คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : กำเนิดจอมมารแห่งความมืด
นับตั้งแต่วันที่ข้าเกิดมา ผู้คนรอบๆตัวข้า ก็พร่ำสอนสิ่งต่างๆให้กับข้า
ความรู้ การศึกษา เรื่องภายในยุทธภพ และสิ่งที่ข้าต้องทำ
พวกเค้าพร่ำบอกข้าว่า ข้าต้องครองยุทธภพ
ข้าจะต้องเป็นอันดับหนึ่ง ข้าจะต้องกำจัดคนที่ขวางทางข้า
สิ่งที่ข้าต้องทำ มีอยู่แค่นั้นเอง
ตอนนี้ ข้าอายุเพิ่งจะครบ 5 ปี เป็นวันเกิดของข้าเอง หมู่บ้านของข้า ก็จัดงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่
ทั้งๆที่คนอื่นเวลามีวันเกิดก็ไม่ใหญ่เท่าของข้า
ข้าเคยถามพวกคนที่อยู่รายล้อม พวกเค้าบอกข้าว่า
ข้าเป็นคนสำคัญของหมู่บ้าน งานฉลองของข้าจึงยิ่งใหญ่กว่าของคนอื่น
ตอนนั้นข้าไม่เข้าใจเท่าไหร่
ความสำคัญของคนเรางั้นเหรอ มันดียังไงล่ะ
ถ้ามีความสำคัญมาก ก็จะได้รับการยกย่องบูชางั้นเหรอ
พวกผู้คนที่เข้าพบข้า ต่างก็ทำความเคารพ ก้มหัวให้กับข้า
เรื่องนี้ เมื่อก่อน ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไม พวกเค้าถึงได้ เคารพยำเกรงข้ากันนัก
ไม่ว่าข้าจะทำอะไร พวกเค้าก็ไม่เคยขัด ตามใจข้าทุกๆอย่าง
มาถึงตอนที่ข้า เข้าใจสิ่งเหล่านั้น พวกเค้าก็บอกข้าว่า
เพราะข้าคือคนสำคัญของหมู่บ้านไงล่ะ
นอกจากนี้ ท่านพ่อของข้า ที่เป็นหัวหน้าของหมู่บ้าน ก็เคยบอกกับข้าไว้ว่า
ข้าจะต้องครองยุทธภพให้ได้ ดังนั้น เค้าจึงให้ข้าได้เริ่มฝึกวิทยายุทธ ของหมู่บ้าน
ท่านเคยบอกว่า หลังจากที่ข้าอายุ5ปี ท่านจะสอนวิทยายุทธให้กับข้า ซึ่งข้าก็ดีใจมาก
เพราะที่ผ่านมา ได้เคยเห็นแต่ พวกท่านพี่ ท่านลุง หลายๆคน ฝึกยุทธกัน ข้าจึงชอบขึ้นมาด้วย
และวันนี้ก็เป็นวันเกิดของข้า ข้าจึงจะได้เริ่มฝึกยุทธเหมือนกับคนอื่นได้สักที
เพื่อความหวังของหมู่บ้าน
ข้าจะต้องครองยุทธภพ
ข้าจะต้องกำจัดทุกคนที่ขวางทาง
ข้าจะต้องเป็นอันดับหนึ่ง
และข้าต้องไม่ยอมให้ใครมาขวางข้าได้
ที่หมู่บ้าน มีตำแหน่ง หลายอย่าง
เวลาที่ท่านพ่อเรียกประชุมทุกๆคนในหมู่บ้าน ท่านจะแนะนำทุกๆคนและทุกๆตำแหน่งให้กับข้า
รวมถึงความสำคัญของแต่ละตำแหน่ง
พวกเค้าบอกข้าว่า พวกคนนอกหมู่บ้าน เรียกพวกเราว่า พรรคมาร
ทุกๆคนจึงตั้งตำแหน่ง ให้เป็นมารกันทั้งหมด ทุกๆคนในพรรค ดูจะไม่คิดมากอะไรเรื่องนี้ แม้จะถูกเรียกว่ามารก็ตาม
เค้าบอกข้าว่า คนพวกนี้ จะเป็นกำลังสำคัญของข้าในการครองยุทธภพ
จะเป็นคนที่คอยดูแลข้า ช่วยเหลือข้าทุกสิ่งอย่าง เพื่อให้ถึงวันที่ข้าได้ครองยุทธภพแบบราบรื่น
ตำแหน่งลำดับล่าง เป็นพวกลูกศิษย์พรรค ไม่มีตำแหน่ง คล้ายๆเบ๊ทั่วๆไปนั่นเอง
