ตอนที่ 8 : Q : 4 เคยจุ๊บกันมั่งปะ? (2)
“ยังไม่หายหงุดหงิดอีกหรอ”
“หน้ากูดูเหมือนหายมั้ยล่ะ” ไอ้มาร์ครีบส่ายหัวไปมาแทนคำตอบทันที “แล้วจะถามทำห่าไร”
ผมบ่นอุบพลางสะบัดหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่าง มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วครับกับการมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถเวลาโดยสารมันกลับบ้าน แต่ที่แปลกไปหน่อยสำหรับวันนี้ก็คงเป็นการไปบ้านไอ้มาร์คมันแทนที่จะกลับบ้านตัวเองเนี่ยแหละ
หลังจากถูกไอ้แฮชานมันทอดทิ้งอย่างไม่ใยดีผมเลยต้องระเหิดตัวเองไปทำรายงานห่าเหวนี่คนเดียว ความจริงแล้วจะไปทำวันอื่นก็ได้แหละ แต่ผมอยากจะแก้มันให้เสร็จๆแล้วก็ส่งให้มันผ่านๆไปสักทีแล้วว่ะ เข้าใจฟีลลิ่งปะ แม่งโคตรเบื่อจะเห็นหน้ารายงานตัวเองแล้วอะ
นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างได้สักพักก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ไม่ดิ มันผิดปกติตั้งแต่สายรถเมล์ที่ขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำ เพราะเมื่อกี้มัวแต่หงุดหงิดเลยไม่ทันได้สังเกตว่ารถเมล์ที่ผมกับไอ้มาร์คกำลังนั่งอยู่ตอนนี้....มันคนละสายกับที่ผมขึ้นกลับบ้านประจำ
“ไอ้มาร์ค ไหนมึงเคยบอกว่าบ้านมึงกลับทางเดียวกับกูไง?”
ไอ้มาร์คหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด มันอ้ำอึ่งเหมือนกำลังจะพยายามอธิบายอะไรสักอย่าง แต่ก็ถูกผมชิงตัดหน้าถามไปอีกรอบซะก่อน
“โกหกกูหรอ?”
“เอ่อ...”
“ไม่ต้องมาอ้ำอึ่ง ตอบมา”
“เราไม่ได้ตั้งใจ…ขอโทษนะ” ผมสัมผัสได้ในตัวเองว่าคิ้วทั้งสองข้างกำลังขมวดเข้ามาชนกันเป็นปมแน่น สรุปมันจงใจโกหกผมหรอ?
“โกหกกูทำไมวะ?” เห็นปะ แม่งไม่น่าไว้ใจอะแล้วอย่างนี้จะปล่อยให้ไปทำงานที่บ้านผมได้ไงวะ วางแผนยกเค้าอยู่แน่ๆ
“เราก็แค่อยากไปส่งแจมิน”
อืม.....
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางทีมึงก็ไม่ต้องสงสัยทุกเรื่องก็ได้ครับนา แจมิน
“เออช่างมันเหอะ” ผมตอบปัดและหันหน้าหนีมันออกไปมองหน้าต่างอีกครั้ง อยู่ๆก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็เต้นผิดจังหวะไปซะอย่างงั้น มันไม่ได้เต้นแรงจำพวกอาการของคนกำลังตื่นเต้นอะไรนะ แต่มันกระอักกระอวนแปลกๆต่างหาก
ไม่เคยจะชินสักทีกับคำพูดของไอ้มาร์ค
“เดี๋ยวแวะซื้อของก่อนได้มั้ย ที่บ้านเราของสดหมด”
“มึงทำอาหารเป็นด้วยหรอ?” ผมหันมาเลิกคิ้วถามมันแม้คำตอบจะชี้ชัดไปในตัวอยู่แล้วว่ามันน่ะทำอาหารเป็น ความรู้ใหม่ว่ะ ไม่เห็นเคยรู้มาก่อนว่าแม่งทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย
“ก็พอได้”
“พอได้ของมึงนี่หวังว่าแดกไปกูคงไม่ตาย” ไอ้มาร์คหัวเราะน้อยๆ
“แจมินอยากกินอะไรมั้ย”
“จะทำให้กูกินว่างั้น?”
“เปล่าถามเฉยๆ”
“สัสมาร์ค” กัดฟันด่าแทบไม่ทันเลยครับจุดนี้ เดี๋ยวนี้มันอัพเลเวลครับมีกวนตีนกลับ ใช่ซิ เห็นกูเล่นด้วยแล้วเอาใหญ่เลยนะไอ้แว่น
.......
