ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [APH]Sound of Blue moon

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : Nightmare

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 56



    “ไม่เห็นมีอะไรเลย? คุณพี่ว่านายน่าจะพักหน่อยนะอเมริกา” หนุ่มปาริเซียงขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจอีกฝ่ายนักพลางมองไปรอบๆห้องครัวและบริเวณที่อเมริกาบอกว่ามีอะไรบางอย่างอีกครั้ง

    “ไม่มีอะไรงั้นเรอะ! นี่เธอสายตาผิดปกติรึยังไง! ไม่เห็นเจ้านี่เหรอ!!” ร่างสูงชี้ไปทางสัญลักษณ์กางเขนกลับหัวนั่งอีกครั้ง ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมาทางฝรั่งเศสซึ่งทำเอาเจ้าตัวผงะไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปลอบ

    “ไม่เป็นไรหรอกน่าอเมริกา ไปพักผ่อนเถอะ นายเองก็เดินทางมาเหนื่อยมาก ไหนจะช่วงเวลาที่ต่างกันอีก ไปสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็นกว่านี้แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปหาอะไรเพิ่มดีกว่านะ” ในช่วงเวลาแบบนี้คนที่ดูจะไร้สาระไปวันๆอย่างฝรั่งเศสกลับเป็นคนที่มีความคิด การไตร่ตรอง การใช้ตรรกะที่ค่อยเป็นค่อยไปและสมเหตุสมผลที่สุด คงเป็นเพราะเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามากมายกระมัง..

    เพราะแบบนั้นอเมริกาจึงตัดสินใจกลับไปนอนพักที่ห้องประจำของตนแม้จะไม่พอใจเท่าไหร่ที่เจ้าเคราหร็อมแหร็มนั่นไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเห็นก็ตาม.. เขาพยามยามนอนพักแต่ก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ ถึงแม้ชายหนุ่มจะง่วงมากแล้ว ทุกๆครั้งเมื่อหลับตาลง ภาพของอังกฤษก็ซ้อนทับกับทุกอย่างในห้วงความทรงจำ ทำเอาฟุ้งซ่านไปกันใหญ่
    เจ้าของตาสีฟ้าสดใสที่บัดนี้ขุ่นมัวราวกับมีเมฆครึ้มมาบดบังขยี้ตาของตนแล้วหาวเสียงดังอย่างไม่เกรงใจใคร
    หนุ่มอเมริกาลุกขึ้นไปเปิดผ้าม่านก่อนจะกลับมานั่งที่เก้าอี้นวม จมกับโกโก้ร้อนที่ชงมาเมื่อกี้นี้ต่อ สายตาของเขาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย นี่ก็ดึกพอสมควรแล้วแต่ยังคงมีแสงไฟจากตึกรอบๆไม่ขาด อเมริกามองมันนานจนตาพร่า ร่างสูงยกแก้วโกโก้ขึ้นมาจิบพลาง หัวสมองคิดไปพลาง ทั้งเรื่องสัญลักษณ์นั่น เรื่องของอังกฤษ เรื่องที่ฝรั่งเศสไม่เห็นรอยเลือด เขาแทบจะลืมสิ่งดีๆที่เขาคิดออกไปแล้ว.. ไม่สิ เขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ มันคืออะไรนะ... อา...

    อเมริกาจมลงสู่ห้วงลึกแห่งความเงียบสงบและมืดมิด เขาผล็อยหลับไปบนเก้าอี้นวมนุ่มสบายตัวนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในความคิดหมองมัวลงไประยะหนึ่ง จนกระทั่งความมืดมิดพาเขาดำดิ่งเข้าไปสู่โลกแห่งความฝันอย่างนุ่มนวล

    “อังกฤษ..” เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบสงัดยามค่ำคืน ในที่ห่างไกลผู้คนเช่นนี้ ไม่ว่าจะมีเสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยิน นอกจากเขากับกระต่ายน้อยน่ารักที่อยู่ในกำมือตัวนี้

    “...” ไม่มีการตอบรับจากเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย ร่างกายซึ่งบัดนี้บอบบางเหลือเกินได้แต่เพียงสั่นระริก ปากของเขาถูกพันด้วยเทปหนา ภายในลำคอแห้งผากและเจ็บเกินกว่าจะเปล่งเสียงออกมาได้ เวลานี้มีเพียงเสียงใบไม้กรีดสะบัดเสียดสีกันชวนให้วังเวงเท่านั้น

