ตอนที่ 7 : Q : 4 เคยจุ๊บกันมั่งปะ?
4. เคยจุ๊บกันมั่งปะ?
รำคาญ...
“กั้นหลังยังใช้ไม่ได้นะครับ ย่อหน้าตรงนี้ก็วรรคตอนไม่เท่ากัน อืม...เนื้อหาตรงนี้ก็ยังไม่สอดคล้องกันเท่าไหร่”
ครับ สั่งให้ไปทำเล่มรายการใหม่น่าจะง่ายกว่า
ผมยืนหน้าตึงภายในห้องพักอาจารย์ เบื้องหน้าคือโต๊ะทำงานของบุคคลที่แสนถูกชะตา อย่างอาจารย์จอง แจฮยอนที่กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจเล่มรายงานที่ผมเอามาส่งด้วยความพิถีพิถันและสั่งแก้งานยับไม่ต่างกับหน้าผมในตอนนี้สักเท่าไหร่ ร้อนถึงได้แฮชานต้องสะกิดให้ผมทำหน้าดีๆตอนที่อาจารย์จองเงยหน้าขึ้นมา
“หวังว่าจะแก้มาส่งอย่างเรียบร้อยนะครับ”
“ครับ” ผมกัดฟันอีกครั้ง พร้อมทั้งยื่นมือไปรับเล่มรายงานและออกมาจากห้องนั้นมาทันที
“ใจเย็นดิวะ ทำหน้าอย่างกับจะไปแดกหัวใครเขา”
“ก็มันหงุดหงิดนี่หว่า สั่งแก้ทีนี่ไม่ต่างกับทำใหม่ทั้งเล่มเลยนะมึงไม่เห็นหรอ”
หัวร้อนครับ นาทีนี้ใครก็ฉุดไม่อยู่ เพราะแบบนี้ไงถึงได้ไม่อยากทำอะ(อ้าวไม่เกี่ยว อันนั้นขี้เกียจเอง) ทำแล้วก็โดนสั่งแก้นู้นแก้นี้ไม่มีจบสิ้น นี่ส่งไปรอบที่เท่าไหร่แล้วนะ? สามมั้ง ยังไม่ผ่านอะฝากให้ไว้คริสสส
“ก็มึงชอบทำหน้ากวนตีนเขาอะ เห็นมั้ยโดนแก้กี่รอบแล้วเนี่ย”
“ไอ้ควายไม่เกี่ยวกันปะ?” ผมเถียงคอเป็นเอ็นกับข้อหาที่ถูกไอ้แฮชานยัดเยียดให้สดๆร้อนๆ ใช่ซิ! มึงหายเฮิร์ทแล้วนี่ ปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่ รู้งี้ไม่น่ารีบถ่อไปปลอบแม่งเลยเลย!
“หรือไม่จริง? ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นอะว่ามึงไม่ชอบอาจารย์เขา”
“อ้าว ไอ้สัสอย่าเสียงดังเดี๋ยวก็โดนสั่งแก้อีกหรอก” เอื้อมมือไปปิดปากมันแถบไม่ทัน นี่ยังไม่ทันพ้นจากเขตห้องพักอาจารย์ดีด้วยซ้ำ เดี๋ยวก็ทะเล่อทะล่าออกมาได้ยินได้ซวยซ้ำสองพอดี แค่นี้ก็ขี้เกียจแก้งานจะแย่แล้วนะไอ้รายงานห่าเหวอะไรเนี่ย
ทำยากทำเย็นจริงโว้ย!
“เชี่ย! มือโคตรเค็ม” ฝ่ามือสีแทนของมันปัดมือผมออกจากปากอย่างนึกรังเกียจ ใช่ซิ! หมดประโยชน์แล้วนี่ ที่ไปปลอบประโลมเมื่อวันก่อนมันหมดความหมายแล้วนี่! “ดูทำหน้า งอนหรอเมียจ๋า”
“เมียพ่อมึงสิ” ผมตบหัวมันด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มีจนไอ้แฮชานถึงกับหน้ามืด(อ๋อ มืดอยู่แล้ว) มันตวาดตามองผมเหมือนเคืองๆก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แทน
ยิ้มทำไม?
