหน้าสวยที่งอง้ำ จำต้องหลุดอมยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แก้มป่องบุ๋มลงไปอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อคนตัวสูงเล่นหยอดกันแต่เช้า คีย์เอื้อมมือรับจูเลียตเข้ามากอดก่อนจะกดริมฝีปากลงบนหัวกลมๆของมันอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วมือเล็กก็ปล่อยสัตว์เลี้ยงคู่ใจลงไปที่พื้นด้านล่าง
“อ้าว” อนยูมองคนตัวเล็กที่ไม่รับมุก ก่อนจะขยี้ผมตัวเองจนยุ่ง ก็นะ...อุส่าตื่นมาจีบ แต่เขากลับไม่เล่นด้วย
“เฮ้ย!”
ไม่ทันที่คิดจบร่างบางกลับขยับตัวขึ้นมานั่งคร่อมตักร่างสูงไว้ มือบางคล้องคอร่างสูงก่อนจะโน้มใบหน้าของอนยูให้เข้ามาใกล้ ริมฝีปากบางแตะลงบนปลายจมูกคนตัวสูงกว่าเบาๆอย่างหยอกเย้า จนร่างสูงต้องกระชับเอวบางเข้ามาใกล้ คีย์ขืนตัวออกเล็กน้อยก่อนประทับกลีบปากสีชมพูลงบนปากอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ จูบอรุณสวัสดิ์ที่ไม่เร่งเร้า ไม่ร้อนแรง แต่ก็อบอุ่นไปทั้งหัวใจของทั้งสองคน
.
.
.
“พี่อนยู...”
“ครับ?”
“ไม่กลับไปทำงานต่อให้เสร็จหรือ?”
ที่ถามนี่ผมไม่ได้อยากจะไล่หรืออะไร..แต่ไอ้ที่ถามเพราะไหนว่างานเยอะไง ต้องแก้ไง ต้องทำนั่นนู่นนี่อีกไง..แล้วทำไมกลับมานั่งคลอเคลียผมไม่ปล่อยอย่างงี้เล่า! ยังถามไม่ทันจะจบประโยค ปลายคางสากก็กดลงบนหัวทุยของร่างบางอย่างเอาแต่ใจ
“กลับครับ...แต่ขอชดเชยเวลาไม่ได้หรือไง”
“ชดเชยอะไรของพี่?”
“ชดเชยตอนที่ใครบางคนเข้าใจผิด แล้วก็หนีหน้าไงครับ”
ร่างบางเบะปากออกอย่างน่ารักเมื่อนิ้วเรียวยกขึ้นมาบีบปลายจมูกรั้น คีย์ยอมให้อนยูกอดอยู่สักพัก ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะขัดจังหวะของทั้งคู่
“มินโฮโทรมา ปล่อยก่อนพี่อนยู” คีย์แกะมือปลาหมึกได้สำเร็จก่อนจะกดรับสายจากเพื่อนสนิททันที
“ว่าไงไอ้คุณชาย”
(เสียงระรื่นนะ...ดีกันแล้วสิ?)
“ดีแล้วเว้ยยยย” อนยูรีบตอบแทนคนตัวเล็กทันที เมื่อคีย์หันมาส่งสายตาดุที่รุ่นพี่ตาตี่ดันเอาหูมาแนบโทรศัพท์ไว้อีกด้าน
(ก็ดีแล้ว อย่าเข้าใจผิดกันบ่อยๆ)
“เออ...ตกลงว่าไงโทรมามีอะไร?”
(ไปดูแทมินแข่งเต้นไหม น้องให้โทรมาชวน)
“ไปดิๆ อยากดูเหมือนกัน วันไหน”
(วันนี้ ทุ่มนึงที่ลาน)
“อือ โอเคๆถึงแล้วจะโทรหา” สายโทรศัพท์ถูกตัดลง ก่อนที่ร่างบางจะหันไปถามความคิดเห็นคนงานเยอะ
“พี่จะไปด้วยไหม?”
“ไปครับ!” ตอบแบบไม่ต้องคิดมากอะไรทั้งนั้น
“ตกลงว่า ไม่ทำงานแล้ว???”
ร่างสูงกระเง้ากระงอดพอให้คนตัวเล็กนึกขำ แต่ก็ต้องยอมรับล่ะนะว่าแบบนี้ รู้สึกดีกว่าหลายวันก่อนขึ้นแยะเลย
.
.
.
