ตอนที่ 4 : Q : 2 แล้วใครเริ่มจีบก่อน? (2)
“ไปกินต๊อกโบกีกัน”
.
.
.
“อ..ไอ้มาร์ค! ”
มึงอีกแล้วเรอะ?
เจ้าของชื่อยิ้มรับด้วยความยินดีเสียเต็มประดาไม่ได้ดูหนังหน้าผมเลยว่ายินดีร่วมกับมันหรือเปล่า
“ไปกินต๊อก—”
“กูไม่ไป” ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบผมก็สวนขึ้นทันควันพร้อมทั้งคว้ากระเป๋าเป้สะพายบ่าเดินเลี่ยงออกมาทันที แต่ประโยคที่ดังตามหลังมากลับทำเอาเท้าทั้งสองข้างผมหยุดชะงักอยู่กับที่
“เราเลี้ยง”
“เก็บตังมึงไว้เหอะ”
“แจมินไม่อยากรู้หรอว่าแฮชานหายไปไหน”
ผมยืนหยุดอยู่กับที่หันไปมองมันช้าๆหลังมันพูดจบประโยคเมื่อครู่ รู้ตัวอีกทีก็สาวเท้าเข้าไปยืนประชันหน้ากับมันเสียแล้ว
“มึงรู้อะไรมา”
“ไปกินต๊อกกับเราก่อนสิ” นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นคลี่ยิ้มจนตาหยี คนอื่นมาเห็นอาจจะมองว่าน่ารักอะนะ แต่สำหรับแม่งโคตรคันตีน
“อร่อยมั้ย?” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ส่วนผมก็เนียนหันหน้าหนีไปอีกทางพลางเคี้ยวต๊อกโบกีในปากไปเรื่อยๆ
“อือ”
“งั้นก็กินเยอะๆเลยนะ”
ในหัวเอาแต่คิดเรื่องของไอ้แฮชานว่ามันหายหัวไม่ไหนไม่ติดต่อมาเลยเป็นวันๆ ใจจริงก็อยากจะโทร.ไปคาดคั้นเอาคำตอบจากปากมันอยู่นะ ถ้าไม่ติดว่าแม่งเสือกปิดโทรศัพท์หนีไปซะก่อน ผลสุดท้ายผมเลยต้องจำใจมากับไอ้มาร์คอย่างเลี่ยงไม่ได้
โอ้โห กูนี่มันยอดเพื่อนกตัญญูจริงๆ
ไอ้แฮชานมึงจะต้องหลั่งน้ำตา
“คิดอะไรอยู่หรอ”
“เรื่องของกู”
“เรื่องของแจมินก็เหมือนเรื่องของเรานั่นแหละ” อื้อหือมั่นหน้ามั่นโหนกอีกแล้วนะมึง
“เหมือนตรงไหน? อย่ามาพูดหมาๆนะไอ้มาร์ค”
เป็นประโยคคำถามทีไม่ต้องการคำตอบ เพราะทันทีที่ผมพูดจบก็หันหน้าหนีมันไปทางอื่นอีกครั้ง ให้ตายเถอะนี่ผมกำลังด่ามันอยู่นะ ยังจะมีหน้ามายิ้มรับอีก มึงเป็นคนประเภทไหนกันแน่ไอ้มาร์คลี?
“งอนหรอ” ไอ้คนข้างๆเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อนเมื่อเห็นผมว่าเอาแต่นั่งกินเงียบๆไม่พูดไม่จาสักคำ
“งอนห่าไร”
“รู้มั้ยคำว่า ’งอน’ มันลอยอยู่เต็มหน้าแจมินเลยล่ะ” ดวงตาผมเบิกกว้างกับคำพูดพล่อยๆของอีกฝ่าย รู้ตัวอีกทีฝ่ามือก็ยื่นไปกระชากคอเสื้อนักศึกษาของมันแน่นจนร่างของไอ้มาร์คขยับมาชิดตัว
“มันจะมากไปแล้วนะไอ้มาร์ค!”
เออ มากเกินไปแล้ว!