ตำแหน่งหัวหน้าหน่วย แบ่งออกเป็น 5 หน่วย คอยดูแลพวกลูกศิษย์พรรค ให้ปฎิบัติตามกฎของพรรคอย่างเคร่งครัด
แบ่งเป็นหน่วย ไฟ ดิน ไม้ ทอง น้ำ จะเป็นหัวหน้าหัวหน้าพรรคได้ต้องฝึกวิชาถึงขั้นกลาง ถ้าพวกลูกศิษย์พรรค สามารถฝึกวิชาได้ถึงขั้นกลาง ก็มีสิทธิ์ ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยได้ โดยประลองกับหัวหน้าคนเดิม
ตำแหน่งผู้คุมกฎ จะมี 5 คน ตำแหน่ง เทพมารอัคคี เทพมารพสุธา เทพมารพงไพร เทพมารระฆังทอง และเทพมารวารี จะก้าวถึงตำแหน่งนี้ ต้องฝึกวิชาของสายนั้นได้ถึงขั้นสุดยอดเท่านั้น และเมื่อมีคนที่สามารถฝึกได้ แล้วต้องการตำแหน่งผู้คุมกฎ ก็ต้องมาประลองกับผู้คุมกฎคนเดิม เพื่อชิงตำแหน่งกัน แต่ข้ากับพวกคนในพรรค เรียกพวกเค้าว่า ผู้คุมกฎ แต่คนภายนอกจะเรียกพวกเค้าว่า เทพมาร
ตำแหน่งผู้อาวุโสของพรรค มี 3 คน ทั้ง 3 คน ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากหัวหน้าหมู่บ้านหรือก็คือหัวหน้าพรรคนั่นเอง ทั้ง 3 มีความสามารถ เหนือกว่าผู้คุมกฎในทุกๆด้าน เพราะสามารถฝึกวิชาขั้นสุดยอด
ได้ถึง 3 สาย และ ยังมีวิชาประจำตัวของตัวเองอีกด้วย ซึ่งดัดแปลง โดยนำวิชาขั้นสุดยอด ที่ตัวเองฝึกได้ มาผสานกัน จนเกิดเป็นวิชาใหม่ขึ้นมาได้ จนเป็นวิชาประจำตัวของตัวเอง
และหัวหน้าพรรค ก็คือท่านพ่อของข้าเอง คือผู้ที่ ฝึกวิชาของทุกสายได้โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องของลมปราณ หรือสายของพลัง
ซึ่งปกติ ถ้าฝึกวิชาสายนึงแล้ว ลมปราณจะเป็นของสายนั้น ถ้าไปฝึกของคนละสาย อาจจะทำให้ลมปราณแตกซ่าน จนถึงแก่ชีวิตได้
แต่ตั้งแต่ผู้คุมกฎขึ้นมาจนถึงหัวหน้าหมู่บ้าน คือบุคคลที่สามารถ ผสานลมปราณแต่ละสาย ให้ค้ำจุนเกื้อกูลกันได้ โดยไม่ทำให้ลมปราณแตกซ่าน สามารถเดินลมปราณ 2-3 สาย ได้พร้อมกัน นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดวิชาใหม่ขึ้นมาได้
แต่หัวหน้าหมู่บ้าน ก็คือพ่อของข้า สามารถเดินลมปราณได้ทั้ง 5 สาย นั่นคือขั้นสุดยอดของวิชาแล้ว
ท่านถึงได้ถูกยกย่องให้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน
ในหมู่บ้านของข้า ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะได้รับความสำคัญ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดี ที่แต่ละคน ไม่มีใครคิดร้ายต่อใคร ผู้อยู่ตำแหน่งสูง ก็ดูแลผู้น้อยในสังกัด อย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งแยก
สิ่งนี้แหละคือสิ่งที่ข้าชอบในหมู่บ้านนี้
แต่ข้าก็แปลกใจอยู่เรื่องนึง ถ้าเกิดว่าหมู่บ้านของเราดูแลกัน ห่วงใยเอาใจใส่กันแบบนี้