คิดไม่ซื่อกับกูหรอ? /จ่อมีด
“กูคิดอะไรดีๆออกล่ะ”
“ที่ว่าดีของมึงนี่ไม่เห็นจะดีสักเรื่อง” ผมหรี่คิ้วลิ่วตามองมันแบบไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ นี่กูเป็นเพื่อนมึงนะไอ้สัสแฮช มึงคิดอะไรอยู่? อีกอย่างนี่มีแฟนแล้วด้วย กูไม่ได้โสดนะโว้ย
อ้าว ไอ้มาร์คมาเอี่ยวเฉย?
โว้ยยยยยยยยยย!
“เอาหูมานี่ดิ”
มันทำท่าทำทางกวักมือเรียกยิกๆ แต่พอเห็นผมอิดออดไม่ยอมเข้าไปใกล้มันสักทีแถมยังส่ายหัวพรืดไปมาในเชิงปฏิเสธ ไอ้แฮชานแม่งเลยจัดการล็อกคอผมและโน้มริมฝีปากลงมาข้างๆหูผมอย่างรวดเร็ว มันกระซิบกระซาบ ‘บางอย่าง’ ให้ฟังก่อนจะผละออกไป
“ไม่ดีมั้ง” ผมรีบเอ่ยค้านแบบไม่เต็มเสียงนัก ใจจริงก็แอบเห็นด้วยกับมันแหละ แต่...ไม่ดีกว่ามั้ง
“แต่กูว่าวิธีนี้เวิร์กสุดๆแล้วไอ้แจมิน” มันตบบ่าให้กำลังใจผมดังอัก พร้อมฉีกรอยยิ้มกว้างที่ดูก็รู้ว่าแม่งจงใจเอาคืนที่ผมตบมันหัวทิ่มเมื่อกี้
“แล้วทำไมมึงไม่ทำเอง”
“เอ้า ก็มันชอบมึงไม่ได้ชอบกู”
“สัสแฮช!” เป็นอีกรอบของวันที่ผมตบหัวมันจนเกือบทิ่มพื้น
“เขินรุนแรงนะมึงอะ” มันบ่นพลางลูบหัวตัวเองปอยๆ เดี๋ยวไอ้สัส ใครเขิน? กำลังจะอ้าปากด่ามันก็ชิงชี้ไปข้างหลังผมซะก่อน “นู่น พูดถึงก็มาพอดี”
พอหันไปมองเท่านั้นแหละ รู้เรื่อง....
“แจมิน” แรงสะกิดที่หัวไหล่ทำให้ผมรู้ว่าไอ้มาร์คมันเดินมาถึงตัวแล้ว พยายามปรับสีหน้าให้นิ่งๆและหันกลับไปตอบมันให้ดูปกติที่สุด
“มีไร”
“ไปกินข้าวกัน”
“หะ” เปล่าครับนั่นไม่ใช่เสียงผม แต่เป็นไอ้แฮชานที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกมองผมสลับกับไอ้มาร์คไปมา “นี่เดี๋ยวนี้สนิทกันถึงขั้นชวนไปกินข้าว?”