    “อางกฤษ” ชายหนุ่มร่างกายกำยำค่อยๆเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับอุปกรณ์ขนาดใหญ่ในมือ มือหนากระตุกเลื่อยไฟฟ้าให้ทำงาน เสียงเหล็กขูดและมอเตอร์แสนโหวกเหวกของมันทำเอาร่างเล็กหน้าซีดเผือด คนตัวเล็กกว่าค่อยๆขยับหนีจนหลังชนกำแพง.. ไม่มีที่ให้หนีต่อไปอีกแล้ว

    “ไม่เป็นไรหรอกอังกฤษ ฮีโร่อยู่ตรงนี้แล้ว ฮะฮาฮา!!”เสียงหัวเราะสดใสพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนนั้นช่างขัดแย้งกับสิ่งที่เขาทำอยู่เหลือเกิน เสียงของเลื่อยไฟฟ้าที่คำรามเสียงดังยังก้องไปทั่ว ดวงตาหม่นภายใต้กรอบแว่นยังคนจับจ้องไปที่กระต่ายของเขาไม่วางตาจนอีกฝ่ายต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาไปเอง “อย่าหนีสิ”น้ำเสียงราบเรียบทำเอาอังกฤษสะดุ้ง น้ำตารื้นที่ขอบตาจนแทบกลั้นไม่ไหว.. ในที่สุดน้ำตาหยดแรกก็ออกมาจนได้..

    อา.. สวยงามจริงๆ แต่เพราะสวยงามเลยไม่อยากแบ่งให้ใคร เพราะอ่อนโยนขนาดนี้เลยต้องการให้เป็นของตนเพียงผู้เดียว เพราะความรู้สึกนี้ จึงรอมาตลอด แม้ว่าเธอจะไม่ตระหนักถึงมัน.. เพราะเป็นเธอไงล่ะ..

    อเมริกายกเลื่อยไฟฟ้าขึ้นมาในท่าถนัด เงื้อมันขึ้นไปเหนือศีรษะก่อนจะเหวี่ยงลงมาสุดแรง

    “อื๊กกกก-กก อี๊อออ-ออ-อ” เสียงกรีดร้องในลำคอแหบแห้ง ร่างเล็กถูกใบเลื่อยเฉือนจากบ่าซ้ายลากยาวมาจนถึงช่วงเอว ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ดวงตาเบิกโพลง เลือดสีเข้มราวกับได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่ว กาหลายตัวส่งเสียงร้องดังอื้ออึ้ง ขนสีดำหยาบๆน่ารังเกียจของมันค่อยๆหลุดร่วงลงมาปลิวว่อนไปทั่ว ภาพที่ชายหนุ่มชาวอเมริกาเห็นเริ่มไม่เป็นรูปเป็นร่าง อังกฤษที่นิ่งไปแล้ว จู่ๆก็กระชากตัวเขาเข้าไปใกล้ “อะ..”

    เพียงแค่คำคำนั้น อเมริการับรู้ได้ถึงแรงกระแทกที่แขนขวา ภาพทั้งหมดถูกแสงจ้ากลืนกิน รู้ตัวอีกทีเขาก็นอนหมดสภาพบนพื้นเสียแล้ว ดีที่ไม่ลากแก้วโกโก้เจ้ากรรมมาด้วย ร่างสูงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแม้จะจำรายละเอียดของฝันนี้ไม่ชัดนักแต่ก็รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย ประเทศมหาอำนาจมองท้องฟ้าที่เริ่มมีแสงอาทิตย์รางๆพลางคิดกับตัวเอง เขาฟุ้งซ่านมากถึงเพียงนี้เลยหรือ? คงจะได้เวลาจริงจังและจัดการเรื่องนี้ให้จบๆไปเสียที ไม่มีเวลาเหลือให้อยู่เฉยๆแล้ว

    "เรามาเริ่มกันตั้งแต่วินาทีนี้เลย"

    ______________ _____ ___ __ _

    “สีหน้านายดูไม่ดีเลยนะ..” รอยยิ้มแหยๆของหนุ่มปาริเซียงไม่ได้ทำให้เจ้าเด็กที่เขาช่วยดึงออกมาจากอำนาจของอังกฤษนั่นอารมณ์ดีขึ้นแม้แต่น้อย