เห็นกูเล่นด้วย....
เห็นกูเล่น
เห็นกู
เห็น
เหี้ย!
ผีเข้ากูหรอ /ลูบหน้า
“นิ่งไปเลยอะ เป็นไรเปล่า” ฝ่ามือขาวๆของไอ้มาร์คโบกผ่านไปมาข้างหน้าผมสองสามทีก่อนจะถูกผมปัดทิ้ง
“เปล่า...กูหิวข้าวแล้ว”
ผมเหลือบตามองไอ้มาร์คที่กำลังเดินเลือกซื้อของสดต่างๆนานาในซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างคล่องแคล้ว แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าผู้ชายอย่างมันจะทำอะไรแบบนี้เป็น นี่มันเก่งกว่าใครหลายๆคนซะอีกมั้งน่ะ อย่างน้อยๆก็ผมเนี่ยแหละที่ทำอะไรไม่เป็นเลย
แต่จะว่าไปมาเดินซื้อของแบบนี้ก็เพลินไปอีกแบบ ให้ความรู้สึกเหมือนมากับแม่เลยอะ แอบเห็นอยู่หรอกนะว่าคนส่วนใหญ่แอบมองกันอะ แหงดิ ผู้ชายตัวถึกๆ(คิดเอง)สองคนมาซื้อของกันกระหนุงกระหนิงอย่างกับผัวเมีย
หมายถึงไอ้มาร์คเนี่ยเมีย เพราะผมจะไม่ยอมเป็นเมียมันแน่ๆ
เดี๋ยวแล้วทำไมกูโยงมาเรื่องนี้ได้?
โว้ยยยยยย!
“แจมินกินเนื้อมั้ย”
“อือ” พอผมขานรับมันก็หันไปเลือกเนื้อวัวที่ถูกแพ็กเอาไว้อย่างดีด้วยความพิถีพิถัน เท่าที่มองผมดูมันก็เหมือนๆกันหมดอะ ก็เนื้อไง แดงๆเหมือนกันจะดูอะไรเยอะแยะวะ
“แล้วกินผักปะ” พอเลือกเนื้อที่พอใจมันได้ก็หันมาถามผมอีกรอบ
“อือ”
มันรีบเดินไปที่โซนผักอย่างรวดเร็ว ก้มๆเงยๆอยู่สักพักก็ได้วัตถุดิบมาพอสมควร ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าอาหารมื้อนี้มันจะทำกินเองหรือจะทำเอาใจผมกันแน่ เล่นเอาแต่ถามสิ่งที่ผมชอบไปตลอดทางจน...เอ่อ ก็รู้สึกๆแปลกนิดหน่อย เคยมีใครมาใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแบบนี้ที่ไหนเล่า!
“ไปกันเถอะ”
บ้านของไอ้มาร์คแตกต่างกับที่ผมคิดนิดหน่อย ที่ที่มันอยู่รูปทรงคล้ายคอนโดที่ผู้คนในเมืองส่วนใหญ่ให้ความนิยมกัน ไอ้มาร์คอยู่ชั้นสิบแปด—เปล่า มันไม่ได้บอกหรอก แต่ผมแอบมองเอาตอนที่มันใช้มือกดลิฟต์ด้วยความทุลักทุเลเพราะสองมือเต็มไปด้วยถุงพะรุงพะรัง
ที่แรกผมก็เอ่ยปากบอกไปแล้วว่าจะช่วยถือ แต่พอถูกมันปฏิเสธกลับมาก็เลย เลยตามเลย โอเค มึงอยากถือก็อิสอัพทูยูจ้า /ผายมือ
“กูนึกว่ามึงจะอยู่บ้านเป็นหลังๆซะอีก” ผมเอ่ยลอยๆขณะมองไปรอบๆบ้านของมันอย่างเปิดเผย ดีไซน์ก็ถือว่าใช้ได้ เรียบๆหรูๆตามสไตส์ที่คนส่วนใหญ่เขาชอบกัน ห้องก็กว้างกว่าที่คิด รวมๆแล้วก็ถือว่าน่าอยู่ดี แต่ยังไงบ้านผมก็น่าอยู่ที่หนึ่ง
“เมื่อก่อนก็อยู่บ้านแบบที่แจมินว่านั่นแหละ” ไอ้มาร์คตอบหลังจากนำข้าวของไปวางไว้บนเค้าน์เตอร์ครัวเสร็จเรียบร้อย
“แล้ว?”