ไอ้แฮชานร้องถามคล้ายกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เออ นี่ก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าจะโง่เง่าถูกยุให้ไปเป็นแฟนกับมันง่ายๆขนาดนี้
ถ้าทุกคนยังจำกันได้...หนึ่งในแพลนเดทของไอ้มาร์คก็คือ ‘การนั่งกินข้าวกลางวันด้วยกัน’ และนั้นจึงเป็นสาเหตุที่มันโผล่หน้ามาชวนผมไปกินข้าวในตอนนี้ แต่...มึงช่วยมาตอนที่กูอยู่คนเดียวได้มั้ยล่ะ ไม่ใช่มาชวนโทงๆต่อหน้าคนอื่นแบบนี้เนี่ย
“อืม...ก็เราเป็นแ—” ผมรีบตะครุบปากไอ้มาร์คเอาไว้ก่อนที่มันจะพูดคำที่คุณก็รู้ว่าอะไรออกมา ถ้าไอ้แฮชานรู้ แม่งแซวผมยันกลับมาเกิดอีกรอบแน่ๆอะ อีกอย่างเลยนะข้อนี้สำคัญมาก ไอ้แฮชานรู้โลกรู้ครับ เพราะฉะนั้นผมจะไม่เสี่ยงเด็ดขาด /กำพระ
“เป็นไรกันวะ? ทำไมต้องมีพิรุธ” ไอ้แฮชานหรี่ตาจับผิด อีกแล้ว...มึงใช้สายตาแบบนี้กับกูทีไรไม่เคยเกิดเรื่องดีๆเลยเพื่อนรัก
“เปล่า กูไปก่อนนะไว้เดี๋ยวจะทำตามที่มึงบอก” ผมรีบตัดบทและลากไอ้มาร์คให้ออกห่างไอ้แฮชานออกมาอย่างรวดเร็ว ขืนปล่อยให้มันยืนเด๋ออยู่ต่อได้ถูกซักกันจนสะอาดพอดี
ไอ้มาร์คพาผมมานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารข้างๆมหาลัย ภายในร้านถือว่าปลอดคนอยู่พอสมควร ซึ่งนั่นถือเป็นสิ่งที่ดีมากๆ แต่บรรยากาศชิลๆเป็นอันต้องมลายหายไป เมื่อภาพตัดมาที่ไอ้มาร์คผู้ซึ่งกำลังจ้วงข้าวไม่ยั้งราวกับไปอดอยากปากแห้งมากจากไหน ต่างกับผมที่นั่งเขี่ยเม็ดข้าวในจานไปมาอาการไม่ต่างอะไรกับพวกเบื่ออาหารเท่าไหร่
“ข้าวไม่อร่อยหรอ?”
“เออ” ผมตอบเสียงห้วนจนไอ้มาร์คหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ย้ำนะครับว่าเล็กน้อย เพราะสุดท้ายมันก็ปั้นหน้ายิ้มขึ้นมาใหม่
นี่มีอารมณ์อย่างอื่นบ้างมั้ย?
หรือยิ้มเป็นอย่างเดียว?
“กินกับเรามั้ย อันนี้อร่อยนะ” ไม่ว่าเปล่ายังอุตส่าห์ยื่นเทมปุระชิ้นโตมาจ่อถึงปากอีกต่างหาก ผมเหลือบมองกุ้งโง่ๆตรงหน้าก่อนจะเบนหน้าหนีไปทางอื่น
“กูไม่หิว” …อึดอัด
อึดอัดโคตรๆ ที่ต้องมานั่งกินข้าวกับมันสองต่อสองในฐานะ เอ่อ... ไม่พูดแล้วกัน
“งั้นอยากกินขนมอะไรมั้ย”
“ไม่”
ความเงียบโรยตัวลงปกคลุกระหว่างผมกับไอ้มาร์คอย่างรวดเร็วหลังจบบทสนทนาที่ไม่ต่างอะไรกับการถามคำตอบคำ ไอ้มาร์ควางช้อนลงกับจานก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นนั่งจ้องหน้าผมนิ่งๆแทน ส่วนผมที่ทำทีเป็นเฉไฉมองทางนู้นทีทางนี้ทีก็พลอยรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิม
“จะมองกูอีกนานมะ?”
