ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : :: EP 9 :: แฟนฉัน
EP 9 : แฟนฉัน
ท้องฟ้าสดใส อากาศปลอดโปร่ง หาอะไรดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วสำหรับวันนี้ แทมินคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพาย ไม่ลืมที่จะหยิบกระดานวาดรูปติดมือออกมานั่งอยู่ด้านหลังคณะที่เป็นสวนหย่อม เล็กๆ แดดไม่แรง ทุกอย่างล้วนมีชีวิตชีวา มุมปากบางยกยิ้มอย่างพอใจ แทมินหยิบเฮดโฟนอันใหญ่ครอบหูทั้งสองข้าง ก่อนจะลงมือวาดรูปไปเรื่อยเปื่อย
ฟึ่บบ~
เฮดโฟนที่ครอบหูเล็กนั้นถูกถอดออกโดยคนมาใหม่ แทมินหันขวับกลับไปมอง แล้วคิ้วเรียวก็เลิกขึ้น
“อะไรพี่จงฮยอน?”
“โหยย ทำไมเสียงแกเย็นชาจัง”
“.......”
“งอนพี่เหรอจ้ะ”
แทมินทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอเมื่อจงฮยอนเอานิ้วมาเขี่ยๆที่ไหล่บาง ดวงตาคมตวัดมองรุ่นพี่ที่หย่อนก้นลงมานั่งข้างๆ พร้อมทำหน้าตาแอ๊บแบ๊วได้เป็ดที่สุดในสามโลก
“พี่มีเหตุผลไง เลยช่วยไม่ได้”
“แล้ว??”
“ไม่เลวใช่ไหมล่ะ?”
“อะไรไม่เลวของพี่”
“ชเวมินโฮน่ะ...ไม่เลวเลยใช่ไหม”
ไม่ รู้ทำไมพอได้ยินชื่อชเวมินโฮ หน้าใสกลับรู้สึกร้อนขึ้นมา พาลนึกไปถึงเมื่อวาน อยู่ๆไอ้บ้านั่นก็จูบหน้าผากเขา...สงสัยมันจะเบลอ สมองถูกสั่งงานช้า..คิดว่าเขาเป็นตุ๊กตาล่ะมั้ง...
แต่ทำไมต้องใจสั่นตอนนึกถึงด้วยเนี่ย แทมิน!!
“แทมิน เฮ่ๆแทมิน..ฟังพี่อยู่ป่ะวะ” รุ่นพี่คนสนิทเห็นคนตัวเล็กนิ่งไปก็ยกมือหนาเขย่าไหล่ให้รุ่นน้องรู้สึกตัว
“อ้ะๆฟังอยู่ ไรของพี่เนี่ย”
“เห็นอยู่ๆก็เหม่อ หน้าแกแดงๆว่ะ เป็นไรวะ?”
“ปะ..เปล่า”
“เหรออออออออออออ~”
เสียงเหรอลากยาวไปไหม จงฮยอนยักคิ้วให้แทมิน ก่อนสัมผัสถึงความผิดปกติในตัวรุ่นน้อง แทมินนิ่งเกินไป ปกติจะต้องไฮเปอร์กว่านี้เยอะ วันนี้ดูเหมือนแทมินจะมีอะไรติดค้างในใจ ไม่นานจงฮยอนก็ยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเหลือบมองลงไปที่กระดานวาดรูปในมือร่าง บาง มือหนาถือวิสาสะยกกระดานวาดรูปของแทมินขึ้นมา
“อื้อหือ..พัฒนาว่ะ”
“จริงดิพี่แต่ผมว่าก็เหมือนเดิมอ่ะ วาดมาหลายแบบล้ะไม่ได้พัฒนาตรงไหนเลย”
จงฮยอนฟังคำบอกเล่าของน้องแล้วก็อยากตบหน้าผากตัวเองสามทีอย่างเสียมิได้..ไอ้ ที่ว่าพัฒนาน่ะ ไม่ได้หมายถึงฝีมือการวาดรูปเลยสักนิด แต่หมายถึง ระดับความสัมพันธ์ระหว่างผู้วาดและนายแบบโว้ย..อยากจะบ้า นึกไม่ถึงว่าชเวมินโฮจะก้าวเข้ามาอยู่ในห้วงความคิดของแทมินได้มากและรวด เร็วขนาดนี้
ดูซิ๊...น้องผมต้องออกมานั่งใจลอยวาดภาพเค้าเนี่ย
หน้ากระดาษขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนกระดานในมือเล็ก..เป็นภาพร่างของมินโฮทั้งหมด แทมินก้มลงมองกระดานในมือคิ้วเรียวกลับขมวดจนยุ่ง จงฮยอนที่เห็นอย่างนั้นก็นึกสงสัย น้องเขาท่าจะอาการหนัก เมื่อกี๊ยังนั่งยิ้ม ยังนั่งแก้มแดง แล้วทำไมตอนนี้มาทำหน้ายุ่งขมวดคิ้วแบบนี้อีก
“เป็นไรอีกวะ”
“ชเวมินโฮป่วย แล้วเมื่อเช้าผมออกมาก่อนไม่รู้หายยัง”
“ไปทำอีท่าไหนให้ป่วยล่ะ หมอนั่นเป็นนักกีฬาเชียวนะน่าจะแข็งแรงไม่เบา”
“ก็....เปียกฝน”
“แค่นี้??”
“อือ เพราะชเวมินโฮมารับที่ห้องซ้อมวันก่อน แล้วอยู่ๆฝนก็ตกหมอนั่นเลยบังให้ ตัวเองเลยเปียกไปหมดเลย..”
“โคตรแมนว้ะ!!! บังฝนให้แกด้วย สุดยอด”
แทมินมองหน้าจงฮยอนที่ทำตาโตเอามือประกบแก้มของตัวเอง มันจะน่าตกใจอะไรกันเชียว แต่ที่แน่ๆเขาเป็นห่วงคนป่วยที่ไม่รู้จะหายดีหรือยัง เมื่อเช้าก่อนออกมาเรียนก็ไม่ได้เข้าไปดูด้วย
Rttttttttt~
“หืมม” แทมินมองโทศัพท์มือถือที่วางข้างตัว ก่อนรอยยิ้มจะผุดออกมาบางๆจนจงฮยอนอดสงสัยไม่ได้...หลายอารมณ์จริงๆ
“ฮัลโหล ชเวมินโฮ”
(แทมิน นายว่างไหมตอนนี้)
“ว่าง” จงฮยอนขยับตัวเข้ามาใกล้ร่างบางจนหูแนบกับโทรศัพท์อีกข้างของแทมิน
(นายกลับไปหยิบรองเท้าผ้าใบที่ห้องให้หน่อยสิ)
“นาย..ซ้อมบอลหรือ?.......เฮ้ยย นายหายดีแล้วหรือไงวะ!?”
(ก็หายแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรมาก...ไปเอาให้หน่อยนะต้องซ้อมให้รุ่นน้อง) เสียงเข้มหงอยลงมันทีเมื่อแทมินดุเข้าให้
“เออๆไปเอาให้ก็ได้ แต่ถ้านายป่วยอีกเพราะวิ่งตากแดดนายตายแน่!!!”