“หลังพ่อกับแม่เลิกกันเราเลยออกมาอยู่ที่นี่กับแม่แทน”
“อ่า...โทษที”
นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ผมเอ่ยปากขอโทษมันอย่างในตอนนี้ ความรู้สึกลึกๆผมมันบอกว่าเรื่องในครอบครัวค่อนข้างเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน ถึงแม้ไอ้มาร์คมันจะพูดด้วยน้ำเสียงชิวๆเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว แต่ร้อยเท่าร้อยอะ...แม่งไม่น่ารอด
“ไม่เป็นไร เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว” มันพูดพลางหอบหิ้วโน๊ตบุ๊คมาตั้งเอาไว้ในโซนห้องรับแขกที่มีโต๊ะทรงเตี้ยถูกห้อมล้อมด้วยโซฟาอีกสามสี่ตัว “แจมินรีบแก้งานเลยหรือเปล่า?”
ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่เพิ่งจะบอกเวลาหนึ่งทุ่มนิดๆ ประกอบกันอาการน้ำย่อยในกระเพาะเริ่มร้องประท้วงขออาหารเลยเลือกที่จะขอหาอะไรใส่ท้องแทนก่อนแล้วกัน ยังไงก็มีเวลาอีกเหลือเฟือ
“ไม่อะ มึงไปทำกับข้าวเหอะ”
หรืออีกนัยหนึ่งคือ...กูหิวแล้ว
ไอ้มาร์คน้อมรับคำสั่งแต่โดยดี ผมเลยใช้โอกาสนี้เปิดโน๊ตบุ๊คมันเพื่อหาอะไรทำแก้เซ็ง รอบูตเครื่องอยู่สักพักหน้าจอเดสท็อปก็ปรากฏสู่สายตา รู้สึกโล่งอกอยู่พอสมควร ที่อย่างน้อยๆเดสท็อปมันไม่ได้เป็นรูปผมไม่อย่างงั้นผมคงรู้สึกกระอักกระอ่วนมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
โน๊ตบุ๊คไอ้มาร์คจัดว่าโล่งกว่าที่ผมคิดเอาไว้(มาก) มันโล่งจนไม่คิดว่าผู้ชายวัยกำลังโตจะไม่มีห่าอะไรเลยหรอ นอกจากโปรแกรมปฏิบัติการสำหรับทำงานและ โปรแกรมตัดต่ออีกนิดหน่อย หมดและ?
เชี่ย ยิ่งกว่างงในงง
“อะไรวะ” ผมเกาหัวแกรกๆถกเถียงกับตัวเองในความคิด ถึงนิสัยของไอ้มาร์คที่ยิ่งรู้จักก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความ ‘แปลก’ ขึ้นไปทุกที ไม่ใช่แปลกในแบบที่ประดิษฐ์ตัวตนขึ้นมาแต่ทุกอย่างที่ประกอบการกลายเป็นมันล้วนแปลกไปหมด
งงมะ?
เออนี่ก็งง
เมื่อไม่สามารถพึ่งพาโน๊ตบุ๊คของไอ้เด็กเรียนได้เลยตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ลูกรักออกมาหาอะไรทำฆ่าเวลาแทน ไล่ไถนิ่วดูฟีดแบคในไอจีไปมาก็เบื่อที่มีแต่อะไรเดิมๆ ปลายนิ้วที่กำลังจะกดออกจากแอปชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นข้อความจากไอ้เพื่อนตัวดีส่งมาหาเหมือนรู้จังหวะ
หล่อกว่าพี่ก็พ่อพี่แล้วครับ.
นี่สรุปมึงไปทำกับไอ้มาร์คสองคน?
หล่อกว่าไอ้แฮช.
ทำอะไรไอ้ควาย พูดดีๆดิ
หล่อกว่าพี่ก็พ่อพี่แล้วครับ.
ทำงานครับ ทำงาน
คิดไปไหนแล้วไอ้สัส
หล่อกว่าไอ้แฮช.
ก็คนแถวนี้แม่งเทกูเลยต้องมาทำคนเดียว L
นั่งจ้องหน้าจอรออยู่สักพักว่ามันจะตอบอะไรกลับมา แต่พอเห็นข้อความยาวๆของมันจากมุมปากที่กำลังเหยียดยิ้มขบขันมันอยู่ถึงกับหุบลงแทบไม่ทัน
หล่อกว่าพี่ก็พ่อพี่แล้วครับ.
