ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 5 : โต๊ะอาหาร
ฉันเพิ่งกลับถึงด้วยพี่วินมอเตอร์ไซค์เจ้าเดิม แต่แน่นอนว่าหัวฉันก็ฟูเป็นสิงโตอีกรอบ ฉันว่าฉันคงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างแน่ๆ อาจจะเป็นการติดกิ๊บไม่ก็รัดผมไว้ แล้วค่อยจะไปจัดทรงต่อที่ทำงาน แต่ว่าผมสั้นๆประมาณคอของฉันคงจะหาอะไรรัดยากสักหน่อย ไม่เป็นไรไว้ค่อยคิดละกัน วันนี้ฉันค่อนข้างเหนื่อยแล้วหลังจากผ่านเรื่องอะไรมาทั้งวัน ทั้งนายโจที่ฉันตั้งใจว่าคงจะต้องไปขอโทษเขาพรุ่งนี้ ที่ไม่รอเขากลับมาน่ะ และก็เหนื่อยจากการต่อปากต่อคำนายริวด้วย นายนั้นมาว่าจะฉันเตี้ย! คอยดูเถอะฉันจะเอาคืนแน่ๆ!
สักพักฉันก็ลากตัวเองมาอยู่ระเบียงที่ติดอยู่กับห้องนั่งเล่นอีกรอบ สายลมเย็นๆช่วงหัวค่ำนี้ทำให้รู้สึกดีจริงๆนะ กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดนี้มันสุดยอดจริงๆ กับในช่วงเวลาฤดูร้อนแบบนี้ ฉันเอาหมอนออกนอนกลิ้งเกลืออยู่ตรงๆบริเวณระเบียง ในใจคิดว่าที่นี้ดีสุดๆ กลิ่นดอกไม้เบาบางจากบ้านนายริวยิ่งทำให้ฉันเคลิ้มไปกว่าเดิมอีก แถมยุงสักตัวที่จะมารบกวนก็ไม่มีด้วยละ
“กิ๊งก่อง” ไม่ทันจะสิ้นเสียงอะไร มีคนบ้าตัวสูงมารบกวนฉันที่หน้าบ้านแล้ว
“Hey yo” สไตล์ทักทายแบบนี้มีแต่หมอนี้เท่านั้นละ
“มีอะไรฮะ มีอาราย--ย” ฉันลากเสียงยานๆกวนประสาทเขาไป
“คือ…แบบว่า…คือ”หมอนี้เริ่มยืนบิดตัวไปมา นี้มันเด็กสามขวบชัดๆ
“นายจะอ้ำอึ้งทำไมยะ!มีอะไรก็พูดมาฉันกำลังเคลิ้มๆอยู่เลยเนี้ย” ฉันบอกอย่างหงุดหงิดนิดๆ
“คือฉันขอเข้าไปบ้านเธอไปหน่อยได้ม๊ะ” เขาทำเสียงแบบอิดออด
“ห๊ะ!” หมอนี้อยากเข้าบ้านฉันทำไมอะ หรือว่าจะตั้งใจจะทำอะไรฉัน! ไม่ ไม่ ไม่ ใจเย็นๆก่อน ลองถามเหตุผลเขาไปซิ
“ทำไมฉันต้องให้นายเข้าบ้านด้วย”
“คือฉันเป็นประเภทกินข้าวคนเดียวแล้วไม่อร่อยอะ วันนี้ปอจังเขาก็รีบกลับด้วยอะ ฉันเลยต้องมาเก็บร้านคนเดียว แถมไคจูยังซ่อมไม่เสร็จเลยอะ เห็นไหมนิฉันต้องปั่นจักรยานมาจากร้าน ไกลก็ไกลด้วยอ๊ะ” ถึงว่าวันนี้ฉันเลยไม่ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ของหมอนี้ จักรยานของเขาที่จอดหน้าบ้านของฉันนี้มันน่ารักชะมัด ไม่เห็นจะเหมือนมอเตอร์ไซค์โหดๆของหมอนี้เลย เป็นจักรยานแบบพับได้ล้อเล็ก แถมสีเขียวสะท้อนแสงอีกอย่างหาก โหย มองไกลๆนี้นึกว่าแมงทับ
“เรามากินข้าวด้วยกันเถอะนะ” เขายิ้มให้ฉัน
---------------------------------------------------------------------------
สุดท้ายแล้วฉันก็ให้หมอนี้เข้ามาในบ้าน ถึงแม้ว่าฉันจะกังวลนิดหน่อยเพราะฉันอยู่คนเดียว แต่พฤติกรรมหมอนี้และคำบอกเล่าของปอเองมันก็ทำให้ฉันเองรู้สึกมั่นใจระดับหนึ่งละ แต่หมอนี้เดินเข้ามาราวกับบ้านตัวเองแหน่ะ เดินผ่านไปจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องครัว เปิดตู้หยิบชามจานออกมาอย่างระมัดระวัง ที่บอกว่าเคยเป็นลูกมือคุณยายชั้นนั้นคงจะเป็นเรื่องจริงละ สักพักเขาก็นั่งลงที่โต๊ะทานข้าว เริ่มแกะกับข้าวจากถุงพลาสติกออก
