ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ✖✖ ติสแตก ✖✖ : 2MIN

    ลำดับตอนที่ #13 : :: EP 11 :: แฟนใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 54


    EP 11 : แฟนใหม่








    ย่างเข้าสู่หน้าหนาว อากาศเริ่มที่จะเย็นขึ้นทีละนิด แสงแดดไม่สาดส่องอย่างร้อนแรงเช่นเคย นั่นทำให้หลายๆคนไม่อยากที่จะลุกออกจากที่นอนเหมือนเช่นผม ร่างสูงเหลือบไปมองนาฬิกาบนหัวเตียง ที่บอกเวลา 8 โมงเช้าพอดิบพอดี วันนี้วันหยุด แต่ไม่รู้เด็กข้างห้องจะว่างด้วยเหมือนกันหรือเปล่า คิดได้ถึงตรงนี้ รอยยิ้มบางๆได้ถูกระบายออกมา





    ผมจัดการอาบน้ำแต่งตัวทำธุระส่วนตัวพลางคิดไปว่าจะชวนแทมินไปเที่ยวที่ไหนดี มือหนาคว้าโทรศัพท์มือถือแล้วเดินออกจากห้องนอนมา ผมนั่งดูทีวีสักพักรอคนตัวเล็ก แน่นอนว่าน้องต้องตื่นแล้ว เพราะแก้วน้ำถูกนำออกมาวางตั้งไว้ที่โต๊ะ...แทมินมีนิสัยอย่างหนึ่งที่ผม เห็นทุกเช้าคือ เมื่อตื่นแล้วน้องต้องดื่มน้ำ ไม่ต้องสงสัยเลยทำไมผิวน้องถึงดูเปล่งปลั่งและสดใสขนาดนี้












    โครมม!



    “โอ้ยยย~”





    ผมหยิบรีโมทเปิดทีวี แต่ทว่ายังไม่ทันได้กดอะไรทั้งสิ้น เสียงที่ดังออกมาจากห้องน้องทำให้ผมรีบผลักประตูเข้าไป แทมินยืนอยู่ในห้องน้ำด้วยเสื้อยืดตัวโคร่งและกางเกงบ๊อกเซอร์ขาสั้นอวด เรียวขาขาวทำให้ผมถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ น้องหันมายิ้มแหยๆให้ผมก่อนจะหันกลับไปมองที่กระจก







    “เลือดไหลเลยหรอวะ”



    “เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรหรือ?”







    “ไม่มีไรหรอก แค่ลื่นน่ะตอนโกนหนวดมือเลยไปทุบประตูเข้า”








    น้องบอกเหตุผลเบาๆพลางก้มหน้าลงจนผมต้องเชยคางมนขึ้นมาอีกครั้ง นิ้วเรียวไล่ปาดรอยเลือดเล็กๆที่ปลายคางให้อย่างแผ่วเบา รู้สึกถึงจังหวะการเต้นหัวใจของทั้งตัวเองและข้องน้อง เหมือนเราสองคนจะใกล้เกินไปไหมนะ...รอยสีเขียวบางๆรอบบริเวณใต้จมูกและคาง ส่งผลให้น้องยิ่งดูน่ารักขึ้นอีกเป็นกอง แทมินเบือนหน้าออกไปจากมือหนา แล้วหันกลับไปส่องกระจกอีกครั้ง






    “จะเป็นแผลไหมวะ”


    “โกนเสร็จแล้วใส่ยาก็ได้”


    “ไม่อยากโกนต่อแล้วอ้ะ กลัวโดนแผลเลือดไหลอีก”










    ผมยิ้มขำให้กับคนตัวเล็กที่ทำปากยู่ ก่อนจะคิดอะไรออก










    “ฉันโกนให้ไหม?”