จริงๆ มึงไปแก้วันอื่นก็ได้มะ
เนี่ย มึงทำให้กูสงสัยอีกแล้วนะ
ปลายนิ้วที่กำลังรัวพิมพ์เป็นอันชะงักไปอีกครั้งเมื่อข้อความของไอ้เพื่อนเวรตอบกลับมาอีกรอบราวกับอัดอั้นทนความเสือกของตัวเองไม่ไหว
หล่อกว่าพี่ก็พ่อพี่แล้วครับ.
คนเราก็เงี้ย ชอบหาข้ออ้างอยู่ด้วยกันตลอดดด
โว้ยยยยยยยย!
ให้มันได้อย่างนี้สิไอ้เวร
แทบจะปาโทรศัพท์ลงพื้นหลังจากที่อ่านข้อความล่าสุดของไอ้แฮชานจบ ดีที่ยั้งมือทันไม่งั้นแม่ด่าหูชาแน่ๆเครื่องนี้นี่ยังผ่อนไม่หมดเลยด้วยซ้ำ...โถ่ ชีวิตกู ไม่ครับนั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะประเด็นตอนนี้คือไอ้แฮชานแม่งดูจะสงสัยไม่เลิกของจริง แล้วนี่เคยบอกยังว่าแม่งเป็นคนประเภทอยากรู้อะไรก็ต้องรู้อะ กูอยากจะบ้าตาย
“แจมินกินข้าวกัน” เสียงไอ้มาร์คดังผ่าความคิดมาอย่างกล้าๆกลัวๆ นี่ผมปล่อยให้ความคิดตัวเองกันนานขนาดที่ไอ้มาร์คทำอาหารเสร็จได้เลยหรอวะ โคตรไม่ธรรมดา
ผมเดินตามไอ้มาร์คมาที่โต๊ะกินข้าวเงียบๆ กลิ่นหอมของอาหารลอยตัวขึ้นสูงและเข้ามาสัมผัสกับจมูกโดยตรง เพียงแค่เห็นหน้าตาอาหารน้ำย่อยในท้องก็พากันส่งเสียงดังโครกคราก ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัวเพราะอาหารทุกอย่างบนโต๊ะล้วนเป็นของโปรดของผมทั้งสิ้น
ไอ้มาร์คแม่งเอาจริงว่ะ
“อร่อยมั้ย?” หลังจากตักคำแรกเข้าปากไอ้คนตรงข้ามก็ร้องถามด้วยสีหน้าคาดหวังสุดๆ ริมฝีปากของมันขบเม้มเข้าหากันน้อยๆยิ่งทำให้ผมนึกขำกับท่าทีของมัน ดูก็รู้ว่าทั้งประหม่าทั้งลุ้นไปพร้อมๆกัน
รสชาติอาหารของมันไม่เหมือนกับเวลากินกับข้าวที่แม่ผมทำหรอก แต่ก็ถือว่าเป็นรสชาติที่ค่อนข้างถูกใจผมอยู่ดี ไม่อยากเชื่อว่าแม่งจะทำอาหารเป็นแล้วยังเสือกอร่อยอีก
แต่ก็นะ
“อืม ก็พอได้” ต้องวางฟอร์มครับ เดี๋ยวมันรู้ว่าเราชอบ
“งั้นกินเยอะๆนะ ของโปรดแจมินทั้งนั้นเลย” มันว่าพลางฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี แต่ผมนี่สิขมวดคิ้วจนปวดลูกตาไปหมด
“ทำไมต้องมาเอาใจกู” อันนี้ขอพูดอย่างไม่มั่นหน้ามั่นโหนกเลยนะ ใครดูก็รู้อะว่าเอาใจกันชัดๆ จะบอกว่าตัวไอ้มาร์คเองก็ชอบกินเหมือนกับผมทุกอย่างเลยหรือไง ได้หรอ?