กูเนี่ยมากเกินไปแล้ว มัวทำห่าอะไรอยู่วะ มานั่งกินกับคนที่เกลียดก็ว่าแย่แล้วนะเสือกต้องมานั่งฟังคำพูดแปลกๆของแม่งอีก
“อย่าใช้กำลังสิ” มือคู่ใหญ่เลือนมาแตะที่หลังฝ่ามือผมช้าๆก่อนจะแปรเปลี่ยนมาเป็นประกบมือลงไปอย่างแนบแน่น หนำซ้ำยังใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือลูบไล้ไปบนหลังฝ่ามือของผมอย่างแผ่วเบา
“ช..เชี่ยไรมึงเนี่ย! ขนลุกสัส” ผมชักมือออกจากพันธนาการของอีกฝ่ายอย่างไวก่อนจะส่งสายตาไม่พอใจไปให้
“ไม่ชอบหรอ?”
“เออ!” ยังมีหน้ามาถามอีก มึงนี่ฉลาดจริงหรือเปล่าทีเรื่องแบบนี้โง่ฉิบหาย
“ขอโทษนะ” คำขอโทษที่ชัดถ้อยชัดคำทำเอาคิ้วผมถึงกับกระตุก ผมเหลือบมองคนข้างกายเล็กน้อยก่อนที่ความคิดหลากหลายจะหลั่งไหลเข้ามาราวกับสายน้ำ
คำขอโทษมันพูดง่ายขนาดนั้นเลยหรอ? ไอ้มาร์คแม่งยอมพูดคำๆนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยเลยงั้นหรอ? ไอ้ห่านี่แม่ง...โอ้ย หมดคำจะพูด ศักดิ์ศรีมึงมีบ้างมั้ยเนี่ยนึกอยากจะพูดก็พูดเลยหรือไงวะ!
“ช่างแม่งเหอะ” บอกปัดอย่างหัวเสีย ไม่ชอบเลยจริงๆกับไอ้ท่าทียอมคนของมันน่ะ แม่งไม่แมนเลย กูแบนนนนน!
“แล้วนี่จะบอกกูได้ยังว่าไอ้แฮชานมันหายไปไหน” สุดท้ายผมก็เลือกจะมองข้ามอาการขุ่นหมัวในใจออกไปและเข้าประเด็นที่ทำให้ผมต้องมากับกินต๊อกโง่ๆนี่กับมันแทน
แต่การกระทำของมันกับยิ่งทำเอาผมขมวดคิ้วแน่น ไอ้มาร์คทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจคำถามของผมไม่พอยังเนียนเดินไปจ่ายเงินค่าต็อกกับแม่ค้าหน้าตาเฉย
เดี๋ยว นี่เห็นกูเป็นกายหยาบหรอ ?
ถึงหมางเมินกันเบอร์นี้?
“แจมินจะกลับเลยมั้ย เดี๋ยวเราไปส่ง”
“กูกลับเองได้” ไอ้มาร์คนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะปั้นหน้ายิ้มขึ้นมาใหม่
“ให้เราไปส่งเถอะนะ นี่ก็เย็นแล้วมันอันตราย” ขอเวลานา แจมินแดกจุดให้อิ่มแปปนะครับ คือมันกลัวผมโดนฉุดหรือไง นี่แมนทั้งแท่งใครจะมาฉุดผมวะถามจริง เผลอๆนี่แมนกว่ามันด้วยซ้ำ
“ตลกละ กูไม่ใช่เด็กๆแล้วนะดูแลตัวเองได้เหอะ” ผมตอบเสียงขุ่น ก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่าถูกมันพานอกเรื่องอยู่ตั้งนานสองนาน “แล้วก็บอกกูมาได้แล้วว่าไอ้แฮชานไปไหน”
“งั้นกลับกันเลยดีกว่าเนอะ”
“ไอ้มาร์ค กูจริงจัง” ผมเริ่มกดเสียงต่ำ ต้องขู่ครับแม่งชักจะเหลิงเกินไปละ ทว่าคำตอบทีได้รับกับทำให้สิ่งที่ผมทำลงไปก่อนหน้าแทบหมดความหมาย
“ให้เราไปส่งก่อนสิ แล้วเราจะบอก”
มีใครเล่นลิ้นได้เท่ามึงอีกมั้ยเนี่ย
โว้ยยยยยยย!