    “หืออออออ?????” เด็กน้อยทำตาโตมองมาที่ผม


    “ก็นายกลัวโดนแผลอีกไม่ใช่หรอ ฉันโกนให้ไง ยังไงฉันก็เห็นแผลนายชัดกว่า”









    แทมินทำหน้าคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าให้ผมและยื่นที่โกนหนวดสีดำ อันเล็กมาให้ผมแทน น้องขยับตัวไปด้านหลังเล็กน้อยเพื่อให้ผมเข้ามายืนอยู่ในห้องน้ำด้วยกันได้






    “ต้องทำไงอ่ะ นั่งเหมือนสระผมเปล่า”







    ผมจับแขนเล็กแล้วพลิกตัวแทมิน หันหลังให้กระจก ก่อนที่จะเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าน้องอีกครั้ง






    “ขึ้นไปนั่งสิ”


    “นั่งไหน??”


    “ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะไง”






    ผมชี้นิ้วไปที่ด้านหลังของแทมินที่เป็นโต๊ะวางขวดสเปรย์ และครีมต่างๆของน้องหน้ากระจก ร่างบางขยับตัวเล็กน้อยแล้วใช้แขนยันตัวเขย่งขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ แต่ดูเหมือนว่าท่าทางของเรายังไม่เข้าที่ดี เพราะผมเองก็รู้สึกไม่ถนัดอยู่เล็กๆ











    “กางขาหน่อยสิ”


    “ห๊ะ??”




    “นายกางขาออกหน่อย แบบนี้ไม่ถนัด”







    ผมชี้ไปที่เข่าทั้งสองข้างของน้องที่นั่งชิดกัน แทมินก้มลงมองตามนิ้วที่ผมชี้ก่อนที่น้องจะหลุดหัวเราะเบาๆแล้วแยกขากออกพอ ให้ผมแทรกตัวเข้าไปหว่างขาน้องได้ ทว่าอยู่ๆเมื่อน้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากันแก้มใสกลับขึ้นสีเรื่ออย่างเห็นได้ ชัด แทมินเสตามองออกไปทางอื่น อาการแบบนี้ทุกคนว่าน้องเขินผมหรือเปล่าครับ






    ผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้น้องอีกครั้ง กางเกงบ๊อกเซอร์ขาสั้นร่นขึ้นไปอีกเมื่อน้องนั่งกางขาออก ขาอ่อนขาวเนียนแทบหยุดทุกความคิดจนผมต้องหลับตาเรียกสติอีกครั้ง...ถ้าทุกคน นึกภาพตาม ท่านี้จะล่อแหลมมาก เพราะฉะนั้นผมจะยืนบังน้องให้นะครับ หวงบ้างอะไรบ้าง!








    “ขวดโฟมอยู่ไหนล่ะ”


    “ฉันวางไว้หน้ากระจกนะ เอ~~”








    “เจอ แล้วๆ” ผมโน้มตัวและเอื้อมมืออ้อมไปด้านหลังน้องแล้วคว้าขวดโฟมมาอยู่ในมือ ขอบอกว่านี่ไม่ใช่แผนกอดน้องนะครับ แต่ขวดโฟมมันอยู่ตรงนั้นจริงๆ



    “เงยหน้าหน่อย”







    แทมินเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่ผมจะบีบโฟมใส่ฝ่ามือแล้วทาบริเวณรอบปากบาง กลีบปากสีชมพูเม้มเข้าหากันแน่นจนอดที่จะแกล้งแหย่ไม่ได้ น้องจะทำตัวน่ารักไปไหนกัน ผมแตะโฟมลงไปบนปลายจมูกรั้นเพียงเล็กน้อย แต่คนโดนแกล้งคงจะรู้ตัวถึงสัมผัสเย็นๆบนปลายจมูก น้องเบิกตาโพลงขึ้นมาทันที ก่อนจะเอี้ยวตัวไปด้านหลังเพื่อมองตัวเองในกระจก





    แทมินหันกลับมาพร้อมชี้นิ้วคาดโทษใส่ผม แต่ก็ไม่ได้เช็ดรอยโฟมบนปลายจมูกนั้นออกไปทำให้ผมรู้สึกเอ็นดูน้องอีกสาม เท่า ผมยื่นผ้าชุบน้ำอุ่นสะอาดเช็ดไปบนปลายจมูกน้องอย่างแผ่วเบา ก่อนจะลงมือโกนตอเล็กๆบนปลายคางน้อง







    “ไม่เจ็บใช่ไหม?”


