คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Prologue
ตอนที่ 0 ตำนานแห่งกระบี่
ยามสายของวันหนึ่ง ได้ยินเสียงเด็กน้อย ชาย หญิง หลายคน กำลังเล่นเป็นจอมยุทธกันอย่างสนุกสนาน โดยอยู่ในการดูแลของเหล่าผู้เฒ่าของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นปกติของหมู่บ้านแห่งนี้ หมู่บ้านอันห่างไกลจนเกือบจะเป็นชายแดนของแผ่นดินนี้
“จงรับท่าไม้ตายของข้าซะ กระบี่อัศนีทลายพสุธา!”
เด็กชายคนหนึ่ง ที่กำลังถือกิ่งไม้ขนาดไม่ยาวมาก กำลังใช้วิชากระบี่ใส่เพื่อนเด็กชายอีกคนนึง โดยทำท่าเลียนแบบวิชากระบี่อัศนีบาศ วิชาประจำหมู่บ้าน
“งั้นเจ้าต้องเจอท่าไม้ตายของข้าบ้าง กายากระแสผ่าน”
เด็กอีกคนไม่รับการโจมตีด้วยกิ่งไม้ในมือ แต่ใช้วิทยายุทธ เพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกาย รับกระบี่แทนและเอาร่างตัวเองรับการโจมตี
“บึ๊ก”
“อ๊ากกกก”
“มันเจ็บนะ ไอ้บ้า อย่าตีแรงนักสิ”
“อ๊า ก็เจ้าอยากเอาตัวเองรับทำไมล่ะ เจ้าทึ่ม ฮ่า ฮ่า”
เด็กสองคนทำท่าจะทะเลาะกันเพราะการเล่นเลียนแบบของตัวเอง
“ฮ่าๆๆ เจ้าควรจะยั้งมือบ้างนะ สำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกลมปราณ ถึงท่าทางจะเหมือน แต่ถ้าไม่เดินลมปราณให้ตรงจุด ก็จะบาดเจ็บได้นะ”
ผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดถึงการเล่นของเด็กที่เลียนแบบวิชาของ ผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน ก็สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ผู้ที่มองดูอยู่ได้เยอะเหมือนกัน
หลังจากนั้นซักพัก ก็มีชายคนหนึ่ง วิ่งผ่านตรงจุดที่เด็กๆเล่นกันอยู่ และมุ่งตรงไปที่ ที่ทำการของหมู่บ้าน ที่มีหัวหน้าหมู่บ้านพำนักอยู่ ด้วยความเร็วจากวิชาตัวเบา ดั่งติดปีกเลยทีเดียว
ผู้เฒ่าในหมู่บ้าน ต่างมองกันเป็นตาเดียว เพราะชายคนนี้ คือคนที่คอยเฝ้าดูแลระมัดระวังภัยจากด้านนอกหมู่บ้าน
“เกิดอะไรร้ายแรงขึ้นรึเปล่ากันแน่นะ”
ผู้เฒ่าหลายคนคิดเช่นนี้อยู่ในใจ เมื่อดูจากความเร่งรีบของชายคนนั้น
เมื่อชายผู้นั้น เข้าไปถึงที่ทำการของหมู่บ้าน จึงรุดเข้าไปด้านใน เพื่อเข้าพบกับ หัวหน้าหมู่บ้านทันที
ด้านในที่ทำการ คล้ายกับที่ทำการของประมุขพรรคหนึ่ง มีเก้าอี้ตัวใหญ่อยู่ตรงกลาง ด้านในสุดของที่ทำการ ที่นั่น มีหัวหน้าหมู่บ้านนั่งอยู่
“เรียนหัวหน้าอี้ สาสน์ด่วนจากสำนัก 5เทพกระบี่ครับ”
“ส่งมาให้ข้าอ่านซิ”
หัวหน้าหมู่บ้าน อี้เหมิน เป็นหัวหน้ารุ่นที่ 22 ของหมู่บ้าน อัศนี แหล่งกำเนิดของวิชากระบี่อัศนี ที่คนในหมู่บ้านต่างให้ความเคารพนับถือ เพราะฝีมืออันสูงส่งของ อี้เหมิน ที่สามารถจัดการกับผู้บุกรุก ที่เคยเข้ามาในหมู่บ้าน เมื่อหัวหน้าคนเก่าเสียชีวิตไป จึงได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าแทน