“ตามมาสิวะ!!” ผมกระชากเสียงห้วนใส่เมื่อหันกลับมองแล้วไม่เห็นว่าไอ้มาร์คมันจะเดินตามมาซักที มัวแต่แต่ยืนทำคิ้วนกอยู่ที่เดิม
“แจมินนา รอเราด้วย!” มันยืนทำหน้าเหรอหราอยู่ซักพักก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีวิ่งตามมาผมติดๆ
“บ้านแจมินไปทางนี้หรอ ดีจังบ้านเราก็กลับทางนี้พอดีเลย”
และสุดท้ายไอ้มาร์คก็ตามมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ข้างๆผมจนได้ ผมถอนหายใจยาวๆพลางหันหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่างรถ ขี้เกียจจะเสวนากับมัน คนห่าอะไรขยันหาเรื่องคุยฉิบหาย
“นี่ วันหลังเราก็กลับพร้อมกันก็ได้นี่นา“
“โอ้ย! ไอ้มาร์คมึงจะพูดอีกนานมั้ยกูรำคาญ“ คนถูกตำหนิหน้าง้ำลงเล็กน้อยแต่ก็ปั้นหน้ายิ้มขึ้นมาใหม่ราวกับไม่ได้สะทกสะท้านอะไร
“ก็เราอยากคุยกับแจมินนี่ แจมินไม่อยากคุยกับเราหรอ?” นี่เขาชักจะสงสัยจริงๆแล้วนะว่ามันฉลาดจริงอย่างที่เพื่อนในคลาสล่ำลือกันจริงหรือเปล่า ทำไมเวลาอยู่กับผมมันถึงได้ดูโง่แบบนี้
“หน้ากูดูเหมือนคนอยากคุยกับมึงมั้ยล่ะ”
“อืม ก็เหมือนนะ” โว้ยย ทำไมพระเจ้าต้องส่งคนแบบมันเข้ามาในชีวิตผมด้วยวะ
“ถ้ามึงคิดว่าดีก็ทำต่อไปเถอะ”
แล้วผมก็รู้สึกว่าตัวเองผิดพลาดร้ายแรงจริงๆที่พูดคำนั้นออกไป เพราะหลังจากนั้นไอ้คนข้างๆก็สรรหาเรื่องราวมาพูดได้ตลอดตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ
“หลังนี้หรอ?”
“เออ” แต่คำตอบผมอาจจะทะลุไปไม่ถึงเซลล์รูหูมันแล้วล่ะมั้ง เพราะมันเอาแต่ยืนยิ้มเล็กยิ้มน้อยอยู่หน้าบ้านผมอยู่อย่างนั้น นี่คงไม่ได้วางแผนมายกเค้าบ้านกูวันหลังหรอกนะ?
“บ้านน่ารักเหมือนคนเลย”
อื้อหือ มุกนี้กูซื้อได้มั้ย แล้วมึงอย่าเล่นอีกนะ /ลับมีดรอ
“บอกกูมาสักทีเหอะว่าเพื่อนกูหายไปไหน” รู้ตัวเองเลยว่าถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่างและปล่อยเอาไว้แบบนี้มันจะต้องสรรหาคำพูดแปลกๆมาพูดให้ส้นตีนผมกระตุกอีกแน่ๆ
ไอ้มาร์คละสายตาจากบ้านผมมาเป็นสบสายตากับผมที่ยืนเท้าเอวมองมันตาขวาง ถ้ารอบนี้มันยังเล่นลิ้นไม่ยอมบอกง่ายๆอีกนะได้มีโศกนาฏกรรมพาดข่าวหน้าหนึ่งพรุ่งนี้เช้าแน่นอน
แต่ผิดคาด....