(เป็นห่วงหรือ)
“เออเซ่!.....ถามไรไม่เข้าท่า จะให้เอาไปให้ที่ไหน”
(สนามบอล ฝากเอาน้ำเย็นๆมาให้ด้วยนะ..เอ่อ ถ้ามาแล้ว...ระวังตัวด้วย โทรมาบอกก่อนก็ดี)
ปลายสายหรี่เสียงลง ก่อนที่จะแทนด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวาย โห่ฮาเสียงดังจนแทมินต้องรีบเอาโทรศัพท์ห่างออกจากหู
“จะไปไหนวะ” จงฮยอนถามรุ่นน้องคนสนิทที่หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้วก็เก็บข้าวของตัวเองอย่างเร่งรีบ
“ไปเอาของ แล้วจะเลยไปสนามบอล..พี่ไปด้วยกันไหม”
“ไม่ว่ะ มีธุระทำต่อ...นี่ๆจะไปสนามบอลอ่ะระวังตัวด้วย ทางที่ดีไปถึงแล้วโทรตามมินโฮออกมารับจะดีกว่านะ”
แทมินเลิกคิ้วมองหน้าพี่ชาย..เมื่อกี๊เหมือนชเวมินโฮก็บอกให้ระวังตัว แล้วนี่พี่จงฮยอนก็ย้ำอีกที อะไรมันจะน่ากลัวขนาดนั้นเชียวกะอีแค่สนามบอล เขาไม่ใช่เด็กสักหน่อยที่ต้องให้ใครออกมารับน่ะ
“ไปก่อนนะพี่ ไว้เจอกัน”
แทมินกระชับสายกระเป๋าพร้อมยกของทั้งหมดมาก่อนจะบอกลารุ่นพี่คนสนิท ขายาวก้าวออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อกลับห้องไปเอารองเท้ากีฬาให้มินโฮ และไม่ลืมที่จะแวะซื้อน้ำเย็นติดมือไปด้วยตามคำสั่ง ร่างบางหันซ้ายหันขวามองตามป้ายในมหาวิทยาลัย จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาจะเหยียบสนามฟุตบอลเลยสินะ
สนามหญ้าสีเขียวใหญ่โต ล้อมรอบไปด้วยอัฒจรรย์ราวๆ60ขั้น กลางสนามตอนนี้มีนักกีฬาวิ่งอยู่มากมาย สนามข้างๆกันเป็นลู่วิ่งขนาดใหญ่ที่มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งกำลังนั่งจับกลุ่ม กันทำอะไรสักอย่าง แทมินพองลมในปาก เมื่อรู้สึกถึงความแข็งแกร่งอบอวลอยู่รอบสนาม ขายาวตั้งใจจะก้าวเข้าไปในสนามฟุตบอลทว่าเสียงทุ้มอันคุ้นเคยกลับเรียกเขา ไว้ก่อน
“แทมิน!”
“อ้าว ชเวมินโฮ นึกว่าอยู่ในสนามซะอีก”
“ออกมายืนรอนายน่ะ”
แทมินยื่นรองเท้าผ้าใบให้มินโฮ ที่ตอนนี้เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ เสื้อชอปถูกวางพาดไว้ที่บ่า ใบหน้าคมขึ้นสีเรื่อหน่อยๆเหมือนพึ่งวิ่งมาจากไหนอย่างนั้นแหละ
“ขอบใจ”
“อื้อไม่เป็นไร...”
ผมมองเข้าไปในสนามสีเขียวที่มีคนวิ่งอยู่ในนั้นอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมามองคนตัวสูงข้างๆ จะว่าไปก็ยังไม่เคยเห็นมินโฮเตะฟุตบอลเลยสักครั้ง เคยแต่ได้ยินพี่จงฮยอน พี่นิชคุณมาโม้บ้างว่าหมอนี่เก่งงั้นงี้ แถมยังเป็นกัปตันทีมอีก คงเท่ไม่เบา
“ขอเข้าไปนั่งดูที่สนามได้ป่ะ”
“เอ่อ....นายอยากหรอ?”
"อยากสิ นะ นะ นะ ฉันจะไม่วุ่นวายเลย จะนั่งดูเฉยๆ จริงๆนะๆๆๆชเวมินโฮ”
มือบางคว้าเข้าที่ต้นแขนมินโฮอย่างลืมตัว ตาโตกระพริบปริบๆพอให้คนมองหัวใจชื้น ชเวมินโฮไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตนี้จะต้องหวั่นไหวกับสิ่งมีชีวิตที่ เรียกว่าน่ารักมากอย่างนี้ คนตัวสูงพยักหน้าให้ แววตาแทมินเป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนที่มินโฮจะเดินนำเข้าไปในสนาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยุดยืนรอให้คนตัวเล็กข้างๆให้เดินมาเคียงข้างกัน
เมื่อทั้งสองคนปรากฏตัวในสนาม อยู่ๆเสียงฮือฮาก็เงียบลงไปหนึ่งอึดใจ และต่อจากนั้นไม่นานเสียงพูดคุยซุบซิบก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มินโฮมองไปรอบๆที่นั่งว่างก่อนจะฉุดแขนแทมินให้เดินตามมา บริเวณเก้าอี้ที่ไม่มีคนจับจอง โล่ง และสามารถที่จะมองเห็นได้ง่ายถ้าอยู่ในสนาม
ใจจริงผมไม่ได้ อยากให้แทมินต้องเข้ามาในสนามเลย มีแต่นักกีฬาตัวใหญ่ๆไม่น่าไว้ใจถึงแม้บางคนจะเป็นเพื่อนผมก็เถอะ บางคนนี่มองแทมินเหลียวหลังเลยก็มี ถ้าไม่ติดว่าผมเดินมาด้วยไม่รู้น้องจะโดนใครจีบไปบ้าง ผมหวงของผมน่ะ ผมปล่อยให้แทมินนั่งอยู่ตรงนั้นแล้วกระโดดข้ามที่นั่งด้านหน้าลงไปเพื่อหยิบ กระเป๋าและอุปกรณ์ต่างๆมาฝากไว้ที่น้อง แทมินก็อาสาจะเฝ้าให้เป็นอย่างดี
ผมลงมากลางสนามอีกครั้ง พูดคุยกับรุ่นน้องเรื่องการฝึกซ้อมแล้วก็คัดตัวจริง อีกไม่นานก็จะมีการแข่งกีฬาระหว่างมหาวิทยาลัยแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเข้มงวดเรื่องการซ้อมนิดหน่อย
“เฮ้ยย มินโฮ มึงมองบ่อยไปล้ะ” เสียงฮงกิเพื่อนร่วมทีมทักขึ้นเมื่อกัปตันทีมเอาแต่เหม่อไปทางแสตนด์
“มึงอย่าห่วงเลย จุดนี้ใครๆก็รู้ว่าน้องเค้าเด็กมึง”
“เฮ้ย! อย่าเสียงดังดิ..เดี๋ยวแทมินได้ยิน...ถึงคนอื่นจะรู้แต่แทมินไม่รู้เว้ย”
ผมปรามฮงกิเบาๆ และหันกลับไปมองน้องอีกครั้ง แทมินยังคงนั่งมองสนามบอลอย่างตื่นเต้น เพราะนอกจากพวกเราทีมฟุตบอลจะมาซ้อมแล้ว อีกฝากหนึ่งของสนามยังมีคนมาเล่นเบสบอล และกีฬาอย่างอื่นอีก กลัวน้องจะติดใจแล้วขอตามมาด้วยบ่อยๆจริงๆ
มินโฮเตะบอล เลี้ยงส่งไปให้รุ่นน้องกองหน้า ขายาวเตะสลับซ้ายขวาโชว์ชั้นเชิงอันเหนือชั้นให้รุ่นน้องที่นั่งมองต้องอ้า ปากค้างในความเร็ว รวมถึงคนตัวเล็กทที่นั่งมองอยู่บนสแตนด์ด้านบนด้วย แทมินมองท่าทางการวิ่งอันคล่องตัวและลีลาฝีเท้าของมินโฮแล้วก็อดเผลอยิ้มออก มาไม่ได้...