วิชากระบี่อัศนี
วิชาที่เน้นเสริมลมปราณไปที่เท้าและมือ เพื่อให้เคลื่อนไหวรวดเร็ว และโจมตีได้รุนแรงดั่งสายฟ้า และคุณสมบัติพิเศษของสายเลือดตระกูลหมู่บ้านนี้ สามารถต้านทานและลดความรุนแรงของสายฟ้าได้
มี 7 กระบวนท่า ท่าสุดท้ายคือ อัศนีทลายฟ้า
หลังจาก อี้เหมิน ได้อ่านสาสน์ที่ได้รับจากชายหนุ่มที่เพิ่งรีบร้อนเอามาส่งให้ เค้าก็ทำสีหน้าไม่สู้ดีทันที หยั่งกับว่า กำลังจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับ หมู่บ้านอันเงียบสงบนี้
หลังจ่ากคิดอยู่ชั่วครู่ อี้เหมิน ก็เรียก บรรดาผู้อาวุโส ของหมู่บ้านมาประชุม ในที่ทำการของหมู่บ้าน และได้ประกาศสิ่งที่เขียนในสาสน์ออกไปให้ทุกคนได้ฟัง
“บัดนี้ยุทธภพยังมิเป็นสุขแน่ เพราะว่า ทางสำนักเทพกระบี่ ได้แจ้งมาว่า ดวงดาวสีเลือด ได้ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าแล้ว”
“โอ----- ไม่นะ”
เหล่าผู้อาวุโสที่มารวมกันชุมนุม ต่างก็ร้องเป็นเสียงเดียวกัน เพราะเข้าใจความหมายของสิ่งที่ อี้เหมิน พุด การปรากฎของดวงดาวสีเลือดบนท้องฟ้า คือการบอกว่าจะทำให้ ทุกหย่อมหญ้าย้อมไปด้วยสีเลือด จากผู้ที่กำเนิดมาเพื่อที่จะเป็นจอมมาร และเป็นชาวยุทธผู้มีจิตใจหยาบช้า และต้องการให้ทุกหนแห่งบนแผ่นดิน ตกเป็นของเค้า
นับจากอดีตมา เกิดเหตุการณ์นี้มาแล้ว 1 ครั้งเมื่อกว่า 100 ปีที่ผ่านมา ผู้คนล้มตายเป็นอันมาก ยุทธจักรย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน แต่ทั้ง 2 ครั้ง ก็ยังสามารถที่จะกำจัด จอมมารไปได้ เพราะจุดอ่อนของจอมมารมีอยู่อย่างนึง
“ผู้หญิง”
ในครั้งนั้นที่จอมมารสามารถครองแผ่นดินได้แล้ว ก็มีหญิงสาวผู้หนึ่ง อาจหาญลุกขึ้นสู้ หญิงสาวผู้นี้มาจากหมู่บ้านที่จอมมาร บุกไปทำลาย แต่นางเป็นคนที่รอดมาได้ และฝึกฝนฝีมือกระบี่ เพื่อกลับไปแก้แค้นจอมมาร และวิชาที่นางใช้ สามารถล้มจอมมารลงได้ แผ่นดินจึงสงบสุขหลังจากนั้นมา
ผู้คนทั่วแผ่นดินยกย่องให้นางเป็นอันดับหนึ่งในยุทธภพ วิชาที่นางใช้ไม่เคยมีใครเห็น เพียงแต่นางเรียกวิชานี้ว่า
“วิชาสตรีย้อนกระบี่”
ไม่เคยมีใครรู้ว่า สุดยอดวิชานี้ เอาชนะจอมมารได้อย่างไร เพราะหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยแสดงวิชานี้อีกเลย ดั่งกับว่า วิชานี้มีอยู่เพื่อปราบจอมมารเท่านั้น และมีการจดบันทึกเคล็ดวิชาไว้โดยผู้คนสมัยนั้น และยกให้เป็นสมบัติของนาง เมื่อนางตายลง ก็ฝังไปพร้อมกับนาง ในวันที่มีการฝังนั้น มีเพียงผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น ที่รู้ว่าหลุมฝังศพของนางอยู่ที่ไหน ก็คือ สามีของนางนั้นเอง