    “ฮีโร่อย่างฉันไม่ชอบการรอคอย นี่มันหลายวันแล้วนะ” อเมริกามุ่ยหน้าแล้วทำท่าทางแบบเด็กๆกลางโต๊ะอาหาร ถ้าเกิดเจ้าคิ้วนั่นอยู่คงโดนสวดไปหลายบทแล้วแน่ๆ เด็กนั่นไม่พูดเปล่ายังยัดครัวซองฉอมชีสเข้าปากด้วยความรวดเร็วอย่างกับไม่ได้เคี้ยวก่อนกลืนด้วยซ้ำ

    “อย่าใจร้อนสิอเมริกา ~ “ เขาว่าพลางล้างจานแล้วฮัมเพลงคลอไปด้วย

    “ถ้างั้นฉันก็จะไม่พึ่งนายแล้ว” คนเด็กกว่าเอ่ยเสียงกร้าว อังกฤษตามใจเจ้านี่มากไปจริงๆด้วย เสียคนหมดแล้ว เด็กโข่งไม่พูดเปล่ายังกระแทกจานลงจนแก้วที่วางไว้ข้างๆเกือบล้ม คุณพี่ล่ะเหนื่อยใจ “เดี๋ยวกลับมาตอนเย็นๆแล้วกัน” ฝรั่งเศสได้แต่พยักหน้าอย่างหน่ายใจแล้วปล่อยเจ้าคนเลือดร้อนนั่นออกไป

     

    หนุ่มอเมริกันเดินออกมาตามทางได้สักพัก เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าออกมาทำไม มาตามหาอะไร จะเริ่มอย่างไร ในหัวยังคงทบทวนเรื่องฝันเมื่อตอนนั้น ทั้งๆที่ตัวเองไม่มีทางทำแบบนั้นกับอังกฤษอยู่แล้วแท้ๆ ตาลุงขี้บ่นนั่นเป็นคนสำคัญ ยังไงก็จะไม่มีวันจะทำร้ายเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว.. คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด เขาพยายามจะสลัดทุกๆอย่างออกไป ให้สมองว่างเปล่าและสงบ.. ร่างสูงที่ตอนแรกทอดน่องเดินมาเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ขณะนี้เริ่มสอดส่ายสายตาหาร้านกาแฟมานั่งพักเพราะฝนตั้งเค้าแล้ว นี่จะตกให้ได้ทุกวันเลยรึไง? ในที่สุดเขาก็เลือกร้านสตาร์บั๊คแถวๆนั้นไปนั่งจิบมอคค่าอุ่นๆเพื่อสงบใจ

    ตอนนี้คนที่เดินอยู่ด้านนอกเริ่มกางร่ม ใส่เสื้อกันฝน ดูคล้ายๆกันไปหมดอย่างกับถูกโคลนมาจากห้องทดลองเดียวกัน... ท้องฟ้าสีอึมครึมนี้ชวนให้รู้สึกอึดอัดแทบบ้า เขาฟุบลงไปที่โต๊ะเดี่ยวของตัวเองแล้วหลับตาลง.. เหมือนทุกครั้ง ภาพต่างๆมักจะวกกลับมาทำร้ายเขาเหมือนเดิมเสมอ.. อา ง่วงอีกแล้วแฮะ คงจะเครียดแล้วเพลียสินะ ถึงรู้ว่าต้องรีบเรื่องอังกฤษแล้ว

    ช่างน่าสงสารที่ไฮโปทาลามัสไม่ฟังเขาเลยสักนิด ความง่วงเข้าโจมตีจนฟุบหลับไปอีกจนได้..  ในความมืดมิดใต้เปลือกตานั่น.. ช่างว่างเปล่า

              _ __ ___ ____ _____ ______

    “อึก..”เสียงอู้อี้ที่พยายามฝืนผ่านมาจากลำคอแห้งผากดังอื้ออยู่พักหนึ่งก่อนที่เจ้าของเสียงซึ่งนอนอยู่จะลุกขึ้นมานั่งได้อย่างทุลักทุเล เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย เหลือเพียงแค่เสื้อเชิ้ตมอมแมมกับกางเกงในลายยูเนี่ยนแจ็คเต็มตัวและถุงเท้าครึ่งน่องสีดำเท่านั้น  มือของเขาถูกมัดไขว้ไว้ด้านหลังด้วยโซ่ ขาก็ถูกตรวน[1]ล่ามไว้ มีโซ่ต่อจากห่วงของตรวนไปยังโต๊ะเครื่องแป้งซึ่งดูเหมือนจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดียวในห้องเท่าที่เห็นตอนนี้ วอลเปเปอร์สีครีมลายทางที่ขึ้นราดูไม่น่ามองเอาเสียเลย พรมสีแดงหม่นส่งกลิ่นอับๆไม่ต้องหาก็รู้ว่ามีสัตว์ไม่พึงประสงค์อยู่ในซอกหลืบเต็มไปหมดแน่ๆ ว่าแต่ว่า แฟร์รี่ของเขาหายไปไหนกันหมดนะ

