ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ✖✖ ติสแตก ✖✖ : 2MIN

    ลำดับตอนที่ #10 : :: EP 8 :: วันที่ฉันป่วย

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 54


    EP 8 : วันที่ฉันป่วย



    ((ฟังเพลงคลอ))



     

     

     

    ผมลากคนตัวสูงเข้ามาในห้องนอนฝั่งตรงข้าม ที่เมื่อวานผมได้เข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ข้าวของทุกอย่างยังเหมือนเดิม เว้นเสียแต่บนหัวเตียง ที่กระจัดกระจายไปด้วยซองยา ผมคิดว่าเจ้าของห้องคงจะตื่นมารื้อยาแก้ปวดหัวทานตอนกลางคืนเมื่อวาน เมื่อคนตัวโตหลังแตะที่นอนปุ๊บ ก็ขดตัวคู้ มือควานหาผ้าห่มทันที ผมได้แต่ยืนมองอย่างอ่อนใจ คนป่วยเค้าต้องดูแลกันยังไงนี่!!

     


    ผมจัดการจับคนป่วยลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง แล้วถอดเสื้อชอปสีเข้มออก มือบางเลิกเสื้อยืดของคนตัวสูงให้พ้นศีรษะ หน้าท้องแบนราบ แต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสมส่วนนั้น ทำให้หวนนึกถึงเมื่อคืน ชเวมินโฮอยู่ในชุดผ้าขนหนูตัวเปียกน้ำ แค่นึกถึงก็รู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมาอยู่บนใบหน้าแล้ว ร่างบางได้แต่สะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆออกไป

     



    “ต้องเช็ดตัวก่อนสินะ” แทมินพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ

     

     


    มือบางชุบผ้าขนหนูสีขาวสะอาดลงในกะละมังที่ใส่น้ำและจับบิดจนหมาด เมื่อสัมผัสจากผ้าขนหนูแตะลงบนตัวผู้ป่วย คนตัวสูงก็ปัดออกอย่างขัดใจ คิ้วยาวขมวดติดกัน แล้วพลิกตัวหนี

     



    “เฮ้ยย จะหนีทำไมล่ะ” ร่างบางยืนเท้าเอวสักพัก แล้วเริ่มพลิกคนตัวสูงให้หันกลับมานอนหงายอีกครั้ง

     

    “อื้ออ ไม่เอา” เสียงคนตัวสูงครางประท้วง เมื่อมือเล็กๆนั่นเริ่มลงมือเช็ดตัวให้อีกครั้ง

     

    “อย่าดิ้นได้ไหมเล่า!! ป่วยก็นอนเฉยๆสิวะ”

     


    มินโฮขยับตัวไปมาหนีมือแทมิน จนคนตัวเล็กนิ่วหน้า นี่ถ้าไม่เห็นว่าเมื่อวานมารับแล้วช่วยกันฝนให้ล่ะก็ มีเฮ
    ! คนอะไรป่วยแล้วยังจะเรื่องมาก เมื่อเช็ดตัวเสร็จร่างบางก็จัดแจงหาเสื้อเปลี่ยนให้คนป่วย แล้วออกไปหยิบแผ่นลดไข้คลูเจลมาแปะไว้ที่หน้าผากร่างสูง

     


    “อย่าแม้แต่จะดึงออก
    !” เสียงเล็กพูดดังลั่น ก่อนจะตะปบมือหนาเมื่อร่างสูงทำท่าว่าจะเอื้อมมือออกมาดึงแผ่นลดไข้ออก

     

    “เฮ้อ~


     

    ร่างบางจัดการห่มผ้าให้คนป่วยจนมิดคอ แล้วเดินกลับออกมา

     

     

     


    Rttttttttt~

     



    เบอร์โทรศัพท์เบอร์เดิมคุ้นตา ทำให้รู้ได้ไม่ยากว่าเพื่อนสนิทคนป่วยโทรมา
    มือบางกดรับโทรศัพท์ก่อนจะกรอกเสียงที่เพลียสุดๆตาม

     


    “ครับ พี่คีย์”

     

    (มันเป็นไงบ้างครับ?)