“ก็แจมินเป็นแฟนเรา ไม่ให้เอาใจแจมินแล้วจะให้เอาใจใครล่ะ”
ไอ้บรรยากาศเหมือนมีควันฟุ้งๆสีชมพูเป็นแบคกราวน์ประกอบฉากแบบนี้มันคืออะไรครับ ผมรีบหลบสายตาไอ้มาร์คและจ้วงข้าวกินอย่างไม่คิดชีวิต ข้างในมันรู้สึกปั่นป่วนไปหมดยามเผลอสบสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายของไอ้มาร์ค
“แค่กๆ” และเพราะรีบกินข้าวมากเกินไปสุดท้ายก็สำลักข้าวจนได้ ผมรีบกวาดสายตามองหาแก้วน้ำของตัวเองแต่ก็ช้ากว่าฝ่ามือขาวๆของไอ้มาร์คที่ยื่นแก้วน้ำมาให้ตรงหน้า
“ค่อยๆกินสิ” เหมือนถูกมันดุเลยว่ะ
“มึงก็กินข้าวของตัวเองไปสิจะมาจ้องกูทำไม” ผมแหวลั่นพลางจ้องไอ้คนตรงข้ามตาเขม็ง แต่อีกฝ่ายกับหัวเราะร่าจนน่าหมั้นไส้
“ก็แจมินเวลากินข้าวน่ารักดี”
“น่ารักห่าอะไรล่ะ” พึมพำกับตัวเองเสียงเบา แมนทั้งแท่งขนาดนี้ใครเขาใช้คำว่าน่ารักกันวะ
พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน....
ผมนั่งฝืนสังขารตัวเองแก้งานโดยข้างๆกันมีไอ้มาร์คกำลังช่วยทำงานอย่างขยันขันแข็งทั้งที่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของมันตั้งแต่แรกแต่ดันเสนอตัวเข้ามาช่วยเอง เป็นบุคคลดีเด่นของห้องจริงๆครับ ควรมอบโล่ให้มันสักอันรางวัลความหวังของห้อง
บรรยากาศระหว่างผมกับมันนานๆทีจะมีใครพูดขึ้นมาสักประโยค ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นไอ้มาร์คอีกนั่นแหละที่ชวนผมคุยสลับกับถามว่าถูกสั่งให้แก้ตรงไหนบ้างจะได้แก้ให้ตรงจุด
ผมไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าทัศนียภาพการมองเห็นมันลดเหลือเพียงครึ่งตาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้โคตรอยากนอน
“แจมิน...”
“อะไร”
“ง่วงหรอ ไปนอนก่อนก็ได้เหลืออีกนิดเดียวเดี๋ยวเราทำให้”
ผมปฏิเสธทันทีที่ไอ้มาร์คยื่นข้อเสนอมาให้ งานของผม ผมก็ต้องทำเองจนจบดิวะ(ถึงตอนแรกจะหวังให้มันช่วยอยู่หรอก) พอเห็นว่าผมดึงดันจะทำต่อไอ้มาร์คเลยกลับมาทำงานตามเดิม
ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้วแต่งานก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จในเวลาอันใกล้นี้ หนำซ้ำอยู่ๆสายฝนก็กระหน่ำเทลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอีก โคตรแย่อะ เมื่อไอเย็นจากน้ำฝนลอยเข้ามาผสมผสานกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศจนผมแทบไม่มีสติให้หลงเหลือทำงาน
“เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำแปปนึงนะ” ไอ้มาร์คสะกิดบอกผมและเดินออกไปจากห้อง
ผมครางรับในลำคอเหมือนอย่างทุกครั้ง พ้นหลังไอ้มาร์คก็ตบแก้มตัวเองสองสามทีเรียกสติให้กลับเข้าร่าง นั่งฝืนพิมพ์งานต่อไปเรื่อยๆกระทั่งเผลอวูบสัปหงกไปกับโต๊ะ ความเย็นจากเนื้อดาษสัมผัสเข้าที่ข้างแก้มอย่างจัง ผมปิดเปลือกตาตัวเองลงอย่างช้าๆเมื่อไม่สามารถทนความง่วงของตัวเองในบรรยากาศที่น่านอนได้อีกต่อไป
ของีบหน่อยแล้วกัน
แรงสะกิดที่ไหล่ไม่ได้ช่วยทำให้ผมนึกอยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาเลยสักนิด ความง่วงที่รุนแรงล้วนเป็นผลมาจากการอดนอนติดต่อกันหลายวันเพราะมัวแต่นั่งแก้รายงานห่าเหวนี้จนไม่ได้หลับได้นอน คิดดูว่าทุ่มเทขนาดไหน จองเวรต้องคิดไม่ถึงอย่างแน่นอน เหอะ!
“แจมิน…ถ้าง่วงก็ไปนอนดีๆบนโซฟา” ผมได้ยินเสียงไอ้มาร์คครบทุกคำพูดนะ แต่ไม่มีแรงจะตื่นขึ้นมาตอบโต้มัน สุดท้ายเลยทำเป็นหูทวนลมหลับคาโต๊ะทำงานมันตรงนั้นแหละ
MARK.