“เราเห็นแฮชานเข้าไปเกมเซ็นเตอร์เมื่อเช้า”
“เกมเซ็นเตอร์?”
“อืม กับผู้หญิงอีกคน”
“ใคร?”
“ไม่รู้สิ เราเห็นหน้าไม่ชัด”
“มึงโกหกปะเนี่ย” แวบหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่าแม่งจะโกหกกันหรือเปล่า แต่อย่างไอ้มาร์คก็ดูไม่น่าจะโกหกใครเป็นเลยด้วยซ้ำ ยิ่งใบหน้าภายใต้กรอบแว่นส่ายไปมาแทนคำตอบผมก็ได้แต่ถอนหายใจพรืด
“งั้นมึงกลับไปได้ละ” ผมตัดบทแต่เพียงเท่านั้นและหันหลังไขกุญแจเข้าบ้านทันที ไว้ค่อยโทรไปถามไอ้แฮชานมันอีกทีก็คงไม่เสียหายอะไร
แต่ทว่า...
“พรุ่งนี้เราขอมาส่งแจมินอีกนะ”
“ไม่ต้องอะ กูไม่ชอบ” บอกไปตรงๆเนี่ยแหละครับ อ้อมค้อมไปมาแม่งอิสน็อตมายสไตล์ วันไหนมันทนไม่ได้เดี๋ยวก็หนีหายไปเองแหละ
“แล้วเราต้องทำยังไงถึงจะได้มาส่งล่ะ”
“ไม่ต้องทำไงทั้งนั้นอะ แค่อยู่ห่างๆกูก็พอ”
“แต่เราอยากอยู่ใกล้ๆแจมิน” น้ำเสียงไอ้มาร์คอ่อนลงเช่นเดียวกับแววตาตัดพ้อของมันที่มองมาทางผมก่อนจะขยับริมฝีปากเป็นคำพูดอีกครั้ง “ให้เรามาส่งเถอะนะ”
ว้อท!
ที่พูดๆไปนี่ไมได้เข้าสมองเลยถูกมะ
“ก็บอกว่าไม่ต้องไงวะ”
“ถ้ามาส่งในฐานะเพื่อนไม่ได้....” ยิ่งโทนเสียงทุ้มของมันเว้นวรรคไปแบบนั้นก็ยิ่งสร้างความกดดันให้ผมเป็นเท่าตัว นี่คงจะไม่พูดอะไรแพลงๆใช่มั้ยไอ้มาร์คลี?
“งั้นเราขอมาส่งในฐานะว่าที่แฟนนะ”
เหี้ย!
กูโดนมันเล่นแล้ววววววว
“ว่าที่แฟนพ่อมึงสิ“
“เราจะเป็นแฟนพ่อเราได้ยังไง เราไม่อยากแย่งแม่นะ”
“กูประชด” ไม่รู้จะด่าคำไหนแล้ว ทำไมไอ้มาร์คลีเป็นคนแบบนี้วะแม่ง โอ้ยอยากจะบ้าตาย
“แต่เรื่องที่เราอยากเป็นว่าที่แฟนแจมินเราไม่ประชดนะ”
“จะประชดหรือไม่ประชดกูก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ“ ผมตัดบทแค่นั้นก็หันกลับมาเปิดประตูเข้าบ้านทันทีแต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงทุ้มของมันตะโกนตามหลังมาแว่วๆ
“แจมินเขินเราหรอ?“
ฝีเท้าทั้งสองข้างถึงกับหยุดดังเอี๊ยดยิ่งกว่าโฆษณานันยาง ผมหันกลับมามองเจ้าของประโยคน่าหมั้นไส้นั้นตาขวางก่อนจะสาวเท้าเข้ามายืนประจันหน้ากับมันโดยที่มีรั้วบ้านเตี้ยๆกั้นเอาไว้
“เขินอะไร? กูไม่ได้เขิน”
“ก็หูแจมินแดง”
ผมถึงกับร้อง ‘หะ’ พร้อมเลื่อนมือขึ้นมาแตะหูตัวเองอย่างไว อีกฝ่ายที่เห็นผมทำท่าทางแบบนั้นก็หัวเราะออกมาน้อยๆก่อนจะคลี่ยิ้มอบอุ่นมาให้
“เขินสินะ”
“มึงกลับบ้านมึงไปเลยไปไอ้มาร์ค!”