    “ไม่อ่ะ”









    ผมจัดการล้างคราบโฟมที่ติดอยู่บริเวณรอบปากน้องออกจนหมด ไม่ลืมที่จะทาครีมผสมมอยส์เจอร์เพื่อหน้าน้องจะได้ใสเหมือนเดิม




    “เสร็จแล้ว”



    “อื้อออ ขอบใจ......ถอยไปซี่!”



    “...........”



    “ชเวมินโฮ!!!”


    “โอ้ยย ฮ่าๆๆ โอเคๆๆ”








    ผมถอยหลังหลบออกมาให้น้องได้กระโดดลงมายืนที่พื้นอีกครั้ง แทมินหันกลับไปสำรวจผลงานการโกนหนวดของผม ก่อนที่นิ้วเล็กๆจะแตะตรงรอยแดงจางๆที่เป็นแผลเมื่อสักครู่








    “มันคงไม่เป็นแผลเป็นหรอกเนอะ”



    “ไหนหันกลับมาซิ๊”











    น้องหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับผม คิ้วเรียวสวยขมวดกันยุ่ง แต่ก็ยอมยื่นปลายคางให้ดูแผล มือหนาเอื้อมรั้งเอวบางเข้ามา ก่อนจะแนบจูบแตะลงเบาๆบริเวณแผลที่ปลายคางแล้วรีบปล่อยคนตัวเล็ก การกระทำทั้งหมดรวดเร็วจนแทมินได้แต่ยืนค้าง เมื่อตั้งสติได้ร่างสูงก็วิ่งออกจากห้องไปแล้ว









    ผ้า ขนหนูผืนเล็กถูกปาลงพื้นพร้อมคนที่ปาก็ทรุดลงไปนั่งกอดเข่าไว้ มือบางข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมากุมไว้ที่อกข้างซ้าย หัวใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา...




    .






    .







    .





    “แทมิน...เป็นอะไรหรือเปล่า?”







    เฮือกกก~ เสียงคุ้นหูดังขึ้นอยู่หน้าประตูหลังจากที่ไอ้คุณชายมันโกนหนวดและเอ่อ...เอ่อ..จุ๊บ
    คางผมเสร็จ




    อ๊ากกกกก ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า จิตหลุดยังไงก็ไม่รู้แล้ว ผมรู้สึกร้อน ร้อนไปหมดทั้งตัวทั้งหน้า แค่ได้กลิ่นชเวมินโฮลอยเข้ามาใกล้ๆก็เริ่มจะทำอะไรไม่ถูกแล้ว แต่ไอ้บ้านั่น ชอบเอาตัวเข้ามาใกล้ซะจริงๆ






    ผมแค่รู้สึกว่าพัก นี้เราใกล้กันผิดปกติไปไหม ตั้งแต่ไปสนามบอลคราวนั้น ทำไมผมต้องคอยคิดถึงแต่ไอ้บ้านั่นด้วย ผมเขินเวลาแววตาคมมองสบกลับมา แล้วทำไมผมต้องเขินด้วยเล่า! ระยะห่างระหว่างเราลดลง เราใกล้ชิดกัน และสนิทสนมกันมากขึ้น ผมก็ยอมรับล่ะนะว่ามินโฮ ทำผมใจสั่นไปหลายครั้งเหมือนกัน...แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี







    “ถ้านายไม่ออกมา ฉันจะพังประตูเดี๋ยวนี้เลย”



    “อะ..ไอ้บ้า ฉันจะออกไปแล้ว!”






    ผมเปิดประตูออกไปด้านนอกก็เจอกับเจ้าของห้องยืนขวางอยู่ตรงประตูทันที ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะรวบรวมพลังใจทั้งหมดเงยหน้ามองคนตัวสูง






    “ยืนขวางไมเล่า! หลบดิ”


    “ไม่ได้เป็นไรใช่ไหม?”



    “อืม”








    น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยนี่ก็เหมือนกัน ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ได้ยิน ผมกลับอยากยิ้มทุกครั้งไป









    “นายว่างไหมวันนี้?”