เท่สมคำร่ำลือ!!
หลังจากมินโฮทำประตูได้ เสียงเชียร์กึกก้องดังไปทั่ว แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจ กลับหันกลับไปมองยังบนสแตนด์เชียร์ที่คนตัวเล็กนั่งมองอยู่เช่นกัน ดวงตาคมสบกับตาวาวใสของแทมินเรียกรอยยิ้มพึงพอใจให้มินโฮเป็นอย่างดี แทมินลุกขึ้นยืนพร้อมชูนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้นักกีฬาคนเก่งในสนาม จนเจ้าตัวต้องหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางแบบนั้นของร่างบาง
ร่างสูงถูกรุมโดยเพื่อนๆน้องๆในทีม และแน่นอนว่าสาวๆโดยรอบที่มาแอบยืนดูเกาะรั้วอยู่ข้างสนาม ชเวมินโฮถูกดึงไปด้านนั้น ด้านนี้เพื่อพูดคุย สาวเจ้าบางคนก็แอบเอาผ้าเช็ดหน้าสีหวานซับเหงื่อให้ แต่ทว่ากลับถูกร่างสูงเบี่ยงตัวหลบและปฏิเสธอย่างมีมารยาท...
แทมินมองภาพในสนามแล้วก็เบ้ปาก....ป๊อปปูล่าซะเหลือเกิน
ร่างบางนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งก่อนจะบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว โดยที่ไม่ได้สังเกตว่ามีใครอีกคนก้าวเข้ามานั่งอยู่ข้างๆแล้ว
“นั่งด้วยได้ไหม”
“เฮ้ยย! อ่าโทษที นั่งเถอะตรงนี้ไม่มีคนนั่ง” ร่างบางสะดุ้งตกใจกับเสียงห้าวของคนมาใหม่ ก่อนจะเชื้อเชิญให้นั่งลงด้านข้างกัน
“ฉัน อกแทคยอน อยู่สถาปัตย์ปี3”
“อีแทมินฮะ ศิลปกรรมปี1” รางบางหันไปยิ้มให้แทคยอนแล้วก็หันกลับไปมองในสนามต่อโดยไม่ได้สนใจคนมาใหม่เลย
“ตัวจริงนายน่ารักกว่าที่เค้าพูดกันเยอะนะ”
“ห๊ะ?? อะไรนะฮะ?”
“อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสาหน่อยเลย ไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือไง”
“......”
“ไหนๆก็เป็นเด็กไอ้มินโฮแล้ว นายก็..”
“ย๊า!!! นายพูดบ้าอะไรวะ...อย่ามาจับฉันโว้ย” แทมินเด้งตัวลุกขึ้นยืนตะโกนใส่หน้าร่างหนาที่อยู่ๆก็ยื่นมือมาลูบต้นขา พูดจาหยาบคายใส่ ร่างบางตวัดสายตากลับไปมองอย่างเอาเรื่อง แต่แทคยอนกลับยักไหล่แล้วยิ้มสบาย ยิ่งเพิ่มความโมโหให้กับร่างบาง
แทคยอนเดินก้าวเข้าไปหาแทมิน แต่ร่างบางกลับเดินถอยหลังหนีทีละก้าว จนสุดขอบราวสแตนด์
“นายจะทำอะไร”
เสียงเรียบอันคุ้นหูดังขึ้น เมื่อชเวมินโฮเดินเอาตัวเองมากั้นระหว่างแทคยอนและแทมิน
“หึ...มีเจ้าของจริงๆด้วย”
หมับ~
มือเล็กสอดเข้ามาคล้องแขนชเวมินโฮ ดึงคนตัวสูงให้ขยับเข้ามาใกล้ชิดกัน ก่อนจะแนบแก้มใสที่ขึ้นสีเรื่องของตัวเองเข้ากับต้นแขนหนาของอีกฝ่าย แทมินเงยหน้าสบตาแทคยอนอย่างท้าทาย
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย??...ฉันเป็นเด็กของมินโฮแล้วยังไง” แทมินเกาะแขนร่างสูงแน่น แล้วเอ่ยเสียงใสฟ้องคนตัวสูงอีกครั้ง
“เมื่อกี๊มันลูบต้นขาฉันด้วยอ้ะมินโฮ” แทมินแกล้งซบหน้าลงบนอกกว้าง จนคนบริเวณนั้นเริ่มมองให้ความสนใจ
“ขอโทษด้วยนะ แต่แทมินเป็นแฟนฉัน ถ้านายไม่อยากมีปัญหาก็กลับไปซะเถอะ” ชเว มินโฮเอ่ยเสียงเรียบอีกครั้ง ทำให้อีกฝ่ายต้องยกยิ้มมุมปากแล้วเดินผ่านออกไป คล้อยหลังได้ไม่นาน คนตัวเล็กก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ จนร่างสูงต้องหันกลับไปมอง
“น่าหงุดหงิดจริงๆแม่ง”
“ก็บอกแล้วว่าให้ระวังตัว”
“แล้วใครจะไปคิดวะ ว่าจะเจออะไรแบบนี้...นี่ถ้านายมาขวางไม่ทันฉันโดดลงไปกลางสนามจริงๆแน่”
“ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม”
“อื้มม นี่..”
“มินโฮ~”
ยังไม่ทันที่แทมินจะพูดจบเสียงหวานใสของผู้หญิงด้านล่างสนามก็เรียกมินโฮ จนคนตัวสูงข้างๆต้องหันกลับไปมอง แทมินขมวดคิ้วมุ่นขัดใจเล็กๆที่ถูกแทรกขึ้นมาก่อน ร่างบางมองคนตัวสูงที่หันไปพูดคุยกับผู้หญิงด้านล่างแล้วนึกหมั่นไส้ แทมินขยับตัวถอยออกมายืนด้านหลังมินโฮ แล้วสวมกอดด้านหลังของคนตัวสูงอย่างจงใจ
มินโฮสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อใบหน้าใสยื่นออกมาที่ด้านข้างพร้อมรอยยิ้มน่ารักเรียก สายตาของคนทั่วบริเวณนั้นเป็นอย่างดี ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มให้ร่างสูงที่กอดอยู่
“เสร็จหรือยัง?...ฉันอยากกลับบ้านแล้วนะ” แทมินส่งเสียงกระซิบออดอ้อนอีกครั้ง ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาทำแบบนี้แต่ก็อย่างที่บอก...อารมณ์ไม่ดี อยากกลับบ้านแล้วจริงๆ
“เสร็จแล้ว ถ้านายอยากกลับ ก็กลับกันเลยก็ได้” มินโฮส่งยิ้มบางกลับมาให้ พร้อมดึงมือแทมินให้เดินตามมาเก็บของ
“นายร้อนมากหรอ เหงื่อออกเยอะมากอ่ะ หูแดงๆด้วย..หรือไข้กลับอีกแล้ว”
แทมินวางหลังมือลงบนหน้าผากกว้าง แต่กลับไม่พบอุณภูมิที่สูงผิดปกติ มือบางจึงฉวยเอาผ้าขนหนูสีขาวที่วางพาดอยู่บนไหล่ร่างสูงมาซับเหงื่อ ให้...เสียงแซว โห่ร้องดังขึ้นมาจากด้านล่างที่เต็มไปด้วยนักกีฬาทำให้แทมินรีบหยุดมือของ ตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับร่างสูงที่มองอยู่ก่อนแล้ว...สีหน้ามินโ
ฮ
น่าหมั่นไส้จริงๆให้ตาย!