ทำไมถึงถูกเรียกว่าพรรคมาร
ตั้งแต่ข้าโตมาข้าก็เข้าใจว่า คำว่ามาร น่าจะเป็นคำที่ใช้เรียกผู้ที่มีความโฉดชั่ว ไม่น่าจะมีจิตใจดีงามเหมือนกับคนในหมู่บ้านของข้า
ซึ่งสาเหตุนี้ มีแต่พวกผู้อาวุโสกับหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้นที่รู้
ซึ่งข้าก็เคยถามพวกเค้า แต่ก็ไม่มีใครยอมบอก เพราะมันเป็นกฎของพรรค ที่ห้ามพูดถึงเรื่องในอดีต
ข้าก็ได้แค่สงสัยต่อไป แต่ข้าก็ไม่ฝืนกฎของพรรค เพราะทุกคนดีกับข้า ข้าก็จะดีกับทุกคนเหมือนกัน
ข้าจะไม่ถามเรื่องที่ทำให้ทุกคนลำบากใจเด็ดขาด
และในวันถัดมา ข้าก็ได้เริ่มฝึกวิชา
“นายน้อย ท่านจะต้องเดินลมปราณตามข้านะครับ”
การฝึกวิชาของข้า วันแรกได้รับการฝึกสอนจาก ผู้คุมกฎอัคคี
“ท่านจะต้องเริ่มเดินลมปราณจากจุดท้องน้อย ให้ผ่านจุดที่เอว และเลยขึ้นมาถึงไหล่ และส่งไปยังแขน จนถึงฝ่ามือนะครับ นี่คือลมปราณสายธาตุไฟ ที่มีพลังโจมตีรุนแรง โดยใช้ฝ่ามือ”
ลมปราณธาตุไฟ มีจุดเด่นอยู่ที่ ความรุนแรง ว่ากันว่าขั้นสุดยอดนั้น เพียงฝ่ามือเดียวสามารถถล่ม บ้านได้ทั้งหลังเลยทีเดียว
ข้าได้รับการฝึกเดินลมปราณของธาตุไฟ 1 เดือน จนเข้าใจถึงจังหวะและการใช้พลัง และผ่านมา 1 เดือน ข้าสามารถ ฝึกจนเดินพลังทั้ง 10 ส่วน ไปสู่ปราณธาตุไฟได้แล้ว
ในเดือนที่ 2 ผู้คุมกฎพสุธา ก็มาสอนการเดินลมปราณให้ข้าต่อ
“นายน้อย ท่านจะต้องเดิน ลมปราณจากทั่วร่าง ผ่านจุดต่างๆและมารวมกันที่ท้องน้อย จากนั้น จึง เดินลมปราณไปที่หัวใจ ถ้าเป็นการรักษาบาดแผลท่านต้องเดินลมปราณต่อไปยังจุดที่ต้องการรักษา แต่ถ้าต้องการขับพิษ ให้เดินลมปราณจากทั่วร่าง ผ่านออกไปที่นิ้วมือท่านจะสามารถขับออกมาจากเลือดของท่านได้นะครับ”
ลมปราณของสายธาตุดินเป็นปราณสายฟื้นพลัง ไม่ว่าอาการบาดเจ็บแบบไหน ก็หายดีได้ ในเวลารวดเร็ว และยังสามารถขับพิษได้อีกด้วย แต่เห็นบอกว่า สายอื่นก็สามารถขับพิษได้ แต่การเดินลมปราณจะไม่ได้ผลเท่ากับสายธาตุดิน และภายในเวลา 1 เดือน ข้าก็สามารถเรียนการเดินลมปราณของธาตุดินได้อย่างเชี่ยวชาญ
และก็มาถึงปราณธาตุไม้ ในเดือนที่ 3 ผู้คุมกฎพงไพรเป็นผู้สอนข้า
"นายน้อยลมปราณสายนี้ ท่านต้องเดินลมปราณ 5 ส่วนไปที่ มือหรือเท้าของท่าน และอีก 5 ส่วน ไปที่ดวงตานะครับ ”
ลมปราณสายธาตุไม้ เป็นเรื่องของการ ใช้ความเร็วพิชิตศัตรู จึงต้องเดินลมปราณไปที่ มือหรือเท้า เพื่อให้ เคลื่อนไหวว่องไว ดุจสายลม และเพิ่มพลังของประสาทตา ในการตอบโต้ความเร็วที่เพิ่มขึ้น เท่ากับว่า ลมปราณสายนี้ ใช้ได้ทั้งรุกและรับ ไม่ว่าศัตรูจะโจมตีมาแบบไหน เราก็จะสามารถหลบหลีกหรือตอบโต้ได้อย่างฉับไว และเมื่อข้าได้เริ่มฝึกการเดินลมปราณสายนี้ ข้าก็ทำได้อย่างชำนาญภายใน 1 เดือน