    นัยน์ตาสีเขียวมรกตกวาดมองไปรอบๆตัวอย่างกังวล แสงสลัวจากดวงจันทร์ก็ช่วยให้มองเห็นเพียงแค่รอบๆตัวเท่านั้น  หนุ่มบริติชกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะคิดทบทวนและหาวิธีออกจากสภาวะที่เป็นอยู่นี้ “...อืม...”ทันทีที่พยายามเผยอปากขึ้นมาพูด ความรู้สึกเจ็บแปลบก็แล่นตรงมาที่บริเวณริมฝีปากทันทีแทนความชาในตอนแรกราวกับมีบางอย่างรั้งไว้ไม่ให้เปิดปากพูด อังกฤษตั้งสติแล้วกระชากขาข้างหนึ่งอย่างรุนแรง โซ่ของตรวนนั้นไม่ได้ยาวนัก ทันทีที่ออกแรงดึง ห่วงเย็นเฉียบก็ได้ครูดกับข้อเท้าบางไปจนเลือดซิบทำเอาคนกระชากเผลอครางเสียงขุ่น   ปากแห้งซีดที่ตอนนี้ก็ยังปวดตุบๆไม่หาย ดูท่าว่าความเจ็บปวดจะทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เทปหรือผ้าพันแน่นอน.. อะไรกันนะ.. ทำไมถึงเจ็บอย่างนี้ แค่ขยับเล็กน้อยก็รู้สึกราวกับจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ซ้ำร้ายความหนาวเหน็บก็เริ่มแทรกมาตามอณูผิวกาย ชายหนุ่มในเสื้อผ้าน้อยชิ้นพยายามพลิกตัวไปมาเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตัวเองแต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เขาหายใจสั้นๆเบาๆอย่างอ่อนล้า ทรมานเหลือเกิน..

    ในสถานการณ์ที่เหมือนจะไร้ความหวัง อังกฤษสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายวิญญาณใกล้เข้ามาและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มันพิเศษ แปลก แตกต่างจากเพื่อนๆภูติของเขาโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่ผีหรือภูติ ไม่ใช่นางฟ้าเทวดา ไร้ซึ่งแสงสว่าง หมดแล้วซึ่งความอ่อนโยน มีเพียงความมืดมิดที่เย็นจับใจและความแข็งแกร่ง แข็งกระด้าง ร่างบางที่กึ่งนั่งกึ่งนอนกระสับสายส่ายอยู่ขนลูกวาบทันทีที่เสียเปิดประตูไม้เก่าๆนั่นดังขึ้น เขาทบทวนเรื่องต่างๆของตัวเองและพยายามควบคุมจิตใจไม่ให้เตลิดเปิดเปิงไปมากกว่านี้ คงไม่ใช่ว่าสิ่งที่กำลังเปิดประตูมาจะทำร้ายเขาใช่มั้ย ดวงตาสวยที่รื้นน้ำตาส่ายมองไปรอบตัวเพื่อหาทางหนีทีไล่แต่ใบหน้านิ่งก็ยังคงวางกำแพงป้องกันบางๆไว้เพื่อไม่ให้สิ่งที่กำลังเข้ามารู้ว่าตนกลัวหรือกังวลเพียงใด..

    “รู้สึกตัวแล้วสินะ อาเธอร์..” เจ้าของเสียงแหบต่ำดูไม่เป็นมิตรค่อยๆบรรจงปิดประตูอย่างนุ่มนวลขัดกับน้ำเสียงของตนโดยสิ้นเชิง “ด้ายที่ปากเธอน่ะฉันจะจัดการให้ อย่ากลัวไปเลย ฉันไม่ยอมให้ริมฝีปากนุ่มๆหวานๆของเธอต้องติดเชื้อหรือใช้งานไม่ได้แน่นอน” เขาพูดด้วยเสียงเย็นชาเช่นเดิม ตามมาด้วยเสียงหัวเราะในลำคออย่างสุดแสนจะพอใจ..