    “ว่าง”




    “เอ่อ...ไปเที่ยวกันไหม?”


    “ไปไหนอ่ะ”


    “นายอยากไปไหนหรือเปล่า”









    ผมก็ไม่มีที่ไหนอยากไปเป็นพิเศษหรอกนะ แต่จะว่าไปมันก็มีที่ที่อยากจะไปเหมือนกัน






    แต่ไม่รู้คนชวนเขาจะอยากไปด้วยไหม..














    “นายจะไปไหมอ่ะ........สวนสนุก”






    “อื้ม เอาสิ ฉันก็ไม่ได้ไปมานานล้ะ”


    “เย้! จะไปเลยไหม ตอนนี้เลยเปล่า”






    ผมอดที่จะตื่นเต้นดีใจไม่ได้ สวนสนุกน่ะ ผมไม่ได้ไปนานมาก มาก มากกกกก จะว่าไปตั้งแต่เรียนประถมนู่นเพราะผมมัวแต่เอาเวลาไปเรียนเต้นจนหมด ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนกับใคร อย่างน้อยๆไปเล่นตอนโตก็ยังดีกว่าไม่ได้เล่นล่ะเนอะ ผมหันไปยิ้มตาปิดให้มินโฮจนมือหนาเอื้อมมาขยี้หัวผมด้วยแววตาล้อเลียน






    “นายจะว่าฉันเด็กอ่ะดิ”


    “ฉันไม่ได้พูดนะ”


    “ชิส์!”







    ผมเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์และใส่นาฬิกาก่อนจะออกมาใส่สนีคเกอร์คู่เก่งยืนรอมิ นโฮอยู่หน้าประตู ทว่าร่างสูงกลับฉุดมือผมไว้ก่อน แล้วสวมหมวกแก๊ปสีฟ้าอ่อนให้ เสื้อแจ็คเก็ตมีฮู้ดสีเทาถูกส่งยื่นมาให้ผมด้วยเช่นกัน







    “อากาศเริ่มเย็นแล้ว พกไปด้วย”


    “อื้ม..ขอบใจ”











    ผมรับเสื้อแจ็คเก็ตสีเทามากอดไว้ในมือ แล้วก้าวขึ้นไปนั่งบนรถบีเอ็มสุดหรู กลิ่นหอมอ่อนๆจากเสื้อที่ผมเริ่มคุ้นเคยจากกลิ่นกายของเจ้าของมัน ทำให้ผมค่อยๆซุกจมูกลงไปที่เสื้อตัวนั้น รอยยิ้มน่ารักถูกเผยออกมาเมื่อคนขับก้าวขึ้นมานั่งด้านข้าง...ชเวมินโฮคงไม่ รู้หรอกว่ามีใครแอบขโมยดมเสื้อเขาไป










    ---------------------------







    “คีย์ คีย์~”






    นี่ก็ครั้งที่สามแล้ว ที่ผมมาดักรอคนตัวเล็กหน้าห้องหลังจากเลิกเรียน โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ โทรไปมากๆเข้าก็ถูกตัดสายทิ้งถึงขั้นปิดเครื่องหนี ขนม ดอกไม้ ทุกอย่างถูกส่งไปให้ลูกศิษย์คนพิเศษ แต่ก็ไร้การตอบรับ ผมไม่รู้ว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะอะไร เพียงแต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนพลังหมดหายไปทุกวัน...





    ผมกับเจสสิก้า เราก็แค่คนเคยรักกัน ทว่าเราก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เจสรู้สึกผิดมากที่ทำให้คีย์โกรธผม แต่ผมกลับคิดว่าคนที่ผิดน่ะ..ผมเอง ที่ไม่เคยทำอะไรให้มันกระจ่าง ผมแค่คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำไป คีย์จะสามารถเข้าใจมันจากการกระทำทั้งหมดนั่น ผมคิดว่าผมแสดงออกมากพอ แต่ความจริงผมก็แค่คิดว่ามันมากพอที่จะทำให้คีย์แน่ใจ