ปั่กก!
“โอ้ยย” ไวเท่าความคิดหมัดเล็กๆแต่หนักหน่วงอัดเข้าไปเต็มแรงที่ไหล่หนา
“มองแบบนี้หมายความว่าไงวะ”
“ก็แฟนฉันน่ารัก”
สายตาแพรวพราว มองแทมินจนเขาอยากจะเสยไปอีกสักหมัด แต่ร่างสูงกลับรู้ทันยกมือรับหมัดคนตัวเล็กไว้ได้ก่อน
“ใครแฟนนายวะ!”
“ก็นายพึ่งประกาศไปว่านายเป็นเด็กฉัน...หรือไม่ใช่??”
“อะ..ไอ้บ้า!!!” ทำอะไรไม่ได้แทมินก็เอาผ้าขนหนูสีขาวปาใส่มินโฮแล้วชี้หน้าคาดโทษจนคนตัวสูงต้องหัวเราะเสียงดัง
“กลับเถอะๆ ฉันต้องรีบทำงานอีกเยอะ”
มือใหญ่ยื่นขึ้นไปขยี้ผมเด็กน้อย จนแทมินต้องยู่ปากขัดใจยกมือปัดมือใหญ่นั่นออกไป
------------------------------------
“จูเลียต..เฝ้าบ้านด้วยนะ”
ร่างบางอุ้มเจ้ากระต่ายขนเทาตัวกลมขึ้นมาก่อนจะแนบจูบเล็กๆบนขนนิ่ม มือบางลงกลอนประตูบ้านแล้วเดินออกมายังถนนใหญ่ คีย์หอบกองหนังสือกับกล่องอุปกรณ์เดินเข้ามาในคอนโดอันคุ้นเคย ก่อนที่มือบางจะกดลงไปบนกริ่งหน้าประตูห้อง รอพียงไม่นาน ประตูก็เปิดออกพร้อมรอยยิ้มของรุ่นน้องคนใหม่
“อ้าวพี่คีย์.....เข้ามาก่อนฮะ ชเวมินโฮอาบน้ำน่ะ”
“ไงแทมิน ทำงานอยู่หรอ...โห ต้องวาดใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ” ผมมองลอดออกไปที่ด้านหลังแทมิน เห็นกองสี และพู่กันกองโตวางอยู่ด้านหลัง พร้อมทั้งลายเส้นดินสอที่ร่างรายละเอียดของรูปภาพอย่างคร่าวๆอยู่ที่พื้น
“นั่นล่ะฮะ...ผมอยากจะรีบๆทำให้เสร็จ”
“สู้ๆแล้วกันนะ มีไรให้พี่ช่วยก็บอก พี่ก็ชอบพวกศิลปะเหมือนกัน”
ผมทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นที่แทมินนั่งทำงานอยู่ ไม่นานรุ่นน้องตัวเล็กก็คลานดุ๊กๆไปหยิบกระป๋องโคล่ากับขนมมาให้ ผมนั่งมองแทมินนั่งจ้องผลงานตัวเองที่พื้นอยู่พักใหญ่ ปากเรียวเล็กคาบดินสอไว้ ส่วนที่มือก็หนีบพู่กันไว้ที่นิ้วอีก 2-3แท่ง
“วันนี้ว่างหรือไง”
เสียงของเพื่อนสนิททักขึ้นทำให้ผมละสายตาจากการทำงานของแทมินมาที่มินโฮ ร่างสูงเดินออกมาจากห้องพร้อมเบาะรองนั่งในมือ ก่อนจะเดินเข้าไปหารุ่นน้องคนพิเศษของมัน ผมมองมินโฮกับแทมินเถียงกันเรื่องเบาะรองนั่งสักพัก ไม่นานมันก็เดินยิ้มกลับมาหาผม และแทมินก็เอาเบาะรองนั่งนั่นมารองหัวเข่าแทน
“ตกลงวันนี้แกไม่ต้องติวเคมีหรือ?”
“อือ...พี่อนยูไม่ว่างอ่ะ เลยขอเลื่อน...เห็นบอกว่าเพื่อนกลับจากนอกเลยไปรับ”
มินโฮพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่แทมินจะวางอุปกรณ์ทั้งหมดลงมานั่งข้างๆมินโฮ มือบางยกกระป๋องโคล่าขึ้นดื่มอึกๆๆจนมินโฮต้องปราม ว่าระวังสำลัก...ผมว่าก็ตลกดี ที่จะเห็นชเวมินโฮเป็นห่วงใครสักคน
“ถ้างั้นพี่คีย์ก็ว่างสิ...ทำชาบูกินกันไหม ผมอยากกินอ้ะ”
“ก็ดีนะ..พี่ก็อยาก”
แท มินเสนอรายการอาหารขึ้นมา ซึ่งผมก็สนับสนุนเห็นด้วย และแน่นอนว่าคุณเจ้าของห้องเขาก็ต้องตามใจในเมื่อเด็กเขาดันเป็นคนอยากกิน ล่ะนะ แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไรต่อ ทว่าชเวมินโฮก็โพล่งออกมา
“พี่อนยูไปรับเพื่อนที่กลับมาจากอเมริกาใช่มะ?”
“อ่าวแกก็รู้หรือ?”
“ไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแล้วล่ะ...รับเจสชัวร์”
“ใครคือเจส??” ผมมองชเวมินโฮที่ขมวดคิ้วมุ่นพึมพัมๆออกมา
.
.
.
.