กลางลานมหาวิทยาลัยถูกจัดพื้นที่ตรงกลางเป็นพื้นกันกระแทกขนาดใหญ่ บริเวณรอบๆถูกติดตั้งด้วยไฟสปอร์ตไลท์หลากสี ถนนข้างทางด้านหน้าเต็มไปด้วยร้านขายของแฮนด์เมดของเด็กศิลปกรรม และร้านขายอาหารของเด็กคหกรรม เสียงเพลงดังกระหึ่มผ่านลำโพงกระจายเสียงรอบมหาวิทยาลัยเผื่อไปถึงผู้คนด้านนอกรั้วด้วย
แทมินที่อยู่ในชุดเสื้อยืดของทีม กับกางเกงลายทหารสุดฮิป รองเท้าสนีคเกอร์คู่โปรดและหมวกแก๊ปดูเข้ากันอย่างดูดี ใบหน้าหวานใสถูกแต่งแต้มด้วยสีอ่อนๆอย่างเป็นธรรมชาติไม่ให้หน้าใสดูจืดไปเมื่อเจอกับแสงไฟบนลานประลอง การแข่งขันมีทั้งหมด 12 ทีม และถูกแบ่งออกเป็น3สาย ในหนึ่งทีมมีเวลาโชว์ 20 นาที แน่นอนว่าทุกทีมจะต้องคัดกลเม็ดสุดยอดออกมา
ผลการตัดสินก็จะถูกแบ่งเป็นสองส่วน จากกรรมการ 30% และจากผู้ชมทั้งหมด 70% ตอนนี้สายบี กำลังจะหมดไปและจะถูกคั่นด้วยวงดนตรีอินดี้ของมหาวิทยาลัย ก่อนที่แทมินจะขึ้นเป็นนทีมแรกของสายซี ร่างบางที่ไม่เคยมีความตื่นเต้นในการแข่งเต้น กลับรู้สึกอยากเดินไปเดินมาเพื่อสงบจิตใจตัวเอง ปัญหาคือ...ไหนชเวมินโฮว่าจะมาไง...
แทมินชะเง้อไปด้านนอกห้องซ้อมรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้ จนจงฮยอนต้องเดินเข้ามาเรียกสติคนเป็นน้อง
“แกจะชะเง้ออีกนานไหม ไปทำสมาธิไป๊!”
“เอ่อ..”
“ไปๆๆๆๆอูยองกำลังให้พรเว้ย” จงฮยอนดันหลังน้องชายให้เข้าไปด้านในห้อง แต่ยังไม่ทันจะก้าว เสียงคุ้นหูของคนที่อุส่าชะเง้อรอก็ดังแทรกมาแทนที่
“แทมิน! แฮ่กกๆๆ” ร่างบางหันกลับมามองร่างสูงที่มีเหงื่อซึมออกมาบนหน้าผาก
“นี่ใช่ไหมคนที่รอน่ะ?” จงฮยอนหันกลับไปส่งสายตาล้อเลียนแทมิน ก่อนจะถูกเด็กน้อยกระโจนใส่รัดคอจงฮยอนจนรุ่นพี่ตัวเล็กต้องยอมยกธงขาว เดินเข้าด้านในไป มินโฮมองภาพด้านหน้าอย่างไม่ถูกใจ แต่ทุกอย่างถูกกลบเมื่อแทมินยื่นผ้าขนหนูที่พาดคอไว้ให้ร่างสูง
“ขอโทษที่มาช้า ฮงกิมันใช้ไปปิดยิมน่ะ ยังทันใช่ไหม?”
“ทัน..แต่อีกเดี๋ยวจะขึ้นแล้ว”
“ขานายโอเคแน่นะ”
“แน่ดิ สบายเหอะ” แทมินส่งยิ้มกว้างให้จนมินโฮต้องแอบดึงแขนเล็กให้เดินตามออกมาด้านหลังห้องซ้อมที่ลับตาคน แขนยาววางคร่อมคนตัวเล็กกว่า นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยไปที่แก้มใสเบาๆ
“นายชนะแน่” ร่างสูงแตะริมฝีปากสัมผัสเบาๆลงบนแก้มใส ก่อนจะผละออกมามองร่างบางแก้มแดงให้ใจชื้นเล่น
.
.
มินโฮเดินกลับไปด้านหน้าลาน ที่คีย์และอนยูมาสมทบแล้ว แทมินยิ้มให้ตัวเองก่อนจะเดินกลับเข้าไปเรียกขวัญและกำลังใจทั้งหมดจากเพื่อนร่วมชมรมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นเวที
เสียงเพลงจังหวะฮิพฮอพดังขึ้นเมื่อตัวหลักในทีมทั้งห้าคนก้าวเท้าขึ้นเวที ก่อนที่สมาชิกอีกสี่คนจะขึ้นไปเต้นแบทเทิ้ลอยู่อีกด้าน จังหวะและการแสดงที่ลงตัว ทำให้เกิดการผิดพลาดในเวทีน้อยมาก บวกกับคุณภาพหน้าตา และหุ่นอันสมส่วน มักจะเรียกเสียงกรี๊ดจากคนดูด้านล่างที่เป็นผู้หญิงได้ไม่น้อย
ท่วงท่าการขยับเท้า และการเคลื่อนไหวร่างกายทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งการเล่นท่าบีบอยผาดโผน ก็ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม เรียกเสียงเชียร์ให้ดังไปทั่วลานอีกครั้ง ซึ่งจุดไคล์แม็กซ์อยู่ที่การจัดลำดับของการเวฟด้วยท่าที่ลงไปนอนราบดีดตัวขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะวอร์ม และวินดัมเป็นสเตปๆไป
การแสดงทั้งหมดจบลงอย่างสวยงาม เสียงปรบมือดังลั่นสนั่นลาน เรียกรอยยิ้มให้กับนักเต้นทุกคนได้ไม่น้อย ดูเหมือนคะแนนจากคนดู ทีมของแทมินจะชนะขาด และการตัดสินจากทั้งสามสายของการแข่งขันจะถูกประกาศทันที เมื่อวงดนตรีที่มาเล่นปิดท้ายแสดงจบ
“แทมินนนน~”
“อ้าวพี่คีย์...เป็นไงฮะทีมเราเจ๋งไหม?”
