ตอนที่ 15 : Q : 8 แล้วทำไงถึงคืนดีกันอะ?
8. แล้วทำไงถึงคืนดีกันอะ?
“คิดถึง”
ความเงียบค่อยๆโรยตัวลงมาอย่างรวดเร็วหลังจบประโยคของไอ้มาร์ค มันกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นคล้ายกับต้องการจะตอกย้ำความรู้สึกของตัวเองให้ผมได้รับรู้
และมันก็สื่อถึงผมได้จริงๆ
ไอ้มาร์คกำลังร้องไห้...
เพราะเพียงแค่หัวไหล่สัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะหัวใจก็กระตุกวูบจนทำตัวไม่ถูก ผมได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้มันกอดอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะทักหรือร้องถามอะไรเพราะกลัวจะทนเห็นน้ำตามันไม่ไหว
“ขอโทษนะแจมิน...” น้ำเสียงที่ฟังดูหมองหม่นกว่าทุกครั้งสั่นเครือจนผมใจไม่ดี ริมฝีปากที่แห้งผากค่อยๆขบเม้มเข้าหากันแน่นกั้นก้อนความรู้สึกที่กำลังตีตื้นขึ้นมาอย่างช้าๆ
“เราไม่ได้ตั้งใจจะโกหกแจมินจริงๆทั้งเรื่องในเกมแล้วก็...เรื่องนั้น”
“….”
“เราแค่อยากเข้าใกล้แจมิน ถึงจะเป็นแค่ตัวละครในเกมเราก็ยอม”
ขอบตาผมร้อนผ่าวเมื่อความจริงถูกเปิดเผยออกมา พยายามกระพริบตาถี่ๆไล่มวลน้ำตาที่กำลังก่อตัวรวมกันและพร้อมจะพังทลายลงมาทุกเมื่อหากถูกกระตุ้นเพียงเล็กน้อย
“แจมินรู้มั้ยว่าเราดีใจแค่ไหนทีได้เห็นอีกด้านของแจมิน อีกด้านที่แจมินไม่เย็นชาใส่เรา”
ไม่ไหวแล้ว...
“เราดีใจมากที่แจมินเล่าเรื่องของแต่ละวันให้ฟังผ่านตัวอักษรพวกนั้น”
พอแล้ว...
“เราดีใจจนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวที่อยากเก็บช่วงเวลาดีๆแบบนี้ไว้ตลอดไป”
ไม่อยากฟังแล้ว...
“แต่สิ่งที่เราทำมันกับทำร้ายความเชื่อใจของแจมิน” น้ำเสียงของไอ้มาร์คสั่นเครือจนแทบจับใจความไม่ได้ มันกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีกก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “อย่าเกลียดกันลยนะ”
“มันเจ็บมากจริงๆ”
ผมปล่อยให้น้ำตารินไหลอย่างเงียบๆ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันเริ่มเอ่อล้นและไหลทะลักออกมา แต่สิ่งที่พรั่งพรูออกมาจากปากของมันบีบหัวใจของผมจนแทบทนต่อไปฟังไม่ไหว มีเพียงหยดน้ำตาที่ผมปลดปล่อยมันออกมาเพื่อระบายความเจ็บปวด
เจ็บไม่แพ้มันเลยสักนิด
“แล้วเรื่องวันนั้น...ที่มึงไปต่อยคนอื่น” ผมพยายามคลุมน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้สั่นขณะที่เอ่ยถามสิ่งที่ค้างใจอีกเรื่อง
“เราก็แค่ปกป้องคนที่เรารัก” ฝ่ามืออันสั่นเทาค่อยๆเลื่อนขึ้นมาปิดริมฝีปากของตัวเองแน่น พยายามกักกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองไม่ให้มันได้รู้ ทำไมจะไม่รู้ว่าพักหลังมานี้รู้สึกเหมือนมีใครกำลังสะกดรอยตาม เพียงแต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจแล้วก็เล่ามันให้มันฟังก็เท่านั้น
แต่ในที่ที่เงียบแบบนี้มันยากเกินไป—ยากเกินไปที่คนอย่างไอ้มาร์คจะไม่ผิดสังเกต
มันดันตัวออกห่างด้วยสีหน้าตื่นตระหนก พลางใช้ปลายนิ้วไล่เช็ดหยดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มผมเป็นทางหากแต่ไร้เสียงสะอื้นโดยไม่ที่สนใจว่าตัวเองมันเองก็กำลังร้องไห้ไม่ต่างกัน