ในเดือนที่ 4 ข้าก็ต้องฝึกลมปราณธาตุทอง และผู้คุมกฎระฆังทองก็จะเป็นผู้สอนข้า
“ท่านจะต้องเดินลมปราณแผ่ขยายสู่ภายนอกนะครับ นายน้อย เริ่มต้นจากการเดินลมปราณให้ไหลเวียนทั่วร่าง จากนั้น ก็แผ่มันออกสู่ภายนอก”
ลมปราณสายนี้ ดูเหมือนจะเป็นลมปราณสายแข็งแกร่ง เนื่องจากการผนึกลมปราณแล้วแผ่ออกสู่ภายนอก ทำให้ฟันแทงไม่เข้า ไม่ว่าของมีคมประเภทไหน ก็ไม่อาจฟันทะลุลมปราณที่แข็งแกร่งเข้ามาได้ อีกทั้ง ยังสามารถผนึกลมปราณไว้ที่จุดไหนก็ได้ ทำให้จุดนั้นแข็งแกร่ง ลมปราณสายนี้ ทำให้ร่างกายของข้า แข็งแรงได้ถึงจุดสูงสุด และข้าก็สามารถเดินลมปราณสายนี้ได้อย่างชำนาญ ภายใน 1 เดือน
แล้วก็มาถึงลมปราณสายสุดท้ายที่ข้าต้องเรียน ก็คือลมปราณธาตุน้ำ ซึ่งผู้คุมกฎวารีจะเป็นผู้สอนข้า
“นายน้อย ลมปราณสายนี้ ท่านจะต้องอ่านลมปราณของศัตรูให้ได้ก่อน แล้วเดินลมปราณให้เปลี่ยนแปลงตามคู่ต่อสู้ นะครับ”
ลมปราณธาตุน้ำนี้ เป็นเรื่องของการถ่ายเทพลัง ซึ่งรวมไปถึงการสะท้อนพลังภายในของศัตรูได้ด้วย ถือเป็นการป้องกันและสะท้อนพลังของคู่ต่อสู้ ถือเป็นลมปราณสายที่ดีสายหนึ่ง แต่ว่า ก็มีเรื่องเสี่ยงเยอะเหมือนกัน ถ้าเกิดไม่สามารถอ่านลมปราณของศัตรูได้ไม่หมด ก็ไม่สามารถสะท้อนพลังของศัตรูได้ทั้งหมด เราก็จะมีส่วนบาดเจ็บบ้าง การฝึกของสายนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือของผู้คุมกฎคนอื่นด้วยในการฝึก เพื่อให้ลมปราณสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และข้าก็สามารถอ่านการเคลื่อนไหวของลมปราณจากคนอื่นได้ อย่างไม่ยากเย็น และสามารถสำเร็จได้ภายใน 1 เดือน
หลังจากฝึกอยู่เกือบครึ่งปี ท่านพ่อก็เรียกข้าเข้าพบ โดยครั้งนี้ เรียกประชุมใหญ่ ทั้งพรรคเลย
ปกติก็ไม่ค่อยมีการประชุมใหญ่กันมากนัก คงจะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ
การประชุมส่วนใหญ่ที่ข้าเคยได้ยินมา ก็เป็นเรื่องของการป้องกันหมู่บ้านที่อยู่ในความคุ้มครอง
โดนโจมตีจากพวกที่เรียกตัวเองว่า เป็นพรรคฝ่ายธรรมมะ
ท่านพ่อให้ข้านั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลาง ในหอประชุมใหญ่ ซึ่งมีคนในพรรคของเรามากันอย่างมากมาย
ด้านบนสุดเป็นท่านพ่อของข้า ที่เป็นหัวหน้าพรรค และลงมา เป็นผู้อาวุโสของพรรค ลงมาอีกชั้นก็เป็นผู้คุมกฎทั้ง 5 และหัวหน้าหน่วยทั้ง 5 ประจำที่อยู่ด้านหลังของข้า ซึ่งเป็นด้านหน้าทางเข้า และลูกศิษพรรคทั้งหลายก็อยู่ด้านนอกทั้งหมด