    ผมไม่เคยรู้สึกกระวนกระวายใจขนาดนี้มาก่อนในชีวิตจริงๆ ผมรู้แค่ว่าตอนเลิกกับเจส ผมเสียใจ แต่ผมไม่เจ็บปวดเหมือนที่เห็นสายตาตัดพ้อที่คีย์มองมา หรือแค่น้ำตาใสๆไหลหยดลงมาจากดวงตาเฉียวคมที่ผมชอบมอง หัวใจผมกลับถูกบีบจนปวดร้าวไปทั้งอก...ผมทำคีย์เสียใจ








    “คีย์ครับ”






    ผมเรียกคนตัวเล็กไว้อีกครั้ง แต่กลับไร้การตอบรับเช่นเดิม คีย์ยังคงเดินไปข้างหน้า พูดคุยกับเพื่อนโดยไม่สนใจเสียงเรียกของผม จนเพื่อนคีย์ต้องหันกลับมามองแทน มือหนากำแน่นข่มความรู้สึกมากมายภายในใจ แววตาคมฉายแววอ่อนล้า...ปวดใจจังครับ




    .





    .





    .





    “อนยูไหวหรือเปล่าเนี่ย?”





    เสียงหวานใสของเจสสิก้าเรียกสติผมขึ้นมา เมื่อผมจ้องมองแก้วน้ำสีอำพันอยู่สักพักหนึ่ง บางทีช่วงเวลาอึมครึมที่รบกวนจิตใจ ปัญหาทั้งหมดก็คงจบด้วยแอลกอฮอล์เพื่อจะได้ลบเลือนความเจ็บปวดไปช่วงเวลา หนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไมแค่ผมหยิบเบียร์ในแก้วใสขึ้นมาจิบ ใบหน้าใสของคนที่ผมคิดถึงตลอดเวลากลับลอยขึ้นมา






    “ซื้อเบียร์มาด้วย จะมอมผมหรอ”







    อนยูระบายยิ้มบางๆเมื่อนึกถึงแววตาขี้เล่นเป็นประกายเอ่ยถามออกมาเสียงใส ผมคว้าเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ก่อนจะเอนตัวเอาหลังพิงโซฟา





    “น้องคีย์ยังงอนอยู่อีกหรอ?”


    “อื้ม”


    “ง้อไม่สำเร็จแล้วก็มานั่งกินเบียร์เนี่ย...ไม่แมนเลยนะอนยู” เสียงแซวจากเจสสิก้าทำให้ผมถึงกับหลุดหัวเราะให้ตัวเอง





    “ถ้าน้องเค้าไม่คุยด้วย ก็หาทางที่จะต้องคุยสิ”


    “เค้าหนีฉันตลอดเลย”


    “ถ้าเค้าหนี นายก็ไล่ตามสิ..จะปล่อยทิ้งไว้แบบนี้อีกนานเท่าไหร่กัน”


    “ฉัน...ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเจส” ผมก้มหน้าลง กดนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้นวดขมับตัวเอง ทุกอย่างมันอัดแน่นไปหมด












    “ไปดักที่บ้าน”


    “ห๊า!”


    “ไปดักที่หน้าบ้านน้องคีย์ซะ แล้วเคลียร์ๆกันให้จบไปเลยนะ ถ้าน้องเค้าหนี...นายก็กระชากมาเลย แล้วถ้าน้องเค้าเถียง...นายจับจูบไปเลยก็หมดเรื่อง!! ฉันก็ไม่อยากเห็นอนยูต้องมานั่งซึมแบบนี้หรอกนะ งานวิจัยนายอ่ะกองอยู่ที่โต๊ะเป็นตั้งเลยนะ ถ้าเรื่องหัวใจทำให้นายไม่ได้เรื่องแบบนี้ ฉันจะบอกเอ็ดเวิร์ดไม่ต้องช่วยนายแล้วด้วย!!!!”







    ผมมองสาวตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ..เจสพูดออกมายาวเหยียดทว่าท้ายประโยคกลับทำ ให้ผมฉุกคิด งานทั้งหมดของผมไม่คืบหน้าเลยสักนิดตั้งแต่เกิดเรื่องทั้งๆที่เอ็ดเวิร์ด แฟนฝรั่งชาวอเมริกันของเจสตั้งใจจะบินมาช่วยงานวิจัยของผมแท้ๆแต่ผมกลับทำ ตัวเหยาะแหยะ มือบางยึดแก้วเบียร์ของผมออกจากตัวแล้วฉุดผมให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะโยนกุญแจรถคันเก่งของผมมาให้








    “ไปซะ! ถ้ารอบนี้ไม่สำเร็จ ฉันจะบอกเอ็ดเวิร์ดว่าไม่ต้องบินมาแล้ว!!!!”




    .






    .







    .






    สี่ทุ่มกว่า รั้วหน้าบ้านลูกศิษย์คนพิเศษของผมยังคงปิดสนิท ไฟในบ้านมืดหมด แสดงว่าเจ้าของบ้านเขายังไม่กลับมา ผมยืนพิงหลังกับรถมินิคันเล็ก ในใจก็คิดไปเรื่อยเปื่อยว่าถ้าเจอกันแล้วคีย์จะเดินหนีไหม คีย์จะฟังผมไหม คีย์จะเห็นใจผมไหมที่มายืนตากลมเย็นๆรออยู่ที่หน้าบ้าน คำพูดมากมายถูกเตรียมไว้ในใจ อยากจะขอโทษ อยากให้หายเคือง








    เสียงฝีเท้าแผ่วเบา และเงายาวสีดำเคลื่อนใกล้เข้ามาทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง คีย์เบิกตาเล็กน้อยเหมือนตกใจที่เห็นผม แต่สายตาคมกลับเสมองไปทางด้านอื่น แล้วเดินเลี่ยงไปยังประตูรั้ว






    “คีย์”





    ร่างบางเมินเสียงเรียกของผมก่อนจะก้าวเข้าผ่านประตูรั้ว ทว่ามือใหญ่คว้าเข้าที่แขนเล็กหยุดไว้ คีย์พยายามจะสะบัดออกแต่กลับไม่เป็นผล ร่างบางขมวดคิ้วส่งสายตาไม่พอใจมาให้ ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างขัดใจ







    “ปล่อยผม”


    “ฟังพี่ก่อนได้ไหม”


    “ไม่! พี่ไม่จำเป็นต้องมาพูดอะไรหรอก ผมเข้าใจดี”


    “แต่ที่คีย์เข้าใจมันไม่ใช่!”







    “โอ้ย! ผมเจ็บ” แรงขัดขืนจากมือเล็กมีมากขึ้น จนผมเผลอบีบรอบแขนเล็กแน่น




    “พี่ขอโทษ”








    ผมคลายมือออกจากแขนเล็ก แต่แววตาตัดพ้อทั้งหมดถูกส่งกลับมาที่ผมอีกครั้ง น้ำตาใสคลอที่ขอบตา แต่เหมือนคนเจ็บจะพยายามกลั้นมันเอาไว้จนตาแดงก่ำ ฟันเล็กขบลงมาที่ปากบางแน่น








    “ปล่อยผมได้ไหมพี่อนยู ปล่อยผมไปเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย”









    เสียงหวานสั่นเจือไปด้วยความอ่อนล้า น้ำตาที่กลั้นไว้กลับไหลลงมาอีกครั้ง มือหนาแนบลงไปบนแก้มนุ่มที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาหวังจะเกลี่ยหยดน้ำตาออกให้แต่ ร่างบางกลับสะบัดหน้าหนี คีย์หันหลังกลับกำลังจะก้าวเข้าประตูอีกครั้ง แต่ร่างสูงไม่ปล่อย ก้าวเข้าประชิดตัว มือหนายื่นออกไปจับประตูรั้วโอบคนตัวเล็กจากด้านหลังกลายๆ คางสากกดลงบนไหล่เล็กซบหน้าลงไปอย่างหมดแรง พร้อมส่งเสียงออดอ้อนเป็นครั้งสุดท้าย






    “พี่ไม่ปล่อย จนกว่าคีย์จะฟังพี่จบ ถ้าพี่พูดจบแล้วทุกอย่างจะขึ้นอยู่ที่คีย์ ถ้าคีย์ไม่ต้องการ พี่ก็จะไป..”