     

    “ผมเช็ดตัวให้แล้วล่ะครับ ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก.......มั้ง ยังมีแรงดิ้นหนีมือผมอยู่เลย”

     

    (ฮ่าๆ เสียงแทมินเหนื่อยมากเลยนะ)

     

    “สุดๆอ่ะพี่คีย์ เพื่อนพี่ตัวใหญ่แล้วยังจะอิดออดอีก”

     

    (ยังไงก็รบกวนหน่อยนะ พรุ่งนี้วันหยุดพอดี มันน่าจะหายเร็วอยู่หรอก มีคนดูแลดี)



     

    ท้ายประโยคเหมือนคนพูดจะเบาเสียงลง ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะได้ยินไหม

     



    “อื้ม ครับ บายครับ” แทมินลดมือลงก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเองไปชำระล้างร่างกาย แล้วกลับออกมาใหม่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเตรียมนอน

     

     

     

     






    ตึ่งงง
    !!

     


    “เสียงไรวะ
    !

     

    ร่างบางออกจากห้องมาเปิดประตูห้องฝั่งตรงข้ามก็ต้องเบะปาก เห็นคนป่วยที่กลิ้งหลุนๆตกลงมาจากเตียงขดตัวนอนอยู่ที่พื้น ขนาดเตียงก็ไม่ใช่เล็กๆ ยังจะมีกระจิตกระใจตกเตียงอีก แทมินถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินไปช่วยพยุงคนป่วยให้กลับขึ้นมานอนบนเตียงดีดี สงสัยคืนนี้คงต้องนอนเฝ้าซะล่ะมั้ง

     


    มือบางยื่นมือออกไปแตะลำคอคนตัวสูง แล้วก็ครางอือ พอใจอยู่ไม่น้อยที่อุณภูมิร่างกายคนป่วยลดลงบ้างแล้ว ร่างบางคลี่ผ้าห่มคลุมตัวให้มินโฮอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปหยิบเอาสมุดสเก็ตภาพเข้ามานั่งวาดอะไรเพลินๆข้างเตียงคนป่วย

     


    เสียงภายในห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงลากดินสอของคนตัวเล็กและเสียงหายใจของคนป่วยเท่านั้น แทมินวางสมุดและดินสอลงก่อนจะฟุบหน้าลงกับฟูกนอนนุ่มของร่างสูง แต่ก็ไม่ลืมที่จะคว้าเจ้าแวนโก๊ะมารองแก้มใส ร่างบางหลับตาพริ้มพร้อมหลุดเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด

     

     



    ---------------------------------------

     

     


    ความอ่อนล้า ส่งผลให้คิ้วเรียวขมวดติดกันเมื่อต้องขยับตัว มินโฮพลิกตัวก่อนที่แผ่นคลูเจลบนหน้าผากจะเลื่อนหลุดออกไป มือหนาควานๆหาเพื่อจะหยิบขึ้นมาแปะไว้อย่างเดิม แต่กลับหาไม่เจอ เวลาป่วย ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเลยจริงๆ คนตัวสูงได้แต่ถอนหายใจ ปล่อยไอร้อนออกมาและหลับตาลง

     


    “อื้มม
    ~

     


    เสียงคนดูแลที่นอนฟุบอยู่ข้างเตียง กลับเรียกสายตาของมินโฮอีกครั้ง คนป่วยพยุงกายลุกขึ้นนั่งหันไปมองทางต้นเสียงครางนั้น ร่างบางเอียงหน้าแนบแก้มข้างหนึ่งไว้บนฟูก เส้นผมนิ่มแนบลู่ลงมาที่แก้มข้างหนึ่ง มินโฮยกยิ้มที่มุมปาก ท่าทางคนตัวเล็กคงจัดการดูแลเขาจนเหนื่อยและผล็อยหลับไป

     


    ใบหน้าน่ารัก ใสจนเห็นเส้นเลือดบางๆซับสีเรื่อเมื่อต้องขยับท่าทาง ปากเล็กที่คอยแต่จะวะเว้ย เผยอปากเล็กๆเพื่อรับอากาศหายใจ เห็นแล้วอยากจะก้มลงไปชิมว่าจะหวานเหมือนหน้าตาหรือเปล่า...แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าป๊อดหรือไม่กล้า แต่ก็แค่...กลัวน้องจะติดไข้ไปด้วย

     


    “แทมิน... แทมิน”

     


    ผมเรียกน้องแล้วเขย่าไหล่บางเบาๆ อยากจะให้น้องลุกกลับไปนอนสบายๆที่ห้อง แต่น้องกลับนอนนิ่งมุมปากระบายรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝันอะไรน้องถึงต้องทำหน้ามีความสุขแบบนั้น เมื่อเห็นว่าน้องไม่มีท่าทีจะตื่น และผมก็คงอุ้มน้องกลับไปนอนที่ห้องไม่ไหวแน่ๆ ก็คงทำได้แค่