มีเรื่องเล่าว่าวิชานี้มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่จะฝึกสำเร็จได้ เพราะเป็นวิชาธาตุหยิน ที่เหมาะกับผู้หญิง ผู้ชายที่มีธาตุหยางแรง จะไม่สามารถฝึกได้ เพราะลมปราณจะตีกันภายใน อาจทำให้เสียชีวิตได้
“ในเนื้อความจากสาสน์ ยังบอกมาอีกว่า ทางสำนัก5เทพกระบี่ จะขอเปิดชุมนุมชาวยุทธ ให้หัวหน้าหมู่บ้านต่างๆที่อยู่ในการปกครอง มาร่วมกันเสนอความคิดเห็นในการรับมือกับเภทภัยครั้งนี้ เพราะว่าทางสำนัก5เทพกระบี่ จะทำการขุดหลุมฝังศพของจ้าวยุทธภพ ที่มีการฝังคัมภีร์วิชา สตรีย้อนกระบี่ไว้ จึงต้องการขอเสียงยินยอมในครั้งนี้จากหมู่บ้านต่างๆด้วย”
เสียง โอ้ อ้า เกิดขึ้นมาอีกครั้งนึงจากผู้อาวุโสของผู้บ้าน และต่างมีความเห็นคล้ายๆกัน คือ เพื่อเป็นการป้องกันภัยจากสิ่งที่เกิดขึ้น อาจจะต้องกระทำการที่อาจจะเป็นการลบหลู่ผู้มีคุณแห่งแผ่นดิน
ส่วนตัวของ อี้เหมิน นั้นคิดอยู่เหมือนกันว่า ถ้ามีการกำเนิดของจอมมารขึ้นมาอีกจริงๆ วิชาในคัมภีร์สตรีย้อนกระบี่นั้น ก็จำเป็นมากในการฝึกผู้ที่สามารถต่อกรกับจอมมารขึ้นมาได้ เพราะถ้าเกิดไม่รีบลงมือฝึกผู้หญิงให้สำเร็จวิชานี้ ก็อาจจะไม่มีทางแก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นได้
และในขณะที่หารือปรึกษากันอยู่นั้นเอง ก็ได้มีเสียงดังเกิดขึ้น ที่ด้านนอกของที่ทำการหมู่บ้าน และมีชายบาดเจ็บ กระเสือกกระสนตัวเองเข้ามาด้านใน นองไปด้วยเลือด สภาพปางตาย
“ท่าน-- ท่านหัวหน้า …. อั่ก”
ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นได้พูดอะไร ก็เงียบไป ทุกๆคนที่เห็นรู้ได้ทันทีว่าเค้าได้เสียชีวิตแล้ว
อี้เหมินประเมินสถานการณ์แล้ว คาดว่าต้องมีผู้บุกรุกเข้ามาแน่นอน จึงสั่งการให้พวกผู้อาวุโส ปฏิบัติตามคำสั่งทันที คือนำพวกผู้หญิงและเด็กเข้าไปหลบในที่ซ่อนของหมู่บ้าน และรีบรุดออกไปดูด้านนอกทันที
ขณะที่ใช้วิชาตัวเบาวิ่งผ่านตามทางไปนั้น ก็มีผู้ที่นำผู้บาดเจ็บผ่านสวนเข้ามาตามทางที่ออกไป ย้อนเข้ามาเรื่อยๆ บางคนก็เสียชีวิตแล้ว จิตใจของผู้คุ้มครองหมู่บ้าน ยิ่งสั่นไหวมากขึ้นทันที ที่ตนไม่สามารถปกป้องคนที่ตายไปได้ และเมื่อไปถึงด้านหน้าหมู่บ้าน ก็เจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด
มองไปด้านหน้า ปรากฎเป็นรูปร่างของ ชาย 2 คน ที่กำลังจู่โจม จอมยุทธของหมู่บ้าน ที่เข้ามาขวาง ด้วยวิชาที่ อี้เหมิน ไม่รู้จัก แม้ว่าจอมยุทธในหมู่บ้านจะมีมากเท่าใด ก็ไม่สามารถต่อกรกับ ชายทั้ง 2 คนนี้ได้ แม้พวกเขายังไม่ชักกระบี่ออกมาเลยก็ตาม ก็สามารถทำให้คนอื่นบาดเจ็บล้มตายได้แล้ว
เหงื่อของ อี้เหมิน ได้ตกลงที่กระบี่ของเขา หลังจากที่ได้เห็นวิทยายุทธ ของผู้ที่มาบุกรุก แต่ตนเองนั้น เป็นผู้ที่มีหน้าที่ปกป้องหมุ่บ้าน ต่อให้รู้ว่าไม่สามารถต่อกรได้ เค้าก็ต้องทำให้ดีที่สุด แม้จะเสียชีวิตก็ตาม
“หยุดนะ!!!”