“เราหนาวอะ ขอเข้าไปในบ้านแจมินหน่อยได้มั้ย”
อื้อหือ มาร์คลีเป็นผู้ชายมีความสามารถนะครับ แม่งสามารถทำให้ผมแดกจุดได้เป็นล้านรอบในหนึ่งวันได้ คนอะไรหน้าด้านหน้าทนดีจริงๆ นี่เริ่มสงสัยแล้วนะว่ามันคิดอะไรกับผมจริงๆใช่มั้ย แล้วคำพูดผมก็มักไปไวกว่าความคิดเสมอ
“ตลกและ หวังจะจีบกูปะเนี่ย”
“อือ ได้หรือเปล่าล่ะ”
ไอ้เหี้ยมาร์คมึงมาทางไหนมึงจงไปทางนั้นนนนนนน!
“มึงดูปากกูนะ ไม่-มี-วัน!” สิ้นคำผมก็วิ่งหนีเข้าบ้านตัวเองมาทันที พอแล้วครับสำหรับวันนี้ แค่นี้กูก็โดนมันเสี่ยวใส่จนเลี่ยนไปหมดแล้ว
MARK.
น่ารักครับ
น่ารักสุดๆ อยากได้จังเลยครับคนนี้ ♥
ได้แต่ยืนมองคนน่ารักที่วิ่งแจ้นเข้าบ้านไปแล้วตาละห้อย ถึงจะเริ่มไม่ค่อยดีแต่ผมมั่นใจว่าผมก็มีชัยไปกว่าครึ่ง(?) ก็คนน่ารักเล่นเขินซะหูแดงขนาดนั้นไม่หลงเสน่ห์มาร์คลีคนนี้ให้รู้ไปสิ
ผมหันหลังเดินออกมาจากบ้านของว่าที่แฟน นี่ไม่ได้โม้นะแต่ผมจะเต๊าะจนแจมินยอมเป็นแฟนให้ผมได้คอยดูสิ โชคดีที่บ้านของแจมินอยู่ไม่ไกลจากปากซอยมากเดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงป้ายรถเมล์พอดี ท้องฟ้าตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอมส้มบ่งบอกว่าเย็นแล้ว ยิ่งพอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก็ยิ่งทำให้รู้ว่ามันเย็นมากแล้วจริงๆ
รถเมล์สายที่ผมใช้เป็นประจำขับเข้ามาจอดเทียบป้ายแต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขึ้นไปอีกฝ่ายที่ลงมาจากรถก็ยิ้มกริ่มมาแต่ไกลทำให้ผมชะงักฝีเท้าของตัวเองเอาไว้แค่นั้น
“ไง เดี๋ยวนี้เดินตามเมียต้อยๆแล้วหรอวะ“ เสียงทุ้มแหบร้องทักขณะที่เพื่อนของมันอีกสองสามคนยืนสบทบอยู่ด้านหลัง ผมเลือกที่จะเงียบไม่ตอบคำถามของมัน คิ้วหนาเลยเลิกขึ้นเล็กน้อยพลางกลั้วหัวเราะ
“กูอุตส่าห์สะกดรอยตามมาไม่ดีใจหน่อยหรอ” ร่างที่สูงพอๆกันสาวเท้าเข้ามาใกล้ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาด้วยท่าทีเยาะเย้ย
“อย่ายุ่งกับคนของกู” น้ำเสียงเย็นเยียบเปล่งออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำพลางผลักอกศัตรูให้กระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว
“ใครล่ะคนของมึง ใช่คนที่มึงเดินตามต้อยๆเมื่อกี้หรือเปล่า?” มันแสร้งทำสีหน้าประหลาดใจทั้งที่รู้คำตอบในคำถามของตัวเองดี
