ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทลำนำอัศวินผู้ปกป้อง ~Ða giedd þara edora~

    ลำดับตอนที่ #1 : Book I, Prologe: The Forgotten Oath (คำสัญญาที่ถูกลืมเลือน)

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 64


    Prologe

    The Forgeten Oth

    “หลานชาย… เจ้าคิดว่าเพราะเหตุใด ท้องฟ้าจึงประทานพรนั้นให้กับเจ้า?”

    ท่ามกลางความมืดของฟากฟ้าที่ถูกย้อมให้กลายเป็นสีดำตัดกับสีขาวของเกล็ดหิมะโปรยปราย เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินคนหนึ่งยืนหอบหายใจหนัก ๆ อยู่เพียงลำพังที่ข้างสิ่งปลูกสร้างโบราณที่ทำจากหินซึ่งตอนนี้เหลือเพียงซากปรักหักพัง มือซ้ายของเขากดแน่นที่แผลใหญ่บนหัวไหล่ขวาซึ่งมีเลือดซึมออกมาจนทูนิคสีขาวเหนือโซ่ถักกลายเป็นสีแดง แต่มือข้างนั้นยังคงกำดาบแน่น

    เสียงฝีเท้าและเสียงโลหะบนชุดเกราะของเหล่าทหารที่เดินตรวจตราอยู่ท่ามกลางพายุหิมะยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในใจของเขารู้ดีว่าอีกไม่นานคงโดนหาตัวพบ การที่ถูกทิ้ง ไร้ที่พึ่งพิง ต้องจบชีวิตลงโดยลำพังท่ามกลางฤดูหนาวที่มืดทึบและถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา นั่นหรือคือสิ่งที่พระแม่แห่งโชคชะตากำหนดมาให้ตน?

    “ที่ของเจ้าคือท่ามกลางพวกเรา เจ้าไม่จำเป็นต้องไป”

    อยู่ ๆ เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนก็ดังก้องขึ้นในความคิดดึงให้เขาย้อนกลับไปสู่ภาพในอดีต… เมื่อครั้งที่เด็กหนุ่มยืนอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่ที่ลานกว้างหน้าห้องโถงใหญ่ตระการตาที่เป็นบ้านหลังเดียวของตน แต่เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง

    “ข้าต้องทำตามสัญญา” เด็กหนุ่มเหลือบมองชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เพียงครู่เดียวก็เลื่อนสายตาไปจับจ้องที่กิ่งหนึ่งของไม้ยืนต้น เขารู้ดีว่าภาพของกิ่งก้านไร้ใบที่เหี่ยวเฉาลงทุกวันนั้นอยู่ได้อีกไม่นาน--ก่อนที่มันจะเหลือเพียงเถ้าธุลี “สำหรับที่ที่ท่านว่า ท่ามกลางผู้คนของดินแดนแห่งนี้ในฐานะคนที่จะนำพวกเขาเข้าสู่สนามรบหรือนำไปสู่ความสงบสุข ที่ตรงนั้นเป็นของท่าน”

    “ไม่ว่าเจ้าจะรักหรือปกป้องคนพวกนั้นขนาดไหน คนพวกนั้นก็ไม่มีวันยอมรับเจ้าในสิ่งที่เจ้าเป็น!”

    “สิ่งที่ข้าเป็น?”

    เขาก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง บัดนี้จากสีของผิวหนังนั้นกลับกลายเป็นสีดำไม่ต่างอะไรจากสีของท้องฟ้ายามค่ำคืน และจากใต้ผิวหนังสีดำนั้นทั้งเส้นเลือดและรอยแผลเป็นกลับกลายเป็นสีทองที่ส่องแสงสว่างเรืองรอง

    “แก!!!”

    เสียงเรียกนั้นทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นก่อนพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่หน้าซากโบสถ์แห่งนั้นอีกต่อไป แต่เป็นดาดฟ้าของปราสาทแห่งหนึ่งที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวเพลิง ที่เบื้องหน้าของเขาคืออัศวินในชุดเกราะสีแดงคนหนึ่งถือดาบชี้ตรงมาด้วยความอาฆาต อัศวินคนนั้นวิ่งตรงเข้ามาทำให้คนที่ยังตกอยู่ในภวังค์ต้องรีบตวัดดาบสวนเพื่อเบี่ยงให้ดาบในมือคู่ต่อสู้แฉลบออก แต่ด้วยความเผลอตัว สันโล่ไม้ในมืออีกข้างของคู่ต่อสู้ก็กระแทกเข้าที่หน้าจนเขาล้มลง

    เกล็ดหิมะสีขาวโปรยปรายจากหมู่เมฆ หยาดน้ำฟ้าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน แต่ปลายนิ้วไม่อาจสัมผัสเมื่อเกล็ดหิมะเหล่านั้นถูกหลอมละลายหายไปด้วยเปลวเพลิง

    ในยามนี้ดวงดาวบนท้องฟ้าอันเป็นนิรันดร์นั้นดูห่างไกลเหลือเกิน

    ถึงอย่างนั้น เสียงทุ้มต่ำเสียงเดิมกลับยังคงสะท้อนก้องกังวานมาจากความทรงจำที่ห่างไกล

    “ที่ที่เจ้าว่าไม่ใช่ของข้า”

    ฉึก!

    เขารู้สึกถึงโลหะเย็น ๆ แทงลงมาที่กลางท้อง จนกระทั่งเสียงของโลหะและเปลวไฟหรือแม้แต่สัมผัสและความรู้สึกเจ็บที่กลางตัวนั้นค่อย ๆ เลือนหายไปกับความว่างเปล่า และท่ามกลางความว่างเปล่านั้นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือคำสัญญาที่เขาได้ให้ไว้ก่อนที่จะจากมา

    “ข้าสัญญา วันหนึ่งข้าจะกลับมา”

    และเขาได้แต่หวังว่ามันจะไม่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาเหมือนกับชื่อของนักรบที่ครั้งหนึ่งเคยกวัดแกว่งดาบสีทองเพื่อปกป้องผู้คน…

    ..

    .

    “!!!”

    ดวงตาสีเขียวมรกตของเด็กสาวผมน้ำตาลเปิดขึ้นท่ามกลางความมืดด้วยเหงื่อท่วมกายและหัวใจเต้นแรง เธอยันตัวลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ พื้นที่แคบ ๆ ที่มีแค่เตียงของตัวเองกับหมอนและตุ๊กตาผ้าเก่า ๆ ซึ่งเป็นที่นอนที่แสนคุ้นเคย ไม่มีหิมะ ไม่มีเปลวไฟ ไม่มีคนพูดอะไรประหลาด ๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วเด็กสาวจึงยกมือขึ้นแปะหน้าผากพลางบ่นกับตัวเอง

    “ฝันบ้าอะไรวะ?”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×