“แจมินเป็นอะไร” มันถามเสียงค่อยแต่กลับเจือไปด้วยน้ำเสียงของความเป็นห่วงอย่างชัดเจน
“กูเป็นอะไร?” ผมย้อนถามมันกลับทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร ความคิดในหัวตอนนี้ตีกันยุ่งไปหมดทั้งเรื่องงาน เรื่องที่ไอ้แฮชานบอก และก็เรื่องของมัน
ไอ้มาร์คเงียบ มันเอาแต่มองหน้าผมนิ่งๆพลางลอบถอนหายใจทิ้ง สีหน้ามันไม่ได้แสดงออกว่าเบื่อหน่ายอะไร ตรงกันข้ามแววตาของมันกับเต็มเปรี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ตัวผมเองก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
“แจมินไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราคบกันใช่มั้ย” อยู่ๆไอ้มาร์คมันก็ถามเข้าประเด็นจนผมสะอึก บทจะตรงมึงก็ตรงเกิ้นน
“เออ” แต่กูตรงกว่า /ยักไหล่
“อืม เข้าใจแล้วล่ะ” มันไม่ได้มีท่าทีโวยวายหรือเสียอกเสียใจอะไรอย่างที่ผมคิด ซึ่งนั้นก็ถือว่าดีมากๆ
จะว่าไปแล้วไอ้มาร์คก็ถือว่าเป็นคนที่พูดง่ายคนหนึ่งเหมือนกันนะครับ (ถ้าไม่นับตอนเวลาแม่งตื้อ อันนั้นน่ารำคาญมาก) แต่ผมก็ไม่คิดว่าระหว่างผมกับมันจะไปรอดอยู่ดีอะ ไม่ผมก็มันสุดท้ายเดี๋ยวก็ต้องมีคนบอกเลิกก่อนอยู่ดี ไม่เชื่อก็รอดู เล่นต่างกันคนละขั้วแบบนี้ไปกันรอดก็อิมพอสซะเบิลแล้วครับ
“แล้วเมื่อกี้ไปทำอะไรหน้าห้องพักอาจารย์หรอ” ผมชะงักไปเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆมันก็ชวนเปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดใจอันดับหนึ่งของผมในตอนนี้แทน
เรื่องน่าหงุดหงิดอันดับหนึ่ง = จอง แจฮยอน และบรรดางานที่กระหนำสั่งแก้ไม่รู้จบ
เรื่องน่าหงุดหงิดอันดับสอง = แผนของไอ้แฮชาน
เรื่องน่าหงุดหงิดอันดับสาม = ไอ้มาร์ค
เดี๋ยว....
นี่ไอ้มาร์คกลายเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดอันดับท้ายๆของผมไปตั้งแต่เมื่อไหร่? จำได้เมื่อก่อนมันเคยอยู่อันดับสูงกว่านี้ไม่ใช่เรอะ?
“เรื่องส่วนตัวหรอ?” พอเห็นว่าผมเงียบไปนานมันก็ถามขึ้นมาใหม่อีกครั้งเหมือนเกรงใจที่จะถามต่อ แต่ผมก็ได้แต่ไหวไหล่เพื่อบอกว่าไม่ได้ส่วนตัวอะไร
“กูไปส่งงาน”
“รายงานอาจารย์จอง?”
“เออดิ แก้เท่าไหร่ก็ไม่ผ่านสักที”….แม่งโคตรน่ารำคาญ หมายถึงจองเวรเนี่ยโคตรน่ารำคาญ
“มีอะไรให้เราช่วยเปล่า” พอไอ้มาร์คมันเสนอตัวมาเองแบบนี้ ผมนี่ยิ้มเลย
คืองี้ครับ ไอ้แฮชานแม่งบอกให้ผมไปขอให้ไอ้มาร์คช่วยทำรายงานให้ เพราะเท่าที่รู้มาคือมันน่ะส่งรายงานไปแล้ว—แล้วก็ผ่านแล้วเช่นกัน มันน่าจะดีกว่าถ้าไปขอความช่วยเหลือจากไอ้มาร์ค(ผู้เป็นที่พึ่งของห้อง) ดีกว่าดึงดันจะแก้กันเองตามยถากรรม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแม่งจะผ่านเมื่อไหร่
เพราะฉะนั้น ไอ้มาร์คมันเล่นเปิดโอกาสมาให้แบบนี้ก็ต้องรีบคว้าสิครับ ไม่ต้องออกแรงหลอกล่อใดๆทั้งสิ้นเหยื่อก็มาติดเอง โอ้โห จะมีใครเก่งกว่านา แจมินคนนี้อีกครับ พูด!