“เจสสิก้า...แฟนเก่าพี่อนยู”
TBC
เอารูปจูเลียตมาให้ดู
เป็นกระต่ายของเพื่อนไรท์เตอร์เอง
มันน่ารักมาก แต่มันก็แสบมากๆเช่นกัน ฮ่าๆๆๆ
TALK
กรี๊ดดดด (วิ่งหนีผู้อ่านทุกท่าน) ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ไม่โกรธเค้าน้าตัดจบตอนกันแบบนี้ (หัวเราะ)
ตอนนี้จัดเต็มทรูมินนิดนึง เพราะอนคีย์คืบหน้าสวดๆ
เรื่องเจสจะอะไรยังไง
ทูบีคอน นะคะ
ปล. ติ่มซำจะลงตามเร็วๆนี้ค่า
กอดทุกคน
ท้องฟ้าสดใส อากาศปลอดโปร่ง หาอะไรดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วสำหรับวันนี้ แทมินคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพาย ไม่ลืมที่จะหยิบกระดานวาดรูปติดมือออกมานั่งอยู่ด้านหลังคณะที่เป็นสวนหย่อม เล็กๆ แดดไม่แรง ทุกอย่างล้วนมีชีวิตชีวา มุมปากบางยกยิ้มอย่างพอใจ แทมินหยิบเฮดโฟนอันใหญ่ครอบหูทั้งสองข้าง ก่อนจะลงมือวาดรูปไปเรื่อยเปื่อย
ฟึ่บบ~
เฮดโฟนที่ครอบหูเล็กนั้นถูกถอดออกโดยคนมาใหม่ แทมินหันขวับกลับไปมอง แล้วคิ้วเรียวก็เลิกขึ้น
“อะไรพี่จงฮยอน?”
“โหยย ทำไมเสียงแกเย็นชาจัง”
“.......”
“งอนพี่เหรอจ้ะ”
แทมินทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอเมื่อจงฮยอนเอานิ้วมาเขี่ยๆที่ไหล่บาง ดวงตาคมตวัดมองรุ่นพี่ที่หย่อนก้นลงมานั่งข้างๆ พร้อมทำหน้าตาแอ๊บแบ๊วได้เป็ดที่สุดในสามโลก
“พี่มีเหตุผลไง เลยช่วยไม่ได้”
“แล้ว??”
“ไม่เลวใช่ไหมล่ะ?”
“อะไรไม่เลวของพี่”
“ชเวมินโฮน่ะ...ไม่เลวเลยใช่ไหม”
ไม่ รู้ทำไมพอได้ยินชื่อชเวมินโฮ หน้าใสกลับรู้สึกร้อนขึ้นมา พาลนึกไปถึงเมื่อวาน อยู่ๆไอ้บ้านั่นก็จูบหน้าผากเขา...สงสัยมันจะเบลอ สมองถูกสั่งงานช้า..คิดว่าเขาเป็นตุ๊กตาล่ะมั้ง...
แต่ทำไมต้องใจสั่นตอนนึกถึงด้วยเนี่ย แทมิน!!
“แทมิน เฮ่ๆแทมิน..ฟังพี่อยู่ป่ะวะ” รุ่นพี่คนสนิทเห็นคนตัวเล็กนิ่งไปก็ยกมือหนาเขย่าไหล่ให้รุ่นน้องรู้สึกตัว
“อ้ะๆฟังอยู่ ไรของพี่เนี่ย”
“เห็นอยู่ๆก็เหม่อ หน้าแกแดงๆว่ะ เป็นไรวะ?”
“ปะ..เปล่า”
“เหรออออออออออออ~”
เสียงเหรอลากยาวไปไหม จงฮยอนยักคิ้วให้แทมิน ก่อนสัมผัสถึงความผิดปกติในตัวรุ่นน้อง แทมินนิ่งเกินไป ปกติจะต้องไฮเปอร์กว่านี้เยอะ วันนี้ดูเหมือนแทมินจะมีอะไรติดค้างในใจ ไม่นานจงฮยอนก็ยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเหลือบมองลงไปที่กระดานวาดรูปในมือร่าง บาง มือหนาถือวิสาสะยกกระดานวาดรูปของแทมินขึ้นมา
“อื้อหือ..พัฒนาว่ะ”
“จริงดิพี่แต่ผมว่าก็เหมือนเดิมอ่ะ วาดมาหลายแบบล้ะไม่ได้พัฒนาตรงไหนเลย”
จงฮยอนฟังคำบอกเล่าของน้องแล้วก็อยากตบหน้าผากตัวเองสามทีอย่างเสียมิได้..ไอ้ ที่ว่าพัฒนาน่ะ ไม่ได้หมายถึงฝีมือการวาดรูปเลยสักนิด แต่หมายถึง ระดับความสัมพันธ์ระหว่างผู้วาดและนายแบบโว้ย..อยากจะบ้า นึกไม่ถึงว่าชเวมินโฮจะก้าวเข้ามาอยู่ในห้วงความคิดของแทมินได้มากและรวด เร็วขนาดนี้
ดูซิ๊...น้องผมต้องออกมานั่งใจลอยวาดภาพเค้าเนี่ย
หน้ากระดาษขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนกระดานในมือเล็ก..เป็นภาพร่างของมินโฮทั้งหมด แทมินก้มลงมองกระดานในมือคิ้วเรียวกลับขมวดจนยุ่ง จงฮยอนที่เห็นอย่างนั้นก็นึกสงสัย น้องเขาท่าจะอาการหนัก เมื่อกี๊ยังนั่งยิ้ม ยังนั่งแก้มแดง แล้วทำไมตอนนี้มาทำหน้ายุ่งขมวดคิ้วแบบนี้อีก
“เป็นไรอีกวะ”
“ชเวมินโฮป่วย แล้วเมื่อเช้าผมออกมาก่อนไม่รู้หายยัง”
“ไปทำอีท่าไหนให้ป่วยล่ะ หมอนั่นเป็นนักกีฬาเชียวนะน่าจะแข็งแรงไม่เบา”
“ก็....เปียกฝน”
“แค่นี้??”
“อือ เพราะชเวมินโฮมารับที่ห้องซ้อมวันก่อน แล้วอยู่ๆฝนก็ตกหมอนั่นเลยบังให้ ตัวเองเลยเปียกไปหมดเลย..”
“โคตรแมนว้ะ!!! บังฝนให้แกด้วย สุดยอด”
แทมินมองหน้าจงฮยอนที่ทำตาโตเอามือประกบแก้มของตัวเอง มันจะน่าตกใจอะไรกันเชียว แต่ที่แน่ๆเขาเป็นห่วงคนป่วยที่ไม่รู้จะหายดีหรือยัง เมื่อเช้าก่อนออกมาเรียนก็ไม่ได้เข้าไปดูด้วย
Rttttttttt~
“หืมม” แทมินมองโทศัพท์มือถือที่วางข้างตัว ก่อนรอยยิ้มจะผุดออกมาบางๆจนจงฮยอนอดสงสัยไม่ได้...หลายอารมณ์จริงๆ
“ฮัลโหล ชเวมินโฮ”
(แทมิน นายว่างไหมตอนนี้)
“ว่าง” จงฮยอนขยับตัวเข้ามาใกล้ร่างบางจนหูแนบกับโทรศัพท์อีกข้างของแทมิน
(นายกลับไปหยิบรองเท้าผ้าใบที่ห้องให้หน่อยสิ)
“นาย..ซ้อมบอลหรือ?.......เฮ้ยย นายหายดีแล้วหรือไงวะ!?”
(ก็หายแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรมาก...ไปเอาให้หน่อยนะต้องซ้อมให้รุ่นน้อง) เสียงเข้มหงอยลงมันทีเมื่อแทมินดุเข้าให้
“เออๆไปเอาให้ก็ได้ แต่ถ้านายป่วยอีกเพราะวิ่งตากแดดนายตายแน่!!!”