     


    อุ้มน้องขึ้นมาอยู่บนเตียงด้วยกันกับผม

     

     

    ร่างสูงขยับท่าทางให้นอนกันสบายๆโดยไม่ลืมเผื่อแผ่ผ้าห่มหนาให้แทมินด้วย มินโฮยกเอาหมอนข้างมากั้นไว้ตรงกลาง เกิดตัวเองนอนกลิ้งๆไปชนน้องจะได้รู้ตัวทัน แต่ยังไม่ทันจะหันกลับมานอนดีดี หมอนข้างกลับถูกเหวี่ยงลงไปข้างเตียงอีกฝั่งแทน แล้วแทนที่ด้วยคนตัวเล็กที่ขยับมาชิดกับท่อนแขนคนป่วย แทมินแนบแก้มใสลงบนไหล่หนา ทำให้คนตัวสูงต้องยืดแขนข้างนั้นออกไปให้ลูกแมวน้อยได้ขยับขึ้นมานอนหนุนแขนได้อย่างสบาย

     



    ผมต้องหลับตาเรียกสติอยู่หลายครั้งเมื่อแทมินพลิกตัวหันข้างมา น้องนอนเบียดเข้าหาไออุ่นจากร่างกายผมแล้วยกมือบางขึ้นมาวางบนอก ไม่รู้หัวใจเต้นแรงเท่าไหร่แล้ว และไม่รู้ว่าน้องจะรู้สึกถึงการเต้นของมันไหม ผมยิ้มให้กับตัวเองแล้วแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากของแทมิน รอยยิ้มเล็กๆฉาบลงบนหน้าใส น้องคงจะต้องฝันดีจริงๆแน่ๆ เอาไว้ถ้าหาย ถ้าไม่ป่วย....น้องอาจจะไม่ได้ยิ้มแค่นี้ก็ได้


    .



    .

     



    .

    แสงแดดยามเช้าเรียกสติของคนแข็งแรงให้ตื่นขึ้นมาก่อน ร่างบางปรือตาขมวดคิ้ว ก่อนจะกระพริบตาเพื่อไล่ความง่วงงุ่นออกไป แต่ก็ต้องรู้สึกแปลกๆ เมื่อคืนก่อนที่จะหลับ จำได้ว่านั่งหลับอยู่ข้างที่นอน แต่ตื่นมากลับนอนอยู่บนเตียง ซ้ำยังนอนซบคนป่วยมาทั้งคืนอีก! คิดได้แค่นั้นคนตัวเล็กก็เด้งตัวลุกขึ้นมา คงไม่ได้ละเมอคลานขึ้นมาบนเตียงเองหรอกนะ ใบหน้าใสขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด

     

     


    “ตื่นแล้วหรอ ติดไข้ฉันหรือ ทำไมหน้าแดง”

     


    ร่างสูงลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคนข้างกายขยับตัวลุก

     


    “ปะ..เปล่า ไม่ได้ติดไข้  ฉันทำให้นายตื่นหรอ นอนต่อก็ได้นะ เดี๋ยวจะไปหาไรให้กินแล้วนายจะได้กินยา”

     


    มินโฮพยักหน้ารับแล้วหลับตาลงอีกครั้ง ความเพลียและความอ่อนล้าทางร่างกายทำให้เข้าไม่อยากที่จะขยับเขยื้อนหรือทำอะไรเลยทั้งสิ้น แต่ความรู้สึกไม่สบายตัว กับเหงื่อที่ผุดออกมาตามร่างกาย ทำให้ร่างสูงกระสับกระส่ายไม่สามารถที่จะนอนได้อีกครั้ง คนป่วยก้าวขาลงจากเตียงได้ ก็รู้สึกว่าโลกหมุนหัวหมุนไปหมด ต้องเกาะๆกำแพงเดินมาเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเรียกเอาความสดชื่นคืนมา

     


    น้ำเย็นๆทำให้ความอ่อนล้าลดลง มินโฮจึงไม่รอช้าที่จะจัดการอาบน้ำชำระคราบสกปรกออกไป แถมให้ด้วยการสระผมเป็นอันครบสูตร

     


    ร่างสูงแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินเช็ดผมออกมา พร้อมกันกับที่แทมินเปิดประตูห้องเข้ามา ร่างบางมองคนป่วยตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะยกนิ้วเล็กๆนั่นขึ้นมาชี้หน้าพร้อมส่งเสียงดุคนป่วยที่ริอาจไปอาบน้ำมา

     





    “ย๊า
    !! ชเวมินโฮ ใครใช้ให้อาบน้ำ!