“มานี้หลิน มาๆมากินกัน” เขากวักมือเรียกฉันให้เข้าไปร่วมโต๊ะด้วย ความจริงฉันเองก็อิ่มๆอยู่แล้วหลังจากเดินตลาดมาช่วงเย็น แต่ด้วยกลิ่นหอมๆของกับข้าวนั้น ทำให้ฉันรู้สึกท้องว่างอีกแล้ว สุดท้ายฉันก็ลุกขึ้นมานั่งกับเขาแต่โดยดี
“เดี๋ยวๆ นายนี้ ใจคอจะแกะทั้งหมดเลยหรือไง นี้เรากินแค่สองคนนะ” หมอนี้ดูแล้วตั้งท่าจะลงมือแกะถุงกับข้าวทั้งหมด ฉันเลยห้ามไว้ก่อน เพราะดูแล้วหมอนี้ซื้อกับข้าวยังกะจะซื้อมาเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน มีอะไรไม่รู้เป็นสิบอย่างๆ ทำไมหมอซื้อมาเยอะแยะขนาดนี้ทำไมก็ไม่รู้ เอ๊ะ! หรือว่าตามปกติ ริวทานข้าวรวมกันกับคนเยอะๆ แต่ที่ร้านหมอนี้ก็เหมือนไม่มีใครเลยนอกจากปอนินาแต่หมอนี้ก็เหมือนไม่ได้ฟังคำฉันห้าม เขาแกะออกมาหมดเลย แล้วจะกินยังไงหมดเนี้ย ตาบ้า!
“แหะๆ โทษทีวันนี้ฉันลืมตัวไปหน่อย ฉันแค่รู้สึกดีใจน่ะเลยเห็นอะไรน่ากินไปหมด เลยซื้อมา”
“ดีใจเรื่องอะไร ไหนบอกไม่ชอบกินข้าวคนเดียวไงละ” ฉันสงสัย
“ฉันดีใจที่ได้มาทานข้าวร่วมกับเธอน่ะ” เขายิ้มตอบกลับมา ตาบ้า! สำเนียงการพูดที่เล่นที่จริงนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกเขินๆขึ้นมาหน่อย รอยยิ้มนั้นมีเสน่ห์จริงๆนั้นละ แต่หมอนี้รู้ได้ไงว่าฉันจะยอมให้เข้าบ้านมา
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นคนใจดี” เขาพูดขึ้นมาเหมือนจะรู้ความคิดของฉัน ว่าแล้วคนบ้าๆแบบนี้ชอบมีอะไรพิเศษให้แปลกใจตลอด ว่าแล้วฉันก็ไม่รู้ตัวว่าร่วมวงทานข้าวกับหมอนี้ไปตั้งแต่เมื่อไร กับข้าวเป็นสิบๆอย่างนั้นก็แทบใกล้จะหมดแล้วทั้งที่เรามีกันแค่สองคน ฉันกลายเป็นคนกินเก่งขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรนะ? หมอนั้นกินข้าวด้วยความเอร็ดอร่อยจริง ฉันไม่เคยเห็นใครกินข้าวด้วยสีหน้าที่อร่อยแบบนี้ เพราะแบบนี้ละมั้ง ฉันเลยตามน้ำกับเขาไปด้วย
“อิ่มชะมัด ถ้าพรุ่งนี้ฉันน้ำหนักขึ้น นายต้องรับผิดชอบด้วย”
“ต่อให้เธออ้วน ยังไงเธอก็น่ารักอยู่ดีนั้นละ” หืม นอกจากจะบ้าแล้วยังปากหวานด้วยสินะ แต่อย่างว่าละอย่าไปถือสาคนบ้า ยังไงก็คงแค่อยากจะยั่วฉันให้หงุดหงิดเฉยๆละมั้ง
“แล้ววันนี้เธอซื้ออะไรมาจากร้านฉันบ้าง?” เขาพูดต่อ
“อ๋อ ดอกทิวลิปนั้นไง”ฉันชี้ไปยังแจกันสีขาวตรงมุมห้องนั่งเล่นนั้น ดอกไม้สีแดงนั้นตัดกับสีขาวจริงๆ แต่ทว่าพอฉันตอบไปกลับ หมอนี้ทำหน้าตาแปลกๆ เหมือนจะมีอะไรอยากจะพูด แต่พูดไม่ออก แล้วริวเขาก็เงียบเสียงลงไปบรรยากาศของห้องครัวกลับมาอึมครึมอีกครั้งแทนที่จะสนุกสนานตามเดิม
“นายไม่ชอบมันหรือไง?