เหล่าชาวบ้านที่เป็นจอมยุทธ ที่กำลังบุกเข้าโจมตี ชายทั้ง 2 อยู่ ก็หยุดมือ แล้วถอยออกมาให้ห่างจากบุคคลเหล่านั้น และ อี้เหมิน ก็ปประจันหน้ากับ คนทั้ง 2 ทันที
อี้เหมิน เสริมลมปราณเข้าไปที่เสียงของเขาด้วย จึงทำให้เสียงที่ออกมานั้น ดังดึกก้อง ดั่งเสียงฟ้าผ่าเลยทีเดียว การที่ทำแบบนี้ได้ พลังภายในของคนผู้นั้นต้องสูงส่งมาก
แต่ไม่ว่าพลังภายในจะสูงส่งสักเท่าใด เมื่อเทียบกับพลังภายในของผู้ที่มาบุกกรุก อี้เหมินก็เข้าใจดีว่า คงไม่อาจต่อกรได้ แต่ว่า หน้าที่ปกป้องคนในหมู่บ้านต้องมาก่อน ชีวิตคนอื่นสำคัญกว่าชีวิตตัวเอง ที่คือหลักการใช้ชีวิตของ ผู้มีคุณธรรม เขาจึงได้ ให้คนอื่นถอยไปก่อน และช่วยคนเจ็บด้วย ทุกๆคนจึงทำตามที่อี้เหมินสั่ง จนเหลือ อี้เหมิน เพียงคนเดียว
“เจ้าทั้ง 2 คนเป็นใครกัน ถึงได้มาบุกรุกและทำร้ายคนของ หมู่บ้านอัศนีเช่นนี้”
เสียงตะโกนถามอันน่าเกรงขาม ของ อี้เหมิน ได้ปะทุขึ้นมา ด้วยความโกรธและเสียใจที่มีคนตายเยอะกว่าที่ตัวเองคิดไว้ซะที และไม่ว่าอีกฝ่ายจะเยี่ยมยุทธสักเท่าใด ก็พร้อมที่จะแลกชีวิตด้วย แม้จะต้องสู้คนเดียวก็ตาม
“ฮุ ฮุ ฮุ เจ้าคงจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนี้สินะ ดูท่าจะเก่งกว่าพวกกระจอกนั่นซะอีก”
น้ำเสียงอันดูถูก เหยียดหยามคนที่ตัวเองฆ่า ออกมาจาก ชายคนซ้าย สูงประมาณ 180 ที่มีผมยาวสีดำ หน้าตาดี รูปร่างผอมบาง ใส่ชุดคลุมยาวถึงพื้นสีดำ ไม่เผยให้เห็น กระบี่ที่เก็บไว้ที่เอว
“นั่นสินะ คงจะเป็นเจ้านี่น่ะแหละ แบบนี้เราก็มาไม่เสียเที่ยวแล้วสิ”
น้ำเสียงหนัก และใหญ่ ออกมาจากชายอีกคนนึง ที่มีรุปร่างใหญ่โต หน้าตาราวกับยักษ์ สูงประมาณ 2 เมตร ใส่ชุดเดียวกับคนผอม ถือกระบี่ใหญ่กว่าปกติถึง 2 เท่า
“พวกแก---- จะเอ่ยนามของพวกเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้”
ตามธรรมเนียมของยุทธภพ เมื่อต้องการสู้กันอย่างมีเกียรติ ต้องเอ่ย ชื่อ แซ่ ของตัวเองให้อีกฝ่ายทราบด้วย อี้เหมิน รู้ข้อนี้ดี แต่จุดประสงค์ของเค้าไม่ใช่เพื่อเกียรติของการประลอง แต่เป็นข้อมูลของอีกฝ่าย ที่ตัวเองอยากรู้ตะหาก เพราะเมื่ออาจจะต้องสู้จนตัวตายแล้ว ก็อยากจะได้ข้อมูล เพื่อที่จะให้คนอื่นหาทางรับมือต่อไปได้ เพื่อไม่ให้ชีวิตของตัวเองสูญเปล่า
“ฮุ ฮุ ฮุ ต่อให้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านก็ตามที แต่ก็ยังต่ำชั้นจากพวกเรานัก อย่างเจ้าน่ะ ไม่มีค่าพอที่จะรู้ชื่อของพวกเราหรอก”