    ด้ายงั้นเหรอ.. จะบอกว่าที่ปากของเขาขยับไม่ได้เพราะถูกด้ายเย็บไว้น่ะเหรอ?! ไอ้เจ้านี่มันพวกวิปริตรึไง หรือว่าพวกนักวิทยาศาสตร์ลักลอบทดลองผิดกฎหมาย แล้วไหนจะชื่อนั่นอีก ทุกคนควรจะเรียกท่านอังกฤษผู้นี้ว่าอังกฤษหรือสหราชอาณาจักรสิ หรือจะเติมคำว่า”ผู้ยิ่งใหญ่”ต่อท้ายให้สมกับความแข็งแกร่งก็ดีนะ!

    คนถูกพันธนาการแค้นเคืองอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก เขาคุ้นกับเสียงนี้ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแต่ไม่ใช่เสียทีเดียว นั่นก็แค่เนื้อเสียง แต่โทนเสียงน่ะต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งอารมณ์และวิธีการพูดก็ไม่ใช่เจ้าเด็กไม่รู้จักโตนั่นแน่ๆ แถมกลิ่นอายของเจ้านี่ก็ไม่ใช่มนุษย์หรือจิตวิญญาณของประเทศ อังกฤษพยายามเพ่งมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างพิจารณา นอกจากร่างกายที่เหมือนคล้ายกับมนุษย์แล้วก็ยังมีอวัยวะประหลาดๆอย่างเขา ปีก และท่าทางจะมีหางด้วย.. ถึงเห็นหน้าตาไม่ชัด ถ้าบวกกับพลังเวทย์เหลือล้น และพลังลึกลับในที่แห่งนี้แล้ว ดูท่าว่าเขาจะเจองานหนัก แต่ไม่ทันได้มองจนสาแก่ใจ ไอ้สัตว์ประหลาดนั่นก็เดินออกไปเสียแล้ว เหลือแต่แม่บ้านสาวสวยที่เหมือนมนุษย์ทุกกระเบียดนิ้วแต่พลังของเจ้าหล่อนยังไงๆก็ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา อังกฤษรู้สึกภูมิใจเล็กๆที่ตัวเองฝึกฝนสัมผัสเกี่ยวกับการรับรู้พลังของสิ่งต่างๆรอบตัวมาในระดับหนึ่งจนวิเคราะห์ชนิดของสิ่งลึกลับแบบคร่าวๆได้ แม่บ้านคนนั้นปลดโซ่ ตรวน และดึงด้ายออกรวมทั้งทำแผลให้เขาอย่างเบามือ

    “ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะพาไปห้องรับรองห้องอื่นก่อน พอดีว่าเรื่องนี้ค่อนข้างกะทันหัน.. ” รอยยิ้มเป็นมิตร

                    อีกฟากหนึ่งของประตูบานนั้น ร่างสูงใหญ่หยุดนิ่งฟังเรื่องที่กำลังดำเนินไปในห้อง เขาเหยียดยิ้มก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงเบาราวกระซิบว่า “ในที่สุดก็ได้พบกันอีก อาเธอร์..”



    [1] ห่วงเหล็กใส่ที่ข้อเท้านักโทษไว้ทั้งสองข้างแล้วมีโซ่ล่ามระหว่างห่วง อารมณ์คล้ายๆกุญแจมือแต่ใส่ที่เท้าค่ะ อนึ่ง ของเรามีโซ่ต่อจากห่วงไปคล้องไว้ที่ขาโต๊ะเครื่องแป้งอีกทีด้วยนะ

    ____________________________________________________________________

    แปะครบ100เปอร์แล้วค่า ช่วงนี้งานเยอะพอสมควรเลย โน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าเราก็ดับไปแล้ว ไม่ได้สำรองไฟล์งานไว้ด้วย มานั่งอ่านนั่งบิ๊วท์อารมณ์ นั่งร่างพล็อตใหม่ ฮาาา จะพยายามเกลาภาษาให้ดีขึ้นนะคะ ตอนนี้ยังรู้สึกว่าใช้คำฟุ่มเฟือยไปเยอะ พยายามจะกระชับคำแต่มันก็ดูห้วนไป แย่จริงงง แต่ยังไงก็จะพยายามค่ะ ตอนนี้มีปัญหาเรื่องไทม์ไลน์เรื่องด้วย รู้สึกไม่เอื่อยก็เร็วไป ฮาา 
      
    ป.ล.ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและคำแนะนำของทุกๆท่านจริงๆค่ะ //โค้ง
    [Edit] แก้คำผิดค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×