“จริงดิ?” และอากัปกิริยาพยักหน้ารับเบาๆตอนที่ถูกผมหยั่งเชิงนั้น ก็ยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้างออกมามากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“อืม ก็ของเราผ่านแล้ว เผื่อช่วยอะไรแจมินได้” เหยด รู้สึกว่ามึงมีประโยชน์ก็ตอนนี้แหละครับไอ้มาร์คลี “ว่าแต่ไปทำที่ไหนอะ บ้านแจมินหรอ”
“ไม่ต้อง!”
ไอ้มาร์คผงะไปเล็กน้อยกับเสียงตะโกนของผม แต่เมื่อกี้กูเห็นนะ! พอพูดถึงบ้านผมขึ้นมาแววตามึงนี่ทอเป็นประกายเชียว นี่มึงคิดจะไปยกเค้าบ้านกูจริงๆใช่มั้ย? ให้ตายผมก็ไม่ยอมพามันเข้าไปในบ้านแน่ๆ ความรู้สึกมันฟ้องครับว่าไอ้มาร์คแม่งเป็นภัย
“เดี๋ยวกูไปบ้านมึงเอง”
“หะ...บ้านเรา?” มันเอ่ยทวนซ้ำคล้ายไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“ใช่”
“วันนี้?”
“ก็เออน่ะสิ” ผมตอบเสียงขุ่นเมื่อเห็นท่าทีอึ้งๆจากไอ้มาร์ค นี่จะตกตะลึงอีกนานมั้ยเห็นแล้วรำคาญลูกตาอะ “ทำไม หรือกูไปทำบ้านมึงไม่ได้?”
“เปล่า...” ไอ้มาร์คส่ายหัวพรืด
“เราแค่ดีใจ ที่แจมินจะมาบ้าน”
นั่นไง กูโดนเล่นอีกและ
รำ....
“เออก็ตามนั้นแหละ กูมีเรียนต่อ ไปละ” ผมรีบตัดบทพลางควักเงินสำหรับค่าข้าวมาวางไว้ข้างๆจาน แต่ก็ถูกไอ้มาร์คห้ามไว้ด้วยประโยคเดิมๆของมัน
“ไม่เป็นไร เราเลี้ยง”
ได้แต่มองหน้ามันอย่างพิจารณา นี่มึงรวยมาจากไหน เอะอะเลี้ยงนู่นนี้นั่น พ่อเป็นสุลต่าน? บอกเลยแม่งโคตรหยามนา แจมินคนนี้อะ ชอบทำเหมือนผมไม่เงินต้องให้มันเลี้ยงบ่อยๆ โวะ!
เงินกูก็มีนะเว้ย!
“เออดี”
แต่ไม่ใช้ J /รัวเลขห้าหนึ่งหน้าเอสี่
ผมกลับมานั่งเรียนต่อด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนที่แบกเอาไว้บนบ่าจนหนักอึ่ง พยายามทำเป็นไม่สนใจไอ้แฮชานที่นั่งท้าวคางมองผมเป็นนาทีๆเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ แน่นอนว่าเรื่องที่หมกมุ่นอยู่ในหัวมันก็คงไม่พ้นเรื่องผมกับไอ้มาร์คนั่นแหละครับ
“จะมองจนกูท้องเลยมะ?” เอามุกเข้าสู่แม่ง
“มึงไม่ใช่ปลาทองไอ้ควาย”
“ปลากัดมั้ยล่ะไอ้สัส” ไอ้แฮชานหัวเราะแห้ง ไม่รู้ว่าแม่งเล่นมุกกลับหรือโง่จริง ตลก แต่หัวเราะได้ไม่เท่าไหร่มันก็เบรกด้วยการหุบเหงือกลงอย่างรวดเร็วและหันมาจ้องจับผิดผมเหมือนเดิมแทน
“บอกกูมา”
“บอกอะไร” ใจจริงก็รู้แหละครับว่ามันหมายถึงอะไร แต่นาทีขอให้ได้แถเถอะ ผมไม่อยากให้มันรู้อะ ไม่ดิ ไม่ใช่แค่มันแต่เป็นทุกคนเลยต่างหาก
“มึงกับไอ้มาร์ค...ยังไง?”