ยิ่งเห็นการกระทำของมันผมยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ทำไมต้องแคร์ผมมากขนาดนี้ ทำไมถึงห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง ทำไม
“อย่าร้อง…อย่าเสียน้ำตาให้คนอย่างเราเลย”
ผมสวมกอดเอวของมันแน่นหลังสิ้นคำปลอบประโลมที่ชวนให้อยากร้องไห้ ศีรษะที่ตรงกับตำแหน่งหัวใจพอดีสั่นไหวมาแทนคำตอบ ผมสวมกอดมันแน่นด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีเหมือนมีที่มันทำ เพียงเสี้ยววินาทีท่อนแขนของมันก็ยกขึ้นมากอดตอบผมอย่างอ่อนโยน
มันควรจะเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุด แต่ผมกับรู้สึกเจ็บระบมราวกับร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลอย่างไงอย่างงั้น...หรืออาจเป็นเพราะว่าเราต่างก็กำลังร้องไห้ทั้งคู่
มันถึงได้กลายเป็นอ้อมกอดที่ขมขื่นขนาดนี้
“ฮึก...พอแล้ว”
ผมหลุดเสียงสะอื้นออกมาในที่สุด ใบหน้าที่ซบอยู่บริเวณหน้าอกของอีกฝ่ายส่ายไปมาประกอบคำพูดพลางกระชับอ้อมกอดของตัวเองและใบหน้าให้แนบแน่นกับคนตรงหน้ายิ่งขึ้นไปอีก
“ห..หายโกรธแล้ว”
ความขุนมัวในใจที่เคยมีคล้ายกับถูกปัดเป่าไปจนหมดสิ้น น้ำตามากมายที่แม้แต่ตัวผมเองยังตกใจรินไหลราวกับความอัดอั้นในใจได้ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสรภาพ ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพียงเพราะอีกฝ่ายคือมาร์ค...แค่มาร์คลีคนเดียวที่ผมรู้สึกด้วยมากมายขนาดนี้
ความรักของอีกฝ่ายช่างยิ่งใหญ่เสียจนผมนึกสมเพชตัวเองที่ตอบแทนความรักของมันได้ไม่ดีพอ ผมแทบไม่เคยทำหน้าที่ของแฟนได้สมบูรณ์แบบเลยสักครั้ง
แต่กับสำหรับมัน....
ฝ่ามือคู่ใหญ่ลูบแผ่นหลังของไปแผ่วเบาคล้ายกับต้องการปลอบประโลมความเสียใจให้เบาบางลง
“ขอบคุณนะแจมิน” น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบเสียงเศร้าข้างใบหูสลับกับเปล่งถ้อยคำปลอบใจ “อย่างร้องไห้เลยคนดี”
“ฮึก...ไม่ได้จะร้องสักหน่อย” ผมเถียงเสียงอู้อี้อยู่ที่อกของมันก่อนจะถูกดันตัวให้ออกห่าง ไอ้มาร์คเอาแต่จ้องผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายจนผมต้องหลบสายตาก้มมองเพียงปลายเท้าตัวเอง
“ตาแดงหมดแล้ว” ไอ้มาร์คเอ่ยพร้อมกับใช้ปลายนิ้วค่อยๆไล่เช็ดคราบน้ำตาที่หลงเหลืออยู่ออกไปจนหมดสิ้น ก่อนที่ก้อนเนื้อในอกของผมจะสั่นไหวอย่างรุนแรงเมื่อมันขยับใบหน้าเข้ามาใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของคนตรงหน้า
ใบหน้าของเราอยู่ใกล้มากๆ กระทั่งสัมผัสเบาบางทว่าอบอุ่นไปทั้งหัวใจประทับลงมาแผ่วเบาที่เปลือกตาที่ปิดสนิทของผมทั้งสองข้าง ไอ้มาร์คกดริมฝีปากแช่อยู่ที่เดิมไม่ไหวติงก่อนจะค่อยๆเคลื่อนริมฝีปากลงมาผ่านจมูกและหยุดอยู่ตรงที่ริมฝีปาก
แม้เป็นเพียงจุมพิตที่ไร้การลุกล้ำแต่กับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ไอ้มาร์คกดจูบลงมาซ้ำๆสลับกับสบสายตาที่เต็มแปรี่ยมไปด้วยความหมายก่อนจะคลี่ยิ้มหวานที่มองกี่ครั้งก็ไม่สามารถทำใจให้ชินได้เสียที
“ขอบคุณนะ”
ถ้อยคำหวานหากแต่แฝงไปด้วยความจริงจังเอ่ยกระซิบชิดริมฝีปากก่อนที่จุมพิตแสนหวานจะถูกบรรจงกดจูบลงมาอีกครั้งเพื่อตอกน้ำในคำพูดของตัวเอง
“ขอบคุณเหมือนกัน....”