“กูเตือนมึงแล้วนะไอ้จุนไค ถ้าคนของกูมีแผลแม้แต่ปลายเล็บกูไม่เก็บมึงไว้แน่”
“โอะโอ หวงขนาดนี้กูชักอยากจะเล่นซะแล้—เหี้ย!” คำพูดหมาๆของมันขาดห้วงไปกลางคันเมื่อถูกผมซัดหน้าอย่างแรงจนหน้ามันหันไปอีกทาง ไอ้จุนไคเซไปหลายก้าวก่อนจะตั้งตัวตรงแล้วตวัดสายตามองมาที่ผมอย่างไม่พอใจนัก
“สัส มึงจะเล่นงี้ใช่มั้ย” หมัดที่หนักไม่แพ้กันสวนมาที่สันกรามจนผมถลาลงไปกับพื้น ก่อนจะตามมาด้วยลูกสมุนของมันที่กรูเข้ามาอย่างกับผึ้งแตกรัง ผู้คนที่สัญจรแถวนั้นเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามอาจจะเป็นเพราะกลัวโดนลูกหลงหรือไม่ก็คิดว่ามันกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วสำหรับการยกพวกดีกัน
แต่เดี๋ยว! นี่ไม่ใช่การยกพวกตีกัน
กูโดนรุมครับสังคม!
หลายนาทีต่อมาร่างไร้ประโยชน์พวกนั้นก็ลงไปนอนร้องโอดครวญอยู่ที่พื้นจะมีก็แต่ไอ้จุนไคที่เจ็บหนักพอๆกับผมแต่ก็ยังอุตส่าห์ฝืนพยุงตัวเองเอาไว้
“หึ! จริงจังหรือไงคนนี้” ไอ้จุนไคถ่มน้ำลายที่ปนไปด้วยเลือดสีสดลงพื้น ก่อนจะหันมาแสยะยิ้ม “แบ่งกันหน่อยน่า เหมือนคนก่อนๆของมึงไง”
“ถ้ายังไม่อยากเป็นเหมือนลูกน้องของมึงก็อย่ามายุ่งกับคนของกู!”
ราวกับเส้นความอดทนผมขาดสะบั้น ปลายเท้าตรงเข้าไปเหยียบเข้าที่อกกว้างด้วยแรงโทสะที่สุ่มอยู่ในอกทั้งหมด ก่อนจะออกแรงยันจนร่างของมันหงายหลังล้มลงไปนอนหมดสภาพกับพื้น ผมค่อยๆประคองร่างของตัวเองขึ้นรถเมล์ที่เข้ามาจอดเทียบป้ายอีกครั้งด้วยสภาพทุลักทุเล ในใจก็ได้แต่หวังว่าอย่าให้แจมินมาเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้เลย
tbc.
ไม่มินมาร์คแล้วนะคะ
มาดแมนขนาดนี้น้องแจมก็ทำไม่ได้ 55555555555
คอมเม้นพูดคุยกันได้นะคะ
เราอ่านทุกเม้นเลย ขอบคุณมากๆ
ในแท็กก็พูดคุยกันได้นะคะ
อย่าปล่อยให้เราพูดคนเดียวเลย ฮือ55555555555
#สิบคำถามมาร์คมิน
ปล. เรื่องแฟคเกี่ยวกับฟิคในแท็ก อยากรู้อะไรเพิ่มเติมถามได้นะคะจะมาตอบข้อสงสัยให้
เพราะคิดว่าหลังจากจบตอนนี้ก็น่าจะมีปมอะไรให้ไขกันอีกพอสมควร
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จุนไคลูกแม่~ มาร์คก็ลูกแม่~ อกอีแม่เจ็บปวดนักลูกรักจากสองประเทศตีกันเอง ????
แกล้งเฉิ่มหรอแกรรรร
กรีสๆๆๆๆ หล่อเท่เถื่อนมาดแมนมากค่ะคุณขา
ชั้นว่าแล้วนางไม่ใส555555