“ก็ไม่ยังไง มึงอะคิดมาก” มันเตรียมจะอ้าปากเถียง แต่พอถูกผมขัดขึ้นมากลางอากาศมันเลยไม่ได้พูดอะไรต่อ “เออ ไอ้มาร์คมันยอมช่วยแล้วนะ”
“เชี่ย จริงดิ!” ผมถลึงตาใส่ไอ้แฮชานที่เผลอทำตัวเด๋อด๋าเสียงดังออกมา โชคดีที่อาจารย์ประจำรายวิชาไม่ค่อยใส่ใจอะไรเลยทำเพียงเหลือบมองและปล่อยผ่านไป “กูบอกแล้วมันชอบมึง”
“ก็เหี้ยละ” รีบเบรกแทบไม่ทันตอนมันโพล่งอะไรไม่น่าฟังออกมา
“โด่ พูดนิดพูดหน่อยทำเป็นหน้าแดง”
“แดงเหี้ยไรล่ะ วันนี้มาทำงานด้วยไอ้สัส” ไอ้แฮชานหุบยิ้มลงทันที มันมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบเสียงอ้อมแอ้ม
“วันนี้กูไม่ว่างงะ”
“เอ้า กูนัดแม่งไว้แล้วนะ มึงจะเบี้ยว?” พอถูกผมเลิกคิ้วถามไอ้แฮชานก็รีบเอาน้ำเย็นเข้าลูบทันที
“ไม่ได้จะเบี้ยวสักหน่อยแจมินนา แต่กูไม่ว่างจริงๆ”
ไม่พูดเปล่ายังเอาหัวมาถูๆที่แขนผมพร้อมส่งสายตาออดอ้อน จนผมทนไม่ไหวใช้ฝ่าผลักทิ้งอย่างหัวมันแทบทิ่มลงโต๊ะ จังหวะนี้ขนลุกมากครับบอกเลย
“กูต้องไปกลับไปกินข้าวกับที่บ้านอะ” ไอ้แฮชานอธิบายเสียงอ่อน ก็เข้าใจมันนะว่านานๆทีครอบครัวมันจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา กินข้าวด้วยกันสักมื้อ แต่แม่ง...ทำไมต้องวันนี้ด้วยวะ คนหล่อไม่เข้าใจ
“เออ ช่างมันเถอะ ฝากหวัดดีแม่มึงด้วย”
เนี่ย ก็เป็นซะแบบเนี่ย…
คนเขาจะกลับไปหาครอบครัวอะ ผมแม่งก็ไม่ได้ใจบาปขนาดจะพรากลูกเขามาจากพ่อแม่ปะวะ
“ไม่โกรธกูนะ?”
“เออ”
“น่ารักจังเลยเมียจ๋า”
โครม!
“นักศึกษาออกไปยืนนอกห้องทั้งสองคนเลย!”
แม่งเอ้ย...ไม่น่าตีนลั่นเลย L
tbc.
ร่วมโหวตกันได้นาจา
ได้จุ๊บ กด 1
นก กด 2
#สิบคำถามมาร์คมิน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กด2 นกแน่นอนม้าคเอ้ย5555555
แต่ก็ไม่แน่นะ นางก็ไม่ใช่กากๆนาจา
เอาเป็นว่ารอดูกันต่อไป
111111111111 เท่านั้น ต้องไม่นก ใครนกนกไปแต่มาร์คต้องไม่นกต้องได้จุ๊ย กดหนึ่ง !!! ค่ะ
เราจะกดจนกว่ามาร์คจะไม่นก
เกรี้ยวกราดเบอร์แรงนะนาแจม อยากเห็นตอนรักกันแล้ว ; -;