(เป็นห่วงหรือ)
“เออเซ่!.....ถามไรไม่เข้าท่า จะให้เอาไปให้ที่ไหน”
(สนามบอล ฝากเอาน้ำเย็นๆมาให้ด้วยนะ..เอ่อ ถ้ามาแล้ว...ระวังตัวด้วย โทรมาบอกก่อนก็ดี)
ปลายสายหรี่เสียงลง ก่อนที่จะแทนด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวาย โห่ฮาเสียงดังจนแทมินต้องรีบเอาโทรศัพท์ห่างออกจากหู
“จะไปไหนวะ” จงฮยอนถามรุ่นน้องคนสนิทที่หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้วก็เก็บข้าวของตัวเองอย่างเร่งรีบ
“ไปเอาของ แล้วจะเลยไปสนามบอล..พี่ไปด้วยกันไหม”
“ไม่ว่ะ มีธุระทำต่อ...นี่ๆจะไปสนามบอลอ่ะระวังตัวด้วย ทางที่ดีไปถึงแล้วโทรตามมินโฮออกมารับจะดีกว่านะ”
แทมินเลิกคิ้วมองหน้าพี่ชาย..เมื่อกี๊เหมือนชเวมินโฮก็บอกให้ระวังตัว แล้วนี่พี่จงฮยอนก็ย้ำอีกที อะไรมันจะน่ากลัวขนาดนั้นเชียวกะอีแค่สนามบอล เขาไม่ใช่เด็กสักหน่อยที่ต้องให้ใครออกมารับน่ะ
“ไปก่อนนะพี่ ไว้เจอกัน”
แทมินกระชับสายกระเป๋าพร้อมยกของทั้งหมดมาก่อนจะบอกลารุ่นพี่คนสนิท ขายาวก้าวออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อกลับห้องไปเอารองเท้ากีฬาให้มินโฮ และไม่ลืมที่จะแวะซื้อน้ำเย็นติดมือไปด้วยตามคำสั่ง ร่างบางหันซ้ายหันขวามองตามป้ายในมหาวิทยาลัย จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาจะเหยียบสนามฟุตบอลเลยสินะ
สนามหญ้าสีเขียวใหญ่โต ล้อมรอบไปด้วยอัฒจรรย์ราวๆ60ขั้น กลางสนามตอนนี้มีนักกีฬาวิ่งอยู่มากมาย สนามข้างๆกันเป็นลู่วิ่งขนาดใหญ่ที่มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งกำลังนั่งจับกลุ่ม กันทำอะไรสักอย่าง แทมินพองลมในปาก เมื่อรู้สึกถึงความแข็งแกร่งอบอวลอยู่รอบสนาม ขายาวตั้งใจจะก้าวเข้าไปในสนามฟุตบอลทว่าเสียงทุ้มอันคุ้นเคยกลับเรียกเขา ไว้ก่อน
“แทมิน!”
“อ้าว ชเวมินโฮ นึกว่าอยู่ในสนามซะอีก”
“ออกมายืนรอนายน่ะ”
แทมินยื่นรองเท้าผ้าใบให้มินโฮ ที่ตอนนี้เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ เสื้อชอปถูกวางพาดไว้ที่บ่า ใบหน้าคมขึ้นสีเรื่อหน่อยๆเหมือนพึ่งวิ่งมาจากไหนอย่างนั้นแหละ
“ขอบใจ”
“อื้อไม่เป็นไร...”
ผมมองเข้าไปในสนามสีเขียวที่มีคนวิ่งอยู่ในนั้นอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมามองคนตัวสูงข้างๆ จะว่าไปก็ยังไม่เคยเห็นมินโฮเตะฟุตบอลเลยสักครั้ง เคยแต่ได้ยินพี่จงฮยอน พี่นิชคุณมาโม้บ้างว่าหมอนี่เก่งงั้นงี้ แถมยังเป็นกัปตันทีมอีก คงเท่ไม่เบา
“ขอเข้าไปนั่งดูที่สนามได้ป่ะ”
“เอ่อ....นายอยากหรอ?”
"อยากสิ นะ นะ นะ ฉันจะไม่วุ่นวายเลย จะนั่งดูเฉยๆ จริงๆนะๆๆๆชเวมินโฮ”
มือบางคว้าเข้าที่ต้นแขนมินโฮอย่างลืมตัว ตาโตกระพริบปริบๆพอให้คนมองหัวใจชื้น ชเวมินโฮไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตนี้จะต้องหวั่นไหวกับสิ่งมีชีวิตที่ เรียกว่าน่ารักมากอย่างนี้ คนตัวสูงพยักหน้าให้ แววตาแทมินเป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนที่มินโฮจะเดินนำเข้าไปในสนาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยุดยืนรอให้คนตัวเล็กข้างๆให้เดินมาเคียงข้างกัน
เมื่อทั้งสองคนปรากฏตัวในสนาม อยู่ๆเสียงฮือฮาก็เงียบลงไปหนึ่งอึดใจ และต่อจากนั้นไม่นานเสียงพูดคุยซุบซิบก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มินโฮมองไปรอบๆที่นั่งว่างก่อนจะฉุดแขนแทมินให้เดินตามมา บริเวณเก้าอี้ที่ไม่มีคนจับจอง โล่ง และสามารถที่จะมองเห็นได้ง่ายถ้าอยู่ในสนาม
ใจจริงผมไม่ได้ อยากให้แทมินต้องเข้ามาในสนามเลย มีแต่นักกีฬาตัวใหญ่ๆไม่น่าไว้ใจถึงแม้บางคนจะเป็นเพื่อนผมก็เถอะ บางคนนี่มองแทมินเหลียวหลังเลยก็มี ถ้าไม่ติดว่าผมเดินมาด้วยไม่รู้น้องจะโดนใครจีบไปบ้าง ผมหวงของผมน่ะ ผมปล่อยให้แทมินนั่งอยู่ตรงนั้นแล้วกระโดดข้ามที่นั่งด้านหน้าลงไปเพื่อหยิบ กระเป๋าและอุปกรณ์ต่างๆมาฝากไว้ที่น้อง แทมินก็อาสาจะเฝ้าให้เป็นอย่างดี
ผมลงมากลางสนามอีกครั้ง พูดคุยกับรุ่นน้องเรื่องการฝึกซ้อมแล้วก็คัดตัวจริง อีกไม่นานก็จะมีการแข่งกีฬาระหว่างมหาวิทยาลัยแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเข้มงวดเรื่องการซ้อมนิดหน่อย
“เฮ้ยย มินโฮ มึงมองบ่อยไปล้ะ” เสียงฮงกิเพื่อนร่วมทีมทักขึ้นเมื่อกัปตันทีมเอาแต่เหม่อไปทางแสตนด์
“มึงอย่าห่วงเลย จุดนี้ใครๆก็รู้ว่าน้องเค้าเด็กมึง”
“เฮ้ย! อย่าเสียงดังดิ..เดี๋ยวแทมินได้ยิน...ถึงคนอื่นจะรู้แต่แทมินไม่รู้เว้ย”
ผมปรามฮงกิเบาๆ และหันกลับไปมองน้องอีกครั้ง แทมินยังคงนั่งมองสนามบอลอย่างตื่นเต้น เพราะนอกจากพวกเราทีมฟุตบอลจะมาซ้อมแล้ว อีกฝากหนึ่งของสนามยังมีคนมาเล่นเบสบอล และกีฬาอย่างอื่นอีก กลัวน้องจะติดใจแล้วขอตามมาด้วยบ่อยๆจริงๆ
มินโฮเตะบอล เลี้ยงส่งไปให้รุ่นน้องกองหน้า ขายาวเตะสลับซ้ายขวาโชว์ชั้นเชิงอันเหนือชั้นให้รุ่นน้องที่นั่งมองต้องอ้า ปากค้างในความเร็ว รวมถึงคนตัวเล็กทที่นั่งมองอยู่บนสแตนด์ด้านบนด้วย แทมินมองท่าทางการวิ่งอันคล่องตัวและลีลาฝีเท้าของมินโฮแล้วก็อดเผลอยิ้มออก มาไม่ได้...