ชายผมดำตัวผอม เอ่ยวาจาดูถูกออกมาอีกครั้งนึง
“เฮ่ ไม่เอาน่า คนกำลังจะตายแล้ว บอกออกไปก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่นา มันจะได้เอาชื่อเราไปบอกยมบาลไง ว่าพวกเราเป็นคนส่งมันไปหา ฮ่า ฮ่า ฮ่า “
ชายตัวใหญ่ใช้วาจากำหนดความตายให้ อี้เหมิน แต่ตัวอี้เหมินเอง รู้อยู่แล้ว ว่าโอกาสรอดของตัวเองในวันนี้ ช่างริบหรี่ยิ่งนัก แต่เพื่อข้อมูลที่จะได้ ก็ถือว่าคุ้มค่าชีวิตของเค้าแล้ว
“ข้าคือ อี้เหมิน หัวหน้าหมู่บ้าน รุ่นที่ 22 แห่งหมู่บ้านอัศนี ผู้สืบทอดวิชากระบี่อัศนี”
ทั้ง 2 คนมองหน้ากันซักครู่หนึ่ง
แล้วคนผอมก็พูดออกมาว่า
“ข้าทั้ง 2 คน เป็นคนจากสำนักมารกระบี่ แต่ข้าว่า เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อพวกข้าหรอก รับความตายซะ”
หลังจากพูดจบปุ๊ป ชายตัวใหญ่ ก็ชักกระบี่ขนาดยาว 2 เมตร ออกมา และพุ่งเข้ามาหา อี้เหมินอย่างรวดเร็ว
อี้เหมินที่เกือบไม่ทันตั้งตัวชักกระบี่ขึ้นมา เพื่อจะสู้กับชายร่างใหญ่ทันที
จังหวะที่กำลังจะปะทะกันนั้น ชายร่างใหญ่ก็หยุดวิ่ง และยืนเฉยๆ พออี้เหมินรู้สึกตัวอีกที ชายร่างผอม ก็มาอยู่ด้านหลังของเขาแล้ว
ขณะที่ อี้เหมิน กำลังคิดอยู่นั้น เหมือนกับว่าเวลาได้หยุดไป จนกระทั่ง อี้เหมิน หันคอของเค้ากลับไปมอง และมุมมองของเค้าก็เหมือนกับจะเลื่อนลงมาเรื่อยๆ จนถึงเท้าของผู้ที่เค้ากำลังมอง และค่อยๆขาดหายไป
“เพลงกระบี่มารสายลม”
นี่คือเสียงคำพูดสุดท้ายที่ อี้เหมิน ได้ยิน
เป็นเสียงสุดท้าย ขณะที่หัวของเขา หล่นลงมาที่พื้น
หลังจากเก็บกระบี่เข้าฝัก ชายร่างใหญ่อีกคนก็เดินมาจับที่หัวของ อี้เหมิน ที่ดวงยังเบิกกว้างอยู่ อย่างคนที่ตายตาไม่หลับ แล้วหยิบขึ้นมามองหน้าตัวเอง
“จริงๆเราน่าจะบอกชื่อซักหน่อยนะ เจ้านี่จะได้ตายตาหลับไง ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ฮ้า-- ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงเยาะเย้ยจากฆาตกร ทั้ง 2 ดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา
และทั้ง 2 คนก็เริ่มไล่ลาฆ่าล้างหมู่บ้าน จนไม่เหลือแม้สักคนเดียว
และนำเลือดของ คนที่เสียชีวิต มาเขียนเป็นตัวอักษร ไว้ที่กำแพงของหมู่บ้านว่า
“ผู้ใดกล้าต่อต้านมารกระบี่ ผู้นั้นต้องพบกับจุบจบเหมือนกับที่นี่””
ความคิดเห็น