ผมพยายามอย่างหนักในการจะเอ่ยประโยคสักประโยคโดยที่บังคับไม่ให้เสียงสั่นจนฟังไม่รู้เรื่อง ฝ่ามือที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างลำตัวกำชายเสื้อตัวเองแน่นจนเรียวนิ้วขึ้นข้อขาว ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกไป
“...ที่รักกันมากขนาดนี้”
“คืนดีกับผัวแล้วทิ้งเพื่อนเลยนะ— โอ้ย!” ไอ้แฮชานรับยกมือขึ้นมากุมหัวตัวเองแน่นทั้งที่ยังเอ่ยไม่จบประโยคดี
“ก็บอกว่าไม่ใช่ผัว”
“ลงไม้ลงมือจังเลยนะกับกูเนี่ย”
มันรีบเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาตัดพ้อก่อนจะเบะปากใส่ทำท่าเป็นเด็กสาวที่แสร้งบีบน้ำตาเรียกคะแนนสงสาร แต่สำหรับไอ้แฮชานนี่โคตรน่าสะพรึงบอกเลย ที่ไหนที่ว่าเหี้ยนยังต้องหลั่งน้ำตาให้กับช็อตเมื่อกี้
“ใช่ซิ๊~ กูมันไม่ได้มาดแมนแฮนซั่มเหมือนไอ้มาร์คลีของมึงนี่”
“ถ้ายังไม่หยุดกูยันไปนู้นจริงๆด้วย” ไม่ใช่เพียงแค่คำขู่แต่ผมยกเท้าขึ้นมาประกอบคำพูดจนไอ้แฮชานเบะปากเสียยกใหญ่
“แล้วคืนนี้เอาไง”
“คืนนี้อะไร?”
ผมขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมเมื่อไอ้แฮชานยกมือขึ้นมาทาบอกทั้งสองข้างพร้อมๆกับเบิกตากว้างมองมาที่ผมอย่างอึ้งๆ เอ้า มึงตกใจอะไรกูงงไปหมดแล้วเนี่ย?
“เนี่ย มึงแม่งเปลี่ยนไป”
“หะ?” กูเนี่ยนะเปลี่ยนไป อะไรวะ งงเด้ งงเด้
“มีผัวแล้วเปลี่—”
‘โครม!’
“ก็บอกว่าไม่ใช่ผัวโว้ย!”
“แต่มึงลืมนัดกูอะ” ไอ้แฮชานรีบยันตัวเองขึ้นมาจากพื้นก่อนที่ตกเป็นเป้าสายตาไปมากกว่าเดิม แต่เอาจริงๆผมว่าในห้องก็คงชินแล้วอะเพราะผมกับมันตีกันบ่อยจะตายไป “ทำหน้าแบบนี้ อย่าบอกนะว่ามึงลืมจริงๆ”
ผมไม่ได้รีบตอบคำถามมันไปซะทีเดียว แต่กำลังพยายามนึก...นึกอยู่ว่าเผลอไปตกปากรับคำอะไรมันอยู่หรือเปล่าแต่ทว่านึกเท่าไรก็นึกไม่ออก
“หน่ะ! มึงลืมจริงๆด้วย” มันชี้มาทางผมพลางทำท่าทางงอแงเป็นเด็กเล็กๆ ขอโทษนะ รีแอคชั่นมึงกูขนลุกจริงๆ
“มึงก็พูดมาสักทีเถอะไอ้สัส กูลืมอะไร”
“แจ่มชื่น ซอยสามหลังมอแงะ” สาบานว่านั่นชื่อร้าน โคตรครีเอท
ผมนิ่งไปชั่วอึดใจ(ไม่ใช่กำลังอึ้งกับชื่อร้าน)แต่กลายเป็นลำบากใจเสียมากกว่า ถ้าให้พูดตรงๆเลยก็คือวันนี้ผมมีนัดดูหนังกับไอ้มาร์คตอนเลิกคลาสแล้วอะดิ พูดแล้วก็เขิน แต่แบบนี้เรียกว่าชวนไปเดทได้ปะวะ
“เอ่อ..คือกู” ได้แต่อึกอักไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาปฏิเสธและรักษาน้ำใจมันไปพร้อมๆกัน ถ้าว่ากันตามตรงผมก็จำไม่ได้จริงๆนั่นแหละว่ามีนัดกับมันแล้วดันรับปากไอ้มาร์คไปแล้วด้วยไง
กูอยากจะบ้าตาย
“มีนัดแล้วอ่อ” เป็นไอ้แฮชานที่ชิงถามขึ้นก่อนเหมือนอ่านความคิดได้ ในขณะที่ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับเบาๆแทนคำตอบ “งั้นก็ไม่เป็นไร”
“จริงอะ”
“อือ”
“ไม่งอนแน่นะ”
“อือ”
อดไม่ได้ที่จะไม่หลุดขำออกมากับท่าทางของมันที่ให้เด็กอมมือมาดูก็รู้ว่ากำลังงอนอยู่แน่ๆ “ไว้เดี๋ยวกูพาไปเลี้ยงคืนวันหลัง”
“โอเคเลย” ไอ้สัส ทีงี้หน้าบานเลยนะครับ....