ผมนั่งมองแจมินนอนหลับมาสักพักแล้วโดยที่เจ้าตัวไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาในเร็วๆนี้ ยิ่งด้านนอกกำลังฝนตกหนักยิ่งทำให้อากาศน่านอนขึ้นไปอีกเท่าตัว ริมฝีปากเผลอคลี่ยิ้มออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้เบื่อขณะเลื่อนใบหน้าให้เข้าไปใกล้กับคนน่ารักมากกว่าเดิม
ค่อยๆยื่นมือไปปัดผมหน้าม้าที่เริ่มยาวแล้วของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาเพื่อที่จะได้มองใบหน้ายามหลับของเจ้าตัวได้อย่างเต็มๆตา ผมไล่มองตั้งแต่แพขนตางอนที่เรียงตัวกันรับกับแววตากลมโตอย่างลงตัว จมูกที่รั้นเหมือนกับนิสัยของเจ้าตัวไม่มีผิด และริมฝีปากบางสีสด...
ผมลอบกลืนน้ำลายทันทีที่เผลอไปจ้องริมฝีปากของอีกฝ่ายอยู่เนินนาน ไม่รู้ว่าระยะห่างระหว่างเราหดเหลือน้อยลงไปขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆหัวใจของผมในตอนนี้กำลังบีบตัวสูบฉีดเลือดอย่างรุนแรงเมื่อเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆกับแจมินจนปลายจมูกได้กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของคนตรงหน้า
อีกเพียงนิดเดียวริมฝีปากผมก็จะสามารถทาบทับลงไปกับอวัยวะเดียวกันได้ แต่อยู่ๆความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในสมองจนทำให้เป้าหมายของผมเปลี่ยนไปจากเดิม
ผมไม่อยากฉวยโอกาสในตอนที่เขาไม่รู้ตัว ถึงแจมินจะไม่รู้ แต่ผมรู้....มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเขาตอบรับสัมผัสจากผมในขณะที่เขารู้สึกตัวมากกว่า
‘จุ๊บ’
หน้าผากมนซึ่งมีผมหน้าม้าสีอ่อนปกคลุมอยู่ถูกผมบรรจงจุมพิตลงไปแผ่วเบาราวกับต้องการจะถนอมอีกฝ่ายเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ หัวใจผมยังคงเต้นแรงอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะเคลื่อนตัวออกห่างมาแล้วก็ตาม อดไม่ได้ที่จะลอบมองเสี้ยวหน้าหวานและยิ้มออกมาคนเดียว
‘ติ้ง!’
เสียงข้อความเข้าเรียกความสนใจให้ผมหลุดออกมาจากภวังค์และเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโน๊ตบุ๊ค ก่อนจะเผลอบีบสิ่งที่อยู่มือแน่นจนมันแทบจะแหลกละเอียดคามือเมื่อเห็นสิ่งที่ถูกส่งมา
รูปของแจมินที่คล้ายกับการแอบถ่ายถูกส่งมาพร้อมกับข้อความที่สามารถสุมไฟที่มีอยู่ในอกให้ร้อนรุ่มขึ้นไปอีกเท่าตัวจนสามารถแผดเผาไอ้สารเลวที่เป็นคนส่งข้อความเหล่านี้มา
‘เมียมึงใช้ได้นี่หว่า’
tbc.
เห็นมีคนโหวต 2 ด้วย
อยากจะบอกว่า คุณทายถูกค่ะ
55555555555555555555
#สิบคำถามมาร์คมิน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พิเจย์ไม่ต้อง จุนไคนี่แหละจองเวรของจริง
แกมีเรื่องอะไรกับม้าคเนี่ย ชักจะสงสัย
แต่ชอบความคิดพี่มาร์ค ความคิดนางหล่อเหมือนหน้าตา ชอบๆ แจมินก็เหมือนจะเริ่มมีใจให้พี่มาร์คกลับแล้วปะ ถึงจะดูเกรี้ยวกราดแต่ดูเหมือนแอบเขินอะ ไม่เหมือนตอนแรกๆ5555555
จุนไค นายอย่าไปวอแวคนของมาร์คเขาเลยลูก มาวอแวพี่มะ มาสิเต็มใจอยากให้วอแวมากนะ
พร้อมแล้ว พี่พร้อมเจอมาร์คเวอร์ชั่นเกรี้ยวกราดแล้วววว!!! ใครมายุ่งกับแจมิน จัดหนักเลยลูก!!