เท่สมคำร่ำลือ!!
หลังจากมินโฮทำประตูได้ เสียงเชียร์กึกก้องดังไปทั่ว แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจ กลับหันกลับไปมองยังบนสแตนด์เชียร์ที่คนตัวเล็กนั่งมองอยู่เช่นกัน ดวงตาคมสบกับตาวาวใสของแทมินเรียกรอยยิ้มพึงพอใจให้มินโฮเป็นอย่างดี แทมินลุกขึ้นยืนพร้อมชูนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้นักกีฬาคนเก่งในสนาม จนเจ้าตัวต้องหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางแบบนั้นของร่างบาง
ร่างสูงถูกรุมโดยเพื่อนๆน้องๆในทีม และแน่นอนว่าสาวๆโดยรอบที่มาแอบยืนดูเกาะรั้วอยู่ข้างสนาม ชเวมินโฮถูกดึงไปด้านนั้น ด้านนี้เพื่อพูดคุย สาวเจ้าบางคนก็แอบเอาผ้าเช็ดหน้าสีหวานซับเหงื่อให้ แต่ทว่ากลับถูกร่างสูงเบี่ยงตัวหลบและปฏิเสธอย่างมีมารยาท...
แทมินมองภาพในสนามแล้วก็เบ้ปาก....ป๊อปปูล่าซะเหลือเกิน
ร่างบางนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งก่อนจะบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว โดยที่ไม่ได้สังเกตว่ามีใครอีกคนก้าวเข้ามานั่งอยู่ข้างๆแล้ว
“นั่งด้วยได้ไหม”
“เฮ้ยย! อ่าโทษที นั่งเถอะตรงนี้ไม่มีคนนั่ง” ร่างบางสะดุ้งตกใจกับเสียงห้าวของคนมาใหม่ ก่อนจะเชื้อเชิญให้นั่งลงด้านข้างกัน
“ฉัน อกแทคยอน อยู่สถาปัตย์ปี3”
“อีแทมินฮะ ศิลปกรรมปี1” รางบางหันไปยิ้มให้แทคยอนแล้วก็หันกลับไปมองในสนามต่อโดยไม่ได้สนใจคนมาใหม่เลย
“ตัวจริงนายน่ารักกว่าที่เค้าพูดกันเยอะนะ”
“ห๊ะ?? อะไรนะฮะ?”
“อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสาหน่อยเลย ไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือไง”
“......”
“ไหนๆก็เป็นเด็กไอ้มินโฮแล้ว นายก็..”
“ย๊า!!! นายพูดบ้าอะไรวะ...อย่ามาจับฉันโว้ย” แทมินเด้งตัวลุกขึ้นยืนตะโกนใส่หน้าร่างหนาที่อยู่ๆก็ยื่นมือมาลูบต้นขา พูดจาหยาบคายใส่ ร่างบางตวัดสายตากลับไปมองอย่างเอาเรื่อง แต่แทคยอนกลับยักไหล่แล้วยิ้มสบาย ยิ่งเพิ่มความโมโหให้กับร่างบาง
แทคยอนเดินก้าวเข้าไปหาแทมิน แต่ร่างบางกลับเดินถอยหลังหนีทีละก้าว จนสุดขอบราวสแตนด์
“นายจะทำอะไร”
เสียงเรียบอันคุ้นหูดังขึ้น เมื่อชเวมินโฮเดินเอาตัวเองมากั้นระหว่างแทคยอนและแทมิน
“หึ...มีเจ้าของจริงๆด้วย”
หมับ~
มือเล็กสอดเข้ามาคล้องแขนชเวมินโฮ ดึงคนตัวสูงให้ขยับเข้ามาใกล้ชิดกัน ก่อนจะแนบแก้มใสที่ขึ้นสีเรื่องของตัวเองเข้ากับต้นแขนหนาของอีกฝ่าย แทมินเงยหน้าสบตาแทคยอนอย่างท้าทาย
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย??...ฉันเป็นเด็กของมินโฮแล้วยังไง” แทมินเกาะแขนร่างสูงแน่น แล้วเอ่ยเสียงใสฟ้องคนตัวสูงอีกครั้ง
“เมื่อกี๊มันลูบต้นขาฉันด้วยอ้ะมินโฮ” แทมินแกล้งซบหน้าลงบนอกกว้าง จนคนบริเวณนั้นเริ่มมองให้ความสนใจ
“ขอโทษด้วยนะ แต่แทมินเป็นแฟนฉัน ถ้านายไม่อยากมีปัญหาก็กลับไปซะเถอะ” ชเว มินโฮเอ่ยเสียงเรียบอีกครั้ง ทำให้อีกฝ่ายต้องยกยิ้มมุมปากแล้วเดินผ่านออกไป คล้อยหลังได้ไม่นาน คนตัวเล็กก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ จนร่างสูงต้องหันกลับไปมอง
“น่าหงุดหงิดจริงๆแม่ง”
“ก็บอกแล้วว่าให้ระวังตัว”
“แล้วใครจะไปคิดวะ ว่าจะเจออะไรแบบนี้...นี่ถ้านายมาขวางไม่ทันฉันโดดลงไปกลางสนามจริงๆแน่”
“ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม”
“อื้มม นี่..”
“มินโฮ~”
ยังไม่ทันที่แทมินจะพูดจบเสียงหวานใสของผู้หญิงด้านล่างสนามก็เรียกมินโฮ จนคนตัวสูงข้างๆต้องหันกลับไปมอง แทมินขมวดคิ้วมุ่นขัดใจเล็กๆที่ถูกแทรกขึ้นมาก่อน ร่างบางมองคนตัวสูงที่หันไปพูดคุยกับผู้หญิงด้านล่างแล้วนึกหมั่นไส้ แทมินขยับตัวถอยออกมายืนด้านหลังมินโฮ แล้วสวมกอดด้านหลังของคนตัวสูงอย่างจงใจ
มินโฮสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อใบหน้าใสยื่นออกมาที่ด้านข้างพร้อมรอยยิ้มน่ารักเรียก สายตาของคนทั่วบริเวณนั้นเป็นอย่างดี ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มให้ร่างสูงที่กอดอยู่
“เสร็จหรือยัง?...ฉันอยากกลับบ้านแล้วนะ” แทมินส่งเสียงกระซิบออดอ้อนอีกครั้ง ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาทำแบบนี้แต่ก็อย่างที่บอก...อารมณ์ไม่ดี อยากกลับบ้านแล้วจริงๆ
“เสร็จแล้ว ถ้านายอยากกลับ ก็กลับกันเลยก็ได้” มินโฮส่งยิ้มบางกลับมาให้ พร้อมดึงมือแทมินให้เดินตามมาเก็บของ
“นายร้อนมากหรอ เหงื่อออกเยอะมากอ่ะ หูแดงๆด้วย..หรือไข้กลับอีกแล้ว”
แทมินวางหลังมือลงบนหน้าผากกว้าง แต่กลับไม่พบอุณภูมิที่สูงผิดปกติ มือบางจึงฉวยเอาผ้าขนหนูสีขาวที่วางพาดอยู่บนไหล่ร่างสูงมาซับเหงื่อ ให้...เสียงแซว โห่ร้องดังขึ้นมาจากด้านล่างที่เต็มไปด้วยนักกีฬาทำให้แทมินรีบหยุดมือของ ตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับร่างสูงที่มองอยู่ก่อนแล้ว...สีหน้ามินโ
ฮ
น่าหมั่นไส้จริงๆให้ตาย!