“อยากดูเรื่องไร”
ผมว่าโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ตรงหน้าจอมอนิเตอร์ซึ่งกำลังปรากฏรายชื่อหนังที่กำลังเข้าฉายแต่ละรอบด้วยความสนอกสนใจ คงเป็นเพราะช่วงนี้มีหนังเข้าใหม่เยอะด้วยละมั้งเลยรู้สึกว่าหนังค่อนข้างน่าดูเป็นพิเศษ
“แจมินเลือกเลย”
พอโดนสปอยใส่ผมก็ก้มๆเงยๆกดตั๋วหนังมาสองใบ โชคดีที่เป็นหนังที่กำลังเวลาจะเข้าฉายเลยไม่ต้องเสียเวลารอนาน
“เอาป็อปคอร์นรสไร”
“แล้วแต่แจมินเลย”
“นี่มึงจะตามใจกูอีกนานปะ” สัมผัสได้ถึงหัวคิ้วของตัวเองที่ขมวดเข้ามาชนกันแน่นกับความขี้สปอยแฟนของมันไม่เข้าท่า ถ้าโดนตามใจบ่อยๆจนได้ใจจะทำไงวะ!
“เปล่านะ” โทนเสียงทุ้มๆปฏิเสธตาใส “แจมินชอบอะไรเราก็ชอบด้วยนั่นแหละ”
อื้อหือ กูยอม
ผมแสร้งกระแอมไอสองสามที พร้อมกับเก็กทำหน้าขรึมเหมือนเดิม ไม่ได้ครับ ต้องคีพลุคเดี๋ยวมันรู้ว่าแอบเขินมันอยู่ แต่มันก็อดปฏิเสธไมได้จริงๆว่าประโยคเมื่อกี้โคตรพาใจสั่น
มาร์คลีเป็นผู้ชายมีความสามารถครับ
สามารถทำให้ผมใจสั่นตลอดเวลา ไอ้เวรเอ้ย
“ไม่ถูกปากอย่ามาบ่นแล้วกัน” แอบเห็นมันอมยิ้มนิดหน่อยกับคำพูดประชดประชันของผม ก่อนจะรีบรับถังป็อปคอร์นกับแก้วน้ำไปถือไว้
“แก้วเดียวหรอแจมิน?”
ผมที่กำลังเดินนำหน้าอยู่ชะงักปลายเท้าไปเล็กน้อย “ก็เซ็ตนี้มันขายอย่างละหนึ่งอะ”
“แต่ว่ามันซื้อเพิ่—”
“กินกับกูเนี่ยแหละ กูกินไม่หมด”
ทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะรีบสาวเท้าเดินหนีมันเข้าไปในโรงหนังอย่างรวดเร็ว โดยที่พยายามเก็บอาการประหม่าของตัวเองเอาไว้ให้ลึกที่สุดไม่ให้คนฉลาดอย่างมันจับสังเกตได้
เพราะบางทีคนฉลาดอย่างมัน....ก็ซื่อบื้อได้อย่างไม่น่าเชื่อ
tbc.
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ
#สิบคำถามมาร์คมิน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอ้ยน่าร้ากกกกกกกก อ่านรวดเดียวจบเหมือนกานนนน ไรท์คงไม่ต่อเเล้วใช่มะ5555 เเต่ก็เป็นกำลังใจให้น้าาาาา
แจมินค่อยๆ เลิกซึนไปทีละนิด เริ่มน่ารักน่าหยิก
อยากจูบทางอ้อมกับมาร์คก็บอก ทำมาเปง ส่วนมาร์คนี่ก็ซื่อจัง 5555