     


    “ฉันร้อน”

     


    “นายบ้าไปแล้ว
    !! คนเป็นไข้ใครเค้าอาบน้ำกันเล่า” ร่างบางวางถุงโจ๊กแล้วเดินเข้ามาใกล้คนป่วย มือบางเอื้อมมาแตะที่ลำคอหนา แล้วส่งสายตาหงุดหงิดมาให้

     


    “อาบน้ำเย็นด้วย ไอ้บ้า
    !! นายนี่งี่เง่าจริงๆ ถ้าช๊อคไปจะทำยังไง แล้วสระผมอีก มานี่เลยๆๆๆๆ”

     




    แทมินลากคนป่วยเดินเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง จัดแจงสั่งให้คนตัวสูงนั่งลงบนเตียงแล้วตัวเองก็คลานดุ๊กๆขึ้นไปยืนคุกเข่า มือบางแย่งผ้าขนหนูจากมินโฮแล้วขยี้ลงไปเต็มแรงอย่างนึกหมั่นไส้ อะไรกันไม่รู้จักดูสภาพตัวเองเลย

     


    “นายโกรธหรอ?”
    คนป่วยถามเสียงอ่อย

     

    “เปล่า”

     


    มือบางผ่อนแรงจากขยี้ มาเป็นซับเบาๆให้คนป่วย

     


    “ฮะ..ฮัดเช่ย
    !

     

    “นั่นไง! เห็นไหมเล่า!!! เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วกินยาแก้หวัดไปด้วยเลย”

     

     

    แทมินเดินออกไปด้านนอกแล้วกลับเข้ามาในห้องคนป่วยอีกครั้งพร้อมชามโจ๊กร้อนๆที่ส่งควันหอมกรุ่นในมือ มินโฮจัดการเขยิบตัวเองให้ชิดติดกับหัวเตียง ถึงแม้เขาจะรู้สึกสดชื่นมากขึ้นจากการได้อาบน้ำ แต่อาการปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวและอาการหนักๆหัวกลับไม่ได้ลดน้องลงเลย

     

    ร่างบางยื่นชามโจ๊กส่งให้คนป่วย แต่ชเวมินโฮกลับนิ่วหน้า

     





    “ฉันไม่อยากขยับตัวเลย มันเมื่อยไปหมด...นายป้อนได้ไหม?”
     

     



    เสียงแหบๆจากคนป่วยบนเตียง ทำให้ร่างบางเบ้ปากก่อนจะหดมือที่ถือชามอยู่กลับมา มือบางคนช้อนไปทั่วชามโจ๊กหวังให้ควันร้อนระเหยออกไป แทมินตักโจ๊กพอคำก่อนจะเป่าเบาๆไล่ความร้อนอีกครั้ง คนป่วยมองการกระทำของคนตัวเล็กแล้วก็ลอบยิ้มเองคนเดียว นี่ถ้าน้องแค่เงยหน้าขึ้นมา คงได้เห็นแววตาคมระยิบระยับอย่างแน่นอน

     


    “อ้ะ ไม่ร้อนแล้วมั้ง” แทมินยื่นช้อนให้คนป่วยอ้าปากรับ

     


    มินโฮทานข้าวได้หมดผิดกับคนป่วยบางคนที่มักจะทานนิดเดียวก็อิ่ม สงสัยว่าคงเพราะเป็นนักกีฬา กระเพาะเลยใหญ่กว่าคนอื่นล่ะมั้ง ผมยื่นยาแก้ไข้ ยาแก้อักเสบ และยาแก้หวัดให้คนป่วยบนเตียงแล้วหยิบแก้วน้ำส่งให้ ชเวมินโฮก็รับไปอย่างว่าง่าย ผิดกับตอนที่ไม่มีสติจริงๆ

     



    “เหนื่อยไหม?”

     


    “อะไรเหนื่อย?”