    “พี่กับเจสเราเลิกกันมาตั้งนานแล้ว เราเป็นเพื่อนกันเฉยๆนะครับ” คนตัวเล็กทำปากยื่นแต่ก็ยังไม่ยอมสบตาผม






    “พี่ต้องเร่งทำงานวิจัยส่งอาจารย์จาง โชคดีที่แฟนเจสบินมาจากอเมริกา พี่เลยมีคนช่วย ที่พี่หายไปไม่ได้ติดต่อคีย์พี่ไม่ได้ลืม หรือไม่ได้จะทิ้งคีย์เลยนะครับ พี่ยุ่งมากจริงๆวันๆแทบจะไม่มีเวลาเลย พี่ก็อยากจะเคลียร์ๆงานอะไรให้เสร็จ พี่จะได้มีเวลาว่างไปอยู่เป็นเพื่อนเด็กขี้เหงาไงครับ”










    เมื่อเห็นคนตัวเล็กนิ่งลง แขนแข็งแกร่งก็คว้าเอาเอวเล็กไว้จับพลิกร่างบางให้หันกลับมามองกันดีดี









    “ขอโทษนะครับคนดี”





    “พี่...เอ่อ...พี่รักคีย์นะครับ”










    ใบหน้าหวานใสขึ้นสีเรื่อจนคนมองรู้สึกใจชื้น คีย์ยอมหันกลับมาสบตากับผมอีกครั้ง ขอบตาสวยรื้นไปด้วยหยาดน้ำตา เพียงแค่กระพริบตาหยดน้ำใสๆก็ไหลลงมาอีกครั้ง ผมโน้มหน้าเข้าไปใกล้คนตัวเล็กจูบซับน้ำตาให้อย่างแผ่วเบาจนคีย์ปล่อยโฮ สะอื้นหนักจนผมต้องคว้าเด็กขี้แงเข้ามากอดลูบหลัง






    “ขอโทษนะครับ หายโกรธพี่ได้ไหม พี่ทำอะไรไม่ถูกแล้ว”







    ผมดันคีย์ออกก่อนจะยื่นมือเช็ดคราบน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยน ใบหน้าหวานต้องแสงจันทร์จนผมอดที่จะเชยคางมนขึ้นมาไม่ได้ ผมโน้มหน้าเข้าไปใกล้คีย์ที่ค่อยๆปิดเปลือกตาลง จุมพิตแผ่วเบาแนบลงบนดวงตาทั้งสองข้างก่อนจะเลื่อนลงมาที่กลีบปากบาง ผมแตะปากลงบนปากบาง คลอเคลียไม่ห่างจนร่างบางยอมเปิดปากออก ลิ้นร้อนๆกวาดเข้าไปในโพรงปากร้อน เกี่ยวพันกันอย่างที่ไม่มีใครอยากละออกมา มือบางยกขึ้นโอบรอบคอหนา บดเบียดกลีบปากเข้าหากันอย่างหลงใหล








    ผมช้อนตัวคีย์ขึ้นจากพื้นในขณะที่ลิ้นเรายังพันกันอยู่ ไม่ลืมที่จะปิดประตูรั้วให้เจ้าของบ้าน








    “อ้ะ..” ดวงตาเล็กเบิกโพลงเมื่อผมปล่อยตัวคนในอ้อมแขนลงบนเตียงนุ่ม









    ถ้าอยากอ่านต่อ ตามไปในบลอคนะคะ ^^ จิ้มมม


    http://scott-a.exteen.com/20110609/fic-10006-10006-10006-10006-up-ep-11-110609-onew-x-key-part


    ลิ้งค์ยาวจัง ฮ่าาาา


    สำหรับคนที่ไม่ได้เข้าไปอ่าน ก็จบที่ตรงนี้ได้เลย แล้วมาต่อตอนหน้าโลด
    แต่ว่า NC สั้นๆ น่ารักนะเออ ฮ่าาาาา


    ไม่รู้จะทอล์คอะไรเอาเป็นว่า ฝากด้วยค่า





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×