“ป่าวๆ ฉันชอบๆ สวยดีๆ”
“แล้วเมื่อกี้ นายจะเงียบทำไม”ฉันทำหน้าสงสัย
“อ๋อๆ เปล่าๆ ฉันคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ”เขายิ้มเจื่อนๆ เอาอีกแล้ว หมอนี้ชอบเปลี่ยนอารมณ์อยู่เรื่อยเลยจนตามไม่ทันตลอดเลย แต่ทว่าถ้าให้หมอนี้ดูซึมๆไปมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ หรือว่าจะเป็นเรื่องดอกไม้นี้กันนะ?หรือว่าจะเรื่องอะไรเกิดขึ้น? โอ๊ย ฉันจะทำยังไงดีๆ ฉันเดาไม่ถูกเลยจริงๆ
“เมื่อกี้ฉันแค่คิดถึงไคจูอะ คิดถึงมาก---กก” อ๊ากก—กก ว่าแล้วไอ้บ้านี้ไม่ได้คิดอะไรเยอะแยะ เอาความรู้สึกห่วงใยของฉันเมื่อกี้กลับคืนมาให้หมดเลยนะ นั่งกินข้าวอยู่กับมาเพ้อถึงมอเตอร์ไซค์อีก ในหัวหมอนี้มีแต่เรื่องมอเตอร์ไซค์หรือไงยะ ว่าแล้วริวก็สาธายายสรรพคุณไคจูให้ฉันฟังจนหมดเปลือก ทั้งเรื่องเครื่องยนต์ เรื่องสีรถ เรื่องจิปาถะอะไรมากที่เกี่ยวกับรถหมอนี้ ว่าแล้วไม่มีผิด หมอนี้มันโอตาคุมอเตอร์ไซค์ชัดๆ!
“พอๆเลย หยุดๆ นายจะมาเล่าอะไรให้คนที่ไม่มีมอเตอร์ไซค์อย่างฉันฟังทำไมยะ”
“เอาน่าๆ เดี๋ยวเธอจะชอบไคจูเหมือนที่ฉันชอบเองนั้นละ”
“จะบ้าหรอ ไม่มีทางหรอกยะ”
“เดี๋ยวก็รู้ๆ” เขายิ้มๆอีกครั้ง สาวน้อยบอบบางอย่างฉันไม่คิดหรอกนะว่าจะชอบมอเตอร์ไซค์ยิ่งมอเตอร์ไซค์แบบโหดๆของตาริวนี้ก็ยิ่งจินตนาการไม่ออกเลย ดูยังไงๆมันไม่เข้ากับตัวฉัน แต่ทว่าจริงๆแล้วจะบอกอะไรนู่นนี้ไม่เข้ากับใครนั้นมันคงจะเป็นเรื่องที่โหดร้ายไปหน่อย ดูอย่างหมอนี้ขับรถโหดๆแต่ดันเป็นเจ้าของร้านดอกไม้น่ารักนั้น ฉันว่ารสนิยมมันเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร ถ้าหมอนี้จะชอบอะไร ฉันว่าก็ไม่ควรไปตัดสินใจแทนเขาว่าอะไรดีไม่ดี ถ้าตราบใดมันไม่ได้รบกวนหรือทำลายความสุขของใครสักคน ถ้าอย่างนั้นแล้ว สาวน้อยอย่างฉัน ไม่สิ ไม่ว่าใครก็ตามจะชอบอะไรนั้นคือความสุขของเขา ซึ่งฉันเห็นความสุขนั้นแล้วจากสายตาของริว…
“บางที ฉันอาจจะชอบก็ได้อย่างที่นายว่า” เธอตอบกลับเขาไป
“ห๊ะ!จริงงะ!” เขาทำตามลุกวาวเหมือนกับเด็กน้อยเวลาดีใจสุดขีด