     


    “ที่ต้องมาดูแลคนป่วยแบบนี้”

     


    “เหอะ ไม่เหนื่อยหรอก ถ้านายจะไม่งี่เง่าอ่ะนะ”

     


    “ฉันงี่เง่าตอนไหนกัน”

     


    “โหยย ทุกตอนอ่ะแหละ ช่างเถอะ ฉันไม่ได้เดือดร้อนอะไร อีกอย่างนายก็ป่วยเพราะฉัน”

     


    “ถ้าฉันป่วยไปเรื่อยๆนายก็จะดูแลฉันงั้นหรอ”

     


    “แน่ดิ”

     


    “งั้นฉันยังไม่อยากหายเลย”

     

     

     

     

    ฟุ่บบ!

     

    ผมคว้าแวนโก๊ะปาใส่ไอ้คนป่วยไปเต็มๆ นี่เห็นว่าป่วยอยู่หรอกนะ เลยขว้างแค่แวนโก๊ะ ชิส์!ทำมาเป็นไม่อยากหาย

     

     

     

    “รีบๆหายซะเถอะ”

     


    คนตัวสูงหัวเราะในคอเล็กน้อยก็กระแอมไอออกมา เดือดร้อนผมต้องเข้าไปลูบหลังให้อีก

     


    “นายนอนพักอีกสิ นอนเยอะๆจะได้หายไวไว”

     

    “นายจะไม่ไปไหนใช่ไหม?”

     

    “หืม??”

     

    “คือ..นายอยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนฉันจะหลับอีกครั้งไง” บ๊ะ!! นี่เห็นว่าว่างหรอกนะ เลยจะยอมนั่งอยู่เป็นเพื่อน ไม่นึกว่าคนตัวใหญ่ๆป่วยแล้วจะขี้อ้อนแบบนี้ ตากลมโตของคนป่วยมองกลับมาอย่างมีความหวัง

     

    “อื้ออ จะอยู่เป็นเพื่อน”

     


    ผมลุกขึ้นเตรียมจะช่วยคนป่วยให้กลับมานอนลงที่เตียงดีดี แต่มือหนากลับหยุดแขนผมไว้

     












    ชเวมินโฮรั้งตัวผมลงมา ก่อนจะแนบริมฝีปากร้อนๆเข้ากับหน้าผากผม

     


    สัมผัสแผ่วเบารวดเร็วจนผมยังนิ่งค้างอยู่กับที่ รู้สึกคุ้นเคยเหมือนภาพในฝันเมื่อคืนที่เห็นเพียงไอจางๆ แต่ความรู้สึกกลับเต็มตื้นขึ้นมาทั้งหัวใจ

     

     

     

     

    ---------------------------------

     

     

     

    ผมยืนมองคนตัวสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้สัตว์เลี้ยงตัวโปรดก็ได้แต่ถอนหายใจ พี่อนยูขโมยหอมแก้มกันซึ่งๆหน้าแล้วยังจะทำเนียนอยู่ได้อีก คนที่เขินน่ะ ผมนะ!! สาบานเลยว่าครั้งต่อไปผมจะไม่ใส่คอนแทคเลนส์ให้ใครอีกแล้ว

     


    “ยืนแก้มแดงอะไรตรงนั้นครับ”

     

    “แก้มแดงอะไร..บ้า!

     

    “ก็พี่เห็นว่าแดงนี่”

     


    ผมเผลอยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองเบาๆ แล้วก็เรียกเสียงหัวเราะจากคนที่นั่งอยู่บนพื้น

     


    “ใส่คอนแทคเลนส์แล้วสบายตาดีนะครับ เห็นชัดขึ้นเยอะเลย”

     


    ไม่รู้ว่าเห็นชัดของพี่อนยูคืออะไร ผมน่ะ ไม่กล้าสบตาคมคู่นั้นแล้ว ทำไมพอถอดแว่นแล้วถึงกลายเป็นคนขี้แซวไปได้นะ  ตานี่ระยิบระยับเชียว

     

     

     

     

     

    “อ้ะ!

     

    อยู่ๆสัมผัสนุ่มชื้นก็แตะเข้าที่แก้มผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเป็นจมูกแดงๆของสิ่งมีชีวิต ที่ทำท่าฟุดฟิดๆดมแก้มใสๆ จูเลียตถูกมือหนาของแขกประคองไว้อย่างทะนุถนอม กระต่ายตัวกลมขนฟูสีเทา พยายามตะกายขาหน้ามาหา จนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปรับเจ้าตัวกลมมาอุ้มแทน

     

    “สงสัยมันเบื่อพี่”

     

    “มันไม่ชินหน้าพี่มากกว่า”

     

     

     

     

     

     

     

    “แล้วเจ้าของมันชินไหมครับ”

     