ก็ประหม่าน่าดูเหมือนกัน นั่งคุกเข่าอยู่คนเดียวกลางหอประชุมใหญ่ โดยมีผู้คนมากมายล้อมหน้าล้อมหลัง
“ลูกชายของข้า ตอนนี้เจ้าก็เกือบจะอายุ 6 ขวบแล้ว จนมาถึงวันนี้ พวกเราก็ได้สั่งสอนวิธีการเดินพลังภายใน ให้กับเจ้าครบทุกสายที่พวกเราเชี่ยวชาญทั้งหมดให้กับเจ้าแล้ว เจ้าคงสงสัยสินะ ว่าทำไมพวกผู้คุมกฎถึงไม่ได้สอน เพลงกระบี่ หรือวิชาฝ่ามือให้กับเจ้าเลย”
นั่นสิ ตอนแรกก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมให้ฝึกแต่การเดินลมปราณอย่างเดียว แบบนี้ข้าจะป้องกันพวกที่มาโจมตีหมู่บ้านของเรายังไงกัน ก็นึกว่าจะให้ฝึกทีหลังน่ะนะ
“ข้าก็ยังสงสัยเหมือนกันท่านพ่อ แต่ว่าท่านพ่อคงมีเหตุผล ไม่งั้นคงไม่ทำเช่นนี้ ข้าจึงไม่ได้ถาม”
ท่านพ่อ ก็ยิ้มให้กับข้า แบบคนที่พ่อมีให้กับลูกชาย เป็นรอยยิ้มแบบภูมิใจ ข้าคงเข้าใจถูกสินะ
“นั่นก็เพราะว่า เจ้าไม่สามารถฝึกได้ยังไงล่ะ”
สีหน้าของข้าเริ่มวิตกลงมาหน่อยนึง
ห๊ะ? … ข้าฝึกไม่ได้งั้นเหรอ วิชากระบี่ กับวิชาฝ่ามือนี่นะ งั้นข้าจะต้องทำยังไงล่ะ แบบนี้ก็ไม่มีวิชาไว้ปกป้องหมู่บ้านน่ะสิ
“อ่ะ.. ท่านพ่อ ทำไมข้าถึงไม่สามารถฝึกได้ล่ะครับ ความสามารถของข้าไม่พองั้นหรือ”
พอข้าพูดออกไปแบบนั้น พวกผู้อาวุโส ผู้คุมกฎ และพวกหัวหน้าหน่วย ก็เริ่มหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แม้แต่ท่านพ่อก็หัวเราะไปด้วย ข้าพูดอะไรผิดงั้นเหรอ
แต่อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ เพราะท่านให้ผู้คุมกฎมาฝึกข้าโดยตรง ท่านอาจจะเห็นว่าข้าไม่มีพรสวรรค์ก็ได้ จึงไม่ได้ให้ข้าฝึก
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ถ้าเป็นเฉพาะเรื่องความสามารถล่ะก็ ข้าพูดได้เลย ว่าเจ้านั้น มีความสามารถยิ่งกว่าผู้อาวุโส มากกว่าข้า และ มากกว่าใครๆในแผ่นดินซะอีก”
เหอ มากกว่าทุกๆคนเลยงั้นเหรอ มากกว่าท่านพ่อด้วย?
“ถ้างั้น ทำไม ข้าถึงฝึกไม่ได้ล่ะครับ”
ใจจริงของข้าก็อยากจะฝึกวิชาบ้างล่ะนะ จากที่ข้าดูคนในสำนักฝึกวิชากัน เด็กๆอย่างข้า ก็ต้องชอบเป็นธรรมดา
“ก็เพราะว่าถ้าหากเจ้าฝึกเพลงดาบหรือวิชาผ่ามือ ที่พวกเรามีอยู่ มันจะทำให้เจ้าเป็นอันตรายและพลังถดถอยน่ะสิ”
หืม ถ้าข้าฝึกวิชาของคนในสำนัก ข้าจะมีอันตรายงั้นเหรอ แต่ข้าสามารถเดินลมปราณได้ทุกสายอย่างเชี่ยวชาญเลยนะ ทำไมล่ะ
ก่อนที่ข้าจะคิดไปไกลกว่านั้น ท่านพ่อก็ตอบสิ่งที่ข้า ทำหน้าเหมือนกำลังจะถาม
“เพราะลมปราณของเจ้า มันคือสายของความมืดยังไงล่ะ”
“ความมืดงั้นเหรอ”
ข้าได้แต่งงกับคำๆนั้นอยู่ในใจ
ความคิดเห็น