“แค่อาจจะจ้า อาจจะ” ฉันตอบกลับไปยิ้มๆแต่หมอนั้นทำหน้างอนๆ แต่ฉันก็สังเกตว่าหมอนั้นแอบทำหน้าตาดีใจอยู่คงรู้สึกว่าเหมือนมีความหวังละมั้ง
สักพักเขาก็เริ่มเก็บจานไปล้าง ฉันก็พยายามจะช่วยนะ แต่หมอนั้นบอกว่าไม่เป็นไรเพราะวันนี้เขามีความสุข พลางขอบคุณฉันที่ใจดีมายอมทานข้าวกับเขา เขาก็บอกว่าจินตนาการไม่ออกเหมือนกันว่ากับข้าวทั้งหมดนั้นจะหมดได้ยังไงถ้าไม่มีใครมาช่วย สักแปปเดียวหมอนี้ก็ล้างจานหมดอย่างรวดเร็ว ให้ตายสิแถมยังสะอาดแบบสุดๆ จะว่าหมอนี้ก็มีสไตล์แบบพ่อบ้านเหมือนกันนั้นละ ดูแล้วคงไม่เกี่ยงงานบ้านอะไรเลยแถมทำได้ดีอีกตั้งหาก พอล้างจานเสร็จ เขาก็ขอตัวกลับ ฉันเลยมาส่งเขาที่หน้าประตูบ้าน
“วันหลังมาทานด้วยกันอีกนะ”เขายิ้มแป้น
“ก็ได้ แต่นายไม่ต้องตะบี้ตะบันซื้อมาขนาดนี้แล้วนะ วันนี้นายโชคดีไปที่วันนี้ฉันท้องว่าง” ซึ่งความจริงท้องก็ไม่ได้ว่างอะไรขนาดนั้นแต่ไม่รู้ทำไมถึงกินได้เยอะขนาดนั้น
“จ้า ไว้เจอกันนะ” เขาเดินเปิดประตูเข้าบ้านตัวเองไป
ฉันว่าถึงเวลาที่ฉันต้องเข้านอนแล้วละ คงต้องสะสมพลังงานไว้ไปผจญภัยต่อพรุ่งนี้ แต่แค่นึกฉันเองก็รู้สึกๆเศร้าแล้ว ทั้งพี่วินมอเตอร์ไซค์เร็วจี๋ รถเมล์ที่อัดแน่นนั้น พลางนึกถึงว่าถ้าฉันมีรถส่วนตัวก็คงดี แต่ไม่ๆ ฉันเพิ่งเริ่มทำงานยังไม่ได้มีเงินเก็บเยอะแยะมากมายนั้น แถมค่าน้ำมันคงทำให้กระเป๋าฉันแฟ่บแน่ๆ แ
ต่เดี๋ยวนะ ระยะทางจากบ้านไปที่ทำงานก็ไม่ได้ไกลมากเท่าไร ลองเป็นจักรยานอาจจะดีก็ได้ เพราะที่ทำงานฉันก็มีที่จอดจักรยานด้วยละ แถมคนไปจอดก็เยอะแยะ งั้นฉันคงต้องหาจักรยานมาสักคัน เท่าที่จำได้เหมือนฉันเห็นว่ามีร้านขายตรงปากซอย ไว้สักเดือนหน้าไม่ก็วันที่ว่างๆหน่อย หลังจากกลับทำงานฉันว่าควรจะไปหาเวลาไปดูดีกว่า
ต่เดี๋ยวนะ ระยะทางจากบ้านไปที่ทำงานก็ไม่ได้ไกลมากเท่าไร ลองเป็นจักรยานอาจจะดีก็ได้ เพราะที่ทำงานฉันก็มีที่จอดจักรยานด้วยละ แถมคนไปจอดก็เยอะแยะ งั้นฉันคงต้องหาจักรยานมาสักคัน เท่าที่จำได้เหมือนฉันเห็นว่ามีร้านขายตรงปากซอย ไว้สักเดือนหน้าไม่ก็วันที่ว่างๆหน่อย หลังจากกลับทำงานฉันว่าควรจะไปหาเวลาไปดูดีกว่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น