    ผมหันไปมองหน้าติวเตอร์ แล้วก็ตีแขนหนาไปไม่ยั้ง พี่อนยูหยอดตลอดเลย รู้บ้างไหมนี่ว่าผมแก้มร้อนจนจะระเบิดอยู่แล้ว

     

    “โอ้ยๆๆ พี่ล้อเล่นครับ ฮ่ะๆๆๆ”

     

    “พี่คงต้องกลับแล้วนะครับ ไม่อยากขับรถมืดๆ”

     

    “อื้มม”

     

     

     

     

    ผมเดินออกมาส่งเจ้าของรถ มินิสีดำ-ขาวคันเล็ก ที่เจ้าตัวจอดไว้ข้างรั้ว ร่างสูงขึ้นรถไปแล้วลดกระจกลงมา

     

    “กลับเข้าบ้านแล้วอย่าลืมล๊อคประตูนะ”

     

    “รู้แล้วน่าลุง”

     

    “เรียกใครลุงครับ..หืม”

     

    “ป๊าวววว” เสียงหวานปฏิเสธทันควัน แต่ก็ทำเสียงสูงซะจนน่าหมั่นเขี้ยว

     

    “งั้นพี่ไปนะครับ”

     

    “อื้มม”

     

    กระจกรถฟิล์มดำกำลังเลื่อนขึ้นพร้อมรอยยิ้มใจดีของติวเตอร์คนพิเศษ ก่อนที่รถยนต์คันสวยจะเคลื่อนตัวออกไปจากหน้าบ้าน ผมยิ้มให้กับตัวเอง แล้วปิดประตูล๊อคกุญแจรั้ว และประตูตามที่ใครบางคนสั่ง การที่มีคนคอยห่วงใยหรือใส่ใจแบบนี้ มันไม่ยากเลยที่หัวใจของผมจะรู้สึกเหมือนมีที่พักพิง มันอบอุ่น...จนกลัวว่าถ้าวันนึงขาดไปแล้วผมจะทำอย่างไร

     

    ผมล้มตัวลงนอนคว่ำบนที่นอน พลางนึกไปถึงเพื่อนสนิทที่อยู่ๆก็ป่วย ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไง แต่ในเมื่อน้องแทมินจะดูแลให้ขนาดนี้ มินโฮมันก็คงหายป่วยในวันนี้พรุ่งนี้ล่ะนะ


     

    ไม่ทันที่ร่างบางจะเอื้อมมือออกไปหยิบนิตยาสาร ที่อ่านค้างไว้มาเปิด เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กก็ดังแทรกขึ้นมา นิ้วเรียวยาวกดลงบนปุ่มโทรศัพท์

     

     

    “หืมม...แมจเสจ”

     

     

    อย่านอนดึกนะครับ


     

     

     

    ผมยิ้มบางๆ ก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งกลับไปยังเจ้าของเบอร์ที่ส่งมา

     

     

    ไม่ดึกหรอก...อย่านอนดึกเหมือนกันนะ ฝันดีครับ

     

     

     

    ไม่นาน ข้อความถาดเข้าก็ส่งกลับมาอีกครั้ง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    นอนไม่หลับเลยครับ อยากกัดแก้มจูเลียตจัง...

     

    ....แต่ถ้าได้กัดแก้มเจ้าของจูเลียตคงจะหลับฝันดีแน่ๆ

     

     

     

     

    ร่างบางจ้องโทรศัพท์ในมือ ก่อนที่มุมปากบางจะยกยิ้มขึ้นอย่างน่ารัก คนตัวเล็กหัวเราะเบาๆก่อนจะฟุบหน้าลงเอาแก้มแนบหมอนใบโต รอยแดงรื้นขึ้นมาตามแก้มใส แล้วคนตัวเล็กก็ถูจมูกไปมา สะบัดหน้ากดลงบนหมอน ขาเรียวยกขึ้นตีไปมากับที่นอน....อาการแบบนี้คงจะเรียกได้ว่า....เขินจนลงไปดิ้นสินะ

     

     

     

     

     

     

    TBC








    TALK

    ไม่รู้จะทอล์คอะไร ฮ่าๆๆๆๆ รอคนอ่านมาเม้าท์ดีกว่า

    แฟนน้องติส ใครชอบอนคีย์

    เค้าก็อยากจะแนะนำติ่มซำให้อ่าน ฮ่าๆๆๆ สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านอ่ะเนอะ

    กอดดดดดดดดด ทุกคนที่เม้นท์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×