ปั่กก!
“โอ้ยย” ไวเท่าความคิดหมัดเล็กๆแต่หนักหน่วงอัดเข้าไปเต็มแรงที่ไหล่หนา
“มองแบบนี้หมายความว่าไงวะ”
“ก็แฟนฉันน่ารัก”
สายตาแพรวพราว มองแทมินจนเขาอยากจะเสยไปอีกสักหมัด แต่ร่างสูงกลับรู้ทันยกมือรับหมัดคนตัวเล็กไว้ได้ก่อน
“ใครแฟนนายวะ!”
“ก็นายพึ่งประกาศไปว่านายเป็นเด็กฉัน...หรือไม่ใช่??”
“อะ..ไอ้บ้า!!!” ทำอะไรไม่ได้แทมินก็เอาผ้าขนหนูสีขาวปาใส่มินโฮแล้วชี้หน้าคาดโทษจนคนตัวสูงต้องหัวเราะเสียงดัง
“กลับเถอะๆ ฉันต้องรีบทำงานอีกเยอะ”
มือใหญ่ยื่นขึ้นไปขยี้ผมเด็กน้อย จนแทมินต้องยู่ปากขัดใจยกมือปัดมือใหญ่นั่นออกไป
------------------------------------
“จูเลียต..เฝ้าบ้านด้วยนะ”
ร่างบางอุ้มเจ้ากระต่ายขนเทาตัวกลมขึ้นมาก่อนจะแนบจูบเล็กๆบนขนนิ่ม มือบางลงกลอนประตูบ้านแล้วเดินออกมายังถนนใหญ่ คีย์หอบกองหนังสือกับกล่องอุปกรณ์เดินเข้ามาในคอนโดอันคุ้นเคย ก่อนที่มือบางจะกดลงไปบนกริ่งหน้าประตูห้อง รอพียงไม่นาน ประตูก็เปิดออกพร้อมรอยยิ้มของรุ่นน้องคนใหม่
“อ้าวพี่คีย์.....เข้ามาก่อนฮะ ชเวมินโฮอาบน้ำน่ะ”
“ไงแทมิน ทำงานอยู่หรอ...โห ต้องวาดใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ” ผมมองลอดออกไปที่ด้านหลังแทมิน เห็นกองสี และพู่กันกองโตวางอยู่ด้านหลัง พร้อมทั้งลายเส้นดินสอที่ร่างรายละเอียดของรูปภาพอย่างคร่าวๆอยู่ที่พื้น
“นั่นล่ะฮะ...ผมอยากจะรีบๆทำให้เสร็จ”
“สู้ๆแล้วกันนะ มีไรให้พี่ช่วยก็บอก พี่ก็ชอบพวกศิลปะเหมือนกัน”
ผมทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นที่แทมินนั่งทำงานอยู่ ไม่นานรุ่นน้องตัวเล็กก็คลานดุ๊กๆไปหยิบกระป๋องโคล่ากับขนมมาให้ ผมนั่งมองแทมินนั่งจ้องผลงานตัวเองที่พื้นอยู่พักใหญ่ ปากเรียวเล็กคาบดินสอไว้ ส่วนที่มือก็หนีบพู่กันไว้ที่นิ้วอีก 2-3แท่ง
“วันนี้ว่างหรือไง”
เสียงของเพื่อนสนิททักขึ้นทำให้ผมละสายตาจากการทำงานของแทมินมาที่มินโฮ ร่างสูงเดินออกมาจากห้องพร้อมเบาะรองนั่งในมือ ก่อนจะเดินเข้าไปหารุ่นน้องคนพิเศษของมัน ผมมองมินโฮกับแทมินเถียงกันเรื่องเบาะรองนั่งสักพัก ไม่นานมันก็เดินยิ้มกลับมาหาผม และแทมินก็เอาเบาะรองนั่งนั่นมารองหัวเข่าแทน
“ตกลงวันนี้แกไม่ต้องติวเคมีหรือ?”
“อือ...พี่อนยูไม่ว่างอ่ะ เลยขอเลื่อน...เห็นบอกว่าเพื่อนกลับจากนอกเลยไปรับ”
มินโฮพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่แทมินจะวางอุปกรณ์ทั้งหมดลงมานั่งข้างๆมินโฮ มือบางยกกระป๋องโคล่าขึ้นดื่มอึกๆๆจนมินโฮต้องปราม ว่าระวังสำลัก...ผมว่าก็ตลกดี ที่จะเห็นชเวมินโฮเป็นห่วงใครสักคน
“ถ้างั้นพี่คีย์ก็ว่างสิ...ทำชาบูกินกันไหม ผมอยากกินอ้ะ”
“ก็ดีนะ..พี่ก็อยาก”
แท มินเสนอรายการอาหารขึ้นมา ซึ่งผมก็สนับสนุนเห็นด้วย และแน่นอนว่าคุณเจ้าของห้องเขาก็ต้องตามใจในเมื่อเด็กเขาดันเป็นคนอยากกิน ล่ะนะ แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไรต่อ ทว่าชเวมินโฮก็โพล่งออกมา
“พี่อนยูไปรับเพื่อนที่กลับมาจากอเมริกาใช่มะ?”
“อ่าวแกก็รู้หรือ?”
“ไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแล้วล่ะ...รับเจสชัวร์”
“ใครคือเจส??” ผมมองชเวมินโฮที่ขมวดคิ้วมุ่นพึมพัมๆออกมา
.
.
.
.
“เจสสิก้า...แฟนเก่าพี่อนยู”
TBC
เอารูปจูเลียตมาให้ดู
เป็นกระต่ายของเพื่อนไรท์เตอร์เอง
มันน่ารักมาก แต่มันก็แสบมากๆเช่นกัน ฮ่าๆๆๆ
TALK
กรี๊ดดดด (วิ่งหนีผู้อ่านทุกท่าน) ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ไม่โกรธเค้าน้าตัดจบตอนกันแบบนี้ (หัวเราะ)
ตอนนี้จัดเต็มทรูมินนิดนึง เพราะอนคีย์คืบหน้าสวดๆ
เรื่องเจสจะอะไรยังไง
ทูบีคอน นะคะ
ปล. ติ่มซำจะลงตามเร็วๆนี้ค่า
กอดทุกคน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น