“มากอ่ะบอกเลย พี่ว่าชนะชัวร์! ใช่ไหมพี่อนยู” ร่างบางหันไปขอแรงสนับสนุนกับคนรักทันที
“เดี๋ยวถ้าชนะ ไปฉลองกัน...ไปพร้อมทีมฟุตบอลมินโฮมันเลยนะ..เฮ้!ทุกคนตามนั้นนะ” คีย์ตะโกนสุดเสียงประกาศให้ทุกคนในทีมได้ยินทั่วๆกัน
“เอ่อ...แล้วชเวมินโฮไปไหนฮะ”
“หืมมม...เออไปไหนของมันวะ พี่เห็นป่ะ?”
“พี่ก็ไม่เห็น”
“ไปนั่งพักข้างในเถอะ เดี๋ยวมันก็โผล่มา”
แทมินเดินกลับเข้ามานั่งอยู่ที่โซฟาด้านใน ในขณะที่คนอื่นสลายตัวออกไปดูการแสดงของทีมอื่นด้านนอกกันหมด ร่างบางจึงนั่งจิ้มโทรศัพท์มือถือไปเรื่อยเปื่อย จนร่างสูงคุ้นตาเดินกลับเข้ามาหาด้านใน
“อ้าว เมื่อกี๊พี่คีย์พึ่งออกไปเดินซื้อขนมน่ะ”
“เจอกันแล้วล่ะ”
ร่างบางยังคงกดโทรศัพท์มือถืออย่างไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งรู้สึกถึงแรงดึงเบาๆที่เท้าของตัวเอง
“เฮ้ย! นายจะทำไรน่ะ”
“ขานายบวม”
“นายรู้???”
“ฉันดูออกนะแทมิน ฉันก็เป็นนักกีฬา ตอนที่นายเต้นอยู่สีหน้านายไม่ดี ...ตรงนี้เจ็บไหม?”
ร่างบางส่ายหน้า เมื่อฝ่ามือใหญ่วางทับ กดลงไปบริเวณข้อเท้าเล็กที่บวมแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพ่นสเปรย์ระงับอาการปวดให้ เค้าท์เตอร์เพนถูกทาและนวดอย่างเบามือ
“ขอบใจ”
“จะประกาศผลแล้ว ออกไปไหม?”
“ไปดิๆๆ อ้า...ฉุดหน่อย”
ร่างสูงส่งมือใหญ่ฉุดแทมินให้ลุกขึ้นมาได้ มือเล็กก็เกาะไหล่หนาเดินตามออกมาด้านนอก แล้วก็ต้องเจอสายตากรุ้มกริ่มของเพื่อนร่วมทีมจนมือบางรีบปล่อยออกจากแขนมินโฮทันที
“ได้ยินมาว่านายจะพาทีมฟุตบอลไปฉลองต่อ”
“อื้มม..แต่ทีมนายต้องชนะถึงจะไป”
“อ่าว..ถ้าฉันแพ้..”
“นายจะไม่แพ้ไง”
รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาให้...ไม่รู้ทำไม แค่มินโฮบอกว่าไม่แพ้ ผมกลับรู้สึกว่าผมจะไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน !
TBC
:: TALK ::
มาต่อแล้ว ตอนนี้น้องติสเผยควาในใจแล้วนะ!
อ๊างงงงง สงสารน้องติส ริจะมีความรัก ฮ่าๆๆๆๆ
อยากจิรู้ว่ามินโฮจะพอเดาออกไหม แล้วน้องติสจะรู้ไหมว่ามินโฮชอบตัว
(นี่คือตั้งคำถามให้ตัวเองแต่งต่อ ฮ่าๆๆๆๆ)
คู่รองแบบซอล์ฟมากอีกแล้ว
แต่เอาน่ารักพอกรุบกริบเนอะ ไหนๆเค้าก็รักกันแล้ว
เกือบลืมหาบทให้จงฮยอนแหนะ โฮววว ซอรี่นะ
แต่คิดว่าหลังๆ คงมีจงฮยอนล่ะ
ช่วงนี้และช่วงหน้าและช่วงต่อๆไป งานจะเยอะมาก
แต่ก็ไม่อยากทิ้ง ยังไงจะมาต่อบ่อยๆถ้าทำได้นะคะ
ฝากน้องติสด้วยยยยยยยย (กอดดดด)
ความคิดเห็น